ประมวลภาพ “๕ ปี อาศรมชาวโคลง : ลงแขก งานบุญ แต่งบ้าน มหากวี”

อัลมิตรา

ประมวลภาพ  ๕ ปี อาศรมชาวโคลง : ลงแขก งานบุญ แต่งบ้าน มหากวี
				
ต้อนรับด้วยดนตรีไทย .. ก่อนเข้าสู่พิธีการสงฆ์				
งานออกร้านหนังสือ มีหลายเล่มที่น่าสนใจ				
				
				
				
แชมป์แฟนพันธุ์แท้สุนทราภรณ์ กับแฟนพันธุ์แท้ของแฟนพันธุ์แท้อีกที


ใครเป็นใครอาจดูไม่รู้จัก
ถ้ามาทักเรานี้ไม่มีเขิน
ใกล้ลุงแก้วสนทนาแสนพาเพลิน
มากเพื่อนฝูงหยอกเอินยิ้มเชิญชวน

อีกคนโน้นคนนี้ปรี่ไหว้ครบ
กระทั่งศพข้างศาลาพาไห้หวน
จวบพระท่านฉันเพลเราเร้นจวน
เห็นสมควรเยือนกุฏีศรีบรมครู
				
หน้าโบสถ์ก็ไม่ยักจะพาเดินเข้า  ใครนำเนี่ย ?				
				
เส้นทางไปกุฏีสุนทรภู่ ระวังนะ ขวามือมีนางยักษ์ยืนแยกเขี้ยวตัวเขียว ๆ อยู่				
หล่อเสร็จยางงงงงงงงงงงงงงง หล่อเสร็จแล้ว กระเทาะปูนออกด้วยค่ะ				
ถึงแล้ว กุฏิของมหากวี				
คุณลุงใจดี (เสื้อเหลือง)				

กิจกรรมอย่างนี้พี่น้องมอบ
ไมตรีตอบเอื้อกันพลันสนาน
ไม่ปรากฏบุคคลฉ้อฉลพาล
มิตรภาพคือตำนานที่ขานจริง

ประดิษฐ์ประดอยร้อยคำลำนำเล่า
แต่ตัวเราปราศแจ้งทุกแหล่งสิ่ง
หากผิดพลาดประการใดให้ท้วงติง
จะดียิ่งกว่าสาดโคลนโยนผิดมา

อีกสักถ้อยร้อยพจน์ก่อนบทจบ
แม้นติดลบเราอภัยไม่ถือสา
ด้วยอักษรพร่ำเพรื่ออาจเบื่อตา
ราวกับว่าเราบรรยายนัยล่อลวง

เพราะเจตนาของเราเราย่อมรู้
หาได้กู่ประกาศก้องดั่งฆ้องร่วง
ใครกระทำกรรมใดได้ทั้งปวง
อย่าจาบจ้วงพลิกลิ้นเหมือนหมิ่นกัน

สุนทรภู่ รัตนกวีศรีสยาม
ผู้เรืองนามจากแผ่นดินถึงถิ่นสวรรค์
เราศิษย์โง่คิดเขียนเพี้ยนรำพัน
เพื่อรังสรรค์เรื่องทั้งหมดเป็นบทกลอน

จบเรื่องราวเท่านี้ที่สุดท้าย
ฝากสหายทวนคราวฉาวกระฉ่อน
เทียบกับงานมหากวีศรีสุนทร
ทุกอย่างสะท้อนภาพจริงในสิ่งทำ 
				
ดูแต่ตา ..ห้ามแตะต้อง สิ่งของจะเสียหาย ...				

พบคุณลุงใจดีมีเมตตา
ยังอุตส่าห์บอกกล่าวให้เรารู้
เมื่ออดีตท่านภู่ที่เฟื่องฟู
ท่านกินอยู่อย่างไรได้ชี้แจง

ทั้งข้าวของห้องหับสำรับโถ
เปิดออกโชว์ทุกชิ้นมิหมิ่นแผลง
มีกระดานเขียนถ้อยพลอยแสดง
ล้วนตบแต่งสมถะดุจละวาง
				
ทยอยกันลงสมุดเยี่ยม				
ลุงแก้วเลือกมุมดีอีกแล้ว				
มาม๊ะ กำลังหิว				
รำพันพิลาป .. (สุนทรภู่)
อันโกสุมพุ่มพวงดอกดวงนี้........สร้อยสาหรีรำเพยระเหยหอม 
ภมรมาดปรารถนาจึงมาตอม ....ต้องอดออมอกตรมระทมทวี				
เห็นทับทิมริมกระฎีดอกยี่โถ...........สะอื้นโอ้อาลัยจิตใจหาย 
เห็นต้นชาหน้ากระไดใจเสียดาย.....เคยแก้อายหลายครั้งประทังทน				
โบสถ์แห่งนี้มีรูปหล่อภิกษุณี จำนวน ๕๒ องค์				
เราเดินรั้งท้ายตามเคย				
มองให้ดีจะเห็นว่า ที่บานประตูคือรูปเทพนารี				
รูปหมู่อริยสาวิกา (ภิกษุณี) ที่ได้รับเอตทัคคะ หล่อด้วยดีบุกประดิษฐานถึง ๕๒ องค์ 
โดยแต่ละองค์จะมีใบหน้าและอิริยาบถที่แตกต่างกัน โดยมีพระนางปชาบดีโคตมี ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง
( "พระนางปชาบดีโคตมี" ซึ่งเป็นภิกษุณีองค์แรกแห่งพระพุทธศาสนา )				
				
ที่เห็นนั่งขัดสมาธิ คือ ภิกษุณีองค์แรกแห่งพระพุทธศาสนา "พระนางปชาบดีโคตมี"				
				
ทั้งผนังและเพดาน ลายเดียวกัน				
หน้าต่างโบสถ์ติดเหล็กดัด				

จากกุฏิท่านภู่เร่ดูอื่น
เราระรื่นหัวใจไม่หมองหมาง
กับพรรคพวกพกกล้องส่องเส้นทาง
แล้วเยื้องย่างสู่อีกโบสถ์เขาโจษจัน

อลังการยิ่งแท้บุญแผ่เอื้อ
จนอยากเผื่อบางใครที่ใฝ่ฝัน
ภิกษุณีห้าสิบสองงามผ่องพรรณ
ทองทั้งนั้นอร่ามตาพาตะลึง

แต่ละองค์เรียงแถวตามแนวฐาน
พักตร์เบิกบานงามสง่าท่าผายผึ่ง
เทพธิดาแปลงเงาเรารำพึง
แลอีกหนึ่งขัดสมาธิวิลาสวิไล

ภิกษุณีละไว้ใครเคยบอก
แหม !! ...มาหลอกลิงงงจนสงสัย
หลักฐานเห็นกับตาจะว่าไง
เฮ้ย !!..คนไหนอยากแย้งตะแบงแปร ?

				
เห็นพุงมาแต่ไกล เวปมาสเตอร์รูปหล่อนี่เอง				
หิว .. ไส้จะขาดแล้ว รีบเดินหน่อย				

เราอิ่มเอิบหัวใจได้เปี่ยมสุข
จนลืมทุกข์ที่คล้ายหลายกระแส
จวบพยาธิ์ในท้องร้องงอแง
จำเป็นแก้ความหิวต้องลิ่วจร

กลับศาลาธรรมวิลาสอย่างรีบเร่ง
ท้องตึงเต็งทำท่าหนังตาหย่อน
ทั้งอาศรมอร่อยร่วมรวมบ้านกลอน
เสร็จสรรพตอนบ่ายกว่าจึงคลาไคล

อาทิวาชักชวนทุกถ้วนหน้า
คนเดินช้าก็ถาม..จะไปไหน..
..ลิงหนอลิงมิจำทำได้ไง..
..ฮ่วย !!.. แล้วไผสมองทดทุกบทความ..

เดินคล้อยหลังหน้าง้ำเหมือนช้ำอก
แดดนรกผ่าวผิวร้อนล้นหลาม
เหงื่อหยดติ๋งเสื้อผ้าพาเปียกลาม
ต้วมเตี้ยมตามพรรคพวกซวกซวกเดิน
				
เวปมาสเตอร์ลงทะเบียนผู้เข้าร่วมกิจกรรม อุดหนุนเสื้ออาศรมชาวโคลง
และได้รับหนังสือที่ระลึกอีกหลายเล่ม				
ขณะรอเวลาฟังบรรยาย				
อาหมอวฤก (ก็เสื้อเหลือง)				
เทพกร (ก็เสื้อเหลือง)				
ไหง๋เราเหมือนปาปาริชชี่จังแฮะ				
ไม่รู้เหมือนกันว่า โกฏิดาราปลื้มหรืออาย				
อาพีร์ ก็เหลือง				
ลุงเล็ก อิศรา ก็ยังจะมีเหลืองมาแปะที่แขนนิดหน่อย .. ลุงหนอลุง ทำหนูไขว้เขว				
ได้รับความเอื้อเฟื้อ บริการเครื่องดื่มฟรี				
อ. สุจิตต์  วงษ์เทศ				

ก้าวต่อก้าวจนถึงซึ่งวิหาร
เมื่อเช้าผ่านเราก้มกราบสรรเสริญ
แลบุษบกรองพระพาจำเริญ
เขากล่าวเกริ่นฝีมือช่างอย่างเทวดา

เบื้องเพดานโชติช่วงพุ่มดวงไฟ
ช่างวิไลรอยสลักงามหนักหนา
บานประตูทองลงองค์เทวา
เทพเกลื่อนตาใจเต้นตึกระทึกแท้

ต่างล้อมวงเสวนากันหนาแน่น
คุณสุจิตต์บรรยายแก่นอกแอ่นแอ้
สุนทรภู่ : ประวัติศาสตร์ชาติไทยแปร 
ท่านตีแผ่คือผู้ดีศรีเมืองกรุง

ยกตัวอย่าง โอ้โฮ!!.. สุโขทัย
ย้อนตั้งไกลหลักศิลาพาเกี่ยวยุ่ง
วกมาถึงพระนเรศวรล้วนปรับปรุง
ตอนรบพุ่งกับเจ้าพี่อุปราชา

โม้ออกนอกบรรยายหลายคุ้งแคว
แล้วฉีกแนวถึงผู้ดีศรีภาษา
บ้านอยู่ไหน เอ๊ะ !!..ระยอง ของใครนา ?
ท่านกังขาแล้วตีขลุม  กระฎุมพี 

มีอาเพศเหตุใดจึงได้บวช
ฤๅเพราะอวดอัตตาศิลป์ศักดิ์ศรี
พ่ออยู่หัวฯหมั่นไส้ไม่ปรานี
เหม็นขี้หน้าเต็มทีจึงลี้ไกล

พระอภัยมณีที่ท่านคิด
คำประดิษฐ์ฉากเรือใครเอื้อให้ ?
สุนทรภู่บรรยายภาพทราบได้ไง ?
ทุกทุกอย่างเป็นไปกระจ่างจริง

ล้วนประโยชน์มากมายในความรู้
เหมือนมีครูสอนสั่งนั่งสุงสิง
สอดแทรกมุขหลอกล่อราวล้อลิง
หัวร่อกลิ้งยิ้มหัวทั่วทุกคน
				
				
เอ .. ลุงคนนี้ ตัดหน้าเรา ประมูลสามมหาราชไป.. 
แต่ก็ทิ้งนามบัตรให้ดูต่างหน้า .. ( เสื้อเหลือง อีกต่างหากวุ๊ย )				
ประมูลหนังสือแสนรักกันอย่างคึกคัก				
ยิ้มหน่อยอาหมอและคุณหนอน..(ไม่บอก)				
ภาระกิจค้นหาคนเสื้อเหลือง ( อื้อเลย )				
เหม็นอาราย ???				
มีเหลืองแบบกั๊ก ๆ ด้วยแฮะ				
เหลืองแล้วเหลืองอีก ได้ป่าว				
สองพัน สองพัน .. เขามีการประมูลถอยราคาไหมเนี่ย ?				

เสร็จจากงานบรรยายขายหนังสือ
ประมูลซื้อแข่งราคาน่าสับสน
เล็งสามก๊กหมายมั่นแต่ดันจน
สองพันค้นกระเป๋าเราไม่มี

โถ !! .. อาจารย์ทองแถมโปรดสงสาร
หนูทำงานเก็บเงินไม่เพลินหนี้
ป้ายสองพันหนูสลดช่วยลดที
พันห้านี้พอไหวอยากได้จัง 

เฝ้าเมียงมองอยู่นานจนพาลท้อ
มิกล้าต่อจนใจไร้เงินถัง
ยาจกเฉกเรานี้ฤๅมีตังค์
กลับมานั่งสะท้อนอกสามก๊กซึม
				
สามกวีซีไรท์นั่งติด ๆ กัน
อ.เนาวรัตน์  พงษ์ไพบูลย์ , คุณโชคชัย  บัณฑิตกล , คุณคมทวน  คันธนู

เสื้อเหลือง คุณทวีสิทธิ์  ประคองศิลป์ , คุณสุพจน์ จีรานนท์ ,เสมอ กลิ่นหอม (ขุนรำยอง)				
คุณสมศักดิ์ ศรีเอี่ยมกูล (นายกสมาคมนักเขียนฯ), คุณทองแถม นาถจำนง (ผู้นำสามก๊กมาให้ประมูล) , อ.เนาวรัตน์พงษ์ไพบูลย์ (กวีซีไรท์)				
				
บางคนนั่งคุยกัน และ บางคน...คร่อกกกกกก				
				
ผู้ชายที่นั่งถัดจากขุนรำยอง เขาชื่อ คุณยุทธ  โตอดิเทพย์ .. เขาตลกดีนะ
เขาบอกว่า เขาไม่ได้เป็นซีไรท์ (พร้อมกับปรายทางมาทางกวีซีไรท์ทั้งสาม)
เขาต่อท้ายอีกว่า เขาซี ๗ ..

ถัดจากเขาขวาสุด คือคุณมหา สุรารินทร์ ผู้ดำเนินการเสวนา (สงสัยอยู่ในใจ เป็นมหา แล้วทำไม สุรารินทร์ นะ .. งงจัง)				
นั่งใกล้กับอาหมอ หวังว่าอาหมอจะกระซิบว่าใครเป็นใคร
ที่ไหนได้ อาหมอบอกว่า รู้จักคนเดียว หนำซ้ำคนเดียวกับที่เรารู้จักอีกต่างหาก

อ้าว ข้างหลัง เหลืองมาตั้งแต่ไหนเนี่ย				

จวบบ่ายสี่ที่ลานสาธารณะ
จึงปล่อยปละความรู้สึกเพราะนึกขรึม
เห็นพวกพ้องเพื่อนกวีมาเต็มตรึม
ไม่กลัวบึ๊มปักหลักใกล้นักเขียน

สามซีไรท์งานนี้โชว์ทีเด็ด
ล้วนบอกเคล็ดแนวกวีที่เสถียร
แม้ต่างยุคต่างสมัยหากได้เรียน
คงไม่เพี้ยนจบสิ้นศิลป์ศาสตร์ไทย

แต่ละท่านปราดเปรื่องเรื่องแนวคิด
เราซึ้งจิต ณ บุญคุณที่หนุนให้
คำแนะนำดุจพี่น้องเกี่ยวคล้องใจ
พี่ฝากไว้น้องจะสานผลงานทำ

แดดอ่อนอ่อนลมพัดเย็นผิวกาย
แสนสบายจวบสนธยาเพลาค่ำ
คิดหยุดห้วงเวลาน่าจองจำ
อยากอิ่มหนำกับอรรถรสบทกวี

แต่ปราศผู้สามารถบังอาจรุด
ร่ายเวทย์ฉุดจันทราเพื่อพาหนี
เพื่อราชรถแห่งไฟไม่จรลี
ฟ้าเปลี่ยนสีครอบคลุมทุกมุมเมือง

เสียงดุเหว่าเร่าร้องฟังพ้องว่า
ถึงเวลายามพลบขอจบเรื่อง
หากอักษรยวนใครอย่าได้เคือง
มิเปล่าเปลืองโม้อ้างอย่างเคยชิน

รำลึกคุณท่านภู่ครูอาลักษณ์
ด้วยรู้จักท่านเกริกไกรในเชิงศิลป์
ขอบพระคุณเหล่าซีไรท์หากได้ยิน
มิลืมสิ้นคำสอนสั่งหยั่งรู้ความ

ขอบพระคุณครูกวีที่เคารพ
ท่านเจนจบเป็นมณีศรีสยาม
ต่างถ่องแท้ล้ำเลิศบรรเจิดตาม
คงนิยามกวีไทยใจดำรง

ขอบพระคุณอาศรมชมรมรักษ์
เราประจักษ์ความจริงคราวลิงหลง
เหล่าฤาษีจับมือสอนค่อนบรรจง
จากเคยงงก็พอแย้มกล้อมแกล้มคลำ

ขอบพระคุณอาทิวา,ศาลาไทย
จากหัวใจด้วยปลื้มและดื่มด่ำ
งานสืบสานบ้านมหากวีที่จัดทำ
เราอิ่มหนำบุญเจตนาน่ายินดี

สหายโคลงสหายกลอนสลอนหน้า
เชิญทัศนาให้ประจักษ์เป็นสักขี
ภาพลงแขกแต่งบ้านมหากวี
เท่าที่มีเพียงกึ่งของครึ่งงาน
				
 
ณ วินาทีแรกที่ได้เทียบเชิญจากอาทิวา ซึ่งตอนนั้นโครงงานยังไม่ปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
อัลมิตราเองก็มีความตั้งใจว่าจะไปร่วมงานลงแขกนี้ และช่วยเหลือเท่าที่จะทำได้
เหตุผลหลักคงไม่มีอะไรมากไปกว่า..ศรัทธาในเจตนารมย์ที่ดีของสหายชาวโคลง
เหตุผลย่อยก็คงหนีไม่พ้นกับความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อสหายชาวโคลงที่เคยคลุกคลีกันมา

กระทั่งศาลาไทยส่งโครงงานมาให้อ่าน และอัลมิตราเห็นสมควรว่า ..
กิจกรรมที่ดีเช่นนี้ หากนำมาเผยแพร่ อาจจะมีสมาชิกบ้านกลอนไทยสนใจที่จะไปร่วมงาน
โดยที่อัลมิตรามีความตั้งใจว่า เมื่อประกาศโครงงานแล้ว ก็จะไม่ชี้นำใด ๆ .. 
ทั้งนี้ทั้งนั้น .. ก็จะปล่อยให้การตัดสินใจ เป็นไปอย่างอิสระเสรี และยอมรับด้วยตัวเอง

อัลมิตราก็เตรียมตัวที่จะเดินทางไปวัดเทพธิดารามตั้งแต่เช้าตรู่ 
ซึ่งในตอนแรกคิดว่าจะไปรถเมล์โดยที่อัลมิตราได้สอบถามเส้นทาง 
ทบทวนหลายต่อหลายหน จากเพื่อนร่วมงาน ว่าไปสายไหน ลงป้ายไหน ?
อาจจะเพราะความตื่นเต้นที่ไม่ได้ขึ้นรถเมล์เสียนาน 
จนไม่รู้ว่าค่ารถเมล์ในตอนนี้อยู่ในอัตราที่เท่าไหร่
พอจะก้าวขาออกจากบ้านเท่านั้น ฝนก็ได้กระหน่ำลงมาอย่างหนัก 
อัลมิตราบอกกับตนเองว่า ..
อุตส่าห์ซักซ้อมท่องจำ.. เห็นทีจะต้องรอให้ฝนซาสักนิดแล้วไปแท๊กซี่
และเมื่อฝนซา อัลมิตราก็ออกเดินทางทันที ซึ่งก็ไปถึงวัดเทพธิดารามประมาณ 8.25 น.

อัลมิตรามิกล้าคาดหวังว่าจะได้พบปะกับสมาชิกบ้านกลอนคนใดบ้าง 
แต่ก็มิได้หมายถึงว่าจะไม่ยินดีหากได้พบเพื่อนร่วมชายคา
ซึ่งในวันงาน อัลมิตราได้พบเพื่อน ๆ หลายคน ที่เดินทางไปกันตั้งแต่เช้า 
ช่วยยกหนังสือ จัดโต๊ะ เตรียมสถานที่ ฯลฯ
ในจำนวนคนที่ไปแต่เช้าช่วยตระเตรียมนี้ 
มีทั้งสหายชาวโคลงและสมาชิกจากบ้านกลอนไทย 
ต่างก็ช่วยเหลือกัน ใครเป็นใคร มาจากไหน ..เป็นเรื่องไม่สำคัญ
เนื่องจากทุกคนมีเจตนารมย์เดียวกันว่า..
จะช่วยเหลือกัน และก็เร่งงาน เร่งมือให้ทันพิธีการที่จะเริ่มต้น

จากนั้นก็ทยอยกันมาเรื่อย ๆ ..
บางคนอัลมิตราเคยเห็นหน้าค่าตากันบ้าง ก็จะทักทายกันตามประสาคนรู้จัก
ส่วนบางคนที่อัลมิตราไม่เคยพบหน้าเลย ..
ตรงนี้คงต้องขออภัยกัน ณ ที่นี้ ที่ไม่ได้เข้าไปทักทายปราศรัย

หากมีคนถามว่า อัลมิตรารู้สึกอย่างไรบ้างในวันนั้น ?
คงบรรยายความรู้สึกยากสักหน่อย เอาเป็นว่า ..อัลมิตรามีความรู้สึกที่ดี
และปลื้มปีติที่เห็นใครต่อใครเข้ามาร่วมกิจกรรมกันอย่างคับคั่ง
รวมถึงได้รับกเกียรติจากกวีซีไรท์ทั้งสามท่าน
และผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายต่อหลายท่านมาชี้แนะ บอกเล่า
อัลมิตราเคยอ่านแต่ผลงานเขียนของท่าน ๆ เท่านั้น 
ไม่เคยได้รู้จักหน้าค่าตาเป็นกรณีพิเศษสักเท่าไหร่
และด้วยความไม่ถือตัว มีความเป็นกันเองเป็นอย่างมาก 
ทำให้บรรยากาศอบอุ่นเต็มไปด้วยมิตรภาพ

รายละเอียดสรุปปลีกย่อยของกิจกรรม 
อัลมิตราคงต้องยกให้ทางเจ้าภาพ(อาศรมชาวโคลง)เป็นคนสรุปงานมาชี้แจงอีกที
ส่วนกระทู้นี้ อัลมิตราเพียงแต่บอกเล่าความรู้สึกที่ได้ไปร่วมกิจกรรม  
และเก็บภาพ+บรรยากาศมาฝากเท่านั้น

ขอขอบคุณเพื่อนทุกคนที่ติดตามเรื่องราว

มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า

 				
ภาพโดยลุงเล็ก อิศรา				
ภาพโดยลุงเล็ก อิศรา				
ภาพโดยลุงเล็ก อิศรา				
ภาพโดยลุงเล็ก อิศรา				
สามารถติดตามสรุปกิจกรรมได้ url ด้านล่างนี้
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4701303/W4701303.html				
comments powered by Disqus
  • ม้าลาย

    11 กันยายน 2549 11:01 น. - comment id 92645

    ไม่รู้ว่าจะมากันเยอะขนาดนี้นะเนี่ย เสียดายๆ :)
  • บ้านวรรณกรรมคนตัวเล็ก

    11 กันยายน 2549 12:55 น. - comment id 92649

    วันก่อน  เจ้าของกระทู้ทักว่า  \"ถ้าอยู่ไทยจะชวนไปวัด\"  
    อืม...เพิ่งจะรู้  ขอบใจหลาย ๆ  เด้อ  ไว้คงมีโอกาสพบเจอสักวัน
    ซั่นดอกวา
  • นกกระจิบฟองน้ำ (แดดเช้า)

    11 กันยายน 2549 16:01 น. - comment id 92652

    ปีหน้าจะจัดอีกไหมเนี่ย ...
    
    คิดว่าจะบินกลับรังไม่ถูกซะแล้ว
    ปีหน้าหาบอดี้การ์ดสักคนไปร่วมงานด้วยดีกว่า ... จิ๊บๆๆ
    
    
    
    11.gif36.gif
  • แดดเช้า

    11 กันยายน 2549 16:17 น. - comment id 92653

    อ้อ .. ลืมขอบคุณคุณอัลมิตรา
    
    
    ถ้าไม่ได้คุณอัลมิตรา โทร.มาตามแต่เช้าให้มาร่วมงานนี้ คงตีพุงหลับแหง่วๆ อยู่ที่บ้านแล้ว ไม่ได้มาร่วมซึมซับบรรยากาศดีๆ ของงานนี้เลย
    
    ขอบคุณที่ให้เกียรติและดูแลแดดเช้าเป็นอย่างดี ... 
    มีเนื้อที่กว้างๆ สำหรับให้แดดเช้าได้ดูแลตัวเองด้วย สบายใจมากๆ เลยค่ะ  
    
    สำหรับแดดเช้านั้น แค่นี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ  
    นับว่า คุ้มค่าที่เดินทางมาจากชลบุรี เพื่อมาร่วมงานนี้ 
    
    
    ได้ความคิดดีๆ กลับมามากมาย ...
    แหม ... ถ้าไม่ได้คุณอัลมิตราชวนให้มาร่วมงานนี้  ก็คงเก็บตัวอยู่ในกรอบคิดคับแคบของตัวเอง คิดอะไรได้แค่ไหนก็ได้แค่นั้น สำหรับงานนี้ นับว่าคุ้มค่าทางด้านจิตใจค่ะ และก็ได้ความสุขจากการร่วมบุญ ปลื้มปีติที่ได้พบได้เห็นคนร่วมแรงร่วมใจกันจัดงาน โดยไม่ถือเนื้อถือตัวถือตำแหน่งหน้าที่ถือบทบาทใดๆ เลย ทุกคนปรารถนาในสิ่งเดียวกันคือ ทำความฝันร่วมกันให้สำเร็จลง และก็สำเร็จได้อย่างงดงามยิ่ง
    
    
    คงจะจัดแบบนี้กันทุกๆ ปีเนาะ ... จะได้ไปช่วยงานบุญแต่งบ้านอีก (ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อน ... อิอิ)
    
    
    ขอบคุณมิตรภาพและไมตรีจิต ขอบคุณอุดมการณ์ทางวรรณกรรมที่ทำให้เกิดให้มีงานนี้ขึ้นมาด้วยน่ะค่ะ
    
    
    มีความสุขอย่างสงบจริงๆ เลย ... สงบที่ได้ซึมซับความดีงามของทุกๆ ท่าน และที่สำคัญงานนี้ ปลอดอบายมุข และเป็นการสร้างสรรค์ทางปัญญาอย่างแท้จริง ทุกคนมีจิตใจที่บริสุทธิ์จริงๆ 
    
    
    ด้วยความยินดีค่ะ : )
    
    ถ้าปีหน้ามีการจัดงานแบบนี้อีก จะไม่ลืมเอา mp3 ไปบันทึกข้อมูลมาแบ่งปันกันฟังด้วย ปีนี้พลาดไปนิดนึง ตอนเช้าก็มองๆ mp3 อยู่ ลังเลอยู่สักพักแล้วตัดสินใจไม่พกไป ปีหน้าจะไม่เสียเวลาลังเลอีกแล้วค่ะ 
    
    
    
    
    11.gif36.gif
  • อัลมิตรา

    11 กันยายน 2549 21:30 น. - comment id 92692

    คุณม้าลาย .. ยังจำยิ้มที่คุณมอบให้ได้นะ ขอบคุณมากค่ะที่เข้ามาทักอัลมิตรา
    
    คุณคนตัวเล็ก .. ค่ะ ถ้าคุณอยู่ไทยจะชวนคุณไปวัด .. คาดว่า กิจกรรมแบบนี้คุณจะสนใจ
    
    คุณแดดเช้า .. คงต้องยกความดี,ความชอบ ทั้งหมดให้กับเพื่อน ๆ ที่ร่วมจัดงานนี้ขึ้นมา
    อัลมิตราเป็นเพียงฟันเฟืองน้อย ที่ได้แต่รอรับคำว่าจะให้ช่วยยกอะไร ทำอะไร จากพ่องาน,แม่งาน
    และก็มีความสุขอิ่มเอิบใจมาก ถึงแม้ว่าจะพลาดจากการประมูลหนังสือสามก๊กเล่มที่อาจารย์ทองแถมแปล
    เห็นปู่จอมยุทธเมรัยบอกว่า คุณหมอโมโนประมูลได้ไป ..  ไม่เป็นไร ใครประมูลก็ดีทั้งนั้น ได้บุญเหมือนกัน
    หนังสือสามเล่มของคุณหมอท่องเมฆายังอยู่กับอัลมิตรา .. อุบอิบ ดีมั๊ย .. ฮา
  • ,

    12 กันยายน 2549 03:11 น. - comment id 92696

    ย่องเข้ามาชมภาพยามตะวันหลับอุตุ ..
    36.gif
  • อัลมิตรา

    12 กันยายน 2549 17:09 น. - comment id 92716

    ตีสาม ... อื้อ ตอนนั้นฝันต่อเนื่องเป็นซีรี่ส์แล้วค่ะ
  • คนร่วมเดินทาง

    12 กันยายน 2549 18:09 น. - comment id 92718

    ขอบคุณมากที่ชวน การไปครั้งนี้ได้ความรู้เกี่ยวกับตัวสุนทรภู่ เรื่องที่เราไม่รู้ ก็ได้รู้ และที่สำคัญ เพิ่งรู้ว่ามีรูปปั้นพระภิกษุณีด้วย
  • อัลมิตรา

    13 กันยายน 2549 10:19 น. - comment id 92734

    :) แวะมาทักทายกันนะก้อย หนังสือที่ซื้อไปอ่านจบหรือยังจ๊ะ ปลื้มล่ะสิ มีลายเซ็นด้วย
    
    ขอบคุณนะจ๊ะ ที่มาตั้งแต่เช้าช่วยเตรียมงาน 
    ฝากขอบคุณน้องบุ๋มด้วย ที่ช่วยดูแลลุงแก้วเป็นอย่างดี
    
    ตอนเย็นรีบกลับบ้าน เวลามีไม่มาก ไม่งั้นจะชวนไปทานผัดไทยเจ้าอร่อย
    
    ไว้จะชวนอีกนะ ..
    
    ปล. เมื่อวานทำไมอยู่เย็น มีงานค้างเหรอ ?
  • ผู้ร่วมเดินทาง

    13 กันยายน 2549 12:12 น. - comment id 92738

    ยังไม่จบเลย ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน งานเยอะไปหมด ยังไม่เสร็จสักที ถ้าอ่านจบแล้วจะให้ยืมอ่านน่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน