คนที่ผมรักตายไปแล้ว!! ...คนที่ผมรัก เธอเริ่มตายเมื่อแรกก้าวไอเย็นแห่งฤดูหนาวหนที่สามของเราสองคนย่างกรายมาถึง แน่นอนว่ามันเหนือการคาดหมายใดๆ ของผมหรือแม้แต่ตัวเธอเอง นานกว่าสองช่วงอายุลมหนาวที่เราต่างอาทรแบ่งปันไออุ่นแก่กันและกัน แต่อยู่ๆ เมื่ออย่างขวบปีที่สาม เธอก็ตายจากไปอย่างไร้เหตุผล ผมไม่แน่ใจว่า เราทันได้เอ่ยคำร่ำลาต่อกันหรือเปล่า คลับคล้ายว่าเรานั่งทานมื้อเย็นกันในสวนหลังบ้าน หัวเราะพึงพอใจรสชาติอาหารที่ลงมือปรุงด้วยกัน ก่อนจะเข้านอนพร้อมกันเมื่อดวงดาวขึ้นประปรายบนฉากฟ้าสีดำ หลับสบายและต่างก็ฝันถึงกันและกัน แต่พอรุ่งเช้าเธอก็ตายจากป ผมรู้สึกจุกแน่นหน้าอก ...ใช่แล้วล่ะ หัวใจของผมกำลังร้องไห้ ร้องไห้ท่ามกลางลมหนาวที่คืบคลานเข้ามาอย่างเย็นชา ใบไม้สีน้ำตาลแดงแห้งกรอบปลิดปลิวร่อนลงเกลื่อนพื้น ทิ้งไม้แห้งยืนต้นเหม่อลอยหงอยเหงาเพียงลำพัง มันจะรู้สึกสะเทือนใจบ้างไหม กับการที่อยู่ด้วยกันมาเนิ่นนาน อยู่ๆ เมื่อย่างเข้าสายลมแรกของฤดูหนาว ฝ่ายหนึ่งก็จากไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา ใครจะรู้ ต้นไม้อาจแอบร้องไห้ในม่านมืดของค่ำคืนที่มีเพียงแสงดาวริบหรี่รู้เห็น มันอาจจะตะโกนบอกดวงดาวไปว่า "ฉันก็เจ็บเป็น" ...และถ้าเป็นเช่นนั้น หัวใจของต้นไม้ก็คงกำลังร้องไห้เหมือนกัน ผมใช้เวลาชั่วโมงครึ่งกับกาแฟดำมื้อเช้า จิบสุดท้ายเย็นชืดและฝาดปร่าจนเกือบสำลัก เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเอาซะเลยสำหรับกาแฟฝีมือตัวเองถ้วยแรกในรอบสองปี ถัดจากกาแฟถ้วยนี้แล้วจะใช้ชีวิตยังไงต่อไปก็ยังไม่รู้ ผมเพิ่งจะลาออกจากงาน เป็นการลาออกทั้งๆ ยังไม่รู้จะไปทำอะไร ความจริงในเวลานี้ผมก็ไม่มีกะใจจะทำอะไรอยู่แล้ว มันเป็นห้วงเวลาแห่งความว่างเปล่าของชีวิต ปราศจากความหวัง ความทะเยอทะยาน และแม้แต่ความรัก ผมอาจจะใช้เวลาทั้งวันบนเก้าอี้ไม้ในสวนหลังบ้าน หรืออาจจะนอนคุดคู้ใต้ผ้าห่มเพื่อไม่ต้องรับรู้ว่าวันอันยาวนานจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ แต่เชื่อเถอะว่าทุกที่ที่ผมอยู่ก็จะต้องเต็มด้วยภาพของเธอ "คนที่ผมรัก" แม้ว่าเธอจะตายจากไปแล้วก็ตามที มันไม่ง่ายนักหรอกกับการบังคับความรู้สึกของตนเองให้ลืมใครสักคน โดยเฉพาะเมื่อมันเกิดขึ้นถัดจากความผิดหวัง ผมฝืนข่มตานอนมาตลอดบ่าย ถึงอย่างนั้น ก็หลับไม่ลง มันรู้สึกกระสับกระส่ายจนต้องลุกขึ้นมาเดินวนเวียนรอบเตียง ก่อนจะเตลิดออกไปถึงห้องครัว เปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม ทั้งๆ ที่ไม่รู้สึกว่ากำลังได้ดื่ม ไม่รู้สึกแม้กระทั่งการมีอยู่ของลมหายใจ ทุกอย่างที่ดำเนินไป เหมือนเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า เบาหวิว ...แต่กระนั้น ในความว่างเปล่าที่ว่ากลับยเต็มด้วยภาพเธอ ทุกๆ อิรอยาบถของเธออ่อนไหว งดงามราวภาพวาดจากสรวงสวรรค์ และไม่ว่าผมจะหลับตาหรือลืมตาภาพเหล่านั้นก็ยังปรากฏอยู่ อุ่นจุมพิตอ่อนโยนยังเจือจางบนริมฝีปาก กรุ่นหอมเส้นผมยาวสยายยังติดค้างตรงปลายจมูก แม้แต่ในความเงียบงัน เสียงหัวเราะของเธอก็ยังคงก้องกังวาน แรกที่เราพบกันนั้น ความโง่เขลาของผมมีมากซะจนบดบังไม่ให้เห็นความสวยงามของเธอ จนเมื่อได้พบกันบ่อยครั้งขึ้นความชิดเชือ้มีโอกาศทำหน้าที่ของมันอย่างสัตย์ซื่อ ทุกอย่างจึงมีทีท่าเปลี่ยนไปจากแรก กลายเป็นผมที่เฝ้าพะวักพะวงถึงเธอ เริ่มต้นตั้งแต่เช้ามือล่วงเลยจนดึกดื่นและไม่เว้นกระทั่งในความฝัน ชีวิตผมดูจะมีเพียงแค่สองอย่าง คือ คิดถึงเธอตอนตื่น กับคิดถึงเธอตอนนอนหลับ นานเท่าใดไม่รู้ที่ความเป็นเพื่อนระหว่างเราถูกบ่มเพาะจนงอกงามกลายเป็นความรัก ผมกลายเป็นคนที่เธอรัก ส่วนเธอกลายเป็นคนที่ผมรัก รักเท่าที่คนๆ หนึ่งจะพึงรักอรฃีกคนหนึ่งได้ และรักเพิ่มพูนขึ้นทุกๆ วัน จนมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรมาแยกเราจากกันได้ ...แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ตายจากผมไป แรกที่รับรู้ถึงการตายของเธอ ผมไม่อาจกั้นน้ำตาเอาไว้ได้ มันไหลบ่าราวน้ำฝนต้นฤดูกาล ไม่ใช่แค่ตัวเท่านั้นที่ร้องไห้ หัวใจของผมก็ร้องไห้ มันเหมือนชีวิตได้เดินทางมาถึงจุดที่เปราะบางที่สุด...และกำลังจะแตกสลาย สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับการตายของเธอ คือเธอไม่ได้ตายจากไปในทีเดียว ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น แม้จะต้องเจ็บปวดก็คงเป็นการเจ็บปวดที่สุดแค่ครั้งเดียวเช่นกัน แต่คนที่ผมรักเธอค่อยๆ ตายจากผมไปทีละนิด ทีละน้อย บางวันดูเหมือนว่าเธอยังดีอยู่ แต่ถัดไปอีกวันกลับดูเลวร้ายราวกับเป็นคนละคนกัน บ่อยครั้งในระหว่างทางแห่งความตายของเธอ เราสองคนทะเลาะกันด้วยเรื่องอันไม่เป็นเรื่อง ตามต่อมาด้วยความห่างเหินคล้ายกับเธอต้องการหลบหน้าผม คนที่เธอพร่ำบอกอยู่ตลอดเวลาว่า ยังเป็นคนที่เธอรัก สิ่งเหล่านั้นดำเนินไปอย่างเงียบเชียบบนความแคลงใจ แต่ผมยังพยายามไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมา เธออาจจะแค่เหนื่อย...คนเราทุกคนมีช่วงเวลาแห่งความเหน็ดเหนื่อยด้วยกันทั้งนั้น ต่อให้มีชีวิตที่รายล้อมด้วยความสุขขนาดไหน ก้ต้องมีสักวันหนึ่งที่รู้สึกเหนื่อย แต่จะเป็นไรไปล่ะ เราก็แค่หาเวลาพักปล่อยให้หัวใจได้เอนตัวลงนอนพักบ้าง เพื่อจะตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นอีกครั้ง ผมจึงปล่อยให้เธอเป็นอย่างที่เธอกำลังเป็น...ไม่นานเธออาจจะดีขึ้นและกลับมาเป็นคนที่แสนดีคนเดิม ผมคิดผิดถนัด สิ่งที่ทำไปนั้นไม่แตกต่างอะไรกับการหยิยยื่นโอกาสแห่งการตายให้กับเธอ เธอจึงแสดงให้ผมเห็นว่าเธอได้ตายไปแล้วจริงๆ ด้วยการหายหน้าไปเนิ่นนาน ในความรู้สึกของการรอคอยนั้น มันนานเสียจนไม่อาจจะคาดคะเนวันเวลาใดๆ ได้ ผมพร่ำเรียกร้องเธอกลับคืน แต่สิ่งที่ตอบมาคือความว่างเปล่า...ในวินาทีนั้นเองที่ผมเริ่มรู้สึกว่าเธอตายจากไปแล้วจริงๆ แม้จะยังไม่ได้ตายไปทั้งหมด แต่บางส่วนของเธอตายจากผมไปแล้ว ต่อให้ร่ำร้องอ้อนวอนยังไงสิ่งที่ตายจากไปแล้วนั้น ก็ไม่มีวันฟื้นคืนกลับมาอีก และไม่นานถัดจากนี้ส่วนที่เหลืออยู่ของเธอ ก็จะทะยอยตายตามไปทีละนิด ทีละน้อยจนหมดไปในที่สุด แต่ระหว่างนั้นผมยังบอกตัวเองไม่ได้เลยว่าจะทนต่อมันได้ยังไง ถึงจะเคยเผชิญต่อความหนักหนาสาหัสมาพอสมควรในชีวิต แต่มันก็แค่ความสาหัสทางกาย แตกต่างจากกลับครั้งนี้ที่หัวใจของผมเป็นฝ่ายบาดเจ็บอย่างสาหัสสากรรจ์ โมงยามแห่งความเศร้านั้นช่างยาวนานและเชื่องช้า จนบางครั้งราวกับมันแกล้งหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อจะได้ถาโถมเอาควาเจ็บปวดขมขื่นมาโยนใส่เราจนสาแก่ใจ มันคงยืนหัวเราะเยาะเย้ยหยันในความอ่อนแอของเรา มีคนบอกว่าเวลานี่แหละคือเพื่อนที่ดีที่สุด เพราะเวลาจะอยู่กับเราตลอดไม่หนีหน้าไปไหน มันจะคอยปลอบประโลมเมื่อเศร้าเสียใจ เวลายังสามารถเอาชนะต่อทุกสิ่งทุกอย่างได้ทั้งหมด ในไม่ช้ามันจะพาเราก้าวข้ามจากจุดที่กำลังเป็นอยู่ออกเดินไปยังจุดใหม่ที่ได้คัดสรรเอาไว้รอท่าอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นเราจึงจะรู้ตัวและนึกขอบคุณมัน...ผมไม่ได้เห็นพ้องหรือแย้งเป็นอย่างอื่น เพียงแต่รู้สึกว่าเลาช่างเป็นสิ่งที่ไม่มีความยุติธรรมเอาเลย เพราะช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นแสนสั้นเพียงน้อยนิด แต่เวลาแห่งทุกข์กลับเชื่องช้ายาวนานจนแทบจะทนอยู่กับมันต่อไปไม่ไหว วันที่ "คนที่ผมรัก" ตายจากไปอย่างสมบูรณ์เดินทางมาถึง ....และล่วงพ้นไป เธอผันตัวเองไปสู่ทางเดินใหม่ที่ตัวเธอเป็นผู้เลือกเอง ขณะที่ผมจำต้องจมลึกอยู่กับสิ่งเก่าๆ ทุกๆ เช้าตื่นขึ้นมานั่งทบทวนถึงภาพเก่าของเราสองคน วันคืนที่เรายังคงเป็นเรา ไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดเข้ามาคั่นแทรก ผมยังคงคิดถึงและรักเธอจนสุดหัวใจ หากไม่ใช่กับเธอคนที่ยังมีลมหายใจอยู่ในปัจจุบันนี้ แต่เป็นเธอคนที่เคยรักและดีกับผมเมื่อสองปีก่อน ซึ่ง ณ เวลานี้ เธอคนนั้นได้ตายจากไปแล้ว ผมเดินพ้นประตูออกไปยังสวนหลังบ้าน หยุดยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าต้นไม้ที่เราสองคนเคยช่วยกันลงแรงปลูกและดูแลเอาใจใส่อย่างดีจนมันงอกงามเติบโตขึ้นตามกาลเวลา ณ เวลานี้ มันเหมือนคนอมทุกข์ที่ยืนเหงาหงอยอยู่เพียงลำพัง นับแต่เธอจากไปผมก็ไม่เคยใส่ใจดูแลมันอีกเลย มันคงจะเศร้าเสียใจ และคงจะเสียใจมากกว่าผมเป็นเท่าตัว เพราะถูกคนที่เคยเฝ้าประคบประหงมดูแลทิ้งไปพร้อมกันถึงสองคน ....สายลมหนาวพัดวูบผ่านมา น้ำตาผมเอ่อท้นอีกครั้งตอนเห็นใบไม้สีน้ำตาลแดงใบสุดท้าย ปลิดจากกิ่งผอมแห้งร่วงลงสู่พื้นดินเบื้องล่าง ความหมองเศร้าแล่นเข้ากัดกินหัวใจทันทีทันใด ต้นไม้แห้งผอมซูบต้นนั้นช่างไม่ต่างอะไรจากตัวผม ที่ไม่สามารถทำอะไรอย่างอื่นได้ นอกจากยืนมองดูคนที่ตัวเองรัก...ลาจากไปต่อหน้า ...ป่านนี้ เธอคนนั้นอาจจะเดินกุมมือกับใครสักคนอย่างมีความสุข อยู่ ณ ที่ไหนสักแห่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรอีกแล้ว เพราะคนที่ผมรัก เธอได้ตายจากไปนานแล้ว ..................................................................................
13 ตุลาคม 2549 01:30 น. - comment id 92989
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า เธอที่ผมเคยรู้จัก ไม่มีอีกต่อไปแล้ว หรือว่า เธอที่ผมเคยรู้จัก .. ไม่ได้มีอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว .. เข้มแข็งนะครับ
13 ตุลาคม 2549 07:32 น. - comment id 92990
อ่านได้เพลินค่ะ .. เคยคิดว่า.. การที่จะทำให้หัวใจยอมรับในสิ่งที่ตนเองขลาดกลัวที่สุด เป็นการกระทำที่ทำได้ยากจริง ๆ หลายคนอาจจะปฏิเสธและหาทางปกป้องเพื่อไม่ให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น แต่ในที่สุด เมื่อผ่านวันนั้นมาได้ ทุกอย่างที่เคยวิตกกังวลว่าจะแสนสาหัส กลับผ่อนคลายได้เอง .. มันเป็นการยอมจำนนต่อสิ่งที่เป็นไป หรือ ชาชินกันแน่นะ
13 ตุลาคม 2549 16:11 น. - comment id 92995
ยังไม่ตายหรอก .. เธอยังไม่ตายจากความรู้สึกของคุณ .. .. .. อ่านแล้วอินเลย
18 ตุลาคม 2549 13:17 น. - comment id 93052
เธอยังไม่ตายหรอก เพียงแต่ เธอเปลี่ยนเป็น สีอื่น สิ่งอื่น คนอื่น อย่าเลย เสียเวลาจะจำ กับคนไม่สำคัญอะไร
20 ตุลาคม 2549 23:52 น. - comment id 93083
เกิดนักอยากจะเขียน ก่อนเป็นนักเขียนค่ะ หวังเช่นนั้น พุดจะตั้งนามปากกาให้นะ พรระพี...ค่ะ แปลว่าแสงสว่างอันเป็นนิรันดร์
21 ตุลาคม 2549 12:50 น. - comment id 93092
ขอบคุณอีกทีคับ
21 พฤศจิกายน 2549 17:08 น. - comment id 93818
เป็นกำลังใจให้นะ...บางทีคนที่จากไปเค้าอาจจะไปสบายกว่าคนที่ยังมีลมหายใจอยู่อย่างเราๆก็เป็นได้
22 พฤศจิกายน 2549 19:13 น. - comment id 93846
ขอบคุณครับ
15 กุมภาพันธ์ 2554 05:21 น. - comment id 122085
ชีวิตคู่ มักเป็นงี้แหละ ทนอยู่ หรือ อยู่ทน เพื่อนนายเอง