รักครั้งแรกของฉัน

พี่หมวย&น้องเบลล์

ตอนนั้น  ป. ๓  มันขี้แกล้งมากแต่แม็กจะชอบแกล้งแต่ฉันเสมอ  แกล้งจนฉันไม่อยากมาโรงเรียนเลยแหละ  มีอยู่ครั้งหนึ่ง  ฉันได้มีโอกาสไปไหว้พระที่จังหวัด  สิงห์บุรี  ฉันก็ได้แต่ของพรพระว่า  วันจันทร์นี้ขอให้แม็กไม่แกล้งเราอีกเลย  แต่ก็ไม่สำเร็จนะ  จนมีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นเรียนภาษาไทยอยู่  ฉันจำได้ดี  ว่าฉันโดนแม็กแกล้งจนร้องไห้เลย  ฉันก็เลยบอกกับแม็กไปว่า  ทำไม่ต้องมาแกล้งเราด้วย  ขอร้องอย่ามายุ่งกับข้าอีกเลย  ประโยคนี้สั้น ๆ แม็กก็เลยตัดสินใจบอกว่า  ข้าจะไม่แกล้งแกก็ได้  แต่แกต้องจับมือกับข้าก่อน  แล้วข้าก็จะไม่มายุ่งกับแกอีกเลย  เราก็เลยนึก
สกิดอยู่ใจเหมือนกันว่า  ทำไม  ทำไม  และทำไม  แต่ตอนนั้นฉันเองก็ไม่รู้จักความรักสักเท่าไรเลย  ไอ้เพื่อนคนนี้แหละที่สอนฉัน  แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้จับมือกับไอ้แม็กหรอกนะ  และแล้ววันนั้น  วันที่ฉันได้รู้จักกับมัน  ความรักนั้นเองก็มาถึง  วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ที่แสนสบาย  ฉันตื่นมา  ๖  โมงเช้า  จะมาดูการ์ตูนช่อง  ๙  ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของแม่ดังขึ้น  เบอร์ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอมือถือเป็นเบอร์ตู้นั้นเอง  ฉันกดรับและพูดว่า  สวัสดีคะ  มีเสียงเด็กผู้ชายพูดว่า  ขอสายเบลหน่อยครับ  พูดอยู่คะ  เบลข้ามีอะไรจะบอก  คือ  ฮืม..ข้าชอบแก  แกไม่โกรธข้าใช่ไหม  ขะข้า.ไม่โกรธ  แล้วเขาก็ว่างสายไป  ตอนนั้นฉันแทบจะเป็นลม  เพราะฉันก็ไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อนเลย  ฉันพยายามรวบรวมสติแล้วกลับเข้าไปนอนต่อ  เพราะไม่ไหวจริง ๆ  เช้าวันรุ่งขึ้นฉันไปโรงเรียนและแทบจะไม่อยากขึ้นห้องเลย  เพราะไม่อยากเจอหน้าใครทั้งสิ้น และเมื่อฉันขึ้นห้องไปฉันถามไอ้แม็กว่า  วันอาทิตย์โทรไปทำไม  ไอ้แม็กบอกว่า  เพื่อนมันสั่งให้พูด  ฉันก็ไม่คอยจะเชื่อเท่าไรหรอกนะ
          และเมื่อถึง  ป. ๔  ความสัมพันธ์ระหว่างฉันและแม็กก็เริ่มดีขึ้นมา  และค่อย ๆ กลายเป็นความรักไปในที่สุด  และตอนใกล้จะเปิดเทอมก่อนที่ฉันจะได้เลื่อนชั้นไปอยู่  ป. ๕  ฉันได้โทรศัพท์ไปหาแม็กและได้คุยกัน  และการคุยโทรศัพท์ครั้งนั้นนั้นเองเราก็ได้จบความสัมพันธ์ของการเป็นแฟนลงเท่านี้  และก็ได้เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน  ( ปัจจุบันทะเลาะกันทุกวัน  ก็มันขี้แกล้งนิ )
          รักครั้งแรกของฉันก็จบลงเท่านี้แหละ  แต่มีรักอีกครั้งหนึ่งที่ฉันมาเจอตอนอยู่ชั้น  ป. ๕  แต่รักครั้งนี้เป็นรักที่ไม่ยาวนานแต่ความรักที่เราสองคนมีให้กันเป็นเป็นรักที่บริสุทธิ์งดงาม  ถึงเวลาของเราทั้งสองคนจะสั้นเกินไป  แต่ในใจของฉันก็ยังคิดถึงเขาเสมอ  แต่เป็นความรู้สึกที่เป็นแบบน้องสาวพี่ชายมากกว่า  ฉันรู้สึกว่าความรักของฉันและรุ่นพี่คนนั้นเป็นความรักของเด็ก ๆ เป็นความรักที่บริสุทธิ์  ถ้าเปรียบได้กับสีขาว  จะว่าไปแล้วรุ่นพี่คนนี้ก็เหมือนกับพี่ชายที่สนิทสนมของฉันคนหนึ่ง  เราคบกันชอบกันโดยไม่มีความรู้สึกเชิงชู้สาวมาเจือปน  มีแต่ความจริงใจ  ไร้เดียงสาเท่านั้นแหละนะ
          พี่คนนั้นชื่อว่า  พี่บุ๊ค  ตอนนั้นฉันอยู่ชั้น  ป. ๕  แต่พี่บุ๊คอยู่ชั้น  ป. ๖  คุณครูประจำของเราทั้งสองคนไม่ค่อยถูกกันเท่าไรนัก  แต่นั้นไม่ใช่อุปสรรค  อุปสรรคของเราทั้งสองคนคือ  ความไม่เข้าใจกัน  เพราะฉันเป็นรุ่นน้องอาจมีความคิดที่แตกต่างจากรุ่นพี่เล็กน้อย  อาจจะทำให้เกิดความผิดใจกันบ้างเล็กน้อย
          เรื่องของเราทั้งสองคนเริ่มต้นเมื่อ  ฉันขึ้นรถนักเรียนกลับบ้านทุกวัน  แต่มีอยู่วันหนึ่งมีรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของพี่บุ๊คชื่อว่า  พี่โน้ต  พี่โน้ตขึ้นรถนักเรียนกลับบ้านกับฉันทุกวัน  ฉันกับพี่โน๊ตสนิทกันมาก  แต่มีอยู่วันหนึ่งที่โรงเรียนของฉันฮิตไพยูกิมาก  พี่บุ๊คกับพี่โน้ตจึงมาเล่นด้วยกันทุกวัน  พี่บุ๊คกลับรถ  ศบบ.  จึงอยู่เล่นต่อกับพี่โน้ตต่อได้นานพอสมควร  แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่รู้จักพี่บุ๊คเลย  และพี่บุ๊คเองก็ไม่รู้จักฉันเหมือนกัน  วันนั้นพี่บุ๊คได้เล่นไพยูกิอยู่ตามปกติ  ฉันก็ไปเล่นกับพี่โน้ตเหมือนตามปกติเช่นเดียวกัน  ฉันและพี่บุ๊คได้เจอกันโดยบังเอิญ  พี่บุ๊คเจอฉันก็อึงเหมือนกัน  แต่ก็แอบยิ้มเป็นอาการนัย ๆ แต่ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยทั้งสิ้น  เพราะนิสัย  ( หยิ่งฉิบเป๋งเลย  ขี้เก๊กอีกต่างหาก )  และวันวันนั้นก็ได้ผ่านไป  จนมาถึงวันต่อมา  ฉันได้มาเจอกับพี่บุ๊คอีกแหละ  แต่วันนี้ไม่ได้มาและไพยูกินะมานั่งคุยอะไรกับพี่โน้ตไม่รู้  และพี่บุ๊คก็ได้ฝากลูกอมฮาท์รบีทไว้กับพี่โน้ต  พี่โน้ตได้เอามาให้ฉัน  บอกว่า  ไอ้บุ๊คฝากมาให้  กินดิ  ฉันก็เลยอ่านข้างหลังของลูกอม  เขียนว่า  น่ารักจัง !  ฉันไม่ชอบก็เลยเอาไปทิ้งถังขยะเลย  พอดีพี่บุ๊คเห็นพอดี  เขาโมโหมาก  แตะม้านั่งตัวหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น  ( เป็นปูนนะ )  สงสัยก็คงเจ็บเหมือนกันมั่ง  ( เสียฟอร์มโคตร )  แต่ในใจฉันก็คิดว่า  ท่าโมโหของพี่บุ๊คตลกจริง ๆ  ( แต่ก็น่ารักนะ )  พอวันต่อมาฉันเขียนจดหมายไปหาพี่บุ๊คว่า  สวัสดีคะพี่บุ๊ค  เบลได้ข่าวว่าพี่บุ๊คชอบเบลหรอ  เบลชอบพี่บุ๊คไม่ได้หรอกนะ  เราสองคนคิดกันเป็นแค่พี่สาวน้องชายดีกว่านะคะ  ฉันจึงให้พี่โน้ตเอาไปให้พี่บุ๊ค  สิ่งที่ฉันได้รับคำตอบจากพี่บุ๊คคือ  คำตอบที่เขียนจากกลอนยาวมาก ๆ และที่พิเศษกว่านั้นคือ  กระดาษจดหมายที่ฉันซื่อมาเป็นรูปตัวการ์ตูนที่ฉันชื่นชอบมากคือ  Hello  Kitty  ถูกลูกอมฮาทร์บีท  ๑๕  เม็ด  ทากาวเรียงกันรอบกระดาษจดหมายเลย  แต่ตอนนั้นฉันไม่ชอบพี่บุ๊ค  ก็เลยทิ้งลูกอมไปหมดเลย  เหลือแต่กระดาษจดหมาย  ฉันก็นั่งอ่าน  อ่านไปได้  ๒  บรรทัด  พี่บุ๊คก็เดินมาพอดี  และพูดว่า  ไม่ชอบหรอ  ฉันจึงบอกว่า  ไม่ชอบ  พี่บุ๊คบอกว่า  ไม่ชอบงั้นพี่ทิ้งนะ  ฉันเลยบอกว่า  เชิญ  พี่บุ๊คเดินไปที่ถังขยะแล้วแกล้งทิ้งมันลงไปในถังขยะ  ( เขาแกล้งหลอก  แต่ความจริงแล้วเก็บใส่กระเป๋าเลย )  ในใจฉันก็เสียใจนิด ๆ ที่ไม่ได้อ่านกลอนนั้นให้จบ  วันต่อมาพี่บุ๊คเดินมาอีกแหละ  แต่มาพร้อมกับลูกอมฮาทร์บีท  ๑  เม็ด  ตอนนั้นฉันโดนพวกพี่อ้น  พี่เกมส์  พี่ไมค์  ( เพื่อนพี่บุ๊คนั้นแหละ  อยู่ห้องเดียวกัน )แกล้งก็เลยหน้าโมโหนิดหน่อย  พี่บุ๊คเลยให้ฮาทร์บีทคำว่า  ยิ้มหน่อยซิ  ฉันก็เลยดีใจ  และเริ่มแอบชอบนับตั้งแต่นั้นมา  ( อาจดูใจง่ายไปนิดหนึ่งนะ  แต่เรารักกันชอบกันด้วยความจริงใจจริง ๆ และเป็นที่ปรึกษา  ให้คำแนะนำ )  ตั้งแต่นั้นมาความรู้สึกดี ๆ นั้นก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักของเราทั้งสองคน
          เมื่อวันเวลาผ่านไป  เวลาของเราก็ยิ่งเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ  และเมื่อถึงวันปิดเทอมภาคเรียนที่  ๑  ฉันไม่อยากให้ปิดเทอมเลย  เพราะว่าเราสองคนก็จะไม่ได้เจอหน้ากัน  และอีกอย่างก็กลัวว่าพี่บุ๊คจะนอกใจ  และที่สำคัญที่สุดคือเมื่อถึงเทอมที่  ๒  ก็เป็นเทอมสุดท้ายที่เราจะได้เจอกัน  ฉันก็เลยกังวลไป  ต่าง ๆ นานา  เมื่อถึงวันปิดเทอม  ฉันก็ได้ขึ้นรถตู้กลับบ้านเหมือนเช่นเคย  แต่ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง  ฉันก็ได้เห็นพี่บุ๊คคุยอยู่กับเพื่อนของฉันคือ  บิวและแอ้ม  แต่นั้นแหละคือภาพสุดท้ายก่อนที่เราจะมาเจอกันในเทอม  ๒  เมื่อกลับถึงบ้าน                                                              ฉันได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน  Love  คือ  บิวและแอ้ม  บิวและแอ้มโทรมาบอกว่า  พี่บุ๊คได้เบอร์โทร.  ( แต่บิวและแอ้มให้เบอร์ไอ้ทรายไป )  ฉันไปแล้วโดยที่พี่บุ๊คเอาปากกาหมึกซึมมาให้เพื่อน  และเพื่อนของฉันก็ให้เบอร์โทร.  ฉันเองก็ปลื้มพี่บุ๊คมากเหมือนกัน  ขนาดปิดเทอมยังจะขอเบอร์โทร.อีก  แต่เพื่อนโคตรแสนดีดันไปให้เบอร์ทรายซะอีก
          เมื่อถึงเทอมที่  ๒  ความรักของเราก็ยิ่งหวานไปใหญ่  ยิ่งกว่าน้ำตาล  น้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้งซะอีก
สุดท้ายรักของเราก็จบลงกลางทาง  ( พี่บุ๊คอยู่  ร.ร.  พระนารายณ์ )  แต่พี่บุ๊คก็ยังหาแฟนไม่ได้อีกอยู่ดีแหละ
				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน