บทที่ ๘ เทพมนุษย์ ร่างนั้นก็ก้าวเข้ามาหาชายชราแล้วก้มน้อมรับ พร้อมทั้งเดินตามหญิงดาริกาไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็เข้ามาสู่ยังเบื้องหน้าท่านพ่อปู่อีกครั้งหนึ่งพร้อมทั้งหญิงดาริกา บัดดลเสียงมโหรีปีพาทย์ กลองมโหระทึก เสียงสังข์ ปี่กลองชนะก็ล่องลอยเข้ามาสู่สถานที่นั้น จนบังเกิดสนั่นหวั่นไหวแต่หาต้นเสียงมิได้ อีกทั้งมหาศาสตราอาวุธ ๕ ประการที่วางไว้บนพานแก้ว เหนือแท่นกลางสายธารก็พลันเปล่งประกายสว่างไสวไปทั่วบริเวณถ้ำศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสั่นไหวส่งเสียงสนั่น กึกก้องแสดงอาการลอยขึ้นเหนือพานแก้วสายวิชชุส่องประกายวูบวาบ สภาพภายในถ้ำก็มีอาการสั่นไหว พานแก้วที่ใช้รองรับมหาศาสตราอาวุธนั้นก็พลันหมุนวนรอบตัวเองสักครู่ใหญ่จึงสงบกับเข้าสู่สภาพดังเดิม แต่เสียงมโหรีก็ยังส่งสำเนียงต่อไป พลันบังเกิดมาลาล่องลอยลงมาเข้าสวมคล้องยังศีรษะ ของชายหนุ่มและพลันกลีบดอกไม้นานาพันธุ์ก็ถูกโปรยจากอากาศตกยังบนร่างกายของชายหนุ่มร่างใหม่ ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วบริเวณภายในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ สิ่งเหล่านี้ไม่ทราบได้ว่าลอยมาจากที่หนใด เห็นพ่อท่านปู่หัวร่อเริงร่าอย่างเบิกบานด้วยสำเนียงกึกก้องเบิกบานสำราญใจยิ่งนัก สองมือพนมยกขึ้นบูชา เหนือศีรษะ กล่าวขึ้นว่า “โอม โอม โอม...ท่านมหาเทพแห่งจอมฟ้าทั้งปวง กาลครั้งนี้สำเร็จด้วยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ที่ทรงโปรดอนุเคราะห์ช่วยเหลือและทรงประทานสิ่งเหล่านี้แด่องค์ทัศยุราชันย์ซึ่งพระองค์ได้ทรงคัดเลือก ให้เป็นผู้มาดูแลปกปักรักษาน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์นี้ให้พ้นจากหมู่มารทั้งปวง บัดนี้ได้ทำตามพระบัญชาที่ทรง มอบหมายให้ข้าพเจ้ากระทำไว้บรรลุล่วงจนองค์ทัศยุราชันย์กลับคืนสู่อีกวาระหนึ่งแล้ว ข้าพเจ้าขอน้อมถวาย พระพรพระเจ้าข้า” ท่านพ่อปู่กล่าวพร้อมก้มลงอภิวาทลงบนพื้นถ้ำพร้อมด้วยองค์ทัศยุราชันย์ร่างใหม่และ องค์หญิงดาริกาโดยพร้อมเพรียงกัน “สำเร็จสมความปรารถนาเราแล้ว แม้แต่ทวยเทพยาดา ก็ยังส่งทิพย์มาลา มายินดีและอวยพรในครั้งนี้ด้วย ขอมหาราชจงเป็นมิ่งขวัญแก่ชาวนคร อย่าหนีหายไปไหนอีก ท่านกล่าวขึ้น” ทัศยุราชันย์ร่างใหม่หันมาตรงหน้าท่านพ่อปู่พลางก้มน้อมกายลงทำความคาราวะทันทีพร้อมเอ่ยขึ้นว่า “ข้าพเจ้าทัศยุขอน้อมสักการะท่านมหาราชครูเป็นยิ่งนัก ที่เปลี่ยนสภาพกลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง นึกว่าจะไม่มีบุญวาสนากลับมาร่วมชะตากรรมกับท่านได้อีกแล้ว โปรดน้อมรับการคาราวะของข้าพเจ้า” พร้อมทั้งยืนขึ้นถอดทิพย์มาลาออกจากศีรษะเข้าสวมศีรษะท่านพ่อปู่มหาราชครูแห่งนครนาครินทนาคร ซึ่งก้มศีรษะน้อมรับพวงมาลาทิพย์นั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พลันทัศยุราชันย์พลันกล่าวเสริมขึ้นอีกว่า “ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปข้าพเจ้าขอประกาศว่า ท่านพ่อปู่ราชครูจะเปลี่ยนสภาพจากเดิม เป็นพระชนกนาถ ของข้าพเจ้ามาดแม้นข้าพเจ้าผิดประการใดโปรดลงโทษต่อข้าพเจ้าได้ เมื่อกลับไปข้าพเจ้าจะประกาศ ให้เหล่าชาวนครทราบโดยทั่วหน้ากัน อีกประการหนึ่งคำเรียกหาให้เรียกข้าพเจ้าเหมือนเดิมเปรียบดั่ง ที่ข้าพเจ้ายังเป็นเป็นมนุษย์มิได้เปลี่ยนสภาพด้วยเถิด” องค์ราชันย์กล่าวพร้อมก้มลงกราบท่านพ่อปู่ทันที สร้างความปิติยินดีแก่ท่านมหาราชครูยิ่งนั่งถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาเข้าประคององค์ราชันย์ให้ยืนขึ้น แล้วกล่าวขึ้นว่า “หาลับหลังเหล่าประชาแล้วเราทำได้ แต่หากต่อหน้าเหล่าประชาแล้วขอให้คำเรียกหาเหมือนเดิมเถิด” “ในเมื่อเป็นความคิดเห็นของพ่อปู่ข้าพเจ้ายินดีน้อมรับไว้ เพื่อความสบายใจของพ่อปู่ท่าน” องค์ทัศยุราชันย์ตอบคำท่านมหาราชครูผู้ที่ให้กำเนิดใหม่แก่พระองค์อย่างนอบน้อม แล้วหันมากล่าวกับหญิงดาริการซึ่งเบิ่งตามองดูอยู่ให้เข้ามาต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ องค์ราชันย์ ครั้นหญิงดาริกามาถึงหน้าก็ย่อน้อมลงคาราวะทันที พลางเอ่ยขึ้นว่า “ทรงพระเจริญเถิดมหาราช” ด้วยถ้อยสำเนียงแสนจะเกิดปิดติยินดียิ่งนัก องค์ทัศยุราชันย์ในร่างใหม่ก็ก้มลงเข้าประคองร่างของเจ้าหญิงดาริกาพร้อมทั้งถอดทิพย์มาลา บรรจงสวมลงยังพระศอของหญิงอันซึ่งเป็นพระมเหสีของพระองค์ในอดีตกาล พลันกล่าวตรัสแก่หญิงดาริกาขึ้นว่า..... “เราเองสร้างความลำบากยิ่งแก่ท่านพ่อปู่และเจ้าหญิงมามากแล้ว เราเคยกล่าวแล้วใช่ไหมว่า เราจะต้องคืนกลับคืนสู่มหานาครินทนาครอีกครั้งหนึ่ง บัดนี้เราก็กลับมาแล้ว ภายใต้ความอนุเคราะห์ของท่านพ่อปู่พระชนกของเราตลอดจนตัวเจ้าด้วย” ราชันย์ผู้ยิ่งใหญ่กล่าว พร้อมทั้งดึงร่างเจ้าหญิงดาริกาเข้ามา เงยพระพักตร์องค์หญิงแหงนขึ้นจ้องมองนิ่งเนิ่นนาน ฉับพลันก็ดึงพระวรกายเจ้าหญิงมาสวมกอดและพรมประทับบนใบหน้าอย่างทะนุถนอม สร้างความปลื้มปิดติแก่แม่หญิงเป็นล้นพ้นถึงกลับหลั่งน้ำพระเนตรออกมาทั้งสองข้าง ทั้งสะอึกสะอื้นเบาตามมา มิได้ทรงขัดขืนแต่ประการใด ทรงมิเอียงอายในครั้งนี้เนื่องจากผู้นี้ได้เป็น องค์ทัศยุราชันย์เต็มตัวแล้ว พลางก้มพระเศียรลงยังทรวงพระอุระขององค์จอมราชันย์ ที่มีพระวรกาย พระมังสาสีทองแพรวพราวระยิบระยับไปทั่ว “หมดสิ้นเคราะห์โศกแล้วมหาราช ขอพระองค์จงแสดงซึ่งอานุภาพแห่งมหาศาสตราอาวุธ ให้ประจักษ์แก่สายตาด้วยเถิดพะย่ะค่ะ” มหาราชครูกล่าว “จริงซินะเราจากไปเสียนานมิได้สัมผัสเลย” กล่าวแล้วทัศยุราชันย์ก็หันไปทางมหาศาสตราอาวุธ พลางเอ่ยถ้อยคำเบาๆ ฉับพลันมหาศาสตราอาวุธทั้งห้า ก็ลอยขึ้นเหนือพานแก้วลอยละลิ่วมายังเบื้องหน้า ขององค์ราชันย์ทัศยุทันที สร้างความปลื้มปติยินดีแก่มหาราชครูและเจ้าหญิงดาริกาเป็นล้นพ้น เพราะย่อมหมายถึงว่าร่างของชายหนุ่มซึ่งสิ้นสลายละลายไปกับน้ำธารอันศักดิ์สิทธิ์หล่อหลอม แปรสภาพขึ้นมาใหม่เข้าประสานก่อกำเนิดรวมกันอย่างสมดุลพอดีทั้งจิตและวิญญาณทัศยุราชันย์ มิฉะนั้นก็จะไม่สามารถเรียกใช้ต่อมหาศาสตราอาวุธทั้งห้าประการนี้ได้แต่ประการใด ครั้นพระองค์แลเห็นก็ทรงเอื้อมพระหัตถ์จับคันศรพร้อมลูกธนูที่อยู่ในที่เก็บขึ้นสะพายยังพระอังสา เบื้องซ้าย ทรงหยิบพระแสงดาบที่อยู่ในฝักสะพายยังพระอังสาเบื้องขวา จับตรีเพชรเหน็บตรงที่รัดพระองค์ ส่วนบ่วงนาคราชทรงเหน็บเบื้องขวา ส่วนจักรเพชรทรงตรัสต่อศาสตราอาวุธตรีเพชร ให้สำแดงขยายใหญ่ขึ้น พลันจักรเพชรก็เปล่ง ฤทธานุภาพขยายใหญ่ แล้วทรงเข้ายืนอยู่ช่วงกลางซึ่งเกิดพระราชอาสน์ภายในวงกลมจักรเพชรนั้น พลันจักรเพชรก็สำแดงฤทธาล่องลอยนำพาพระองค์วนเวียนไปมาภายในถ้ำแก้วเปล่งรัศมีโชติช่วง ชัชวาลปานประหนึ่งดุจดั่งเทพยาดาล่องลอยเวียนไปมาฉะนี้ ครั้นทรงแสดงฤทธานุภาพพอสมควรก็ทรงกลับมายังเบื้องหน้าของมหาราชครูและเจ้าหญิงดาริกา จักรเพชรก็กลับคืนสู่สภาพเดิมทรงนำมาสวมลงยังข้อพระหัตถ์ แล้วกล่าวแก่ท่านมหาราชครูว่า “เป็นอย่างไรบ้างล่ะท่านพ่อปู่” “ทรงฤทธานุภาพเหมือนเดิมแต่รู้สึกว่าจะมากกว่าเก่าด้วยพระเจ้าค่ะ “ “เนื่องด้วยแสงแห่งมหาศาสตราอาวุธแผ่รังสีจนพระองค์เปล่งรังสีไพศาลยิ่งนัก” ท่านมหาราชครูกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเราเห็นจะเก็บมหาศาสตราอาวุธไว้ที่เดิมแล้วแล้วนะ” องค์ราชันย์กล่าว “ถูกต้องแล้วพระเจ้าค่ะ ด้วยเป็นสถานที่เก็บศาสตรานี้ไว้ หากพระองค์มีความต้องการใช้ก็สามารถเรียกได้ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ยังสถานที่ใดก็ตาม อันมหาศาสตราอาวุธก็จะมาสู่พระหัตถ์ของพระองค์ทันที” ชายชราในคราบของมหาราชครูกล่าว แก่องค์ราชันย์ทัศยุ จากนั้นทรงหันไปกล่าวแก่มหาศาตราอาวุธเหล่านั้น พลางมหาศาตราอาวุธก็ลอยกลับ ไปสู่ยังพานแก้วที่รองรับ แต่ก็ยังเปล่งรังสีชัชวาลบันเจิดจ้าอยู่ “เมื่อเรียบร้อยแล้วเราทั้งหมดกลับวังกันเถิด ท่านนำหน้าซิท่านพ่อปู่” พระองค์กล่าว “พะย่ะค่า” มหาราชครูรับคำ พร้อมดำเนินนำทางออกจากถ้ำแก้วต่อไป.... จนลุล่วงเข้าสู่เขตพระราชฐาน ส่วนท่านมหาราชครูก็แยกกลับไปยังปราสาทส่วนตัว ครั้นถึงเจ้าหญิงดาริกาก็ทูลลา เพื่อกลับไปยังปราสาทส่วนตัวเพื่อผลัดเปลี่ยนฉลองพระองค์ องค์ราชันย์ก็กล่าวสำทับว่าให้รีบเสด็จมายังพระที่โดยเร็ว ทำให้เจ้าหญิงดาริกาทรงพระมีอาการ ขัดเขินอายยิ่งนัก ทรงถึงกับค้อนองค์ราชันย์แล้วรีบเสด็จไป ครั้นเพลาพลบค่ำจึงเสด็จมายังพระราชตำหนัก เพื่อทรงเตรียมดูแลเหล่าสนมกำนัลนางใน เกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภคขององค์ราชันย์พร้อมดูแลพระราชอาสน์เพื่อใช้สำหรับพระบรรทม แล้วเข้าร่วมทรงเสวยพระกระยาหารร่วมกับองค์กษัตริย์ ท่ามกลางเหล่านางรำที่ฟ้อนรำถวาย ท่ามกลางมโหรีบรรเลงเพลงแสนเสนาะไพเราะจับใจยิ่งนัก ท้าวเธอทั้งสองพระองค์ก็ทรงหยอกล้อกันปานหนึ่งสาวหนุ่มแรกรุ่น กระเซ้าเย้าแหย่หยอกหัวร่อ ต่อกระซิกจนเป็นที่เกษมสำราญพระราชหฤทัยต่อ ทั้งสองพระองค์ แล้วทรงกล่าวเล่าความรำลึกย้อนถึงอดีตเบื้องหลังและเท้าความถึงการกลับมาใหม่เล่าสู่กันฟัง องค์ราชันย์ก็เล่าเรื่องที่สามารถจำความครั้งเก่าได้ เมื่อได้เข้าอาบน้ำอมฤตศักดิ์ ก็ทรงรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตชาติไม่ผิดเพี้ยนตลอดจนความปัจจุบันด้วย และทรงกล่าวขึ้นอีกว่าในพระสุบินนิมิตนั้นเมื่อครั้งยังเป็นชายหนุ่มชื่อ “ทัด”แห่งบ้านป่าอยู่ ว่าทรงพระราชอักษรและท่องจำไว้ถึงนิมิตความครั้งยังเป็นมนุษย์เต็ม แล้วก็ทรงรายกลอนที่แต่ง ให้เจ้าหญิงดาริกาฟัง พร้อมทั้งปรารภว่าหากได้ฟังแล้วก็อย่าได้หัวร่อล่ะ จนเจ้าหญิงทรงพระสรวล คอยสดับรับฟังพระกระแสรับสั่งอย่างตั้งใจ องค์ราชันย์ทัศยุทรงหยุดนิ่งสักพักคล้ายจะทบทวนความหลัง แล้วจึงเอื้อนเอ่ยทำนองขึ้น “ เธอรู้ไหมใครคนนี้ที่รักจ๋า เธอรู้ไหมกาลเวลาสุดหาไหน เธอรู้ไหมว่าฉันรักประจักษ์ใจ เธอรู้ไหมใครคนนี้เฝ้ามีเธอ ตะวันลับขอบฟ้าเสมือนพาล่วง สุดแสนห่วงดวงใจที่ใฝ่เสมอ โอ้ชีวิตคิดฝันยังพลันละเมอ จนหลงเพ้อครวญคร่ำหลงย้ำมลาย เธอรู้ไหมใจฉันมันสั่นระรี้ มวลชีวีเรือนร่างอ้างว้างสลาย เพียงรอยยิ้มพร่ำเพ้อจนเผลอใจ เหตุไฉนใยขยี้เปรียบนี้ลวง ดวงจันทร์ฉายผ่องอำไพในฟ้า มวลดาราทอแสงเพื่อแฝงสรวง ห่วงรักนี้ใยต้องจึงหมองทรวง แสนเป็นห่วงดวงฤทัยสุดให้ตรม เธอรู้ไหมที่รักภักดีเสมอ หลงพร่ำเพ้อปานเทพที่เสพสม เพียงแค่ฝันฉันเศร้าจนเคล้าระทม รักลอยลมบ่มเพ้อละเมอครวญ ที่รักจ๋ารักเธอยิ่งแอบอิงเสมอ ฉันแนบเธอด้วยใจที่ไม่กำสรวล โอ้ชาตินี้ขอสมัครแม้นรักรวน แอบอิงล้วนบ่วงวิญญาณฝันถึงเธอ. เจ้าหญิงต้องทรงปิดพระโอษฐ์ทรงพระสรวลด้วยกลั้นหัวร่อแทบไม่อยู่ แต่ยังทรงอดคิดจะเย้าจอมกษัตริย์เสียมิได้ ยิ่งเห็นพระอาการที่ทรงร่ายกลอนนั้นๆ แลเห็น ดวงพระเนตรทรงหยาดเยิ้มปานประหนึ่งดั่งอิสตรีที่แรกรุ่นเมื่อยามพบบุรุษหนุ่มต้องใจ “เสด็จพี่ทรงนึกถึงหญิงชาวป่าคนใดรึเพคะ” เจ้าหญิงดาริกากล่าว “ถึงได้ทรงพระอักษรรำพันถึงเพียงนี้ หญิงนั้นคงงามหยาดเยิ้มเป็นที่ต้องพระเนตรพระกรรณ จนถึงกลับทรงพระอักษรกลอนนั้นๆด้วยเพคะ” เจ้าหญิงทรงกระเซ้า “หามิได้น้องหญิงเราเพ้อถึงนางในฝันของเราที่นิมิตทุกราตรีแทบจะมิได้ขาด” พระองค์ทรงกล่าว “นางนั้นงามยิ่งหรือเพคะ” องค์หญิงฉงนถึงเอ่ยปาก ภายในใจคิดว่าหากไม่หยาดเยิ้มถึงเพียงนี้ องค์กษัตริย์ในคราบมนุษย์คงมิหลงใหลจนถึงกับเขียนกลอนท่องไว้มิได้ลืมเลือน “งามยิ่งนักน้องหญิงงามจนเราไหลหลง หากมาคิดพิจารณาแล้วใบหน้าดังกับพระพักตร์ ของน้องหญิงเราก็มิปาน” ทรงตรัสแล้วพระสรวลเบาๆ “นี่แน่ะ...เสด็จพี่พูดอะไรเช่นนั้น หวานเสียไม่มี” องค์หญิงขวยเขิน พลางโน้มพระวรกาย พระหัตถ์หยิกตรงพระชานุเบาๆ องค์เจ้าเหนือหัวทรงพระสรวลเกษมสำราญยิ่ง เมื่อเห็นเจ้าหญิงทรงพระเกษมสำราญดีแล้ว จึงเอ่ยตรัสขึ้นว่า “อ้อ..นี่แน่ะน้องหญิง...ในตอนนี้เราจำความได้แล้วว่า เมื่อก่อนนั้นท่านท้าวทศราชแห่งแคว้น รัตนานคร ซึ่งเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งคนธรรพ์ทางทิศตะวันออกของเขาไกรลาส ได้ถวายพระธิดาสองพระองค์ แก่เราและเป็นพระสหายรักของน้องหญิงด้วย ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้เป็นฉันท์ใดรึ” ทรงกล่าวขึ้นลอยๆ “ ซึ่งน้องหญิงยังให้เราทรงแต่งตั้งเป็นพระอัครมเหสีฝ่ายซ้ายของเราด้วย เพียงแต่เรายังกริ่งเกรง น้องหญิงว่าเราจะเป็นผู้มักมากในตัณหาราคะ และมิอยากให้มีปัญหาอื่นตามมาจึงได้นิ่งเฉยเสีย จนบัดนี้ เพียงเห็นแต่น้องหญิงเพียงผู้เดียว ส่วนหญิงต่างนครก็พากันหายไปหมดสิ้น” “อ้อๆๆ...เจ้าหญิงมณีกานต์และเจ้าหญิงปทุมวดีหรือเพคะ” เจ้าหญิงทรงยิ้ม ราชันย์ทรงยิ้มพระโอษฐ์ กล่าวว่า “เรานึกไม่ออกจริงๆว่าทรงพระนามใดรึ” ทัศยุราชันย์ตรัส “เจ้าหญิงมณีกานต์และเจ้าหญิงปทุมวดี ทรงพระสิริโฉมยิ่งนะเพคะ แต่กลับไปยังพระนครแล้ว ด้วยเสด็จพ่อของพระนางทรงพระประชวรและสิ้นพระชนม์ในภายหลัง เนื่องจากไม่มีพระราชบุตรสืบ ทอดสันติวงศ์ เหล่ามุขอำมาตย์จึงอัญเชิญเจ้าหญิงมณีกานต์ขึ้นเสวยราชสมบัติสืบต่อไป ส่วนพระขนิษฐา นั้นอยู่ช่วยราชการเพคะเสด็จพี่” เจ้าหญิงเอ่ย “อืมมๆ..น้องหญิงก็สมควรอยู่หรอก เพราะเจ้าหญิงมณีกานต์ทรงเชี่ยวชาญศาสตราอาวุธ ตลอด จนมหาเวทย์อาคมและการบริหารงานปกครองยิ่งนัก ส่วนเจ้าหญิงปทุมวดีก็เชี่ยวชาญเวทย์มนต์ต่างๆ จนกระทั่งเหล่าเทวาคนธรรพ์ต่างยกย่องเรียกว่า “แม่มดเจ้าเสน่ห์เทวีอัปสร” เป็นที่หมายปองแก่เทวา คนธรรพ์วิทยาธรทั้งหลาย เพียงติดแต่ท่านท้าวทศราชทรงเห็นแก่ไมตรีของนครเรา ยกพระธิดาทั้งสอง ให้แก่เรา เรื่องจึงได้เงียบหายไป” พระองค์ตรัสขมวดพระขนงตรึกนึกเหตุการณ์เก่าต่างๆ “ส่วนเจ้าหญิงเมืองต่างๆได้กลับไปยังเมืองของตนเองและบางองค์ได้อภิเษกกับต่างเมืองไปเกือบ หมดสิ้นแล้วเพคะ” เจ้าหญิงดาริกาทรงทูล “ช่างเถอะเราขอรู้เพียงเท่านี้แหละ อ้อ..ค่ำเพลานี้หวังว่าน้องหญิงคงเสด็จบรรทมร่วมกับเราภายใน พระตำหนักนี้นะ อย่าได้หนีหายไปไหนอีกล่ะ เราคิดถึงองค์หญิงใจจะขาดแล้วล่ะ” พระองค์ทรงกล่าวยิ้มๆ “เพค่ะเสด็จพี่ “กล่าวจบก็ทรงขวยเขินยิ่งนัก ทั้งสองก็หาความเกษมสำราญต่อไป จวบจนดึกดื่น แล้วทั้งสองก็ทรงดำเนินพระบาทเข้าสู่แท่นพระราชอาสน์เพื่อทรงบรรทมประหนึ่งราวข้าวใหม่ปลามันฉะนี้ ภาพประกอบบนเป็นของเจ้าหญิงมณีกานต์ ส่วนภาพล่างเป็นของเจ้าหญิงปทุมวดี (หรือแม่มดเจ้าเสน่ห์) ภาพประกอบทั้งหมดนี้เป็นของ คุณ เฌอมาลย์ นะขอรับท่าน)
3 พฤศจิกายน 2549 16:41 น. - comment id 93313
เจ้าหญิงมณีกานต์มาอ่านแล้วค่ะคุณลุง โอย ดีใจมีกานต์ในนิยายของคุณลุงด้วย
3 พฤศจิกายน 2549 22:17 น. - comment id 93324
ถวายบังคมเพคะ เจ้าชาย...
4 พฤศจิกายน 2549 05:39 น. - comment id 93327
i really like your story everyday at work i go on this website and read it i can't wait for you to have more and more u really good about writing keep up the good work and thanks a lot for having a good story for us to read even though i don't really understand all the words you have put on (i didn't live in thailand) again thanks
4 พฤศจิกายน 2549 09:16 น. - comment id 93329
...อ่านไป..ราชิกา..นึกถึงหนังอินเดีย...สมัยที่เป็นเด็ก..ชอบมากค่ะ..มีศาตราวุธมากมาย..ตรีเพชร..จักรแก้ว..ตรีศูนย์..ฯลฯ..ชอบที่คุณแก้ว...บรรยายได้ชัดเจน...ได้ฝึกคำราชาศัพท์ด้วย...(อย่าให้ผิดล่ะกัน..มีคนคอยพิสูจน์อักษรอยู่นะ..จะบอกให้..อิอิ..)..
4 พฤศจิกายน 2549 21:44 น. - comment id 93336
คุณ เพียงพลิ้ว ก็เพราะหลานลุงนี้เป็นคนสวยจริงๆ จะไม่ให้ เป็นเจ้าหญิงรีก็จะทำให้น้อยหน้าไป เลยให้เป็น เกียรติแก่เรื่องของลุงซะเลย คงถูกใจเจ้าหญิงมาก ซินะ ยินดีด้วยจ้า รักคิดถึงเสมอ แก้ประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2549 21:50 น. - comment id 93337
คุณ เฌอมาลย์ ผมเลยมาขออนุญาตทางนี้เลยนะครับที่บังอาจ นำรูปภาพของคุณมาลงไว้ และดีใจได้เก็บภาพนี้ ได้อีกหนึ่งรูปครับไว้สำหรับลงในเรื่องได้ครับ แต่ว่ามีบางภาพไม่สามารถpostได้เพราะว่าขนาด เกินกว่ากำหนดครับ ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง มา ณ ที่นี้ด้วยครับ ขอบคุณมาก อ๋อๆๆๆ...ผมอยากจะได้ภาพแบบนี้มาประกอบ เรื่องนี้ด้วยครับ หวังว่าคงจะนำมาให้ผมอีกนะครับ เพราะเข้ากับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี อย่างพวก เทวดา ยักษ์ คนธรรพ์ สัตว์ในเทพนิยายบ้างครับ หวังว่าคงจะกรุณาผมนะครับ ขอบคุณ แก้วประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2549 21:58 น. - comment id 93338
khun nong eva ขอบคุณเป็นอย่างยิ่งครับที่ชอบในการแต่ง เทพนิยายเรื่องนี้และคอยติดตามเสมอมาจนได้รับ คำชมว่าเป็นงานที่ดีงานหนึ่ง ครับผมพยายามจะส่ง ให้เร็วที่สุดครับแต่ก็ต้องแล้วแต่อารมณ์ผมด้วยครับ เพราะหากเร่งรีบไปก็จะเสียอรรถรส เพราะผมจึงใช้ ในการบรรยายเสียมากเพื่อให้คนอ่านได้เข้า ไปสัมผัสร่วมเหตุการณ์ในเรื่องด้วยตัวเอง ่แม้ว่าบางคำคุณจะไม่รู้ไม่เข้าใจเพราะเป็น คำราชาศัพท์ที่กำหนดไว้อย่างตายตัวมีมากมาย เสียเหลือเกินครับยิ่งคุณอยู่ต่างแดนด้วยแล้ว ผมคิดว่าคงจะเติบโตที่นั่นจึงได้ละเลยคำประเภท นี้ไป เพราะคนไทยส่วนมากน้อยคนจะเข้าใจ และได้ใช้คำราชาศัพท์ครับ ขอบคุณเป็นอย่าง ยิ่งที่ได้ติดตามผลงานผมเสมอมา เนื้อเรื่อง กำลังเข้มข้นเรื่อยๆ จนจะเกิดสงครามของเทพ แล้วครับ โปรดติดตามชมให้ต่อเนื่องนะครับ หากขาดตอนใดตอนหนึ่งแล้วอรรถรสจะเสียไป ครับ หากมีความเห็นใดจะเพิ่มเติมแจ้งผมมา ได้นะครับยินดีรับใช้เสมอครับ แก้วประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2549 22:03 น. - comment id 93339
คุณ ราชิกา ผมเองก็ชักสงสัยตัวของผมเองเหมือนกัน หรือว่าตอนเด็กชอบดูหนังอินเดียมันอาจจะฝัง อยู่ใต้จิตสำนึกผมกระมัง ฉะนั้นเวลาเขียนเรื่องนี้ จึงได้หลั่งพรั่งพรูออกมาเองโดยไม่จำเป็นค้นหา อะไรมาเลยล่ะ พล๊อตเรื่องก็ไม่ต้องเขียนได้เลยจ๊ะ เพื่อนรัก แต่สังเกตุไหมว่ามันผสมผสานกันแปลก เมื่อผมเ่องนำมาทบทวนแก้ไขคำผิดพลาด จ้าแฝดเพื่อนผมเองก็ไม่ชำนาญคำราชาศัพท์ เท่าไหร่เพราะไม่ค่อยได้ใช้จึงจะมีการผิดพลาด ได้ อย่างไรขออภัยด้วยนะเพื่อน แก้วประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2549 22:08 น. - comment id 93340
คุณ ยายแม่มด เจ้าชายชราต้องขอพระราชทานอภัยโทษเจ้าหญิง ที่ได้บังอาจละเลยผ่านไปก่อนเพราะสายตาไม่ค่อย ดีอีกอย่างหนึ่งกำลังพะวงในการตอบออนไลท์อยู่ ด้วยเลยสับสนไป ฉะนั้นผิดเป็นครูจะพยายาม ต่อไปหวังว่าเจ้าหญิงคงจะมิทรงพระพิโรธนะ งานนี้เจ้าหญิงต้องรับภาระหนักมากนะเจ้าหญิง แก้วประเสริฐ.
4 พฤศจิกายน 2549 22:39 น. - comment id 93341
เหมือนรู้เลย.....กำลัง ว่าลืมปทุมวดีได้ไงเจ้าชาย... ปรับ1 บาทค่าลูกอม
5 พฤศจิกายน 2549 10:52 น. - comment id 93346
คุณ ยายแม่มดเจ้าเสน่ห์ จะลืมได้อย่างไรกันในเมื่อหัวใจตรงกันนี่นา เรื่องปรับไม่เป็นปัญหาหรอกจ๊ะ แล้วเมื่อไหร่มา รับค่าปรับเสียทีล่ะ ต่อๆไปบทเจ้าหญิงจะหนักเข้มข้น มากขึ้นนะขอรับเจ้าหญิง รักเสมอ แก้วประเสริฐ.
5 พฤศจิกายน 2549 22:27 น. - comment id 93354
คุณ เฌอมาลย์ ขอบคุณยิ่งนักครับผมจะนำมาประกอบกับเนื้อ เรื่อง ต่อไปผมจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "ทัศยุราชันย์" ครับ แต่ก็แฝง "เธออยู่ไหน"ไว้ด้วยเพื่อมิสับสน กันครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
5 พฤศจิกายน 2549 22:29 น. - comment id 93355
คุณ เฌอมาลย์ อ้อลืมไปหากมีอีกขอด้วยนะครับ ผมจะแจ้ง ให้ผู้อ่านทราบว่าคุณอนุเคราะห์ภาพแก่ผมครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.