บทที่ ๑๐ ปทุมวดีมณีกานต์ ทางด้านของเมืองรัตนานคร ที่เป็นแคว้นกึ่งมนุษย์กึ่งคนธรรพ์ ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับเชิงเขาไกรลาส ไปในทางด้านทิศตะวันออก ติดกับอาณาเขตของท่านท้าวธตรฐมหาราชอยู่ในความปกครองดูแลของ ท่านท้าวธตรฐมหาราช ทางด้านเหนืออาณาเขตติดต่อกับสุวรรณนครของท่านท้าวพิณทุบดีจ้าวแห่งคนธรรพ์ ทางด้านทิศใต้อาณาเขตติดต่อกับท่านท้าวเวนไตยจอมพระยาครุฑแห่งป่าไม้งิ้วลาย ทางทิศตะวันตกติดอาณาเขตของท่านท้าวนาคะเสนผู้ควบคุมดูแลนาคทั้งปวง แห่งมหาสมุทรสีทันดร ซึ่งทั้งหมดนี้มีสันถวไมตรีดียิ่ง ไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันตลอด และส่งเครื่องราชบรรณาการแลกเปลี่ยนกันประจำทุกๆปี อันเมืองรัตนานครนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ราชบุตรท่านท้าวคนธรรพ์ เกิดรักใคร่ชอบพอกันกับอิสตรีมนุษย์เจ้าหญิงแห่งตักกะนคร ตลอดจนพระองค์ทรงอภิเษกสมรส ณ เมืองตักกะนครมิได้ทูลให้ท้าวเธอทรงทราบ เสร็จแล้วจึงทรงนำกลับนครคนธรรพ์ จนเป็นที่กล่าวขานของเหล่าชาวคนธรรพ์นคร จึงทรงพระระคายเคืองยิ่งนักจนทรงพระพิโรธของพระราชบิดาอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงได้ทูลลาพระราชบิดาไปสร้างนครใหม่โดยนำเหล่าขุนทหารสนมกำนัล ตลอดจนชาวคนธรรพ์ทั้งปวงที่จงรักภักดีต่อท่านท้าวเธอ เสด็จดำเนินออกจากเมือง เหาะเหิรไปในทางอากาศและเมื่อเห็นที่เป็นชัยภูมิมงคลดี ทำเลเหมาะสมงดงามเป็นที่สมควรจะจัดตั้งนครใหม่ได้ พระองค์จึงทรงนำเหล่าผู้ภักดีเหาะลงมา ซึ่งชัยภูมิแห่งนี้เป็นที่สวยงามมีบริเวณที่ประกอบ ไปด้วยสิ่งมงคลหลายๆประการมีบริเวณน้ำใสสะอาดกว้างใหญ่เรียงรายรอบล้อม ไปด้วยพฤกษานานาพันธุ์ตลอด ฝูงปลานานาชนิดหลากสีสันพากันว่ายไปมา ด้านข้างเต็มไปด้วยขุนเขาน้อยใหญ่เป็นเกราะแก้วกำบัง อีกทั้งภายในหุบเป็นบริเวณที่เต็มไปด้วยพฤกษานานาพันธุ์ส่งกลิ่นหอมขจรขจายไปทั่ว ตลอดจนสัตว์น้อยใหญ่มากมายหลายๆชนิด ทั้งราชสีห์คชสีห์ กินนร กินนรี ตลอดจนต้นไม้มักกะลีผล จึงกะเกณฑ์เจ้าหน้าที่ที่ชำนาญในด้านก่อสร้างระดมกำลังเข้าจัดการสร้างเมืองใหม่ เมื่อทรงสร้างเมืองเสร็จแล้วก็จัดระเบียบการปกครองขึ้นมาใหม่ พระองค์ทรงวางระเบียบทั้งภายนอกและภายในขึ้น โดยจัดตั้งเหล่าขุนทหารรวมทั้งพลเรือนให้ดูแลควบคุมเหล่าอาณาประชาราช ตลอดจนการเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเหล่านครต่างเมืองรอบข้าง พัฒนาสร้างอาณาเขตจนรุ่งเรืองไพศาล แต่ก็ยังส่งเครื่องราชบรรณการให้กับเสด็จพ่อทุกๆปี จวบจนเสด็จสวรรคต เมื่อสืบทอดมานานๆก็หยุดงดส่งเครื่องราชบรรณาการ แต่ก็ยังเสด็จไปเยี่ยมเยียนไปมาหาสู่เป็นนิจสินมิได้ขาด ฉะนั้นนครรัตนาแห่งนี้จึงเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งเทพคนธรรพ์ ที่สืบเชื้อสายระหว่างมนุษย์และคนธรรพ์ ซึ่งชาวประชาพารามีรูปร่างทรวดทรงงดงาม ประกอบมีเลือดเนื้อเยี่ยงมนุษย์ทั้งหลาย และยังเป็นกึ่งเทพคนธรรพ์อยู่ ต่างมีทรงฤทธิ์เดชาเสมือนเทพทั้งหลาย ลักษณะ คล้ายๆกับนครนาครินทนาครที่มีลักษณะเดียวกัน กาลครั้งนี้จึงเป็นที่เลืองลือขจรขจายไปทั่วทั้งเหล่าเทพยาดา ยักษ์ อสูร ครุฑ วิทยาธร และคนธรรพ์ทั่วๆไป จวบจนสืบทอดราชสมบัติตกทอดมาถึงท่านท้าวทศราช และตกทอดมายังเจ้าหญิงมณีกานต์เจ้าหญิงปทุมวดี เนื่องจากกริ่งเกรงภัยอันอาจจะเกิดกับพระธิดาทั้งสองของพระองค์ จึงยกพระธิดาทั้งสองพระองค์ให้แก่ทัศยุราชันย์กษัตริย์แห่งแคว้นนาครินทนาคร ซึ่งมีเชื้อสายลักษณะคล้ายกับเมืองของพระองค์ กึ่งเทพกึ่งมนุษย์ ทรงป้องกันการสู่ขอและรุกรานจากนครต่างๆทั้งหลาย เพื่อจะได้ไม่วุ่นวายต่อไปในกาลหน้า ตลอดจนภัยพิบัติเกิดจากการแก่งแย่งชิงดีกันจากเทพยาดา ยักษ์ อสูร ตลอดจนเหล่าวิทยาธรคนธรรพ์ และนครอื่นทั้งใกล้และไกล ในเมื่อทราบว่าเจ้าหญิงทั้งสองตกเป็นชายาของทัศยุราชันย์เสียแล้ว ข่าวร่ำลือก็ค่อยๆจางหายไปในที่สุด เป็นที่ทรงสบายพระราชหฤทัยของพระองค์ ภายหลังที่เจ้าหญิงมณีกานต์เถลิงถวัลย์ราชสมบัติราชธานีแล้ว ก็ทรงโปรดจัดการวางระเบียบเสริมการปกครองขึ้นใหม่ ตลอดจนทั้งฝ่ายพลเรือนและทางทหาร แบ่งขยายแยกกองทัพขึ้นมาใหม่ โดยให้เจ้าหญิงปทุมวดีพระขนิษฐาควบคุมดูแลบัญชาการทางด้านทหาร ฝึกหัดอาวุธยุทโธปกรณ์ตลอดจนวิทยาอาคมต่างๆทั้งทางไสยเวทย์มนต์คาถา ส่วนพระองค์เองก็ควบคุมดูแลทางด้านฝ่ายพลเรือนจัดวางระเบียบต่างๆ เพิ่มเติมขึ้น ให้เหล่าข้าราชบริพารฝ่ายพลเรือนเข้าตรวจสอบเยี่ยมเยียนชาวประชามิได้ทอดทิ้ง หากมีปัญหาใดๆมิอาจแก้ไขได้ให้รีบรายงานต่อพระองค์ทันที เพื่อจะได้จัดหาทางช่วยเหลือต่อไปมิให้เดือนร้อนแก่เหล่าประชาราษฎร์ต่อไป ทรงปรึกษากับพระขนิษฐาร่วมกันจัดตั้งกองทหารหญิงขึ้นมาใหม่ อันทรงความคิดอ่านนี้พระองค์นำแนวนี้มาจากเจ้าหญิงดาริกาพระสหายรัก ซึ่งร่วมพระสวามีเดียวกันก่อนที่องค์พระสวามีจะทรงสิ้นพระชนม์ไป แล้วจึงทรงจัดการฝึกปรือตำหรับพิชัยสงคราม อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนวิทยาอาคมลี้ลับต่างๆทั้งทางไสยเวทย์จนเชี่ยวชาญทำได้ดั่งใจนึกปรารถนา ให้แก่กองทหารหญิงของพระองค์โดยเฉพาะเป็นพิเศษ ทั้งนี้การนี้โดยเฉพาะทั้งสองพระองค์ใช้เป็นเกราะกำบังพระองค์เอง ที่เป็นอิสตรี เพื่อจะให้เป็นน้ำหนักดุลยถ่วงซึ่งกันและกันต่อไปในกาลข้างหน้า และทั้งเป็นการป้องกันทหารฝ่ายชายตลอดจนมุขอำมาตย์มนตรี มิให้กำเริบสืบสานเป็นภัยต่อราชบัลลังก์ เนื่องจากทรงเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นอิสตรี การครอบครองนครนี้จะขาดความเชื่อถือของเหล่ามุขอำมาตย์ทั่วๆไป และเป็นบ่อเกิดของความแตกแยกระส่ำระสายจะเป็นที่เดือนร้อน วงศาคณาญาติของพระองค์และเของเหล่าอาณาประชาราษฎร์ขึ้นได้ ดังนั้นราชตำหนักฝ่ายในจึงประกอบไปด้วยทหารหญิงของพระองค์โดยทั้งสิ้น ทำหน้าที่ตรวจสอบดูแลเพื่ออารักษ์ขาตลอดทั้งทิวาราตรี อันทหารทหารหญิงนี้พระองค์ทั้งสองได้ทรงคัดเลือกเฉพาะการนี้โดยพิเศษ จากเหล่าหญิงที่รับการฝึกปรือมาจากสำนักศิลปวิทยาอาคมต่างๆทั้งในเมืองและนอกเมือง และก็ประกอบไปด้วยเหล่ากุลธิดาของแม่ทัพนายกองและมุขอำมาตย์ข้าราชบริพาร ที่มีแนวโน้มซื่อสัตย์สุจริตทั้งหลายและหญิงชาวเมืองที่พระองค์ทรงพบเห็นมา ล้วนเป็นสาวโสดทั้งสิ้นทุกๆคนต่างต้องพักอยู่แต่ในตำหนักจะออกไปที่อื่นหาได้ ไม่ เว้นแต่พระองค์จะทรงพระบัญชาใช้ในกรณีจำเป็นต้องออกไป จากนอกพระตำหนักเท่านั้น หรือทำหน้าที่สอดส่องความเป็นไปของเหล่าอำมาตย์ แต่ก็เป็นหลักในการปกครองแผ่นดินซึ่งเป็นกุศโลบายประการหนึ่งของพระองค์ ฉะนั้นจึงเป็นที่ครั่นคร้ามเกรงขามของเหล่าทหารมุขอำมาตย์โดยทั่วไป โดยเฉพาะทหารหญิงในพระองค์เอง ซึ่งต่างก็ทราบดีว่าทหารหญิงเหล่านี้ ต่างก็เป็นพระเนตรพระกรรณขององค์เจ้าเหนือหัวของตนทั้งสิ้น ส่วนการแต่งกายนั้นก็เสมือนๆกับทหารชายโดยทั่วไปทั้งเครื่องแบบและยศศักดิ์ จะผิดแผกก็ตรงที่เสื้อผ้ารัดรูปกว่าและดูจะอรชรอ้อนแอ้น แต่ก็เป็นที่พึงพอใจ ของเหล่าทหารชายจึงพากันให้เกียรติและทะนุถนอมนาง เปรียบประดุจนางในดวงใจของเหล่าทหารชายทั้งสิ้น โดยมิกล้าบังอาจละลาบละล้วงด้วยวาจาที่ไม่เหมาะสม เพราะต่างถือว่าเป็นทหารหญิงเหล่านี้เป็นไม้งามที่ใช้ประดับ เป็นหน้าเป็นตาบ้านเมืองและเหล่าอาณาเขตแคว้นต่างเมืองทั่วๆไป ฉะนั้นจึงได้รับการยกย่องโดยดุษฎีภาพจากเหล่าทหารหาญและเจ้านายชั้นสูง ทำให้การปกครองดูง่ายและไม่เป็นปัญหาเกิดตามมาตามที่พระองค์คาดคำนวณไว้ ฉะนั้นจึงมีเหล่าหญิงที่มีความต้องการจะเป็นทหารหญิงในพระองค์เพิ่มมากขึ้น เพราะนอกจากจะมีเกียรติยศแล้วยังเป็นที่โปรดปรานขององค์เจ้าเหนือหัว แต่พระองค์ก็มิได้ตรัสเรียกเพิ่มเติมอีกนอกจากทหารหญิง ที่พระองค์ทรงฝึกปรือไว้แล้วเท่านั้น เพราะมิฉะนั้นความลับอีกต่อไป ที่พระองค์ทั้งสองทรงวางไว้โดยจัดตั้งกองกำลังลับสุ่มซ้อมฝึกปรือขึ้นกองหนึ่ง โดยเฉพาะทั้งชายและหญิง ซึ่งจะเข้าร่วมรบกับนาครินทนาครพระสวามีของพระองค์ เมื่อหากมีภัยในภายหน้าจะได้จัดกำลังส่งเข้าช่วยเหลือต่อไป กองกำลังนี้มีความสามารถ เหนือล้ำกว่าทหารหญิงชายในนครเสียอีก เพราะพระองค์คัดเลือกอีกเป็นพิเศษจากทหารหญิงและชายอีกครั้งหนึ่ง นอกจากจะฝึกปรือวิชาการต่างๆทุกประการแล้วยังได้รับผลไม้ทิพย์และน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์ ที่เจ้าหญิงทั้งสองทรงขอต่อท่านมหาราชครูนำมายังนครนี้ให้ได้รับดื่มกินทุกๆคน ฉะนั้นร่างกายของทหารหน่วยนี้จึงเปรียบเสมือนอมตะ ยากยิ่งที่อาวุธทั้งปวงจะกร่ำกรายได้ พระองค์มิได้แพ่งพรายให้ผู้ใดรู้นอกเสียจาก มหาราชครูสิริปัญญาแห่งนครนาครินทนาครและพระสหายรักเจ้าหญิงดาริกาเท่านั้น การครั้งนี้เป็นแนวความคิดร่วมกันระหว่างเจ้าหญิงทั้งสามพระองค์เพื่อป้องกันเหตุร้าย อันรัตนานครนี้อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญหารมากมาย ตลอดจนหญิงงามมากมายเกือบจะทุกๆคนไปทั้งชายและหญิง ตลอดจนสถานที่ท่องเที่ยวลือไปจนกระทั่งยังเมืองกาฬคีรี แต่ท่านท้าวนิลกาฬมิกล้าเข้ามารุกรานเพราะเกรงท่านท้าวธตรฐมหาราช ซึ่งปกครองควบคุมดูแลนครรัตนานี้อยู่ หากพลาดพลั้งผิดไปก็จะเหมือนเก่า อีกทั้งนครรัตนานี้ประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามนัก มีสิ่งท่องเที่ยวเหมือนป่าหิมพานต์ทุกประการ ซึ่งประกอบไปด้วยหญิงงามตลอดจนอัธยาศัยของชาวเมืองดียิ่งนัก ทั้งๆที่ท่านท้าวนิลกาฬมีความพระประสงค์อย่างมากร่ำร้องต่อเสนาอำมาตย์เนืองๆ เพียงรอจังหวะที่จะเข้ายึดครองเท่านั้น นครรัตนามีท่านปุโรหิตหิตตายะเป็นผู้ให้คำปรึกษาข้อราชการ เอกอัครมหาเสนาบดีฝ่ายทหารโดยมีท่านสุระบดินทร์เป็นผู้ควบคุมทหารชาย เอกอัครมหาเสนาบดีฝ่ายพลเรือน ท่านสิทธิยะธรรมเป็นผู้ควบคุมดูแลข้าราชการทั้งปวง ทหารเอกมี สินธุกาฬ วารินสีห์ สุทธิราช และ คิมหันต์ เป็นแม่ทัพคอยดูแล รักษาประตูเมืองทั้งสี่ด้านของนครรัตนา มีฤทธิ์เดชมากหลายประการ อีกทั้งเชี่ยวชาญทั้งพิชัยสงครามต่างๆตลอดจนเวทย์มนต์คาถาอาคม ทางด้านทหารหญิงมีผู้ควบคุมดูแลได้แก่ เกศแก้ว ปิ่นมณี ศรีสวรรค์ และ นิรชา แบ่งแยกเป็นสี่กอง ควบคุมดูแลพระมหาราชปราสาทปราสาทน้อยใหญ่ และตำหนักต่างๆ ทั้งสี่ด้านเช่นกัน การดูแลทหารหญิงและชายนี้เจ้าหญิงปทุมวดีเป็นผู้ควบคุมบัญชาโดยตรงของพระองค์ ส่วนทางทหารชายหญิงพิเศษนี้ มี วิชชุเมฆานเป็นผู้ผู้ควบคุมดูแล ภายในหุบเขาโลหะเจือศรีคีรี อยู่ภายในใต้ของขุนเขาหลบซ่อนเร้นไว้ มีพระยาราชสีห์และพระยา คชสีห์เป็นผู้เฝ้ารักษามิให้ใครเข้าออกเด็ดขาด นอกจากจะมีคำสั่งพระแม่เจ้ามาแสดงเท่านั้น ส่วนเจ้าหญิงทั้งสองต่างมีอาวุธวิเศษประจำกายทุกองค์ เจ้าหญิงมณีกานต์ มีลูกแก้ววิเศษเจ็ดสีเจ็ดแสงและคทาแก้วเป็นอาวุธประจำตัว ส่วนเจ้าหญิงปทุมวดี มีขลุ่ยแก้ว ดวงแก้ว และกำไลแก้ว ต่างเป็นของวิเศษ อาวุธเหล่านี้มีฤทธิ์เดชเดชานับประการ ปรับเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อม เข้าทำลายล้างปัจจามิตรทั้งหลายให้พินาศเป็นจุลไปได้ยากจะหาอาวุธใดเทียบ เป็นอาวุธประจำพระองค์ ต่างได้รับพระราชทานจากจอมมหาเทพแห่งเขาไกรลาส และพระแม่เจ้าอุมาเทวีพระมเหสีของจอมเขาไกรลาส พระราชทานจากพระนารายณ์เจ้าแห่งบาดาล และท่านท้าวธตรฐมหาราช ตั้งแต่พระองค์ทั้งสองเมื่อครั้งประสูติกาลแก่ท่านท้าวทศราชไว้ ซึ่งพระองค์ทั้งสองพกติดพระวรกายเสมอมิให้ห่างพระองค์แม้แต่น้อย มีพระยาราชสีห์และพระยา คชสีเป็นพระราชพาหนะส่วนพระองค์ทั้งสอง ตั้งแต่เจ้าหญิงมณีกานต์ปกครองเมืองรัตนานครก็ประสพความรุ่งเรืองขจรขจาย ไปทั่วต่างนคร จนเป็นที่เลืองลือและต่างก็พากันมาท่องเที่ยวชมความงามยามผ่านทาง ของเหล่าเทพยาดา ยักษ์ อสูร วิทยาธรคนธรรพ์ทั้งหลาย เพียงผู้ผ่านมาท่องเที่ยวจะเห็นก็เพียงแต่ทหารชายหาได้เห็นทหารหญิง ตามคำร่ำลือว่ามีความสวยงามกว่าทหารชายมากนักก็หาไม่ ฉะนั้นทหารหญิงของนครรัตนาจึงเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่วในรูปแบบต่างๆ ทุกๆคนพยายามอย่างยิ่งที่จะหาทางพบทหารหญิงเพื่อทัศนาถึงความสง่างดงาม เพื่อที่จะได้ไปเล่าขานอวดอ้างตนว่าได้มาพบเห็นหญิงงามเหล่านี้แล้วเล่าสืบ ต่อๆไป แต่ก็ไม่สามารถจะผ่านความตรวจเข้มรักษาไปได้ ยิ่งนานวันๆเข้าก็ยิ่งเต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวชมความงามนครรัตนามากขึ้น ดังนั้นเพื่อขจัดการสร้างปัญหาขึ้น จนถึงกับต้องวางกฎระเบียบใหม่ โดยให้พวกนักท่องเที่ยวไปท่องเที่ยวได้นอกเมืองยังสถานที่ ที่มีลักษณะคล้ายป่าหิมพานต์เท่านั้น ส่วนต้นมักกะลีผล อันมีผลไม้เป็นรูปสาวงามเปลือยเปล่าก็ถูกจัดเฝ้าดูแลรักษาไว้ ให้พ้นจาก เทวา ครุฑ ยักษ์ อสูร วิทยาธรคนธรรพ์อย่างใกล้ชิด ห้ามผู้หนึ่งผู้ใดที่มาเที่ยวชมป่าน้อยหิมพานต์นี้ได้เข้าเก็บเชยชมผลได้เป็นอันขาด ส่วนภายในเมืองก็จัดไว้ในสำหรับแขกบ้านแขกเมือง ที่มาติดต่อข้อราชการเท่านั้น หรือมาแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ปัญหาเมืองค่อยๆหมดไปด้วยการอยู่อย่างสันติสุขสืบมา
ภาพประกอบบน เป็นเจ้าหญิงมณีกานต์ ภาพประกอบล่าง เป็นเจ้าหญิงปทุมวดี ภาพทั้งหมดนี้เป็นของ คุณเฌอมาลย์ ขอรับท่าน....แก้วประเสริฐ.
8 พฤศจิกายน 2549 14:10 น. - comment id 93458
โอย คุณลุง เจ้าหญิงมณีกานต์เก่งจังเลยนะคะ ปกครองเมืองก็เก่งมีอาวุธวิเศษด้วยค่ะ ว่าแต่เจ้าหญิงปทุมวดี น้องของเจ้าหญิงมณีกานต์ไปไหนน้าวันนี้
8 พฤศจิกายน 2549 14:40 น. - comment id 93462
คาระวะท่านพี่มณีกาต์เพคะ......... ชอบที่สุดเลย..ปทุมวดี...กระซิบเจ้าชายชรานะคะว่า...นี่ค่ะนิสัยยายแม่มดเลยค่ะรักจัง
8 พฤศจิกายน 2549 15:06 น. - comment id 93472
เฌอามลย์ ...ปทุมวดีสวยได้ขนาดนี้ เพราะได้เฌอมาลย์...นะคะ ขออนุญาตเจ้าของก่อนนะคะเจ้าชาย.... ....ขอบคุณนะคะ.......
8 พฤศจิกายน 2549 15:10 น. - comment id 93474
คาระวะเจ้าชายเพคะ......
9 พฤศจิกายน 2549 08:48 น. - comment id 93491
คุณ เพียงพลิ้ว เป็นธรรมดาคนเขียนก็ต้องให้เก่งกาจจริงๆ มิฉะนั้นจะปกครองบ้านเมืองอย่างไรเล่าจ๊ะ ก็ต้องมี นโยบายพิเศษขึ้น ปกติกานต์ของลุงก็เก่งอยู่แล้ว นี่นาถึงผสมผสานเป็นเจ้าหญิงมณีกานต์ได้ อิอิ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2549 08:52 น. - comment id 93492
คุณ เฌอมาลย์ สวัสดีครับ ดีใจมากที่ไม่ทิ้งผมครับยังเอา ภาพมาให้ผมก็เก็บไว้หมด ว่าจะทะยอยๆส่งทั้งภาพ ที่ส่งได้นะครับส่วนภาพไหวนั้นมันเกินขนาดไปแล้ว บ้างเกินน้ำหนัก ครั้นเอามาแปลงก็เป็นหลายๆ ภาพซ้อนกันขาดความสวยงามไม่เป็นไปตาม เจตนาครับ เลยต้องเสียเวลาหน่อยแต่ได้สิ่งดีๆ และไม่หักน้ำใจกันและกันครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2549 08:55 น. - comment id 93493
คุณ ปทุมวดี หามิได้มิเป็นไรขอรับ แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2549 08:58 น. - comment id 93494
คุณ ยายแม่มดเจ้าเสน่ห์ อิอิ...ผมบอกแล้วว่าต่อไปเจ้าหญิงปทุมวดีมีงาน หนักมากเพราะต้องออกศึกสงครามในครั้งนี้นะครับ อุ๊ยๆ...อย่าเล่าต่ออีกว่าเดี๋ยวไม่สนุก แก้วประเสริฐ.
9 พฤศจิกายน 2549 20:31 น. - comment id 93504
in the pass 2 story that you wrote i don't really understand anything much at all a lot of hard word that i never see but it's all good i still wait to read your store more keep up the good work you are very good about writing
9 พฤศจิกายน 2549 23:17 น. - comment id 93506
คุณ nong - eva ครับผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้รับการอ่านจากคุณ ซึ่งอยู่ต่างแดน และติดตามผลงานผมมาเสมอๆ คำบางคำเป็นราชาศัพท์ครับ ต้องเปิดในพจนานุกรม เกี่ยวกับราชาศัพท์ครับถึงจะเข้าใจคำนี้ครับ และอีกอย่างหนึ่งชื่อมักจะเป็นภาษาสันสฤตนะครับ ส่วนการเขียนผมก็ไปเรื่อยๆแแหละ เพราะนี้เป็น ผลงานเขียนที่รู้สึกว่าจะยาวหน่อยและผมก็ไม่ เคยเขียนที่ใดมาเลยในชีวิตเกี่ยวกับเทพนิยาย เมื่อได้รับคำว่าเป็นเรื่องที่ดีก็ยินดียิ่งก็จะ พยายามทำดีที่สุดครับแต่จะได้ถึงไหนก็ไม่ทราบ อีกประการหนึ่งผมเขียนในแนวลักษณะการเล่า ให้เด็กๆฟังต้องบรรยายละเอียดสักหน่อยผสม ผสานกับนิยายจึงกลายเป็นลักษณะนี้แหละครับ หวังว่าคงได้รับการติดตามต่อไปนะครับ แม้ว่าจะเยิ่นเย้ออาจจะไม่ทันใจคนใจร้อน สักหน่อยแต่เมื่ออ่านแล้วเปรียบเสมือนดังเข้า ไปร่วมกับเทพนิยายเรื่องนี้ครับเกือบจะทุกมุมมอง เลยทีเดียวผิดแผกกับเทพนิยายทั่วๆไปครับ หากผิดพลาดไปขออภัยด้วยนะครับมือใหม่ครับ แก้วประเสริฐ.
10 พฤศจิกายน 2549 17:10 น. - comment id 93522
ตามมาอ่านเหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่เคยโพสต์ข้อความสักครั้ง วันนี้ขอชื่นชมนะคะ เมื่อไรนะค่ายไหนเขาจะเห็นผลงานของเพื่อนเราคนนี้นะ เคยลองส่งผลงานตามสำนักพิมพ์บ้างไหมคะ ถ้ายังก็ลองนะ เพราะเขียนดี ๆ แบบนี้เขาต้องรับไว้แน่ ๆ เลยละ ขอบอก ๆ กิ๊กกะผึ้งจะเป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ
10 พฤศจิกายน 2549 21:11 น. - comment id 93525
คุณ สุชาดา โมรา เช่นกันครับผมก็ติดตามของคุณมาตลอดครับ ฝีมือผมยังไม่เข้าขั้นครับ นี่เป็นเพียงเริ่มต้นเขียน เทพนิยายเป็นครั้งแรก แล้วไม่เคยคิดเลยจะส่งไป ยังสำนักงานไหนครับ พูดตรงๆไม่รู้จักเสียด้วยว่า เขาส่งกันอย่างไร ช่างเถอะผมมาเล่าให้เพื่อนๆ ก็ทำให้ผมดีใจมากครับ และทางเวปฯนี้ก็ให้โอกาส เรามากที่ได้ระบายสิ่งที่เราต้องการไว้ในใจออกมา สู่ตาเพื่อนๆทั้งหลาย อีกประการหนึ่งเป็นการทำให้เกิด แรงผลักดันแก่ผู้ที่อยากเขียนจะได้มีที่ไว้ ประลองความคิดอ่านกันครับ แค่นี้ผมก็พึง ปรารถนาแก่ใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับที่ นักเขียนที่มีแนวจะรุ่งมากในวงการวรรณกรรม นี้ได้ให้เกียรติมาติชมผลงานของผมครับ ขอบคุณยิ่งๆครับ แก้วประเสริฐ.
1 ตุลาคม 2553 17:08 น. - comment id 119296
ย้ายห้องแล้วนะ เป็น ส.ธนาศิษฏ์ อ่านได้เร็ว ๆ นี้