ต้องมีใคร......เล่นตลกกับชีวิตแน่ๆ ใครที่ไม่มีตัวตน...ข้างบนนั้น... แต่เรามิอาจทำอะไรได้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรมที่มันมี...... เขาได้พบและรู้จักเธอครั้งแรก เมื่อตอนเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์ปีที่หนึ่ง เธอชื่อธัญญารัตน์...เรียนคณะเศรษฐศาสตร์ตอนแรกที่เจอคือตอนทำกิจกรรมระหว่างคณะ เริ่มแรกทีเดียวนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าการคบกันอย่างเพื่อนธรรมดา ไปไหนมาไหนก็มักจะไปกันเป็นหมู่คณะ ทำกิจกรรมร่วมกันบ้าง ไปเที่ยวไปดูภาพยนตร์ ชมนิทรรศการ จนปีสุดท้าย ที่สุดก็เหลือเพียงสองคนเขาและเธอ ชีวิตกับความรักบางครั้งก็ไม่ลงตัวจนขัดแย้งทางความคิดต่อหลายครั้ง แต่ใครบ้างเล่าที่ไม่ปรารถนาเช่นนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะดำเนินไปตามครรลองของชีวิต ที่เสมือนหนึ่งเป็นแผนการณ์อันแยบยลของธรรมชาติ ด้วยความใกล้ชิด ความเข้าใจ การเปิดใจยอมรับซึ่งกันและกัน ความรักความรู้สึกปรารถนาหรือจะด้วยอะไรก็ตามที สุดท้ายก็คือการแต่งงาน การใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน โดยความเห็นชอบของญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดนั้นเป็นนิยายรักฉบับย่อของนายศรยุทธ ซึ่งถ้าจะแต่งเติมเสริมใส่อารมณ์ความรู้สึกและประสบการณ์ชีวิตเข้าไปสักหน่อย ก็คงจะได้ไม่ดีไปกว่านั้นเท่าใดนัก บางคนรัก...เพื่อที่จะรัก บางคนรัก...เพียงแค่ให้ได้รัก บางคนรัก...เพราะรัก ก็เท่านั้น...ความรักไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย เคยมีคนกล่าวไว้ในทำนองที่ว่า ความรักเป็นเรื่องลึกซึ้งละเอียดอ่อน นิยามของความรักถูกเขียนขึ้นต่างๆนานา หลากหลายสับสน แต่จะอย่างไรก็ตามที สำหรับเขาแล้ว ความรักยังคงเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณปลูกถ่ายสามัญสำนึกแห่งชีวิตคู่ให้มั่นคงยืนนานเขาอาจจะเป็นอีกคนหนึ่งที่ประสพความสำเร็จในเรื่องของความรัก ถ้าหากจะวัดผลกันด้วยการแต่งงานหรือการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างผาสุก คนเราถ้าเริ่มต้นจากการคิดแต่สิ่งที่ดี พฤติกรรมหรือการแสดงออกก็มักจะดีไปด้วย ในเมื่อเราคิดแต่สิ่งที่ดี ทำแต่สิ่งที่ดี ชีวิตจะล้มเหลวหรือเลวร้ายไปได้อย่างไร นั่นคือคำพูดที่จุดประกายให้กับชีวิตของนายศรยุทธ คำพูดของสามัญชนคนธรรมดา คำพูดของคนก่อสร้างกรรมกร คำพูดของพ่อผู้เป็นวีรบุรุษหนึ่งเดียวในใจเขา พ่อผู้เป็นที่รักยิ่งแห่ง...แม่ พ่อผู้ปักความมั่นคงไว้เป็นเสาหลักของครอบครัว ครอบครัวอันประกอบด้วยพ่อแม่และลูก ครอบครัวแสนสุขสงบในบ้านเรือนไทยหลังเก่า สวรรค์บนดินที่เนรมิตขึ้นมาด้วยการอดออมของผู้เป็นพ่อกับแม่ แม่เคยบอกว่าครอบครัวของเขาเริ่มต้นจากไม่มีอะไร ...จากกระเป๋าเสื้อผ้าของแม่ กับความรับผิดชอบของพ่อ แม่เคยเป็นคนเก็บผักค้าขายตามตลาดจังหวัดอ่างทองพ่อลงแรงเก็บไม้สักเก่ามากสร้างบ้านนี้ขึ้นสุดท้ายก่อนที่นายศรยุทธจะเรียนจบรัฐศาสตร์ไม่ถึงปี ต่อมาเขาได้รับบรรจุให้เป็นปลัดอำเภอของอำเภอป่าโมกในจังหวัดอ่างทอง พ่อจึงให้แม่ลาออกจากการทำอาชีพรับจ้างเป็นแม่บ้านอย่างเดียว และเธอก็ทำหน้าที่ของเธอได้อย่างดีเยี่ยม บางครั้งชีวิตเป็นเหมือนเส้นตรงที่ไม่สลับซับซ้อนคดโค้ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า...ข้างหน้านั้น...จะไม่มีทางแยก พ่อยังคงเป็นผู้รับเหมางานก่อสร้างต่อไปจนกว่าจะไม่มีแรง พร้อมเงินสะสมกับเงินสมทบอีกส่วนหนึ่ง นั่นเพียงไม่กี่วันก่อนกำหนดวันแต่งงานของปลัดอำเภอศรยุทธกับนางสาวธัญญารัตน์นักเศรษฐศาสตร์ที่จบจากรั้วโดมทุกอย่างดูเหมือนพ่อของเขาจะเป็นผู้กำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น โดยที่เขากับแม่มิได้เฉลียวใจเลยแม้แต่น้อย เช้าตรู่วันนั้น วันแห่งการรอคอยของผู้เป็นพ่อ โศกนาฏกรรมเศร้าค่อยๆแย้มเปิดม่าน...บนโต๊ะทำงานชั้นล่าง ในห้องนั่งเล่น มีเพียงผู้เป็นแม่ของนายศรยุทธเท่านั้นที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงมุมหนึ่งเงียบๆ ในมือที่วางซ้อนกันอยู่บนตักของเธอถือแผ่นกระดาษที่เปียกเปื้อนไปด้วยรอยน้ำตา ดวงตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ตัวอักษรทุกตัวซ้ำแล้วซ้ำอีก น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าที่เธอปล่อยให้มันไหลหลั่งทะลักใจออกมา โดยปราศจากเสียงสะอื้นคร่ำครวญใดๆ ถ้าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ..... น้ำตาก็เป็นบันได..ที่พาดปีน นายศรยุทธมองภาพนั้นแล้วเสียวแปลบ เหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นน้ำตาและความทุกขเวทนาของผู้เป็นแม่เช่นนี้ เขาทรุดลงนั่งที่ข้างตักแม่ วินาทีนั้นเองที่ความเจ็บร้าวรันทดของแม่ ได้แผ่ซ่านกระจายเข้าสู่สามัญสำนึกของเขา ในลำคอแข็งเหมือนถูกกดตีบตัน เขาสามารถสัมผัสและรู้สึกได้ เช่นเดียวเท่าๆกับที่แม่ของเขากำลังเผชิญอยู่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ครับแม่ เท่านั้นเองที่ทะลายทำนบน้ำตาของลูกชายให้พังครืนลงมา เขาซบหน้าลงบนตักที่ชื้นน้ำตาของแม่ พ่อเขาไปแล้ว...พ่อจากเราไปแล้ว... น้ำเสียงที่แผ่วเบาของผู้เป็นแม่ราวเสียงกระซิบ แต่กลับก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของเขา ร่างของเขาเหมือนลอยร่วงลงมาจากที่สูง แม่หยิบซองจดหมายที่ซ้อนอยู่ด้านหลังกระดาษแผ่นนั้นให้ลูกชายของเธอ ด้วยมือที่สั่นเทาหนาวน้ำตา ศรยุทธรู้สึกเหมือนห้วงหายใจขาดเป็นระยะๆ ในวังวนชีวิตที่เวิ้งว้าง...ว่างเปล่า มนุษย์ดิ้นรน...ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้า...เพื่ออะไร ศรยุทธ...ลูกรัก มันยากเกินกว่าที่ลูกจะเข้าใจ และทำใจยอมรับกับการจากไปของพ่อ พ่อเพียงอยากให้ลูกเชื่อในความเป็นพ่อ เชื่อในความรักของพ่อ และเชื่อมั่นในความคิดที่ดีของลูก เพื่อที่ทุกอย่างจะได้เลื่อนไหลไปตามแนวทางของมัน พ่อมีบางสิ่งบางอย่างที่จะต้องทำในบั้นปลายชีวิต มันเป็นความตั้งจริงของพ่อที่ไม่อาจเลี่ยงได้ นอกเสียจากว่าพ่อได้ตายไปแล้วจากโลกนี้ ตลอดเวลาพ่อรักและภูมิใจในตัวลูกมาก ลูกเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ เราไม่เคยผิดหวังในตัวลูกเลยสักครั้ง พ่อเชื่อว่าอนาคตของลูกจะต้องพบแต่สิ่งที่ดีและประสบความสำเร็จในทุกๆด้าน พ่อหมดห่วงแล้ว พ่อขอฝากแม่ด้วย หวังว่าลูกจะดูแลแม่ของลูกและทำหน้าที่แทนพ่อได้ พ่อขอวิงวอนต่อลูกด้วยวันและเวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดของพ่อ พ่อรักลูก ไม่มีใครรู้คำตอบว่าพ่อหนีไปจากชีวิตเราเพราะอะไรแต่คำสุดท้ายที่พ่อบอก คือ " ฉันต้องทำหน้าที่แทนพ่อ"
30 มีนาคม 2546 00:42 น. - comment id 67920
ฉบับนี้แก้ไขน่าจะดีแล้วนะ555555555......... ผิดพลาดทางเทคนิคเลยส่งไปตั้ง3อันแน่
30 มีนาคม 2546 13:11 น. - comment id 67924
ครับผม...ยอมรับว่านายประยุกต์ได้เหมาะสมกับตนเองมาก...เราจะเป็นกำลังใจให้...และติดตามผลงานนายต่อไปนะ
17 เมษายน 2546 10:50 น. - comment id 68262
แน่นอน