ลมหนาว ดาวหม่น และคนอ่อนไหว (2)

เดอะ เคิร์ก

	เลิกได้ก็ดีนะ บุหรี่ เหล้า มันไม่มีประโยชน์กับสุขภาพเราหรอก.. ความปรารถนาดีและความห่วงใยที่นางมีให้กับผมในวันหนึ่ง
	สุขภาพตัวเองแท้ๆ ยังไม่ห่วง แล้วใครที่ไหนจะมาห่วงเราล่ะ... นางบอกผมอีกครั้ง ในวันที่เห็นผมยังสูบมันอยู่
	นางขอได้ไหม...คิดว่าทำเพื่อนางก็แล้วกันนะ นางขอร้อง เมื่อเห็นผมไม่มีทีท่าว่าจะเลิกง่ายๆ  บทที่ผมจะเลิก ผมก็เลิกเอาดื้อๆ เหมือนกัน...ถ้าหากผมรู้จักคุณช้ากว่านี้ ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าชีวิตผมอาจจะต้องทิ้งไปกับสิ่งเหล่านี้ก็ได้
	นาง...ผมยอมรับนะว่า การได้รู้จักคุณ ทำให้ชีวิตผมมีความหวังขึ้น ทำให้มีกำลังใจในการอยู่ในโลกนี้อย่างมีความหมาย ซึ่งก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยตั้งความหวัง ไม่เคยอยู่เพื่อวันพรุ่งนี้ แต่ผมอยู่ไปวันๆ เท่านั้น คุณคนเดียวที่มาช่วยจุดประกายแห่งชีวิต ประกายแห่งฝันให้กับผม...
	หมอกคืนนี้ยังลงจัดเหมือนเดิม อากาศเพิ่มความเย็นลงเรื่อยๆ น้ำค้างพร่างพรูบนยอดหญ้า และบนเต็นท์ สัมผัสความหนาวเย็นได้ จากสายลมที่พัดมากระทบผิวกาย แต่ผมยังอยู่กับเสื้อกันหนาวตัวเดิม อาศัยแสงเทียนแรงน้อยเขียนบันทึกถึงนาง ความรัก ความผูกพัน ถูกบันทึกผ่านตัวอักษร เรียงร้อยถ้อยคำอันหลากหลาย ทั้งขมปร่า ไหวหวาม ความสุข และปวดร้าว...ลงสมุดบันทึกเล่มสีชมพูเล่มนี้ ที่นางซื้อให้เป็นของขวัญในวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมา...
	เปิดบันทึกหน้าก่อนๆ ที่ผ่านมา เราได้ถักทอสายใย สานฝัน ความรัก ความผูกพันไม่น้อยเลยทีเดียว เคยท่องเที่ยว ร่วมสุขร่วมทุกข์กันมา หลากหลายรูปแบบ ยังชัดเจนในความรู้สึก เราเคยร่วมฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ เคยร้องไห้ก็หลายหน ผมเคยถามตัวเองว่า เป็นเพราะผูกพันกันมากหรือเปล่า จึงดูเหมือนว่า เราไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรครอบข้าง...
	นาง...รู้ไหม บันทึกเล่มนี้ ไม่มีชื่อใครเลย นอกจากชื่อของนาง ผมบันทึกเหตุการณ์ทั้งสุข เศร้า เหงา ร้าวราน ไว้ในสมุดบันทึกเล่มนี้ตามเหตุการณ์แต่ละช่วงที่เกิดขึ้น แต่มีความหมายต่อผมเสมอ... และผมยังจำบันทึกหน้าแรกได้เสมอ ตัวอักษรแต่ละตัวที่ผมจรดปากกาลงบนสมุดบันทึก แต่ละบรรทัดล้วนออกมาจากความรู้สึกของใจทั้งสิ้น เพราะความรู้สึกที่ดี ที่จริงใจ ที่เจือไปด้วยความรักของอณูแห่งใจที่ผมมีต่อคุณเท่านั้นที่จะได้บันทึกลงไป
	แต่ช่วงหลังมานี้ บันทึกของผมไม่ค่อยได้บันทึกคำว่า รัก ลงไปเหมือนแต่ก่อนเลย เพราะความรู้สึกที่ดีดี ที่ผมเคยได้รับจากนาง มันเริ่มเลือนหาย และเจือจางทีละนิดๆ ไปกับกาลเวลา ซึ่งไม่แตกต่างอะไรจากสายหมอกของที่นี่เท่าไหร่นัก เมื่อต้องแสงอาทิตย์ ก็สลายเลือน ไม่เหมือนความรักนะนาง...ตราตรึงตราบนานเท่านาน
	นาง...โดยปกติผมจะบันทึกทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณด้วยความสุขใจ ด้วยรัก ด้วยห่วงใยและด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้..ใจสั่งมา ให้กลายเป็นบันทึกของใจ แต่คืนนี้ผมเขียนบันทึกด้วยความเหงาอย่างจับใจ น้ำตาหยดรดตัวอักษรอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นหยดที่เท่าไหร่แล้ว น้ำตาของผู้ชายอ่อนไหวคงเป็นของคู่กัน นางคงรู้ดีกว่าใครในเรื่องนี้ น้ำตาเกเร น้ำตาของผู้ชายอ่อนไหว คงไม่สำคัญอะไร มันอยากออกมา มันก็มา โดยเฉพาะเวลามีเรื่องมากระทบความรู้สึก มันก็จะพาลจะไหลออกมาจากขอบตาเสียทุกครั้งไป...
	ผมช่างอ่อนไหว เหมือนกับที่เพื่อนของคุณพูดนั่นแหละ...บางทีแค่อ่านบทกวีที่กระทบความรู้สึกน้ำตาก็ไหลออกมา...นาง น้ำตาผมหยดลงมาอีกครั้งแล้ว หยดลงตรงชื่อของคุณพอดี ผมไม่ได้เจตนาให้มันหยดลงตรงชื่อของคุณเลยนะ เพราะมันเหมือนกับว่า ผมร้องไห้เพราะนางเป็นต้นเหตุ... ที่จริงไม่ได้อย่างนั้นเลย ผมร้องไห้เพราะความช่างอ่อนไหวของผมเอง ไม่ใช่เพราะนางเลย..เพราะผมคิดว่า ความรักไม่เคยทำให้ใครร้องไห้ แต่เขาร้องไห้เพราะความรักของเขาเอง
	ตอนนี้รอบๆ ตัวผม ลมแห่งความหนาวเริ่มแผ่กระจายปกคลุมทั่วบริเวณ หมอกสีขาวพวยพุ่งออกมาเป็นทางยาวเหมือนทางช้างเผือก ก็สายหมอกสายสวยอย่างนี้มิใช่หรือที่นางชอบเสียนักหนา เจ้าหน้าที่บนภูเตือนนักท่องเที่ยวว่า คืนนี้อากาศจะติดลบ ให้เตรียมเครื่องกันหนาวและดูแลตัวเองให้ดี สำหรับผมแล้วจะหนาวแค่ไหน ผมเองก็ยังอยู่กับเสื้อกันหนาวเหมือนเดิม ไม่มีอะไรอื่นมาช่วยให้อุ่นขึ้นหรอก แต่ผมก็พร้อมเสมอกับความหนาวที่จะมาถึงในคืนนี้ ผมจะกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น ผมต่อเทียนเล่มที่สาม บันทึกความรู้สึกด้วยมืออันสั่นเทา เพราะความหนาวเพิ่มมากกว่าเดิมอีกเท่าตัว...ผมหยุดบันทึกชั่วคราวเพื่อทบทวนถึงสิ่งที่ผ่านมาในอดีต...
	ฉันไม่ดีพอ ที่จะเป็นได้เหมือนดั่งเธอหวัง ฉันไม่ต้องการให้รักเธอพัง
	ชีวิตยังอีกตั้งไกล ฉันไม่ดี ฉันโง่จะตาย  วันนี้เธออาจทนไหว   ฉันไม่ดี
	 ฉันเซ่อจะตาย ไปรักคนอื่น ดีกว่า...
	เสียงเพลงของกลุ่มหนุ่มสาวจากเต็นท์ถัดไป ที่นั่งล้อมกองไฟร้องเพลง เล่นกีต้าร์ร่วมกัน บางครั้งร่วมกันประสานเสียงด้วยความสนุกสนาน ก็คงเหมือนกับเราครั้งก่อน ต่างกันก็แต่ครั้งนี้ผมมาคนเดียว ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีคนเคียงข้าง ไม่มีใคร นอกจากความเหงาซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดที่ผมมีอยู่ในตอนนี้...
	น้ำค้างเริ่มลงมากขึ้น ผมถดตัวหนีน้ำค้างที่มาพร้อมความหนาว ผมพยายามหาวิธีสร้างความอบอุ่นให้แก่ตัวเอง แต่ในยามหนาวเช่นนี้ และอยู่บนภูสูงเสียดฟ้า ไกลสิ่งอำนวยความสะดวก คงจะลำบาก..ความหนาวภายนอก ถึงจะหนาวอย่างไร หากมีอุปกรณ์กันหนาวก็คงจะบรรเทาได้ แต่ความหนาวภายในใจ ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาบรรเทา ยิ่งหนาวยิ่งเจอ ยิ่งค้นหายิ่งหนาว ยิ่งคิดยิ่งปวดร้าว
	นางรู้ไหม...ผมเพิ่งเข้าใจความหนาวอย่างแท้จริง ก็คืนนี้แหละ คืนที่ไม่มีคุณคอยเคียงข้างเป็นเงาตามตัวเหมือนก่อน มือผมควานหาบุหรี่ในกระเป๋าเสื้อเพื่อดับความหนาวที่แผ่กระจายอยู่รายรอบกาย มือชะงักเมื่อคิดถึงคำขอร้องของคุณ แต่แล้วผมก็ปัดออกเสียจากใจ เมื่อความเข้าใจ ความหวังดี จากคุณมันเหือดแห้งไปตามกาลเวลา บางทีผมอาจจะกลับไปเป็นเหมือนอย่างเดิม ในเมื่อไม่มีคุณ...ควันบุหรี่สีขาวจางๆ ลอยฟุ้งรอบๆ ตัวผมแล้วเลือนหายไป ไม่เหมือนความรักนะนาง...ความรักประทับอยู่ในใจตราบนานเท่านาน ผมหลับตาลง เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเข้าสู่วันใหม่...
	บางคืน...ที่เหน็บหนาว
	ดวงดาว...ยังหลบหาย
	แต่ความรัก...ความห่วงใย
	ไม่เคยหาย...จากใจฉัน
				
				
comments powered by Disqus
  • เดอะ เคิร์ก

    21 สิงหาคม 2549 14:06 น. - comment id 92282

    36.gif	นาง...คืนนี้คงเป็นคืนที่เหน็บหนาว ยาวนานที่สุด ผมได้แต่ภาวนาให้ชีวิตผ่านพ้นคืนนี้ไป อีกไม่นานฟ้าคงสาง...รุ่งอรุณของวันใหม่ แสงตะวันคงหอบความอบอุ่นมาฝากทุกคนบนภูนี้ แสงดาวห่มหมอกคืนนี้ มองดูหม่น เหงา เศร้าสร้อย เหมือนความรู้สึกในใจของผม ในคืนนี้ไม่มีผิด
    *******************

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน