รักฤาจะกับมา...ถ้าได้แต่รอ
บุญหนัก
รักฤาจะกลับมา ถ้าได้แต่รอ
ยังไม่ทันสว่างดี ฝนก็รินสายโปรยปราย ลงมาท่ามกลางท้องฟ้าสีเลี่ยมเล้ แลดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะสว่างสักเท่าไหร่ ได้กาแฟอุ่นหนึ่งแก้ว ออกมานั่งรับลมเย็นที่พัดมาผะแผ่วอยู่ริมระเบียงปีกไม้บนชานเรือน วันนี้คงไม่มีพระสงค์ออกมาบิณฑบาตร เหมือนอย่างเคย คงจะเกรงว่าฝนจะเทกระหน่ำลงมากระมัง แสงแดดยามชามตรู่ เริ่มสาดสายแทงฝ่าก้อนเมฆทะมึน ให้ค่อยๆเลือนหาย ท้องฟ้าเริ่มมีแสงอำพรรณอ่อนๆ ถึงกระนั้นเม็ดฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดโปรยสาย ยังคงอ้อยสร้อยปล่อยสายเอื่อยเอื่อย แรงลมยังคงรักษาระดับ พัดพริ้วแผ่ว ในเวลานี้คงทำให้ใครหลายๆคนรวมทั้งฉันมีความรู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจ อากาศเย็นฉ่ำกำลังดี แต่ฉันกลับรู้สึกว่าหนาวหนาวไปถึงขั้วหัวใจ สองมือเกาะกุมแก้วกาแฟยกขึ้นมาแนบอกอย่างอ้างว้าง จนกระทั่งรู้สึกว่ามันร้อน จึงได้คลายมือออก ความเหงาวิ่งแทรกซึมผ่านเข้ามา จนลืมลิ้มชิมรสความหอมกรุ่นของกาแฟในแก้ว นกน้อยที่เคยออกมาโฉบบินเล่นน้ำในกระถางบนชานเรือน วันนี้เหลืออยู่ไม่กี่ตัว ได้ยินเสียงมันร้องเจื้อยแจ้วอยู่ในสวนดอกไม้ไกลๆ โน่น มันคงถูกคู่รักของมันออดอ้อน กกกอด แอบอกอุ่นๆไม่ให้ไปไหนในวันฝนรินเช่นนี้ อิจฉานกมันเหลือเกินกับตัวฉันเองตอนนี้ มีเพียงผ้าห่มหนึ่งผืนกับกาแฟหนึ่งแก้วที่อยู่เป็นเพื่อน เสียงเพลงพริ้วแผ่วจากวิทยุตามสายประจำหมู่บ้านแว่วมา ฟังดูก็เป็นบทเพลงที่เคยได้ฟังอยู่ทุกๆวัน แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ ฉันจึงได้รู้สึกว่ามันแสนเศร้าเสียนักหนา ต้นรักข้างบันไดเรือนโบกกิ่งทักทายยิ้มเยือนตามกระแสลมพัดผ่าน ช่อรักหนักอึ้งด้วยดอกเต็มก้าน ทั้งบานทั้งตูม สีม่วงอ่อนกระจัดกระจายสะท้อนแดดพราวอยู่เต็มต้น ทำให้ฉันนึกถึงคนไกลที่หัวใจเคยให้เป็นคนดี
กลิ่นหมอกจางยามเช้ารอยระยอดหญ้า
หยดน้ำค้างรอคอยปักษามาดื่มด่ำน้ำหวาน
แสงแดดกวักมือยิ้มพรายกับดอกไม้บาน
พรุ่งนี้วันวานวันหน้า
สัญญาจะกลับมาเยือน
ผีเสื้อห่มสีสวยร่ายรำหยอกเย้าเริงร่า
นกน้อยระบำสามช่าชัดช่าอยู่ริมชายเขา
กุหลาบขาว โรยกลีบช้ำร่ำลาจากต้นเบาเบา
ดอกรักสีม่วงเศร้า
ร้องไห้แต่เช้าคิดถึงใครหนอ
เกือบสิบปีแล้วซินะ ที่คนไกลเงียบหาย แต่ทำไมฉันยังคิดถึงเขาอยู่ก็ไม่รู้ ระหว่างวันเวลาที่ห่างหาย ต่างคนต่างก็มีวิถีชีวิตของแต่ละฝ่ายที่แตกต่างกันออกไป ฉันมีครอบครัวพร้อมโซ่ทองคล้องใจพ่อแม่ แต่เวลาก็ทำให้ทุกอย่างแปรเปลี่ยน ในมุมหนึ่งของความรู้สึกที่เปล่าดาย ฉันมีคุณเสมอในวันนี้ฉันอยู่เดียวดายกับความล้มเหลวของชีวิตคู่ ไม่เคยเสียอกเสียใจกับเรื่องนี้ คนแรกที่คิดถึงเมื่อเหงาคือคุณ หลายครั้งที่ร้องไห้ ฉันทำได้แค่เพียงก้มหน้าซบลงไปบนหมอน แล้วสมมุติว่ามันเป็นอกกว้างๆของคุณเสมอ ฉันต้องทำใจให้กล้าพอทีจะบอกเล่าเรื่องราวความผิดหวังทั้งหลายให้คุณฟัง ดีใจนักหนาที่น้ำเสียงอบอุ่นเมื่อหลายปีก่อน ยังคงสุภาพนุ่มนวลเหมือนเก่า กลับยิ่งเพิ่มความเอื้ออาทร และปรารถนาดีมากขึ้น ถ้าพรหมลิขิตมีจริง และไม่มีใครกล่าวหาว่าฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไป ขอให้ขีดเส้นขนานสองเส้นนี้ให้บรรจบพบกันเสียที เพียงแต่หวังว่า บนเส้นทางนั้นคุณยังไม่มีใครร่วมเดิน อยากถามไถ่ความเป็นไปในเรื่องราวของหัวใจคุณ แต่ไม่กล้า ด้วยเพราะกลัวเหลือเกินว่าจะพบกับความผิดหวัง ฉันไม่ใช่ผู้หญิงสวย รูปชั่วตัวดำ ไม่งดงามเช่นรจนา ทั้งยังมีเรือลำน้อยพ่วงท้าย ความผิดหวังรอคอยอยู่ปลายทางแล้วเก้าสิบเก้า จุดเก้าเก้าเปอร์เซนต์ ความอยากได้ อยากครอบครองเพราะรัก มีอยู่ในหัวใจของมนุษย์ทุกผู้ทุกนามเสมอ ตราบใดที่โลกยังมีกิเลศเป็นปัจจัยหลักในวิถีชีวิต ฉันขอแค่เพียงมีคุณอยู่ในความรู้สึก ในวันที่ฉันแสนเหงาเช่นวันนี้ก็พอ แต่ถ้าหากว่าฟ้าจะกำหนดให้มันเป็นไปมากกว่านั้น ฉันก็ยินดี และจะรอคอยและหวัง บางทีฉันอาจจะเปลี่ยนความคิดที่ว่า รักคือการรอคอย ให้เป็น รักต้องไขว่คว้ามาครอบครอง ก็ได้
เช้าอีกวัน อากาศสดใสฟ้าไร้ฝน คงเพราะจิตใจที่เบิกบานด้วยกระมัง ใส่บาตรพระด้วยข้าวหอมขาว โรยมะลิกลิ่นกรุ่น หลังลิ้มชิมกาแฟรสขมๆที่โปรดปรานแล้ว ฉันลงไปเก็บดอกรักข้างชานเรือนมาร้อยใส่ก้านมะพร้าวไว้หลายสิบก้านทีเดียว หากวันนี้มีใครมาเยี่ยมเยือนเรือนชาน ก็จะมอบก้านรักร้อยนี้ให้ติดมือกลับไปชื่นชม ดอกรักถึงแม้จะไม่มีหอมกรุ่นให้รัญจวนใจเหมือนไม้อื่น สีม่วงถึงจะเศร้าแต่ก็แสนหวาน ด้วยเพราะเป็นต้นไม้แห่งความรัก ฉันหวังว่า สีม่วงของรักก้านน้อยนี้ จะติดตาตรึงใจใครหลายๆคน และจะเป็นดอกไม้แห่งความรักไปอีกนานแสนนาน