บทที่ ¬๙ กาฬคีรีนคร ขอกล่าวถึงมหานครกาฬคีรีของจอมอสูรนิลกาฬ อยู่ทางทิศตะวันตกเยื้องไปทางทิศใต้ จรดติดอาณาเขตของท่านท้าววิรุฬหกมหาราชและท่านท้าววิรุนปักษ์ มหาราชใกล้ติดกับป่าหิมะพานและ มหาสมุทรสีทันดรมีอาณาเขตไพศาลนัก ท่านจอมอสูรตั้งแต่ทำความดีเรื่องกวนน้ำอมฤตและปราบ ท้าวไตรจักรจอมยักษ์แห่งไตรคีรีมาศที่หาญกล้ายกพหลพยุหะเสนามารุกรานเทพยาดาเชิงเขาไกรลาสนั้น จึงได้พรจากท่านมหาเทพจอมไกรลาสมีฤทธานุภาพมาก บุรุษใดไม่สามารถจะทำอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ จะมีก็เพียงอิสสตรีเท่านั้น เมื่อได้ฤทธิ์มาทำให้เกิดความฮึกเหิมทะเยอทะยาน พาเที่ยวเกเรรุกราน แผ่ขยายอาณาเขตไปทั่วไม่เกรงกลัวผู้ใด จนกระทั่งท่านท้าววิรุฬหกมหาราชทรงระคายเคือง พระราชหฤทัยเห็นว่าหากปล่อยไปเช่นนี้ ก็จะทำให้ยิ่งกำเริบสืบสานเที่ยวระรานอาณาเขตใกล้เคียง ไปทั่ว จึงทรงมอบหมายให้พระมเหสีของพระองค์เสด็จกรีฑาทัพทั้งกุมภัณฑ์ ยักษ์ อสูรและเหล่าบริวาร เข้าปราบปรามจนพ่ายแพ้แก่พระมเหสีของพระองค์ จนต้องหลบลี้หนีหายไปซ่อนตัว ด้วย เพราะพระองค์และเหล่ามหาราชทั้งหลายทราบดีว่าหากเป็นบุรุษย่อมจะแพ้พ่ายต่ออสูรร้ายนี้ ตามพรของจอมมหาเทพแห่งเขาไกรลาส ที่ทรงประทานแก่อสูรร้ายตนนี้ ครั้นกาลเวลาผ่านไปนานจึงได้หวนกลับมาสู่นครอีกครั้ง แต่จิตเดิมก็ยังมีความคิดกำเริบสืบสาน ตามนิสัยเสียมิได้ เห็นว่าหากได้น้ำอมฤตธาตุบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์จากนครนาครินทนาครมาแล้ว ซึ่งมหาเทพทั้งหลายมอบหมายให้ดูแลรักษาก็จะเพิ่มฤทธิ์ตนรวมเข้ากับพรของมหาเทพ แห่งจอมเขาไกรลาสก็จะเป็นอมตะเพิ่มฤทธานุภาพยากที่จะหาใครมาต่อต้านได้ ครั้นเมื่อนั้นตั้งหฤทัยแล้วจึงจัดส่องสุมผู้คนไว้มากมายตลอดจนสร้างมิตรไมตรีกับนครต่างๆ เมื่อสมอารมณ์ปรารถนาก็จะกรีฑาทัพย้อนกลับไปรุกรานยังแคว้นของท่านท้าววิรุฬหก อีกครั้งหนึ่ง ลบล้างความหลังเก่าที่สร้างความขัดเคืองแค้น ที่เนืองแน่นสุมหัวอกตน จึงได้สะสมผู้คนมุ่งจะไปรุกรานนาครินทนาครเพื่อนำน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์มา ประกอบกับพระมเหสีของพระองค์สิ้นพระชนม์ชีพและได้ข่าวลือถึงความงดงามของเจ้าหญิงดาริกา ซึ่งเป็นหม้ายเพราะองค์ทัศยุราชันย์สิ้นพระชนม์แล้ว จึงมีความยินดียิ่งนักหากสำเร็จก็จะได้ ผลถึงสองประการด้วยกัน ฉะนี้จึงได้ยุแหย่นครต่างให้ว่าถ้าได้จะแบ่งน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์ให้แก่นครเหล่านั้น เจ้านครทั้งหลายที่ได้รับการยุแหย่ซึ่งก็มีความปรารถนาในน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้วก็พากัน ร่วมสันถวไมตรีตอบตกลงด้วยเห็นว่า นครนาครินทนาคานั้นเจ้าผู้ครองนครสิ้นพระชนม์ไปคงเหลืออยู่ แต่มหาราชครูพระสหายปกปักรักษาดูแล อำนาจในการใช้มหาศาสตราอาวุธมิได้เป็นไปตาม อันท่านท้าวนิลกาฬอสูรยักษ์ร้ายตนนี้ มีอาวุธวิเศษ สามประการเป็นอาวุธประจำพระวรกาย ซึ่งได้แก่กระบองแปดเหลี่ยมสีดำทำด้วยเหล็กไหลประกายสีนิลดำสนิทสามารถกวาดศัตรูหมู่มิตรกระเด็น ไกลได้ถึงแปดโยชน์ เมื่อขว้างไปในอากาศจะเกิดเสียงสนั่นคำรามท้องฟ้ามืดครึ้มปิดบังแสงแห่งสุริยะเทพ และ แยกตัวเองออกได้เป็นอาวุธยุทโธปกรณ์หลายสิบอย่างเข้าทำลายล้าง แพรไหมสีดำสนิทหากโบกพัดทางใดก็จะกลายเป็นไฟประลัยกัลป์เข้าล้างผลาญปัจจามิตรตกตายไปใน เพลิงกรดนั้นๆ กำไลหยกดำยามใช้ก็จะเกิดประกายวิชชุเข้าฟาดทำลายปัจจามิตรและยังใช้ในการผูกมัดได้อีก สุดท้ายได้รับพรจากท่านมหาเทพแห่งขุนเขาไกรลาส บุรุษอื่นใดมิสามารถต่อกรได้แม้แต่ศาสตราอาวุธที่ ไว้ซึ่งฤทธานุภาพก็มิอาจล้างผลาญชีวิตอสูรร้ายได้ นอกเสียจากอิสสตรีเท่านั้น เพราะอสูรตนนี้คิดเข้าใจและ ตระหนักดีว่าการศึกสงครามนั้นย่อมไม่มีอิสตรีใดเข้ารบพุ่งต่อกรกับบุรุษเป็นอันขาด เนื่องจากองค์มหาเทพทรงตะหนักดีว่า อสูรร้ายตนนี้ต่อไปในภายภาคหน้าก็จะเห่อเหิมทะเยอทะยานมิได้สงบ เสงี่ยมเจียมตัวเหมือนปัจจุบัน แต่เมื่อพระองค์ทรงรับปากแล้วย่อมไม่คืนคำจึง ทรงประทานพรและหาทาง ออกไว้ หากวันใดอสุรตนนี้กำเริบเมื่อใดจะได้มีทางพิฆาตเข่นฆ่าได้ กาลนั้นก็เป็นจริงดั่งที่พระองค์ทรงทราบล่วงหน้าไว้ทุกประการ ตัวนครรายล้อมด้วยขุนเขาสีดำเรียงรายไปทั่วจะเข้านครนี้ได้ต้องเป็นผู้มีฤทธิ์เดชเหาะเหิรเดินอากาศ ผ่านขุนเขาจึงจะเข้ามาสู่นคร หรือ มิฉะนั้นจะหาทางเข้านครนี้ได้ต้อง ดำดินมาโผล่ ขึ้นหรือใช้อำนาจเบิก ทางผ่านภูเขาที่แข็งแกร่งประดุจเหล็กไหลให้เปิดทางจึงสามารถเข้าออก บริเวณก็ใหญ่โตมโหฬารจัดเรียงราย ด้วยปราสาทราชวังและตำหนักตลอดจนที่อยู่อาศัยของชาวพารานี้ ภายในท้องพระโรงของท้าวนิลกาฬผู้ครองนครกาฬคีรี กำลังออกว่าราชการอยู่ภายใน ซึ่งท้องพระโรงจะเห็นประดับประดาไว้สวยงามเป็นยิ่งนัก ประกอบไปด้วยแท่นที่ประทับพระองค์ ที่ทำด้วยลายไข่มุกเพียงแต่ไม่มีเศวตฉัตร เบื้องหน้านั้นจัดเรียงไปด้วยโต๊ะทั้งซ้ายขวาตามตำแหน่งหน้าที่ นั่งเต็มไปด้วยเหล่าเสนาบดีเหล่าขุนทหารซึ่งเข้าประจำที่ โต๊ะที่ใช้เป็นที่ประทับสองข้างมีนางสนมกำนัล กำลังถวายงานโบกพัดสีขาวใบใหญ่ซึ่งทำด้วยขนนกอย่างดีอยู่ ส่วนพระพักตร์ที่ค่อนข้างจะบึ้งตึงเคร่งเครียด ซึ่งซักไซ้ไล่เรียงถึงความเป็นไปของนครนาครินทนาครและพระสหายพันธมิตรต่างแคว้นต่างๆอยู่ โดยกล่าวกลับเสนาอำมาตย์ข้าบริพารด้วยน้ำพระเสียงดังสนั่นหวั่นไหวว่า “ท่านสะหัสขันธ์ ความที่เราให้ท่านเป็นผู้ประสานกับแคว้นต่างๆนั้นได้ผลประการใดรึ” “ขอเดชะ ทั้งแปดพระนครนั้นมีผู้ตอบรับเพียงสี่นครพระเจ้าค่ะ” สะหัสขันธ์ขุนทหารแห่งกาฬคีรีนครกล่าวถวายรายงานแด่เจ้าเหนือหัวของตน “อ้อ..แล้วท่านนิลพาหุเล่า ตามที่เรามอบหมายให้ท่านดำเนินการสอดส่องดูแลนครนาครินทนาครไปถึงไหน แล้วล่ะ” ท่านท้าวนิลกาฬเอ่ยถาม “ขอเดชะ ทราบข่าวจากทหารสอดแนมว่า รัศมีที่ครอบคลุมนครนั้นอ่อนแสงลงมากคิดว่าฤทธิ์ ของศาสตราอาวุธคงจะหมดสิ้นไปในไม่ช้านี่แหละ พระเจ้าค่ะ” ขุนทหารถวายรายงาน “ฮาๆๆๆ..เหวยๆเหล่าทหารของข้า ความคิดในใจของข้าคงจะสมฤทธิ์ผลในเร็วนี้กระมัง” พระองค์ทรงพระสรวลลั่น ใบหน้าที่เคร่งเครียดก็ดูจะผ่องใสขึ้น “อ้อ..แล้วเหล่าท่านเสนาบดีฝ่ายพลเรือนล่ะ ศาสตราอาวุธสำหรับมอบให้ทหาร เพื่อใช้ในการศึกครั้งนี้ตามที่เราสั่งไว้ล่ะมีผลเป็นประการใด” พลางหันไปถามเสนาบดีฝ่ายพลเรือน “สำเร็จตามความประสงค์ของพระองค์ทุกประการพร้อมทั้งอุปโภคบริโภคด้วยแล้วพระเจ้าค่ะ” ขุนนางฝ่ายพลเรือนน้อมกายถวายรายงาน “ท่านสะหัสขันธ์ จงเร่งจัดการเกี่ยวกับพันธมิตรของเราถึงความแน่นอนพร้อมหรือไม่ที่จะส่งกองทัพ เข้าร่วมกับเราทั้งสี่นคร ส่วนที่เหลือไม่ต้องไปฟังแล้วมีนครอะไรบ้างล่ะ” ทรงถามไถ่ “ขอเดชะ ทั้งสี่เมืองมี เมืองสิงหะนคร แห่งเทือกเขาสิงหะคีรี ปักษินนคร ที่อยู่ริมฝั่งมหาสมุทรสีทันดร อหิงสากะนคร ที่อยู่ทิศตะวันตกของป่าหิมะพาน และทันทะกะนคร ที่อยู่ทางทิศใต้ของเขาไกรลาส ทั้งสี่นครนี้พร้อมที่จะจัดส่งกองทัพมาร่วมตามพระราชสาสน์จากพระองค์ตลอดจนถึงบริวารหัวเมืองนอกใน ได้จัดเตรียมฝึกหัดเหล่าทหารหาญไว้รอแล้ว เพียงแต่พระองค์มีบัญชาเท่านั้น พระเจ้าค่ะ” สะหัสขันธ์ทูลกล่าวรายงาน “นั่นซิให้มันได้อย่างนี้ หากเรารบพุ่งได้นางและน้ำอมฤตนี้เมื่อใด มันผู้ใดที่ไม่เข้าร่วมกับเราครั้งนี้ก็ จะได้เห็นดีกัน ฮาๆๆๆ เหวยๆๆทหารข้าทั้งหลายข้อราชการเห็นจะพอเพียงเท่านี้ ท่านจงเตรียมตัวให้พร้อมและจงไปยังสถานที่สำราญหาความสำราญกับหญิงต่างๆ ที่พวกเรานำมาจากต่างนครกันได้ และทหารหาญที่พบจะทำศึกให้ดูและขวัญกำลังใจด้วยนะ” จอมอสูรนิลกาฬสั่ง “ขอทรงจงพระเจริญยิ่งๆขึ้นพระเจ้าค่ะ” เหล่าขุนนางทหารต่างเปล่งเสียงเดียวกัน แล้วลุกเดินออกจากท้องพระโรงไป ครั้นสั่งแล้วก็ทรงเสด็จเข้าข้างใน เหล่าขุนทหารทั้งหลายก็พากันแยกย้ายไปเคหะสถานของตน บ้างก็ตระเตรียมสิ่งของ พื่อใช้ในการศึกครั้งนี้และพากันไปหาความสนุกสนานตามกระแสรับสั่ง จนเป็นที่สนุกสนานเฮฮาฮึกเหิมบันเทิงใจ ล้วนพูดคุยกันถึงเรื่องการศึกจะมีขึ้นในข้างหน้า ท้าวเธอก็เสด็จเข้าไปพระตำหนักหาความสำราญกับเหล่าสนมกำนัลดูการฟ้อนเริงระบำ ซึ่งจัดไว้สำหรับพระองค์ เป็นที่สำราญบันเทิงพระหฤทัย ทรงเริงร่าพระวรกายทรงพระสรวลลั่น หยอกล้อกับนางสนมคนโปรดตลอดจนนางสนมทั่วๆไป เมื่อทรงน้ำจันทร์มากๆขึ้นก็ลืมพระองค์ ทรงเข้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงจนผ้าผ่อนหลุดลุ่ยกันไปตามๆกัน จนพระเกศา พระทาฐิกะ พระมัสสุ ของจอมอสูรกระจุยกระจายด้วยเที่ยววิ่งไล่จูบกอดนางกำนัลเป็นพัลวันฉลองพระองค์ก็หลุดกระจุย กระจายไปทั่วแล้วทรงเปลื้องฉลองพระองค์โยนไปยังพระราชอาสน์ เที่ยววิ่งไล่ไปทั่วตำหนัก หนักๆเข้าก็สั่งให้นางสนมกำนัลทั้งหลายเปลื้องเสื้อผ้าให้หมดจนเปลือยเปล่าล่อนจ้อน นางบางคน ที่โปรดปรานก็คอยป้อนน้ำจันทร์ถวายมิได้ขาด ทุกๆคนส่งสำเนียงระรี้ระริกกระเซ้าเย้ายั่วยวน จนทำให้อารมณ์ของท้าวเธอคลุ้มคลั่งไปด้วยตัณหากามารมณ์ยิ่งขึ้น ท้าวเธอก็เข้าร่วมเสพเมถุนกับนางเหล่านั้นโดยไม่อายฟ้าดินและเหล่านางมโหรีที่ถวายงานอยู่ มิได้คำนึงถึงกาลเวลาจวบจนหลับใหลท่ามกลางเหล่าสตรีสนมกำนัลเหล่านั้น....... กาลเวลาล่วงเลยมาหลายเพลาราตรี จอมอสูรก็ได้รับพระราชสาสน์จากนครต่างๆตอบรับการทำศึก ขอทราบเวลากำหนดการที่เริ่มบุกนครนาครินทนาครจากพระองค์ จึงได้เรียกประชุมเหล่าขุนทหาร อำมาตย์เสนาบดีแม่ทัพนายกองต่างๆถึงการศึกครั้งนี้ ถามย้ำถึงไพร่พลความพร้อมเพรียงอีกครั้งหนึ่ง ตลอดจนข่าวคราวที่ทหารสอดแนมส่งมาจากนาครินทนาคร เมื่อทรงรับฟังก็ทรงปลื้มพระหฤทัยยิ่งนัก จึงมอบหมายให้อสูรสะหัสขันธ์เป็นแม่ทัพหน้า คุมไพร่พลพหลโยธาหนึ่งแสนนาย อสูรนิลพาหุเป็นแม่ทัพหลัง คุมพหลโยธา ห้าหมื่นนาย ส่วนพระองค์เองทรงเป็นทัพหลวง จะคุมพหลโยธาสองแสนนาย อสูรวิรุเดชะเป็นแม่กองนายเสบียง ควบคุมดูแลเหล่าสนมนางในที่จะนำไปในทัพครั้งนี้และเสบียง ตลอดจนยุทโธปกรณ์สำรองต่างๆ อสูรสะหัสเนตรโหรให้ท่านรีบตรวจสอบดวงดาวต่างๆผูกฤกษ์ดวงเพื่อใช้ในการเคลื่อนทัพ อันเป็นมหาฤกษ์ตามตำรับพิชัยสงครามเมื่อทราบวันเวลาแท้จริงแล้วให้แจ้งให้พระองค์ทราบ เพื่อจะได้จัดทำพระราชสาสน์ส่งไปยังนครพันธมิตรต่างๆ เมื่อได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว ก็จะเคลื่อนพหลพลไกรโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อทรงสั่งเสร็จแล้วก็พลางหัน ไปทางขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ให้ทำพระราชสาสน์แจ้งไปยังนครที่จะเข้าร่วมการศึกครั้งนี้ขอเชิญเสด็จ มายังนครเราเพื่อร่วมฉลองในมิตรไมตรีหาความสุขสนานเกษมสำราญก่อนที่จะยกทัพไป และทรงหันไปทางเสนาบดีฝ่ายพลเรือนให้ตระเตรียมพิธีการต้อนรับหัวเมืองต่างแดนด้วย เมื่อสั่งการเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ทรงเสด็จกลับเข้ายังพระตำหนักด้านใน ฝ่ายขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ก็รีบจัดทำหนังสือพระราชสาสน์ให้ทหารเหาะไปยังเมืองพันธมิตร ที่จะเข้าร่วมในการศึกครั้งนี้ทราบโดยพร้อมเพรียงกัน ตลอดจนขุนนางฝ่ายพลเรือนก็รีบจัดการทำ โรงพิธีใช้ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองพร้อมทั้งเกณฑ์เหล่าหญิงทั้งหลายมาฝึกฝนต่อการครั้งนี้ เพื่อที่จะมิให้ได้ขาดตกบกพร่องแต่ประการใด ข่าวการนี้ก็ให้ร่ำลือไปทั่วเมืองนครกาฬคีรีทำให้ชาวเมือง ต่างพากันซุบซิบและขยายข่าวแพร่สะพัดออกไปยังแคว้นต่างเมืองต่างๆ ทำให้บรรดานครต่างๆที่มิได้ขึ้นต่อกาฬคีรีนครต่างก็พากันตระเตรียมไพร่พลเพื่อปกป้องนครตน เพราะต่างก็ทราบดีว่า อันท้าวนิลกาฬจอมอสูรนั้นมีนิสัยเกเรชอบรุกรานนครต่างๆเป็นที่ประจักษ์แจ้งนั้น เมื่อใดที่มีอำนาจเติบใหญ่ขึ้นก็ย่อมไม่ทิ้งนิสัยเดิมของตน จึงพากันหวาดระแวงไปตามๆกันบ้างบางนคร ก็รีบส่งพระราชสาสน์ติดต่อกันเพื่อที่จะร่วมการศึกร่วมกันเพื่อปกป้องแคว้นของตนไว้ให้พ้นภัยนี้ บ้างก็ตระเตรียมเหล่าไพร่พลฝึกปรือขุนทหารและเหล่าทหารอาวุธยุทโธปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆในการศึก ไว้อย่างลับๆ ตลอดจน การเข้มงวดกวดขันผู้ที่จะผ่านเข้านครของตนอย่างเคร่งครัด บ้างก็ทำหนังสือ ทูลถวายรายงานกับมหาราชทั้งสี่ตามแต่ใครที่อยู่ในอาณัติของมหาราชเหล่านั้น นครใดที่มีความเข้มแข็ง ทางด้านทหารพร้อมจะปกป้องนครตนก็ยังทำหนังสือลับๆรายงานเหตุการณ์ให้กับนครนาครินทนาครอีกด้วย...
ภาพด้านล่างนี้เป็นของ คุณ เฌอมาลย์ ขอรับท่าน...แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 10:51 น. - comment id 93362
ปทุมวดี ถวายบังคมก่อนทัศนานะคะ ..........เจ้าชายชรา.......
6 พฤศจิกายน 2549 11:06 น. - comment id 93363
อ่านเพลินๆ.......แล้วก้อต้องหลับตาอ่าน รู้บ้างไม่รู้บาง....แล้วค่อยลืมตาอ่านใหม่....ชักจะเป็นเรื่อง
6 พฤศจิกายน 2549 13:11 น. - comment id 93369
ท้าวนิลกาฬมีลูกสาวชื่อมณีกานต์ค่ะ นิสัยเหมือนกานต์เลยเสด็จพ่อกับกานต์
6 พฤศจิกายน 2549 22:13 น. - comment id 93403
เจ้าหญิงปทุมวดี ขอบพระทัยเจ้าหญิงมาก แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:15 น. - comment id 93405
คุณ ยายแม่มดน้อย อ่านเรื่องเกี่ยวกับเทพนิยายมักจะเป็นแบบนี้ แหละครับ เพราะจะช้าๆเร็วนักมักจะไม่ได้ใจความ ขอบใจมากจ้า แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:19 น. - comment id 93409
คุณเพียงพลิ้ว สงสัยเหมือนกันว่าเจ้าหญิงมณีกานต์เมื่อก่อนนี้ คงจะเป็นพระธิดาของท่านท้าวนิลกาฬกระมังแต่ พอสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังเยาว์วัยอยู่ แล้วไปเกิดใน วงศ์กึ่งเทพคนธรรพ์และมนุษย์ในราชวงศ์ของ ท่านท้าวทศราชกระมัง พอดีชื่อสอดคล้องกันจ๊ะ จึงมีนิสัยชอบฝึกฝนศาสตราอาวุธนาประการแล้วกับ เวทย์มนต์คาถาอาคมด้วยเน๊อะ ใช่หรือเปล่าล่ะ โอ้ย...เขียนเรื่องนี้ไปกันใหญ่แล้วเรา อิอิ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:27 น. - comment id 93417
เณอมาลย์.....ค่ะ ยายแม่มดแอบเก็บรูปสวยด้วยคนนะ....เจ้าชายว่ามั้ยเนี่ย .......................................
6 พฤศจิกายน 2549 22:29 น. - comment id 93418
คุณ เฌอมาลย์ ชอบๆๆๆชอบมากเสียด้วยซิครับ ขอบคุณในความกรุณาผมมากจริงๆหากมีอีกส่งมา นะครับ ทุกภาพผมเก็บไว้หมดครับ ภาพของคุณ เฌอมาลย์สร้างจินตนาการในฝันผมกว้างไกลกว่าเดิม มากต่อมากเสียด้วย จนถึงมองบางภาพแล้วเกิด อารมณ์จินตนาการเหมาะสมดีมากดีจริงๆที่จะแต่ง เทพนิยายต่อ หากเรื่องนี้จบลงครับ เพราะบาง ภาพสอดคล้องกับเทพนิยายที่ผมคิดว่าแสนจะ สนุกสนานรื่นเริงมาก เพียงแต่คนยุคนี้ไม่ค่อย ชอบเรื่องเทพนิยายเท่าไหร่นัก คิดว่ามันเป็น เรื่องเพ้อฝันแต่ว่าหากอ่านดีๆจะเห็นจริยธรรม และคุณธรรม ผลของการทำดีและทำชั่วมากมาย ครับ มันจะดื่มด่ำชำระจิตใจได้บางส่วนและทำ ให้จิตใจร่าเริงเพราะเป็นเรื่องไม่หนักสมองด้วย เขาว่าเหมาะกับเด็กแต่ในความคิดผมคิดว่าไม่ใช่ เพราะเหมาะกับสังคมด้วยครับ ขอบคุณมาก ขอบคุณอย่างสุดซึ้งด้วยใจของผมครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:36 น. - comment id 93420
คุณ ยายแม่มด ภาพของคุณเฌอมาลย์ถูกใจผมยิ่งนักจ้า คุณเธอคงไม่ว่าอะไรหรอกนะ ผมเองเก็บไว้ ไม่ยอมให้ขาดตกหล่นแม้สักภาพเดียวนะ เพราะมีประโยชน์มากๆๆจริงๆ ในการที่จะ เขียนนิยายได้อีกตั้งหลายๆเรื่องเชียวล่ะจ๊ะ แม้แต่กลอนก็เถอะสามารถเขี่ยนได้ด้วยล่ะ เก็บไว้เถอะคลังภาพนิยายแตกแล้วหากไม่เก็บ ต่อไปไม่มีโอกาสนะเธอ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:39 น. - comment id 93421
คุณ เฌอมาลย์ ขอบคุณมากครับ พักผ่อนก่อนเถอะหากมีก็อย่า ลืมผมก็แล้วกัน ภาพแบบนี้ผมหาไม่ได้จริงๆครับ อ๋อ...อีกอย่างหนึ่งชื่อของคุณเหมาะกับชื่อเจ้าหญิงด้วย แล้วผมจะหาเรื่องแต่งใหม่ให้คุณเป็นนางเอกใน เทพนิยายนะครับ บอกล่วงหน้าและขออภัยด้วย แต่เมื่อไหร่นั้นรอโอกาสก่อนครับ ขอบคุณยิ่งนัก แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:47 น. - comment id 93426
คุณ เฌอมาลย์ เจ้าหญิงเฌอมาลย์ครับ ภาพสุดท้ายนับว่า เป็นภาพสุดยอดจริงๆครับ เป็นภาพปราสาทนิยาย ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบฝรั่งก็ตามเถอะ ในสายตาผม นับว่าสุดยอดที่สุดครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 22:51 น. - comment id 93427
คุณ ยายแม่มดน้อย ผมบอกแล้วว่าคงไม่เป็นอะไร เพราะเจ้าหญิง เฌอมาลย์พระองค์ทรงมีพระเมตตายิ่งนักจ๊ะ แก้วประเสริฐ.
6 พฤศจิกายน 2549 23:19 น. - comment id 93429
7 พฤศจิกายน 2549 09:27 น. - comment id 93430
คุณ เฌอมาลย์ คุณเหมือนผมที่ตรงชอบกาตูนเหมือนกันแต่ ยกเว้นต้องเป็นกาตูนเกี่ยวกับนิยายนะครับคือเป็น แบบเก่าไม่สมัยใหม่ อ๋อ..ภาพถึงแม้ว่าจะได้มาที่ใด ก็ตามแต่ผมเองได้มาจากคุณก็ต้องให้เกียรติคุณไว้ ครับ อย่าคิดมากเลย ดีเสียอีกจะได้ให้รู้คุณก็มีส่วน ร่วมงานนี้กับผมด้วย ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ