บทที่ ๑๓ เคลื่อนขบวนทัพ ครั้นวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำจะมาถึงอึกสองสามวัน การเฉลิมฉลอง องค์จอมมหาเทพแห่งขุนเขาไกรลาสสรวงสวรรค์ ที่จะเริ่มเฉลิมฉลองงานอย่างมโหฬารยิ่งนั้น ท่านท้าวนิลกาฬ ก็เรียกประชุมเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนเพื่อ ตระเตรียมกำลังความเรียบร้อยพร้อมสำหรับศึกในครั้งนี้ ซึ่งโหราจารย์ท่านอสูรสะหะเนตรโหรประจำพระองค์ ก็ทูลทวายรายงานว่า “อันก่อนวันเพ็ญดิถี ๑๕ ค่ำ ในสองสามเพลานี้ก็จะเป็นวันมหาฤกษ์มงคลยิ่ง เหมาะแก่การทำพิธีมงคลทั้งปวง ด้วยเป็นฤกษ์ยามที่ปลอดโปร่งยิ่งนัก เหมาะสำหรับการประกอบพิธีทั้งหลายตลอด ๑๕ วันต่อจากนี้ไป เพราะอุดมเต็มไปด้วยฤกษ์ยามต่างๆ สมควรเริ่มเสด็จยาตราพยุหะพหลพลไกร ใช้ในการศึกสงครามหรือแม้นพระองค์นั้น จะกระทำการสิ่งใดก็ปราศจากอุปสรรคใดๆทั้งปวง พระเจ้าค่ะ” เมื่อท้าวเธอได้รับฟังท่านอสูรสะหะเนตรโหราจารย์กล่าว ก็ให้สุดแสนจะปิติยินดี จึงรีบมีพระบัญชาให้เหล่าขุนทัพนายกองทั้งหลาย จัดเตรียมเพื่อการศึกครั้งนี้ว่า อีกสองเพลานับจากวันนี้ไปก็จะทำการเคลื่อนพล ไปยังเมืองนาครินทนาครต่อไป และพระองค์ก็ให้จัดทำพระราชสาสน์ไปยังเมืองน้อยใหญ่ทั้งปวง เพื่อทราบถึงหมายกำหนดการเพื่อเตรียมพร้อมเพื่อเข้าร่วมเพื่อการศึกครั้งนี้ ในวันดังกล่าวถึงมหานครนาครินทนาครก่อนหนึ่งวันด้วย เพื่อจะได้ร่วมปรึกษาการศึกสงครามอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเข้าโจมตีพระนคร แล้วพระองค์ก็หันไปถามขุนทหารถึงความพร้อมตลอดจนปัญหาต่างๆ เพื่อแน่ในพระราชหฤทัยแล้วพระองค์ตรัสว่า “ นี่แน่ะ..ท่านสหัสสะขันธ์ รี้พลที่เราให้เตรียมไว้หนึ่งแสนนั้น ได้รับการฝึกฝนจนเชี่ยวชาญครบถ้วนไปเป็นประการใดหรือไม่” “ข้าพระพุทธเจ้า...ได้ตระเตรียมไพร่พลไว้พร้อมเพรียงกันแล้ว พระเจ้าค่ะ” ขุนทหารตอบ “อ้อๆๆ...แล้วท่านนิลพาหุเล่าเป็นประการฉันท์ได้รึ ” ทรงหันมาทางขุนทหารรองแม่ทัพ “ข้าพระพุทธเจ้า ได้ตระเตรียมกำลังพลห้าหมื่นนาย พร้อมฝึกปรือจนเชี่ยวชาญแล้ว พระเจ้าค่ะ” นิลพาหุกล่าวถวายรายงาน “ส่วนท่านวิรุเดชะ คงเตรียมการไว้พร้อมแล้วรึ” “เรียบร้อยตามพระประสงค์ทุกประการ พะย่ะค่ะ ” อสูรวิรุเดชะถวายตอบ “เอาล่ะ เราจะมอบให้ท่านสหัสสะขันธ์เป็นแม่ทัพใหญ่ ส่วนขุนทหารเอกนายทัพนายกองของท่านนั้นให้จัดกำลังพล เป็นปีกทั้งด้านซ้ายขวาเพื่อเข้าโอบล้อมไว้ ส่วนท่านนิลพาหุให้เป็นแม่ทัพหน้า ในการศึกครั้งนี้จัดส่งหน่วยลาดตระเวนเพื่อหลอกล่อข้าศึก ตลอดจนตรวจสอบแนวทางภูมิประเทศแล้วค้นหารายงานข่าวนี้ด้วย อีกทั้งยังเป็นทัพหน้าเข้าต่อกรกับข้าศึกเปิดแนวทางเพื่อแม่ทัพใหญ่จะได้ เข้าโอบล้อมกระหนาบข้าศึกทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ทางท่านอสูรวิรุเดชะให้เป็นแม่ทัพหลังควบคุมดูแลทหารและเสบียงอาวุธ ยุทโธปกรณ์ แล้วคอยจัดหน่วยส่งเสริมคุมแนวด้านหลังทัพไว้ ตลอดจนหาทางหนีทีไล่หากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาได้ เพื่อความไม่ประมาท ส่วนเราจะคุมทัพหลวงคอยบดขยี้เสริมหน่วยเหล่าแม่ทัพทั้งปวง ท่านมีความคิดเห็นอ่านประการใดหรือไม่” จอมอสูรสั่งแก่แม่ทัพนายกองทั้งปวง “การที่พระองค์จะมอบหมายให้เจ้านครต่างๆนั้น เข้าแยกตีเมืองตามทิศต่างโดยมิได้รวบรวมกำลังพลกับเรา ก็จะไกลพระเนตรพระกรรณพระองค์ยากต่อการติดตาม ควบคุมดูและนะพระพุทธเจ้าข้า” อสูรสหัสสะขันธ์ทูลกล่าว ฮาๆๆๆ...การนี้เราก็คิดดั่งท่านอยู่เหมือนกันท่านสหัสสะขันธ์ เพียงแต่ว่าเรามีความคิดเห็นว่า หากนครใดสามารถตีเมืองแตกด้านใด เราก็จะนำทัพหลวงเข้าทางนั้นแล้วเข้าเปิดประตูเมืองรับพวกท่าน ส่วนปัญหาเกี่ยวกับคนของเราเข้าร่วมกับจ้าวนครต่างๆนั้น เพราะเราได้จัดส่งทหารของเราเข้าร่วมรบกับพันธมิตรไว้ด้วยแล้ว คอยควบคุมดูแลจ้าวนครนั้นอยู่ หากทราบผลดีร้ายประการใด ม้าเร็วก็จะรีบส่งข่าวแจ้งให้เราทราบ เพื่อแก้ไขปัญหานั้นๆนะท่าน อีกประการหนึ่งกำลังของนครเหล่านี้ก็จะลดทอนอ่อนกำลังลงหากเข้า เมืองได้แล้วง่ายต่อการควบคุมบัญชา ยิ่งได้น้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว ก็ยากนักที่จะมีข้อต่อรองกับเรา เปรียบเสมือนลูกไก่อยู่ในกำมือของเรา ตามแต่แล้วจะแบ่งปันให้หรือคิดที่จะขัดขืนต่อเรา” ท้าวอสูรทรงแหงนพระพักตร์ทรงพระสรวลลั่น เสียงดังสนั่นไปทั่ว ด้วยพระองค์ทรงเกิดความมั่นใจในความคิดอ่านพระองค์เอง “ในเมื่อเป็นพระประสงค์ของพระองค์เช่นนี้ ข้าพระพุทธเจ้าก็ไม่เห็นไปกว่านี้อีกเพียงแต่กริ่งเกรงว่า เมื่อทางฝ่ายใดที่เข้ายังพระนครแล้วได้น้ำอมฤตมาแล้วก็จะยึดถือ ไว้ในพระราชอำนาจเท่านั้น ยากต่อการควบคุม พระเจ้าข้า” “ท่านมิต้องหวั่นเกรงหรอก เราก็คิดเช่นนี้แล้วเหมือนกัน เพียงแต่เราใฝ่แต่ในองค์หญิงดาริกาและน้ำอมฤตเท่านั้น มิได้สนใจสิ่งใด นอกนั้นข้าก็จะทำลายให้พินาศสิ้น ตลอดบ่อน้ำอมฤตจะได้ไม่มีน้ำอมฤตนี้เพื่อผู้อื่นใดได้อีก ดูซิว่าเหล่าเทวาบนสรวงสวรรค์จะมีร่างกายอมตะอีกต่อไปหรือไม่ และจะไม่มีผู้ใดในนครนี้อีกต่อไป” ท้าวเธอตรัสด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง ครั้นเจ้าเมืองแห่งเหล่านครต่างๆเมื่อได้รับพระราชสาสน์จากกาฬคีรีนคร ที่ส่งมาถึงกำหนดวันนัดหมาย ต่างก็ตระเตรียมรี้พลความเพียบพร้อมต่างๆ คอยกำหนดวันที่จะมาถึงโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อวันที่นัดหมายมาถึง ท่านท้าวนิลกาฬก็ทำพิธีกรรมบวงสรวงต่างๆ เพื่อใช้ในการเดินทัพโดยนำเหล่านักโทษออกมาตัดศีรษะเส้นธงชัยประจำทัพ แล้วนำพหลพลพยุหะเหล่าอสูรทั้งหลาย โดยเสด็จพระราชรถที่เทียมด้วย ม้าเทพยาดาเก้าตัวเคลื่อนไพร่พล กังวานไปด้วยปี่กลองชำนะมโหระทึกสนั่น ลั่นไปทั่ว ทรงนำเสด็จเหาะผ่านล่องลอยไปในอากาศ จนเป็นที่แตกตื่นของ ทวยเทพยาดาทั่วไป ผ่านขุนเขาคีรีน้อยใหญ่ ฝูงสัตว์เล็กน้อยใหญ่แตกตื่น ชุลมุนไปทั่ว ด้วยอำนาจฤทธาของเหล่าพหลพลไกรในพระองค์ท่านท้าว มหาสมุทรสีทันดีซึ่งแม้แต่นกธรรมดาก็ไม่สามารถบินผ่านข้ามได้ แม้แต่ขนนกก็มิอาจจะจมลงสู่ใต้มหาสมุทรนี้ เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาประการ แต่ในการนี้พระองค์ท้าวนิลกาฬกลับนำทัพเป็นจำนวนมากมายมหาศาล ลอยละลิ่วข้ามพ้นสีทันดรมหาสมุทร ล่วงไปทางทิศเหนือเข้าสู่ดินแดนมนุษย์ รอยต่อของสุวรรณภูมิพิภพอันเป็นการต่อเชื่อมระหว่างมนุษย์กับสรวงสวรรค์ ซึ่งมีเทือกเขาเรียงรายล้อมรอบดุจประหนึ่งพญานาคทอดวางขวางกั้นไว้ ทอดลำตัวยาวไปจรดยังมหาสมุทรที่ต่อเชื่อมระหว่างมหาสมุทรต่อมหาสมุทรกัน จนถึงยอดเทือกเขาตะนาวะศรีบรรพตมหาคีรี พระองค์จึงตรัสสั่งให้หยุดทัพ เหาะลงมาเพื่อพำนักยังยอดขุนเขานั้น เพราะพระองค์ทรงเห็นว่าเป็นทำเลชัยภูมิ ที่เหมาะแก่การหยุดพักจัดวางกำลังพล จึงตรัสใช้ให้เหล่าขุนทหารเข้าไป ตรวจสอบเพื่อใช้ในการวางค่ายคูประตูกล เพราะทำเลบนยอดมหาคีรีนี้ สามารถมองลงข้างล่างก็จะเห็นอาณาเขตของนครนาครินทนาคร พร้อม ด้วยพระราชอาณาเขตที่ตั้ง ของมหาปราสาทราชมนเทียรต่างๆกระจ่าง อีกทั้งภาพ ภายในเหล่าอาณาประชาราษฎร์ที่อาศัยทั้งในและนอกบริเวณนั้นๆ ครั้นพระองค์ตรัสสั่งขุนทหารที่เฝ้าดูแลรักษาพระองค์ว่า “นี่แน่ะ..ท่าน จันทะเสน จัดทหารลงไปตรวจสอบบริเวณนี้ ด้วยว่าดีร้ายประการใด แล้วรายงานต่อเราด้วย” “พะย่ะค่ะ” จันทะเสนอสูร น้อมรับพระบัญชา แล้วจึงนำเหล่าทหารจำนวนร้อยนายเหาะลงไปยังยอดมหาคีรี ครั้นยังไม่ทันถึงพื้นดิน พลันก็เกิดเป็นเปลวไฟพวยพุ่งเข้าลุกลาม ใส่ยังทหารเหล่านั้นทันที ทหารเหล่านั้นก็ส่งเสียงเอะอะโวยวาย ต่างหลบหลีกเป็นพัลวัน ฉับพลันก็มีเหล่าปักษีตัวใหญ่เป็นจำนวนมาก ต่างกรีดเสียงร้องโหยหวนพุ่งออกมาจากถ้ำที่อยู่ใต้ภูเขาตะนาวะศรี เข้าโจมตีเหล่าทหารจนส่งเสียงร้องแตกกระจายไปทั่ว ส่วนทหารอสูรพวกหลบหลีกเพลิงไฟขึ้นมาได้ยังมิทันตั้งตัว ก็ยังถูกปักษีใหญ่จิกตีอีก ต่างก็ใช้อาวุธเข้าต่อสู้ทันทีเป็นพัลวัน บ้างก็ถูกตีปีกหักล่วงหล่นไป บ้างก็เข้าจิกตีทหารจนถึงล้มตายไปก็มี เหล่าปักษีนี้จะหาได้เกรงกลัวในอำนาจอสูรก็หาไม่ ที่ตายก็ตายไปส่วนที่ ยังเหลืออยู่ต่างก็เข้าจิกโจมตีต่อมิสิ้นสุดซ้ำยังพุ่งเข้าไปหากองทัพอสูร ที่กำลังเหาะคอยอยู่จนอลหม่านไปทั่วทั้งกองทัพ จนทหารอสูรล้มตายไป เป็นจำนวนมากเนื่องจากปากของปักษีนี้มีพิษอย่างร้ายแรง หากจิกตีถึงเลือด พิษก็จะซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายและตายในทันที เมื่อตกลงมายังพื้นดินก็จะถูก เพลิงกรดเผาผลาญมอดไหม้เป็นจุล แต่ประกายไฟนี้หาได้เป็นอันตรายแก่ เหล่าปักษีเหล่านี้ก็หาไม่ บ้างหลบหนีอาวุธหลบเข้าสู่กองไฟหลีกหนีแล้ว กลับออกมาเข้าโจมตีอีก ฝ่ายนิลพาหุอสูรเห็นรี้พลเสียชีวิตล้มตายเช่นนี้ ก็บังเกิดความโกรธยิ่งนัก จนตาแดงทั้งสองข้าง ตวาดด้วยเสียงอันดัง รีบเหาะลงมาพร้อมล้วงเอาตาข่าย ออกมาร่ายมนต์ขว้างไปยังหมู่เหล่าปักษี ฉับพลัน ตาข่ายก็กลับขยายใหญ่เป็น หลายๆต่อหลายวงลุกโชติช่วงเป็นเปลวไฟเข้าล้อมรอบคลุมเหล่าปักษีจน มอดไหม้ตกตายไปเป็นจำนวนมากภายในตาข่ายเกือบหมดสิ้น บินหลบหนี กลับเข้าสู่โพรงถ้ำใต้ภูเขาทันที สักครู่ใหญ่เหล่าปักษีก็ออกมาอีกต่างพุ่งเข้าจู่โจมทหารอสูรทั้งหลายแต่ มีตัวหนึ่งใหญ่โตมโหฬารบินนำเหล่าปักษีทั้งหลายเข้ามาโดยมิเกรงกลัวตาข่าย ฝ่ายนิลพาหุอสูรเห็นเช่นนั้นก็ทะยานเข้าต่อสู้กับหัวหน้าปักษีใหญ่นี้ทันที ต่างเข้ารบต่อสู้กันเป็นพัลวัน ฝ่ายทางอสูรนิลพาหุใช้กระบองเพชรเข้าหวด กระหน่ำฝ่ายปักษีก็มิเกรงกลัวใช้ปีกกระพือใส่ตบเข้ายังร่างของอสูรพร้อม ปากก็จิก พร้อมเล็บอันแหลมคมประกายสีดำเข้าขย้ำเป็นพัลวัน พิษร้ายมิ สามารถทำอันตรายแก่นิลพาหุอสูรหาได้ไม่ เพียงรอยบาดแผลเต็มไปทั่ว ครั้นการต่อสู้ประชิดกัน นิลพาหุอสูรได้ทีชักมีดเล็กสีดำเข้าแทงอก พญานกด้วยอำนาจของมีดเล็กดำพอเข้าสู่กายพญานกก็พลันขยายใหญ่ บั่นทอนร่างของพญานกฉีกขาดกระจายเลือดสาดไหลนองไปทั่ว เมื่อพญานกถึงกาลอวสานแล้ว เหล่าปักษีทั้งหลายก็รีบหนีจะกลับทันที ท่านจันทะเสนที่ยืนช่วยเหลืออยู่ก็อ้าปากพ่นเป็นเปลวเพลิงเขียวมรกต เข้าทำลายปักษีทันที จนตกตายมอดไหม้เป็นจุลไปเสียสิ้น แล้วเข้าพยุงอสูร นิลพาหุนำกลับมารักษารอยแผลต่างๆทันที ทางด้านสหัสสะขันธ์ เห็นเปลวไฟยังพวยพุ่งมิได้ขาดหายไป ก็หยิบเอา น้ำเต้าขึ้นพนมมือร่ายเวทย์มนต์ขว้างออกไป พลันน้ำเต้าก็ขยายตัวใหญ่ แล้วพวยพุ่งน้ำเข้าดับเพลิงเหล่านั้นจดมอดสนิทเสียสิ้น เหล่าทหารทั้งหลายก็ช่วยกันพยุงพวกที่ได้รับบาดเจ็บเข้าไปทำการรักษาตัว ส่วนที่เหลือก็ต่างเข้าตรวจสอบสถานที่ ซึ่งเป็นบริเวณราบกว้างใหญ่แล้วรายงานต่อไป....
ภาพประกอบทั้งหมดนี้เป็นของท่าน เจ้าหญิงเฌอมาลย์ขอรับท่าน แก้วประเสริฐ.
12 พฤศจิกายน 2549 22:06 น. - comment id 93566
คุณชาย......ชื่อตัวละครมีคำแปลมั้ย?'' ยายแม่มดหาคำแปลม่ายเจอค่ะ...... ...........
13 พฤศจิกายน 2549 15:21 น. - comment id 93582
คุณ ยายแม่มด อ้าวๆๆๆก็มีฤทธิ์เดชเวทย์มนต์มากมิใช่หรือ ลองตรวจสอบดวงแก้ววิเศษซิจ๊ะ ยังไงๆก็ไม่เจอจ๊ะ เพราะชื่อในตัวละครนี้มันเกิดจากการคิดของผม ทั้งสิ้นบางทีก็มีคำแปลบางทีก็บ่อมีจ๊ะ สร้างสรรค์แต่ง ขึ้นมาเองทั้งสิ้นอย่าไปหาเลยปวดเฮดเปล่าๆเน๊อะ อ่านๆไปติดตามไปให้สนุกสนานก็เพียงพอแล้วจ้า อิอิ..เจ้าหญิงผู้ทรงโสภา แก้วประเสริฐ.
13 พฤศจิกายน 2549 15:34 น. - comment id 93583
ขอเสกเป่ามนตรามหาเสน่ห์ ให้คุณชายคนเท่สุขสุขขี สุขภาพแข็งแรงไม่มี..... อุ้ย...ว่าคาถาผิด เอาไหม่นะ.. ให้สุขภาพแข็งแรงดี มีความสุขทุกทิวาราตีกาล......คาราวะท่านผู้เฒ่าจ้าวเสน่ห์
13 พฤศจิกายน 2549 15:38 น. - comment id 93584
มาก่อกวนให้ยิ้มเจ้าค่ะ...... ขออภัยนะเจ้าคะ
13 พฤศจิกายน 2549 17:42 น. - comment id 93587
มาชื่นชมค่ะ
13 พฤศจิกายน 2549 19:27 น. - comment id 93591
ตามมาอ่านค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งเพลิน
13 พฤศจิกายน 2549 21:01 น. - comment id 93610
คุณ กันมัทรี เสียงร่ำร้องก้องมนต์เข้าดลจิต สำเนียงปลิดหัวใจแทบให้สลาย มนต์เสน่หาตราตรึงซึ้งให้ตลึงกาย หวั่นฤทัยใครหนอร่ำแล้วพร่ำมนต์ ชะแง้ชะเง้อเผลอหวั่นจนพรั่นคิด ซาบซึ้งจิตติดมนต์ระคนสน พลังกายให้พล่านดั่งประสานตน ความมืดมนพลิกฟื้นกลับคืนพลัง.. ขอบใจมากครับ อิอิ แก้วประเสริฐ.
13 พฤศจิกายน 2549 21:03 น. - comment id 93611
%36 คุณ กันมัทรี ไม่เป็นไรหรอกครับเราพี่น้องร่วมสำนักเดียวกัน ย่อมมีการกระเซ้าเย้าแหย่ย่อมสร้างความสุขสันต์ บันเทิงยิ่งนักครับ แล้วแวะมาอ่านมาแซวกันได้ นะครับเชิญเลยครับ ขอบคุณมากๆ แก้วประเสริฐ.
13 พฤศจิกายน 2549 21:06 น. - comment id 93612
คุณ เจ้าหญิงเฌอมาลย์ ขอบพระทัยเจ้าหญิงมากขอรับ อิอิ อย่าโกรธ กันนะครับผมแต่งตั้งเป็นเจ้าหญิงไปแล้วครับ เป็นเทพธิดาอัปสรด้วยคอยตามนะครับแล้วจะ ทราบเองครับอีกไม่กี่ตอนก็จะถึงครับ แก้วประเสริฐ.
13 พฤศจิกายน 2549 21:08 น. - comment id 93613
คุณ สุชาดา โมรา ขอบคุณครับสำหรับคุณมากที่นักเขียนยอดเยี่ยม ได้ให้เกียรติมาคอมเม้นท์งานผมครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
13 พฤศจิกายน 2549 23:46 น. - comment id 93630
คุณ เจ้าหญิงเฌอมาลย์ ไม่หรอกครับผมทำ โฟลเดอร์ เฉพาะภาพเทพนิยาย เก็บไว้เฉพาะ เวลาคุณให้มาผมก็เก็บไว้โดยเฉพาะ ครับผมเองก็ไม่ได้ตรวจสอบเสียด้วย ไม่เป็นไรครับ หากได้มาดีกว่าไม่ได้ครับ ขอบคุณเจ้าหญิงมากครับ แก้วประเสริฐ.
13 พฤศจิกายน 2549 23:53 น. - comment id 93632
เอ้า..คุณชาย...ของยายแม่มดนอนดึกจังนะเจ้าคะ........
14 พฤศจิกายน 2549 10:38 น. - comment id 93650
คุณ ยายแม่มดเจ้าเสน่ห์ จ้า...เพราะกลางคืนอากาศเย็นสบายเหมาะ แก่การขีดเขียน สงบเงียบปราศจากสิ่งรบกวนทำ ให้เกิดมโนภาพขึ้นได้อย่างมากมาย เป็นการสร้าง มโนภาพของเรื่องทัศยุราชันย์ได้อักโขเชียวแหละ บางครั้งก็เขียนเรื่องลงในคอมเก็บไว้ บางทีก็เป็น การทบทวนการเขียน และใช้ในการนึกฝันสร้าง มโนภาพไว้เขียนต่อ จะสลับไปมาอย่างนี้ แต่ส่วนมาก ผมจะเขียนเรื่องตอนราวบ่ายๆสองสามโมงนี่ แหละเป็นส่วนมาก เพราะแถวที่ผมอยู่เงียบ สงบดีแท้ครับ เดี๋ยวนี้จึงนอนดึกๆไปหลับราว ประมาณตอนตีสองหรือสามนี่แหละครับ คุณชายของผู้ที่มีเสน่ห์น่าสงสารไหมครับ แก้วประเสริฐ.
14 พฤศจิกายน 2549 11:22 น. - comment id 93652
น่าอิจฉาเจ้าค่ะ .....ได้ทำสิ่งที่คุณชาย...รัก% 16% .......ทานน้ำอุทกอุ่นนะคะ แก้หวัด
14 พฤศจิกายน 2549 15:52 น. - comment id 93657
คุณ ยายแม่มดเจ้าเสน่ห์ ขอบใจมากเลยจ้า วันๆตอนนี้ไม่ได้ทำอะไร นอกจากนั่งคิดนอนคิดถึงเรื่องนี้ในตอนต่อไป เรื่อยๆ มันก็สนุกในอารมณ์ เขียนแล้วมาอ่านต่อ อ่านแล้วไม่ถูกใจก็แต่งเพิ่ม โอ้ยสนุกๆนะสนุก แต่ก็เปลืองสมองมากเหมือนกัน พออารมณ์ชะงัก ก็หยุดแต่ง พอเริ่มต้นแต่งก็ต้องย้อนกลับไปอ่าน ใหม่ เป็นอย่างนี้แหละเจ้าหญิง เลยไม่รู้อ่านกัน ไปกี่รอบแล้วล่ะ ปรึกษาคนอื่นเข้าก็หัวร่อ หาว่าผมมันบ้าๆ เขียนอะไรไม่เขียนเชอะ เสือกมาเขียนเทพนิยาย อ้ายผมรึ มานั่ง คิดดูมันคงจะบ้าจริงๆอย่างเข้าว่านะ ฮ่าๆๆๆ แก้วประเสริฐ.
17 พฤศจิกายน 2549 13:32 น. - comment id 93715
เวปไซน์นี้น่าสนใจดีนะค่ะ http://enajosus.notlong.com
17 พฤศจิกายน 2549 14:36 น. - comment id 93721
คุณ แพรว ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.