** ทัศยุราชันย์ (กาลเบื้องหลัง) **

แก้วประเสริฐ


                                                    บทที่ ๕
                                                 กาลเบื้องหลัง
       “นี่เป็นที่ประทับของจอมราชันย์แห่งนาครินทนาครเวลาออกว่าราชการแผ่นดิน ด้านข้างเป็นที่ประทับ
ของพระมเหสีซ้ายและขวาซึ่งก็ต้องมาช่วยเหลือว่าราชการเหมือนกัน ส่วนเก้าอี้หินใหญ่ต่ำกว่าพระที่นั่งของ
พระมเหสีตรงกลางหน้าของแท่นที่ประทับกษัตริย์เป็นของท่านพ่อปู่ราชครูตัวกลางใหญ่ ส่วนอีกสองตัวเล็ก
ขนาบข้างห่างกันไม่มากนักเป็นของอัครเสนาบดีทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ส่วนเก้าอี้หลังพระมเหสีจัดไว้เป็น
ที่ของพระโอรสและพระธิดาถัดหลังไปเป็นของพวกราชวงศ์  ด้านหน้าของท่านราชครูและเสนาบดีที่ปรึกษา
ส่วนที่เป็นเก้าอี้ถัดไปจะเป็นของแม่ทัพนายกอง ส่วนที่เป็นวงกลมจะเป็นของเหล่าขุนทหารเรียงลำดับหน้า
ไปถึงหลัง  จัดถูกแบ่งเป็นสองฝ่าย ขวามือเป็นของฝ่ายขุนนางทหาร ส่วนซ้ายมือเป็นของฝ่ายพลเรือน  ซึ่งหาก
 ท่านพี่สังเกตจะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะจัดตามตำแหน่งดวงดวงในจักรวาลเกือบทั้งสิ้น เพียงแต่จะมีบ้างดวงดาว
อาจจะสลับตำแหน่งเพื่อกำหนดฟ้าดินในรูปหักมุมเพื่อเน้นทางเดินของดวงดาว” หญิงสาวกล่าวแล้วเสริมว่า
       “องค์ทัศยุราชันย์นั้นเป็นบุคคลไม่ขวักไขว่ในกามารมณ์  คงเพียงหมกมุ่นฝึกปรือวิชาอาคมแก่ทางทหาร
และด้านศาสนานำมาประยุกต์กัน  ตลอดจนแนวทางเพื่อใช้ปกป้องพระนคร  ส่วนด้านอื่นๆไม่เคร่งครัดนัก
ส่วนมากสอบถามข้อราชการต่างๆก็เพียงท่านมหาราชครูฝ่ายด้านทหารและพลเรือนถึงแนวทางต่างๆ
 ทั้งส่วนการระเบียบกฎข้อบังคับจึงมอบหน้าที่การจัดการดูแลให้เป็นอำนาจหน้าที่ของพระมเหสีแต่เพียงผู้เดียว
ต่างคนต่างทำหน้าที่กันจึงทำให้พระนครนี้สงบสุขเพียงแต่ขาดพระราชบุตรพระราชธิดาเพื่อสืบทอดสันติวงศ์
สืบไปจนเกิดความวุ่นวายภายในขึ้น    สาเหตุนั้นเกิดจากหญิงต่างแดน เพราะพระราชไมตรีที่ต้องฝืนยอมรับไว้
ในทางมิตรสหายยามช่วยเหลือ  เพื่อให้เกิดสันติสุขแก่นครนี้ให้พ้นจากเหล่าอริราชศัตรูรักษาไว้ในสิ่งสำคัญ
ช่วยเป็นหูเป็นตาแทน ซึ่งมหามิตรทั้งปวงได้มอบพระธิดาจากดินแดนต่างๆมาเป็นข้าบาทบริจาในพระองค์ 
     ในการนี้ พระองค์มิต้องการแต่ประการใดได้นำมาร่วมปรึกษาหญิงและท่านพ่อปู่ราชครู  สรุปรวมความแล้ว
เห็นว่าเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขุ่นเคืองต่อกัน จึงตกลงยอมรับไว้ในพระองค์  แต่หาได้ใส่ใจในหญิงเหล่านี้ไม่
เพียงแต่ให้ความเอ็นดูดุจหญิงทั่วๆไปตามขนบธรรมเนียมมิบกพร่องเท่านั้น  ความทราบไปถึงเจ้าแคว้นต่างๆแต่ก็
ไมสามารถทำอะไรถึงแม้ว่าจะไม่บรรลุตามจุดประสงค์นั้น  จนเกิดการใช้เล่ห์เพทุบายต่างๆนาๆในระหว่างเจ้า
หญิงต่างแดนต่อกันและกัน  จนบังเกิดความกลัดกลุ้มในพระราชหฤทัยเป็นล้นพ้นมิมีอันในทางด้านทหารซึ่ง
พระองค์โปรดปรานนัก  มักจะเสด็จยังห้องวิหารที่จัดไว้เป็นพิเศษหมกตัวเองอยู่หลายๆวัน ฝึกฌานสมาธิก็ยัง
ไม่พ้นการกลัดกลุ้มยามออกจากห้องวิหารนั้นๆ  ทำให้จิตใจยากสงบลงได้  พระองค์ได้มาปรึกษาปรับทุกข์หญิง
ว่าจะลาไปชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้  หญิงเองไม่คิดว่าพระองค์จะสละสังขารภายใต้ธาตุอันศักดิ์สิทธิ์
ิ์ที่ใช้ชำระกายในทุกวันเพ็ญกระจ่างรัตติกาลนั้น
เพียงแต่พระองค์ยืนยันว่าจะกลับมาสู่นาครินทนาครอีกครั้งขอไป
ชั่วคราวมอบการปกป้องแก่มหาศาสตราอาวุธอันศักดิ์สิทธิ์แก่ธาตุบริสุทธิ์  และฝากการดูแลปกครองนคร
แก่ท่านพ่อปู่ราชครูกับหญิงไว้     หญิงก็เชื่อเช่นนั้นนึกว่าจะเสด็จไปตามภพต่างๆเพื่อผ่อนคล้ายพระราชหฤทัย จนกระทั่ง
เสด็จสู่ธารศักดิ์สิทธิ์สละสังขารในที่นั้น ในระหว่างนั้นก็ยังหันมายิ้มและกล่าวอำลาเป็นนัยๆกำชับว่าอย่าลืม
คำสั่งถึงพ่อท่านปู่ราชครูด้วย   หญิงเสียใจเป็นอย่างมากเพียงแค่คิดว่าพระองค์จะเสด็จท่องเที่ยวไปในภพ
ต่างๆ     มิได้เฉลียวใจเลยว่าจะเสด็จสละสังขารในทางธาตุศักดิ์สิทธิ์  เพื่อตัดปัญหาทางการเมืองและเหล่าหญิง
         เมื่อเจ้าหญิงต่างๆทราบว่าองค์ราชันย์ได้สิ้นพระชนม์ไปก็หาทางแยกย้ายกันกลับสู่แคว้นของตน
แต่ด้วยเดชะบารมีของมหาศาสตราอาวุธทั้งห้านั้น เหล่าที่คิดจะรุกรานก็ยังมิกล้าเพราะด้วยเกรงคร้ามใน
อำนาจอิทธิฤทธิ์บารมีอยู่  เนื่องด้วยกิติศัพท์ที่เขาแลเห็นว่ามหาศาสตราอาวุธน
ี้จะออกปกป้องคุ้มครองนครมัก
จะล่องลอยให้เห็นอยู่เสมอมา   จึงค่อยเบาใจอีกทั้งท่านพ่อปู่ราชครูปลอบโยนหญิงและบอกว่าเป็นกรรมเก่าเข้า
ตัดรอนแล้วจะกลับคืนมาในอีกรูปแบบหนึ่ง  ทำให้หญิงค่อยบรรเทาคลายโศกลงด้วยเชื่อในคำทำนายพ่อปู่ราชครู  
จนถึงวันที่ท่านพี่จะมา   ท่านพ่อปู่ราชครูแจ้งให้หญิงไปคอยรับพี่ท่านที่จะเข้ามาในวงจรแห่งนาครินทนาครนี้
ตามวันเวลาอย่าได้พลาดเป็นอันขาดองค์ทัศยุราชันย์ในร่างใหม่จะเสด็จ  จงนำไปให้พ่อปู่ราชครูตรวจสอบเพื่อ
แน่นอนถูกต้องจนแน่แท้แก่ใจแก่ท่านพ่อปู่ราชครูเสียก่อน  หญิงดีใจเป็นล้นพ้นแทบจะไม่ได้พักผ่อนหลับนอน
เลยเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ  จนถึงวันเวลาตามกำหนดรีบไปรอคอยเพื่อรอรับอมตะวิญญาณองค์ทัศยุหรือตัวท่านพี่
ที่สลบไศลบนเนินฝั่งปากถ้ำของท่านโสตตะนาคีนาคราช อาศัยสถานที่เบิกทางนำท่านเข้าสู่นาครินทนาคร”
       “นั่นซิพอตื่นมาพบสิ่งแปลก?   อะไรเล่าทำให้ท่านพ่อปู่ของหญิงแน่ใจเช่นนั้น” ชายหนุ่มสงสัยถามต่อ
       “ก็เพราะว่าท่านพ่อปู่มีฌานสมาบัติฤทธิ์สามารถตรวจสอบลิขิตชาตาของฟ้าดินได้ เพียงแต่ท่านสบนัยน์ตาเท่านั้น
ก็จะทราบความเป็นไปตื้นลึกหนาบางของเหล่าวิญาณนั้นๆได้ซิ”  หญิงสาวตอบแล้วยังกล่าวต่อว่า
        “เคยได้ยินพ่อปู่กล่าวให้ฟังเสมอๆว่า ในภพนี้นั้นยกเว้นทัศยุราชันย์แล้วหาได้เกรงกลัวผู้ใดไม่”
        “โอ้โหๆแสดงว่าท่านพ่อปู่สามารถขึ้นสวรรค์ทุกชั้นและลงเที่ยวเมืองนรกได้ล่ะซิ” เขาถามเพราะยิ่งคุยยิ่ง
บังเกิดความสนุกสนานแปลกใหม่แทรกเข้ามา 
         “  อ้อ!!!ขอถามอีกหน่อยว่า หญิงและท่านพ่อปู่กับบริวารนั้นเป็น มนุษย์ เทวดาหรืออะไรกันแน่นะ
ถึงได้มีอิทธิฤทธิ์ดังที่เห็นแสดงไว้และสถานที่อยู่ก็แตกต่างอย่างมากมาย”  
          “แล้วพี่ท่านไม่ได้ฟังท่านพ่อปู่เล่าให้ฟังเลยหรือ
ถึงกำเนิดของนาครินทนาครและชาวนครเหล่านี้  หญิงไม่
สามารถอธิบายกระจ่างกว่านี้ได้” หล่อนตัดบทยิ้มแล้วรีบเดินหนีนำหน้าเดินเข้าไปข้างในหลังพระแท่นเศวตฉัตร
          ชายหนุ่มเดินตามเข้าไปพร้อมทหารองครักษ์ทั้งแปดนาย  แต่ยังมิวายอดถามเสียมิได้
          “ไปคราวนี้คงเป็นห้องส่วนตัวใช่หรือเปล่าละ  แล้วเราสองจะพักรวมกันหรือเปล่าหนอ”  ชายหนุ่มถามโดย
แสร้งกล่าวลอยๆพอให้หญิงสาวได้ยิน แล้วอดเอามือปิดปากกลั้นหัวร่อเสียมิได้
           เป็นผลหญิงสาวหันขวับมาทันทีแล้วแสร้งทำหน้าบึ้งกล่าวขึ้นว่า
         “จะเป็นไปได้อย่างไรล่ะท่านพี่ ต่างก็พักซิค่ะ  มาดแม้นว่าอดีตเราจะเป็นคนๆเดียวกันก็ตาม แต่ปัจจุบันนี้ยัง
ต้องอาศัยปัจจัยเหตุหลายๆอย่างนะ   จนกว่าท่านพี่จะเข้าอาบธาตุอันศักดิ์สิทธิ์เสียก่อนก็จะถึงเวลา  มิฉะนั้น ฮึๆๆๆ”  นางกล่าวแค่นั้นแล้วหันหน้ากลับ
         “ทำไมช่างยุ่งยากอะไรเช่นนั้นหรือ”  ชายหนุ่มแกล้งเย้า เพราะรู้ว่ายากจะเป็นไปได้ต้องคอยเวลา
         “หญิงกลัวจะเสียท่านพี่ไปอีกนะซิ”  หล่อนตอบแล้วใบหน้ากลับแดงซ่าน
         “โอ้วๆๆ..ทำไมเป็นไงหรือน้องหญิง”  คราวนี้ชายหนุ่มทำหน้าสงสัยบ้าง
         “ก็...ก็เพราะท่านพี่เป็นมนุษย์เต็มตัวนะซิ   หากใกล้กับหญิงมากธาตุทั้งสี่ภายในกายพี่จะหลีกลี้หนีแยกออก
จากกันด้วยไม่อาจทานฤทธิ์ธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในกายหญิงได้ค่ะ อย่าถามอีกเลยเดินต่อเถอะท่านพี่” หญิงสาวม้วน
อายใบหน้าแตกซ่านมากยิ่งขึ้น
           คราวนี้ชายหนุ่มพอจะทราบอะไรลางๆแล้ว  จึงซินะท่านพ่อปู่บอกว่าพวกเขาเป็นมนุษย์กึ่งเทพที่อยู่ใน
ภพพิเศษไม่เหมือนกับเทพในภพต่างๆ  จึงมีอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าเทพบางองค์ถึงแม้ว่าจะทำอะไรเหมือนกับมนุษย์
ก็ตามแต่ก็ยังมีสิ่งเข้ากีดขวางกั้นของมนุษย์อย
ู่จนกว่าจะปรับเปลี่ยนสภาพเป็นดุจเดียวกับพวกชาวนครเท่านั้น
   เห็นจะต้องรอปรับสภาพตัวเราเองก่อนถึงจะมีวันนั้น  จะดูซิว่ามนุษย์เทพจะน่าภิรมย์เพียงใดหรือไม่   ชายหนุ่ม
ฝันหวานคิด  พาลนึกถึงกลิ่นที่ลอยจางๆออกมาจากกายหล่อน
ช่างหอมละมุนละไมเหลือที่จะกล่าวแล้วที่ท่อง
เที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆก็ไม่เกิดความร้อนอากาศก็เย็นสบายๆ
หากเป็นสาวมนุษย์ธรรมดาป่านฉะนี้กลิ่นกาย
คงส่งกลิ่นรุนแรงด้วยหยาดเหงื่อไคล  ทำให้อดนึกย้อนไปตอนเล่าเรียนก่อนจะเข้าป่า เคยวิ่งเล่นกับเพื่อนสาว
และเคยสวมกอดเจ้าหล่อนกลิ่นกายกับไม่หอมดังนี้เลย แล้วนึกย้อนตัวเองตั้งแต่ทานผลไม้กับน้ำอุทกศิลาไป
นี่ก็เกือบทั้งวันแล้วยังไม่มีกลิ่นเหงื่อไคลเลย
หากก่อนนั้นคงจะชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อซ้ำตัวยังเบาหวิวๆชอบกล
พลันคิดถึงเหตุแปลกประหลาดที่พบเห็นสิ่งที่ผ่านมา อดถามเจ้าหล่อนเสียมิได้
                  “น้องหญิง  พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมละ”   ชายหนุ่มสอบถามด้วยความสงสัย
           “อะไรหรือท่านพี่”   หล่อนหันกลับมาถาม
           “พี่เฝ้าสังเกตว่านับตั้งแต่ออกเดินทางมาจนถึงที่นี่
เห็นพวกทหารและนางรำไม่เหมือนจะเดินเลยคล้ายๆจะ
ล่องลอยไปในอากาศก็มิปานรวมทั้งน้องหญิงด้วย ทำให้บังเกิดความสงสัยอาการเดินเหินของชาวนครยิ่งนัก”
             “อ้อ..ๆ ไม่มีอะไรหรอกท่านพี่ เพียงแต่พวกเราได้ทานผลไม้และน้ำอมฤตอุทกศิลาปรับสภาพร่างกายและ
อีกอย่างหนึ่งก็ถือกำเนิดก็อยู่ในหมู่เดียวกัน เมื่อถือกำเนิดชาวนครต้องทานผลไม้และน้ำอมฤตอุทกนี้ทุกๆคน
ซึ่งเกิดขึ้นมาเองกับบุคคลนั้นๆตามแต่บารมีของคนที่ได้รับไม่เท่ากัน แตกต่างกันไปตามแต่บุญวาสนา ฉะนั้นทำ
ให้ร่างกายจึงเบาหวิวเสมือนล่องลอยไปอากาศดุจเทพยาดา หากจะนึกให้เร็วก็ได้ช้าก็ได้ค่ะ  อย่างท่านที่ซึ่งเป็น
มนุษย์เต็มตัวเมื่อได้ทานผลไม้และน้ำอมฤตอุทกศิลาแล้ว
จะถูกปรับแต่งสภาพร่างกายเพียงขั้นแรกแต่ว่ายังไม่
อาจจะเข้าสู่ภูมิเทพได้ ต้องอาศัยการชำระร่างกายด้วยธาตุศักดิ์สิทธิ์เสียก่อน
ถึงจะเข้าสู่ภพภูมินี้เต็มตัวกลายเป็น
กึ่งมนุษย์กึ่งเทพสามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจนึกปรารถนา”  หล่อนตอบ
           “แล้วน้องหญิงบอกว่าผลไม้และน้ำอุทกศิลาจะบังเกิดขึ้นเฉพาะบุคคล แล้วที่พี่ได้รับทานนั้นล่ะได้มา
อย่างไร ยิ่งพูดยิ่ง งง  หรือว่าจะมีผลไม้และน้ำอุทกศิลาที่ปลูกในดินแดนนี้มีอีกหรือ”  ชายหนุ่มถาม
         “ไม่มีหรอกท่านพี่ ส่วนของท่านนั้นไม่เหมือนใครเพราะกำเนิดขึ้น
จากสถานที่เก็บธารธาตุอันศักดิ์สิทธิ์
ลอยขึ้นมาตามที่พ่อปู่เล่าให้ฟัง จึงทราบว่าท่านพี่กลับมาแล้ว หากมาดแม้มิใช่วิญญาณท่านทัศยุแล้วไซร้ เมื่อได้
รับผลไม้และอุทกศิลาเข้าไปในร่างกาย  ร่างนั้นจะถูกแยกแตกออกเป็นเสี่ยงๆทันทีดับไปพร้อมวิญญาณยากจะ
หาที่ผุดเกิดได้ใหม่จนกว่าจะได้รับการโปรดจากพระอรหันต์เท่านั้น  สถานธารธาตุนี้จะมีก็เพียงท่านพ่อปู่คน
เดียวที่เฝ้าดูแลรักษา   คนอื่นยากที่จะกร่ำกรายเข้าไปได้ เพราะมีสิ่งปกป้องคุ้มครองภัยนานานัปการ
หากท่านพี่ต้องการทราบรายละเอียดให้ไปสอบถาม
ท่านพ่อปู่ดูก็จะได้ความกระจ่างค่ะ” หญิงสาวตอบ
            “คงไม่ช้าไม่นานหรอกจะได้พบท่านพ่อปู่ เพราะจะนำพี่ท่านไปชมมหาศาสตราอาวุธและธารน้ำอมฤต
อันศักดิ์สิทธิ์  ถึงตอนนั้นท่านพี่ก็สอบถามท่านพ่อปู่ดูเอาเองก็แล้วกัน”  หญิงสาวเอ่ยตอบ
             “ซึ่งที่เก็บของดังกล่าวนี้ไม่มีผู้ใดเข้าไปได
้นอกเสียจากองค์ราชันย์ทัศยุกับท่านพ่อปู่เท่านั้นเพราะผู้เฝ้า
รักษาดูและสถานศักดิ์สิทธิ์ไม่ยินยอมให้ผู้ใดเข้าไป  แม้แต่หญิงเองก็ไม่ได้ยกเว้น เว้นแต่ผู้หนึ่งผู้ใดในสองที่
กล่าวนี้จะเป็นผู้นำทางผ่านเข้าสู่สถานจึงสามารถผ่านไปได้”
               “แม้แต่ท่านบัดนี้ก็เถอะก็ไม่สามารถผ่านไปได
้เพราะร่างกายท่านยังเป็นมนุษย์เต็มตัว
ฤทธิ์ของผลไม้และน้ำอุทกศิลาก็ไม่อาจทาน
ฤทธิ์ของมหาศาสตราอาวุธและธารอมฤตศักดิ์สิทธิ์ได้ จึงจำเป็น
ให้ท่านพ่อปู่เป็นผู้นำทางผ่านเท่านั้น  มิฉะนั้นผู้ที่รับเหมือนท่านพี่หรือมากกว่าคงผ่านได้นะซิ” หญิงสาวเฉลย
        “  ในเมื่อแทบทุกๆคนในมหานครนี้ดูไปคล้ายจะมีฤทธิ์มากหรือน้อยกันทั่ว  ถ้าหากศัตรูที่มีฤทธิ์มาก
สามารถเหาะเหินเดินอากาศและดำดินได้  หากจะเข้ามารุกรานนครนี้ก็จะทำได้ง่ายเพียงแค่เหาะผ่านกำแพงนคร
หรือดำดินมาโผล่กลางนครจะมิเกิดปัญหาในการป้องกันหรือหญิง” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย
          “ในกรณีนี้ท่านพ่อปู่ก็ทราบแล้ว
เพียงแต่ว่าถ้าหากอำนาจของมหาศาสตราอาวุธและธารน้ำอมฤตศักดิ์สิทธิ์
ยังมิอ่อนอำนาจลง   ผู้รุกรานก็ยากจะทำอย่างที่ท่านพี่ว่าได้  ด้วยเหตุที่พื้นที่ใต้ที่จัดตั้งนี้จะแผ่พะลานุภาพกระจาย
คุ้มครองและแนวกำแพงแก้วนี้ก็จะเปล่งรัศมีพวยพุ่งขึ้นมา อีกอย่างหนึ่งท่านพี่ก่อนจะเข้ามานั้นจะเห็นดวงแก้ว
ขาวราวไข่มุกดวงใหญ่ที่ทอแสงนวลใย
ตั้งอยู่เหนือยอดมหาปราสาทราชวังจะทอแสงกระจายเสริมอำนาจของ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว  ซ้ำยังเตือนผู้คนที่อาศัยในพระนครนี้ให้ทราบถึงภยันตรายทราบได้  หากมีผู้รุกรานเกิดขึ้น
ประกายแสงของไข่มุกนั้นจะกระพริบแจ้งเหตุร้ายทันทีในรัศมีหนึ่งร้อยโยชน์  ฉะนั้นผู้ที่จะรุกรานหรือผู้ที่อยู่
ภายในพระนครนี้ก็ไม่สามารถจะเหาะเหิรและดำดินภายในอาณาเขตของพระนครนี้ได้ค่ะ”  หญิงสาวแจงให้ฟัง
        “ท่านพ่อปู่จึงกำชับขุนทหารตั้งเวรยาม
คอยตรวจสอบดวงแก้วนี้เป็นประจำและยังจัดทหารเข้ารักษาการณ์
ตามแนวกำแพงและสถานที่สำคัญอย่างเคร่งครัดอีกด้วย”  หล่อนเสริมต่อ
        “นั่นซิ...เสียเวลาน้องหญิงมากแล้ว เราเดินต่อไปเถอะจะได้ชมที่อยู่อาศัยเสียที” ชายหนุ่มหมดกังวล
      ทั้งสองและเหล่าขุนทหารองครักษ
์สืบเท้าไปยังข้างหน้าเป็นแนวยาวลาดด้วยหินหลากสีส่งประกายแตก
ต่างกัน  พอพ้นมหาปราสาทที่ใช้ว่าราชการแผ่นดินภาพปรากฏเบื้องหน้ากระจ่างตา ประกอบไปด้วย
ปราสาทสามหลังเรียงรายล้อมไปด้วยอุทยานพฤกษา  สระที่ปลูกดอกบัวบานสะพรั่ง สองข้างทางแนวเดิน
เป็นพุ่มไม้ดอกที่ได้รับการตบแต่งเสมอๆกันดุจกำแพงดอกพฤกษาไม้นานาพันธุ์ ยอดภูเขาเตี้ยๆส่งสายน้ำพุ
ที่พุ่งขึ้นไปในอากาศส่งควันอ้อยอิ่งล่องลอย ถัดลงมาเป็นธารน้ำตกที่เกิดจากสายธารน้ำพุไหลตกลงมาเป็นชั้นๆ
รินลงสู่แอ่งน้ำใสกลายเป็นกระแสน้ำอุ่นบริเวณไม่กว้างไม่เล็กนัก
สู่ร่องน้ำไปยังสระที่ปลูกดอกบัวหลากสี
ระหว่างกลางของปราสาทองค์กลางที่ใหญ่กว่าปราสาทหลังเล็กสองหลังทั้งสองด้านเหมือนกัน  กำแพงกั้นแบ่ง
ปราสาททั้งสามเป็นกำแพงพฤกษาส่งกลิ่นหอมเบ่งบานทั้งสามหลังสูงประมาณแค่แอวเห็นจะได้
       ทั้งหมดเดินตรงไปยังปราสาทหลังใหญ่ที่ประดับประดาไว้อย่างวิจิตรพิสดารแพรวพราวทั้งสิ้น ซึ่งงดงามกว่า
ปราสาทสองหลังอย่างเห็นได้ชัด  พลันหญิงดาริกาหันมาเอ่ยว่า
     “ปราสาทหลังใหญ่นั้นใช้เป็นที่ประทับขององค์ทัศยุราชันย์
์ส่วนด้านขวามือเป็นปราสาทของพระมเหสีฝ่าย
ขวา ด้านซ้ายเป็นของพระมเหสีฝ่ายซ้าย ส่วนด้านหลังปราสาททั้งสองเป็นของเหล่าสนมนางกำนัลของราชันย์
ท่านพี่ยังมองไม่เห็นปราสาทอีกหลังหนึ่งแต่ย่อมๆกว่าองค์ใหญ่ ใช้เป็นที่พักผ่อนของท่านมหาราชครูหรือท่าน
พ่อปู่นั่นเอง”  นางชี้แจงอธิบาย
         ทั้งสองเดินทอดเท้าย่างไปจนถึงหน้าปราสาทหลังใหญ่ นางเดินนำก้าวเข้าสู่ปราสาทที่ใช้สำหรับพักผ่อน
ขององค์ราชันย์  บรรดาเหล่าทหารองครักษ์เพียงหยุดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า
แบ่งกระจายออกยืนเฝ้าดูแลรักษา
พอชายหนุ่มก้าวตามหญิงดาริกาผ่านเข้าไปก็ให้รู้สึกเยือกเย็น
เปรียบประดุจอยู่ในภูเขาน้ำแข็งอากาศเย็นสบาย
พอมองไปรอบๆเห็นตรงกลางกั้นไว้ด้วยผ้าแพรบางเบา
แต่แปลกไม่สามารถมองเข้าไปเห็นภายในได้  ถูกกั้นด้วย
เป็นม่านสามชั้นคิดว่าเป็นที่ประทับบรรทมขององค์กษัตริย์  เพราะปรากฏมีเศวตฉัตรสามชั้นขึงอยู่ด้านบนแสดง
ภายในปรากฏมีแสงระยิบระยับล่องลอย
เป็นประกายสีทองเปรียบประดุจดั่งแสงหิงห้อยที่ล้อเริงลมกับอากาศที่
แผ่ปกคลุมด้วยความเย็นฉ่ำ  บ้างรวมกลุ่มแปรสภาพเป็นสัตว์มีปีกดุจผีเสื้อบินว่อนไปว่อนมาของนานาสัตว์
จำพวกแมลงอื่นๆนับตระการตายามมองสร้างอารมณ
์ให้รู้สึกคลายความเร้าร้อนอย่างประหลาด   
           มีหน้าต่างที่ใช้สำหรับมองไปยังอุทยานภายนอกปราสาท จัดวางด้วยโต๊ะหินแก้วประดับประดาไว้อย่าง
งามตาบนโต๊ะมีแจกันหินสีประดับด้วยดอกไม้ส่งกลิ่นหอมยิ่ง ข้างๆวางด้วยโถแก้วสีภายในบรรจุด้วยน้ำใส
สะอาดพร้อมเหยือกแก้วใบเล็กๆวางคู่กัน  อีกด้านหนึ่งเป็นตั่งที่ไม่กว้างใหญ่นักปูด้วยผ้าคลุมค่อนข้างหนาลายผ้า
นั่นแปลกตาไม่เหมือนกับที่เคยพบเห็นในเมื่อเขาไปช่วยทำบุญที่วัดในเมือง 
				
comments powered by Disqus
  • เพียงพลิ้ว

    1 พฤศจิกายน 2549 14:08 น. - comment id 93271

    กานต์อยากกินผลไม้และน้ำอุทกศิลาจังเลยค่ะคุณลุง
    
    จะได้เป็นนางเอก อิอิ
    
    36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif36.gif1.gif
  • ยายแม่มด

    1 พฤศจิกายน 2549 16:29 น. - comment id 93273

    ม่าย ยอมนะ เจ้าชาย...ให้ยายแม่มดก่อน  ก้อได้ เห็นแก่กานต์....คนสวย
    
    ให้กานต์ก่อนก้อได้  แต่ต้องรักยายแม่มดมากกว่านะคะ16.gif36.gif......
    
    ........ตัดสินด่วนเลยเจ้าชาย.....
    
    รักเจ้าชายค่ะ......57.gif
  • ราชิกา

    2 พฤศจิกายน 2549 22:17 น. - comment id 93293

    ...เรื่องราวน่าติดตาม...จะคอยอ่านต่อไปค่ะ..36.gif57.gif36.gif
  • แก้วประเสริฐ

    2 พฤศจิกายน 2549 23:13 น. - comment id 93297

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ราชิกา
    
          ขอบคุณแฝดเพื่อนที่รักยิ่ง   ผมอาจจะ
    เยิ่นเย้อเนื้อเรื่องไปหน่อยแต่ความต้องการ
    ของผมเพื่อให้ผู้อ่านได้ล่วงลึกเข้าไปยังเรื่องนี้
    ดุจประหนึ่งเข้ามีส่วนร่วมด้วยครับ  ซึ่งบางครั้ง
    อาจจะไม่ทันใจไปบ้างก็ต้องขอโทษผู้อ่านด้วย
     แต่ทำไงได้นิสัยผมเป็นแบบนี้ซะด้วย และเคย
    เกริ่นไว้ล่วงหน้าว่า ผมเป็นคนบ้าๆบวมๆบ๊องส์ครับขอบคุณครับ
    
                       16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    2 พฤศจิกายน 2549 23:16 น. - comment id 93298

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ เพียงพลิ้ว
    
             โทษทีครับเจ้าหญิงมณีกานต์ ผมเองกำลังจะ
    เบลอยังไงชอบกลระยะนี้ครับ นึกว่าตอบไปแล้ว
    เลยตอบล่าไปหน่อยขอพระราชทานอภัยนะขอรับ
    
                            16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif
  • แก้วประเสริฐ

    2 พฤศจิกายน 2549 23:20 น. - comment id 93299

    36.gif16.gif36.gif
    คุณ ยายแม่มด
    
             ตกลงครับผมเองได้แต่งตั้งคุณไปแล้วครับ
    เป็นเจ้าหญิงปทุมวดีในตอนต่อไปครับ หวังว่าคง
    จะยอมแล้วนะครับ อิอิส่วนยายกานต์เป็นเจ้าหญิง
    มณีกานต์ไปแล้วด้วยแต่ต้องคอยติดตามตอนต่อไป
    เดี๋ยวไม่เท่าไหร่ก็จะเปิดโฉมเจ้าหญิงผู้มีสิริโฉมงดงาม
    ทั้งคู่แหละครับ อิอิ  ฮ่าๆๆๆ
    
                   16.gifแก้วประเสริฐ.16.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน