เกร็ดพงศาวดาร ตอน เมืองลพบุรี

สุชาดา โมรา

สมเด็จพระนารายณ์มหาราช หรืออีกพระนามหนึ่งว่า สมเด็จพระรามาธิบดีที่  3  หรือสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสรรเพชญ์ เป็นพระราชโอรส ในสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีพระเชษฐาคือ สมเด็จเจ้าฟ้าไชย มีพระอนุชาคือ เจ้าฟ้าอภัยทศ พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ พระองค์ทอง และพระอินทราชา 
พระองค์ได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ เมื่อปี พ.ศ.2199 เมื่อ     พระชนมายุได้ 25 พรรษา พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก ทำให้กรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของพระองค์ มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าในทุกด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ 
การต่างประเทศ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม วรรณคดีที่สำคัญ    หลายเรื่องเกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์ จนได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของ          วรรณคดีในสมัยกรุงศรีอยุธยา  นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวที่เล่าขานเกี่ยวกับต้นกำเนิดขนมไทย  อาทิ  ทองหยิบ  ทองหยอด  ฝอยทอง  ขนมหม้อแกง  ฯลฯ  เป็นต้น  ซึ่งได้มีการนำไข่มาใช้ในการทำขนมเป็นครั้งแรก  โดยท้าวทองกีบม้า   หรือ    นางมารี  กีมาร์  ภรรยาเจ้าพระยาวิชาเยนทร์  (ตำแหน่งเทียบเท่านายกรัฐมนตรีฝ่ายซ้าย  ในขณะที่เจ้าพระยาโกษาเหล็กมีตำแหน่งเทียบเท่านายกรัฐมนตรีฝ่ายขวา  ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช)
ในรัชสมัยของพระองค์ ได้มีชาวตะวันตกเดินทางเข้ามาติดต่อค้าขาย เผยแพร่ศาสนาตลอดจนเข้ารับราชการ ทำให้ชาวตะวันตกยอมรับนับถือกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างมาก 
ในด้านการค้าขาย ได้มีการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศมากยิ่งกว่าในรัชสมัยอื่น ๆ ทรงปรับปรุงกรมพระคลังสินค้า โปรดเกล้า ฯ ให้ต่อเรือกำปั่นหลวง เพื่อทำการค้ากับต่างประเทศ จึงทำให้กรุงศรีอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้ากับชาวต่างประเทศ ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาวิชาเยนทร์   (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ผู้เป็นชาวกรีกได้ช่วยปรับปรุงงานของกรมพระคลังสินค้า   ทำให้การค้าขายกับต่างประเทศเจริญรุ่งเรืองสูงสุด มีพ่อค้าชาวฝรั่งเศสบันทึกไว้ว่า ในชมพูทวีปไม่มีเมืองใดที่จะแลกเปลี่ยนสินค้ามากเท่ากับในสยาม สินค้าขายได้ดีมากในสยามและการซื้อขายใช้เงินสด สำหรับเมืองท่าของไทยในเวลานั้น มีอยู่หลายเมืองด้วยกัน ได้แก่ มะริด ตะนาวศรี ภูเก็ต ปัตตานี สงขลา  นครศรีธรรมราช เพชรบุรี และบางกอก 
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14   แห่งฝรั่งเศส ได้ส่งบาทหลวงสามคนเดินทางมากรุงศรีอยุธยา   เมื่อทั้งสามคนมาถึงแล้วก็ได้มีใบบอกไปยัง           พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และพระสันตปาปา ซึ่งมีความเห็นตรงกันว่าจะใช้กรุงศรีอยุธยา เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่คริสตศาสนา   พระบาทหลวงได้ตั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า เป็นการนำความเจริญมาให้กรุงศรีอยุธยา พระองค์จึงทรง       พระราชทานที่ดินให้สร้างวัดทางคริสตศาสนาด้วย 
ในปี พ.ศ.2224 สมเด็จพระนารายณ์ ฯ ทรงจัดคณะทูตนำ            พระราชสาสน์ไปเจริญทางพระราชไมตรี ณ ประเทศฝรั่งเศส แต่คณะราชทูตสูญหายไประหว่างทาง ต่อมาในปี พ.ศ.2226 พระองค์ได้โปรดเกล้า ฯ ให้จัดคณะทูตเดินทางไปฝรั่งเศสอีกครั้ง เพื่อสอบสวนความเป็นไปของทูต       คณะแรก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14  ทรงทราบก็เข้าใจว่าสมเด็จพระนารายณ์ ฯ  ทรงเลื่อมใสจะเข้ารีต จึงได้จัดคณะราชทูตเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา โดยมี เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ เป็นหัวหน้าคณะทูต เมื่อปี พ.ศ.2228 ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ฯ ทูลขอให้ทรงเข้ารีต แต่พระองค์ทรงปฏิเสธด้วยพระปรีชาสามารถว่า การที่ผู้ใดจะนับถือศาสนาใดนั้น ย่อมแล้วแต่พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์จะบันดาลให้เป็นไป  ถ้าคริสตศาสนาเป็นศาสนาดีจริงแล้ว และเห็นว่าพระองค์สมควรที่จะเข้าเป็นคริสตศาสนิกแล้ว สักวันหนึ่งพระองค์จะถูกดลใจให้เข้ารีตจนได้ พระองค์ได้ให้เสรีภาพแก่ราษฎรทั่วไปที่จะนับถือคริสตศาสนาได้ตามความเลื่อมใสของตน ทำให้   เชอวาเลียร์ เดอ โชมองต์ พอใจ 
ต่อมาในปี พ.ศ.2228 เมื่อคณะราชทูตฝรั่งเศสเดินทางกลับ พระองค์แต่งตั้งให้เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นหัวหน้าคณะราชทูตเดินทางไปฝรั่งเศส นำพระราชสาส์นของพระองค์ไปถวายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และได้ส่งกุลบุตร 12 คน ไปศึกษาวิชาที่ประเทศฝรั่งเศส      พระเจ้า หลุยส์ที่ 14 ทรงโปรดปรานเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นอย่างมาก ได้ให้เหรียญที่ระลึก และเขียนรูปภาพเหตุการณ์ไว้ด้วย 
เมื่อคณะราชทูตเดินทางกลับ พระองค์ได้โปรดให้  มองสิเออร์ เดอลาลูแบร์ เป็นราชทูตเข้ามากรุงศรีอยุธยา พร้อมกับเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) และได้นำทหารฝรั่งเศสจำนวน 636 นาย เข้ามายังกรุงศรีอยุธยาด้วย สมเด็จพระนารายณ์ ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ทหารฝรั่งเศสจำนวนดังกล่าว     ไปรักษาป้อมที่เมืองธนบุรีส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งมีกำลังสองกองร้อยให้ไปรักษาเมืองมะริด ซึ่งมีอังกฤษเป็นภัยคุกคามอยู่ 
ในปี พ.ศ.2230 สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรงประกาศสงครามกับอังกฤษ เนื่องจากมีเหตุบาดหมางกันในเรื่องการค้าขายกับอินเดีย รัฐบาลอังกฤษให้บริษัทอังกฤษ เรียกตัวคนอังกฤษทั้งหมดที่รับราชการอยู่ ณ กรุงศรีอยุธยา ให้กลับประเทศอังกฤษ ต่อมาชาวอังกฤษได้มาก่อความวุ่นวาย        ในเมืองมะริด  และรุกรานไทยก่อน  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรไทยได้       เนื่องจากขณะนั้นมีทหารฝรั่งเศสรักษาเมืองมะริดอยู่ 
ในรัชสมัยของพระองค์ แม้ว่าจะมีการค้าขายติดต่อกับต่างประเทศ ที่เจริญรุ่งเรืองแล้วก็ตาม แต่ก็ได้มีการทำสงครามหลายครั้ง ครั้งที่สำคัญได้แก่ การยกกองทัพออกไปตีพม่าที่กรุงอังวะ ตามแบบอย่างที่สมเด็จพระนเรศวร ฯ ได้ทรงกระทำมาแล้วในอดีต และได้มีการยกกองทัพไปตีเมืองเชียงใหม่สองครั้งจนได้ชัยชนะ  ขณะนั้นแม่ทัพมือดีของไทยนั้นคือเจ้าพระยาโกษา  (เหล็ก)  และทหารชาวฝรั่งเศสร่วมพันคน
สมเด็จพระนารายณ์ ฯ เสด็จสวรรคต เมื่อปี พ.ศ.2231  ขณะนั้น  พระชนมายุได้ 50 พรรษา  ครองราชย์ได้ 32 ปี 
ยุคสมัยธนบุรี-รัตนโกสินทร์  (พ.ศ.2310  ปัจจุบัน) คือสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์โปรดให้บูรณะเมืองลพบุรีขึ้นมาอีกครั้งในปี พ.ศ.2406 มีการซ่อมแซมกำแพงเมือง ป้อมและประตู รวมทั้งมีการสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎในพระราชวังเก่า พร้อมทั้งพระราชทานนามพระราชวังว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์  ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการวางผังเมืองใหม่และตั้งหน่วยทหารขึ้นมาในเมืองลพบุรี ลพบุรีจึงได้ชื่อว่าเป็นเมืองทหารเพราะมีหน่วยทหารตั้งอยู่ถึง 11 หน่วย ลพบุรีในปัจจุบันจึงเป็น เมืองเศรษฐกิจ  เมืองท่องเที่ยวและเมืองทหาร  ดังจะเห็นได้จากคชสีห์ทั้ง 8 ตัว  ซึ่งหมอบเฝ้าวงเวียนสระแก้ว  (วงเวียนศรีสุริโยทัย)  ณ วันนี้
เอ.......แล้วเพื่อน ๆ ทราบไหมคะว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราชพระองค์นี้เป็นอะไรกับหลวงสรศักดิ์...?				
comments powered by Disqus
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:12 น. - comment id 93279

    มีพระสนมพระองค์หนึ่งซึ่งมาจากเมืองเชียงใหม่  หลังจากที่พระนารายณ์มหาราชทรงตีเมืองได้  จึงได้ผู้หญิงซึ่งเป็นลูกเชลย  มีหน้าตางดงามมาก  เธอชื่อบัว  มาเป็นพระสนม
    ต่อมานางเกิดตั้งครรภ์ขึ้น  อีกทั้งพระนารณ์ฯ  พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าพระเพทราชาผู้เป็นอานั้นมีความชอบพอในพระสนมบัว  นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเห็นว่าพระเพทราชาคงคิดไม่ซื่อจึงพระราชทานพระสนมบัวให้แก่พระเพทราชาไป
    ทำให้พระเพทราชาพอพระทัยเป็นอย่างมาก  ไม่คิดที่จะกบฏในระยะหนึ่ง...  (คิด  แต่ยังไม่ทำการกบฏ)
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:14 น. - comment id 93280

    พระสนมบัว  ถือกำเนิดลูกน้อย  เป็นผู้ชายใต้ต้นมะเดื่อ  จึงให้ชื่อเมื่อครั้งยังเยาว์ว่านายเดื่อ  ต่อมาเมื่อโตขึ้นก็เข้ารับใช้ใกล้ชิด  ได้ตำแหน่งเป็นหลวงสรศักดิ์  ซึ่งพระนารายณ์ฯ  ทรงรักมาก  เพราะรู้ว่าเป็นลูกของพระองค์  แต่เชื่อไหมว่าพระนารายณ์ฯ  ท่านสวรรคตเพราะลูกชายของพระองค์เอง...
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:16 น. - comment id 93281

    ครั้นพระนารายณ์เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว  พระเพทราชาขึ้นครองราช  แต่ก็ครองราชไม่ได้นาน  เนื่องจาก  เวลานั้นพระสนมบัวได้เล่าความให้หลวงสรศักดิ์ทราบความว่าใครคือพ่อกันแน่
    หลวงสรศักดิ์ทรงเจ็บแค้นยิ่งนัก  ทั้งรักทั้งชัง  ในที่สุดก็ตัดสินพระทัยทำการปฏิวัติสำเร็จ
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:17 น. - comment id 93282

    แล้วเพื่อน ๆ ทราบไหมว่า  เหตุใด  พระนารายณ์ฯ  ทรงไม่มีพระราชินี  หรือราชโอรส  ในพงศาวดาร?
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:21 น. - comment id 93283

    นั่นเป็นเพราะคำทำนายที่พระโหราทิบดีได้กล่าวไว้ว่า  ลูกชายนั้นจะทำให้เสียบัลลังก์  ทางที่ดีที่สุดพระองค์จึงไม่แต่งตั้งให้ใครเป็นพระราชินี  และเมื่อพระสนมองค์ใดตั้งครรภ์ก็จะมีดำริให้ทำแท้งเสีย  หรือหากพระองค์จะเสด็จหาพระสนม  เจ้าจอม  หม่อมห้ามคนใด  ก็จะเตรียมน้ำพระสูติไปด้วยเพื่อชำระอวัยวะเพศหลังจากที่ทรงหลับนอนกับนางผู้นั้นเพื่อมิให้หญิงคนใดตั้งครรภ์นั่นเอง
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:25 น. - comment id 93284

    มันเป็นเรื่องของการเมือง  อย่าคิดอะไรมาก  หากไม่มีพระองค์แล้วไซร้  ประเทศชาติของเราก็จะไม่มีวันนี้  กษัตริย์ทุกพระองค์มีความสำคัญทั้งนั้น  และถ้าไม่มีพระนารายณ์ฯ  กษัตริย์พระองค์นี้  เราก็จะไม่ได้เรียนภาษาไทย  เพราะพระองค์ทรงให้พระโหราฯเขียนจินดามณีขึ้น  และถ้าไม่มีพระองค์  เราก็จะไม่มีชาติตะวันตกเข้ามาติดต่อค้าขายด้วย
    และถ้าไม่เพราะความชาญฉลาด  (พระอัจฉริยภาพ) ขอพระองค์อยุธยาคงล่มไปแล้ว  เพราะอังกฤษลอยลำเรือรบล้อมอ่าวไทย  เนื่องจากต้องการมะริดและบางกอกในสมัยนั้น  และต้องการมาโดยตลอดด้วย
    โชคดีที่ท่านมีมือซ้ายมือขวาที่ดีอย่างโกษาเหล็ก  โกษาปาน  และเจ้าพระยาวิชาเยน
  • สุชาดา โมรา

    2 พฤศจิกายน 2549 09:29 น. - comment id 93285

    อืม...ลืมบอกไปว่า  เจ้าพระยาวิชาเยนถูกจับสำเร็จโทษที่วัดซากนะคะ  และรู้ไหมว่าเจ้าพระยาวิชาเยนก็มีความสำคัญช่วยชาติเราเหมือนกัน  เพราะเจ้าพระยาวิชาเยนนั้นคอยเป่าหูบาทหลวงที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ส่งมารอบ 2 เพื่อจะมาขู่บังคับเอาเมืองมะริดและบางกอก  เมื่อเป่าหูมาก ๆ ทำให้แตกคอกันเอง  พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จึงทำการนี้ไม่สำเร็จเพราะเจ้าพระยาวิชาเยนนั่นเอง
    
    
    
    
    
    
    
    และถ้าเพื่อน ๆ ต้องการทราบว่าเหตุใดเจ้าพระยาวิชาเยนชาวกรีกคนนี้ถึงถูกสำเร็จโทษโดยหลวงสรศักดิ์นั้นต้องค้นคว้าหรือติดตามอ่านเกร็ดพงศาวดารได้ใหม่นะคะ  ขอบคุณค่ะ
  • ยายแม่มด

    2 พฤศจิกายน 2549 10:44 น. - comment id 93287

    """"""ขอบคุณนะคะ16.gif''''''''''''''''
  • ธริน

    4 พฤศจิกายน 2549 16:40 น. - comment id 93331

    ขอบคุณคุณ "สุชาดา โมรา" มากเลยค่ะ
    
    อยากให้เล่าต่อไปเรื่อย ๆ
    
    
    แล้วความสัมพันธ์กับชาวญี่ปุ่นล่ะคะ
    
    เกิดอะไรขึ้นบ้างในรัชสมัยของพระองค์
    
    มีอย่างท่าน "ออกญาเสนาภิมุข" ในรัชสมัย
    พระเจ้าทรงธรรมไหมคะ 1.gif
    
    เจ๋งจริง ๆ ค่ะ
  • คนในวังคับ

    21 พฤศจิกายน 2550 14:24 น. - comment id 98339

    ดีคับ  สำหรับพระเจ้าเสือกับพระนารายณ์นั้น
    ในหนังสือ ที่ นายแพนย์พิบูล หลวงวิจิตรวาทการ เขียนไว้ในหนังสือ เรื่องสนุกสมัยพระนารายณ์  พูดไว้ว่า เมือสมเด็จพระนารายณ์ยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ในปี 2203-2205 เมื่อตีแตกพระองค์ก็ได้นางในมา 1 คนซึ่งนามว่า"เจ้าจอมสมบุญ" เมื่อพระองค์จะยกนางท่านนี้เป็นพระสนมแต่โดนขุนนางฝ่ายในคัดค้านซึงพระองค์ได้ยกให้เป็น เมียพระราชฐานแด่พระเพราชา ในพงศาวการเขียนไว้ว่าให้พระเพราชาดูแลเด็กที่เกิดมากับนางยิ่งกว่าบิดาของตนเอง นั้นคือ พระเจ้าเสือ(ขุนหลวงสรศักดิ์)10.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน