เพลงรัก เพลงละคร ตอนที่7
เก่งกาจ
วันที่หมอนัดที่จะบอกผลเอกซ์เรย์ก็มาถึง วันที่ชี้ชะตาของโดมว่าต่อไปจะเป็นเช่นไร
ในห้องพิเศษที่โดมรออยู่ พยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาบอกว่า
เดี๋ยวคุณโดมตามดิฉันไปที่ห้องคุณหมอนะคะพยาบาลคนนั้นกล่าวและยิ้มอย่างสุภาพ
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินออกห้องพิเศษไป แล้วตรงไปที่ห้องของหมอ
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงห้องของหมอ
โดมรู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก กลัวตนจะเป็นอะไรไป
หากทว่าก็พยายามไม่คิดอะไรมาก
คุณโดมนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะพยาบาลเอ่ยพร้อมเดินจากไปอีกทาง
ในระหว่างที่นั่งรอนั่นเอง โดมก็เห็นใครคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องหมอ
ห้องนั้นเป็นห้องของหมอทางประสาทและสมอง ห้องเดียวกับที่โดมกำลังรออยู่นั่นเอง
ใครคนหนึ่งที่โดมเห็นคือเค้กนั่นเอง ชายหนุ่มแปลกใจว่าทำไมเค้กจึงมาในสถานที่นี้
แต่ก็มีเสียงใครคนหนึ่งขัดขึ้น
คุณโดมค่ะ ไปกันเถอะค่ะพยาบาลคนเดิมมาเรียกโดมเข้าห้องของหมอเพื่อฟังผล
ครับ เอ่อ..คุณพยาบาลครับ คุณคนนั้นเขามาหาหมอทำไมโดมหันไปถามอย่างสงสัย เขาสงสัยว่าเค้กมาหาหมอทางประสาทและสมองเพราะอะไร
คุณเป็นเพื่อนคุณเค้กหรือค่ะพยาบาลเอ่ยถามยิ้ม ๆ
ครับ เธอเป็นอะไรหรือครับโดมพยักหน้า และรอฟังคำตอบเช่นกัน
คือคุณเค้กเธอประสบอุบัติเหตุจากรถชนเมื่อสิบปีก่อน จนสูญเสียความทรงจำ แต่ว่า...พยาบาลหยุดไปนิดหนึ่งเพราะโดมถามแทรกขึ้นอย่างร้อนรน
แต่ว่าอะไรหรือครับโดมเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเป็นที่สุด
แต่ว่าเธอพึ่งได้รับความทรงจำกลับคืนมาเมื่อไม่นานมานี้พยาบาลเอ่ยต่อไปเรื่อย ๆ
หากทว่าความจริงที่ได้รับรู้ มันทำให้เขารู้สึกผิดมากที่รู้สึกโกรธเคืองเค้ก ทั้ง ๆที่เค้กไม่ได้ตั้งใจทำร้ายความรู้สึกของเขา ทั้ง ๆที่เค้กพยายามรักษาสัญญา
เขามันบ้าที่ไม่รับฟังคำอธิบายของหญิงสาว
ภาพในวัยเด็กผุดขึ้นในความทรงจำ มันเป็นตอนที่โดมเดินออกมาจากสวนสาธารณะแล้วมีคนมุงอยู่
เขานึกออกแล้ว คงจะเป็นตอนนั้น ตอนที่เขาไม่ได้หันหลังกลับไปดูว่าคนมุงอะไรกัน
หากวันนั้นเขาหันกลับไป เขาคงจะได้รู้ว่าเค้กไม่เคยผิดสัญญา
หากเขารู้ว่าวันนั้นเธอเจ็บตัว เขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไป
หากทว่ามีเสียงหนึ่งทำให้เขาตื่นจากภวังค์
ไปหาคุณหมอกันเถิดค่ะ พยาบาลคนเดิมเอ่ยชวนอย่างสุภาพ พร้อมเดินนำโดมเข้าไป
โดมเดินตามเข้าไป ในใจคิดอยากจะปรับความเข้าใจกับเค้ก หากแต่ทว่าก็ยังทำไม่ได้เพราะตนยังไม่แน่ใจบางอย่าง ไม่แน่ใจว่าชีวิตของตนจะเป็นอย่างไร
เมื่อโดมเข้าไปที่ห้องหมอ
หมอก็ฉายภาพเอ็กซ์เรย์ ให้โดมดู พร้อมบอกสิ่งที่ทำให้เขาทั้งช็อกและเสียใจอย่างบอกไม่ถูก
จากผลการเอกซ์เรย์ เราพบเนื้อร้ายที่สมองหมอค่อย ๆบอกเหมือนพยายามไม่ให้คนไข้ตกใจ
แต่ไม่ได้ผล เพราะยังไงโดมก็รู้สึกเหมือนโดนตบหัวอย่างรุนแรง อยู่ดี
คุณหมอหมายถึง มะเร็งอย่างนั้นหรือครับโดมค่อย ๆเอ่ย ๆช้า ชัด ๆ น้ำตาเริ่มไหลริน
กลัวคำตอบที่ในใจก็รู้อยู่แล้วว่าคืออะไร
มันลามไปทั่วสมองอย่างรวดเร็ว จนเราหมดความสามารถหมอเอ่ย ตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไม่อยากให้คนไข้เสียขวัญ
คุณหมอกำลังจะบอกว่า ผมเหลือชีวิตอยู่อีกไม่นานหรือครับโดมไม่ยอมสบตาหมอ เพราะไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาที่กำลังไหลริน
เขารู้สึกเหมือนโลกกำลังถล่มทลาย สิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตเขากำลังจะมาถึง แต่เขากลับไม่มีหนทางแม้แต่จะต่อสู้ ไม่มีแม้กระทั่งเวลา
ไม่จริงเขามี เขาต้องมีเวลา เขายังไม่ได้ทำสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเลย เขายังไม่ได้เอ่ยขอโทษเค้กเลย
ผมเสียใจหมอเอ่ยอย่างแผ่วเบา ไม่ตอบคำถามใด ๆทั้งสิ้น
ผมเหลือเวลาอีกนานเท่าไรโดมเอ่ยถามพร้อมจ้องหมออย่างรอฟังคำตอบ
ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์หมอมองเขาด้วยสายตาที่รู้สึกผิด ที่ช่วยคนไข้ไม่ได้ หากทว่าก็ข่มความรู้สึกนั้นเพราะพยายามเต็มที่แล้ว
โดมได้ฟังดังนั้นลุกขึ้นออกจากห้องหมอไปทันที
เขาวิ่งไปเรื่อย ๆ เหมือนต้องการไปที่จุดหมายที่ใดที่หนึ่ง ที่ที่เขามีเค้กอยู่นั่นเอง
ในระหว่างที่โดมกำลังวิ่งลงบันไดหนีไฟนั้น
ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ออกมาจากลิฟท์ หากแต่พวกเขาก็ไม่เห็นโดมที่วิ่งลงบันได้ไป ทั้ง ๆที่เหนื่อย อ่อน
ไม่นานทั้งเค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ ก็มาถึงห้องโดม หากทว่าก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของโดม
ขณะนั้นเองก็มีพยาบาลคนที่พาโดมไปห้องของหมอ เข้ามาที่ห้องพิเศษ
คุณพยาบาลคะ คนไข้ที่อยู่ห้องนี้ไปไหนค่ะเค้กเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อไม่เห็นโดม กลัวเขาจะเป็นอะไรไป
อ๋อ.. ไปพบคุณหมอ เพื่อฟังผลเอกซ์เรย์น่ะค่ะพยาบาลตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ทันที่ทุกคนได้ยินก็ตรงไปที่ห้องของหมอทันที ระหว่างทางทุกคนเดินไปด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงโดมเป็นที่สุด
ไม่นานก็ถึงห้องหมอ
อาหมอเค้กเรียกหมอคนที่เธอมารักษาอยู่บ่อย ๆครั้ง ที่ยังไม่ได้รับความทรงจำคืน
อ้าวเค้ก มีอะไรหรือหมอคนนั้นเรียกเธออย่างรู้จักคุ้นเคยเพราะเป็นคนไข้ประจำ
เพื่อนหนูคนที่มาฟังผลเอกซ์เรย์ เขาเป็นไงบ้างค่ะเค้กเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ห่วงอาทรเป็นที่สุด
แต่หมอกลับเงียบ ไม่เอ่ยสิ่งใด เค้กเริ่มกลัวคำตอบ ในใจเต้นไม่เป็นส่ำ
หมอเสียใจหมอเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ทุกคนรวมทั้งกริช หยี เจ๊กุ๊ก ได๋ โดยเฉพาะเค้กตกตะลึงกับคำตอบที่ได้รับ
น้ำตาเค้กเอ่อล้นดวงตา แล้วไหลรินออกมา เธอถามทั้งน้ำตาว่า
เสียใจอะไรค่ะ! ทำไมอาหมอต้องเสียใจ!เธอเสียงดังอย่างควบคุมความรู้สึกไม่ได้ สะอื้นไห้ออกมาอย่างอดกลั้น
คนไข้เป็นมะเร็งสมอง ระยะสุดท้าย เรารู้ช้าเกินไปหมอเอ่ยอย่างแผ่วเบา เขาไม่อยากตอบเพราะไม่อยากให้เค้กเสียใจ หากทว่าก็ต้องทำ เพราะมันเป็นความจริงที่ทุกคนต้องรับรู้
ไม่จริง! ไม่จริง!เค้กหลอกตัวเองสะอื้นไห้อย่างนั้น
เค้กทำใจดี ไว้นะกริชปลอบประโลมพร้อมตบบ่าอย่างเบา ๆ
แล้วตอนนี้โดมอยู่ที่ไหนค่ะเค้กไม่สนใจ เธอถามถึงชายคนที่เธอรักด้วยความเป็นห่วง
เขาวิ่งออกไปเมื่อกี้ ไม่ได้กลับไปที่ห้องหรือหมอตอบอย่างแปลกใจ นึกรู้ทันทีว่าโดมหนีออกจากโรงพยาบาล
เค้กไม่รอช้าเธอวิ่งไปที่ห้องพิเศษ อย่างเร็วที่สุดในชีวิต เธอต้องการพบโดมเป็นที่สุด
เธอต้องการปลอบเขา ทั้งที่ตนเองก็ต้องเผชิญความจริงที่แสนเจ็บปวดกับเขา
ไม่นานเธอก็มาถึงห้องพิเศษ แต่ก็ไม่พบใคร
โดมหนีไปแล้วแน่เลย เราต้องตามหาเขานะเค้กหันไปพูดกับกริชด้วยน้ำเสียงร้อนรน และเป็นห่วงโดม กลัวโดมจะทำอะไรโง่ ๆ
จากนั้นทุกคน เค้ก กริช หยี เจ๊กุ๊ก และได๋ ก็ออกตามหาโดม
พวกเขาไปที่บ้านของโดม แต่ทว่าก็ไร้เงาของโดม เค้กสิ้นหวัง ไม่รู้จะไปหาชายหนุ่มได้ที่ไหน
ทางด้านเจ๊กุ๊ก ที่ออกตามหาโดมที่ชมรมละคร เพราะคิดว่าโดมคงอยู่ เมื่อไม่เจอ ก็เป็นห่วงแต่ก็รู้สึกกลัวว่าถ้าไม่มีโดมตนก็จะต้องตกวิชาโปรเจค
ทำไงดีไอ้ได๋ พรุ่งนี้ก็จะถึงวันแสดงอยู่แล้ว ถ้าไอ้โดมมันไม่มา เราไม่ผ่านวิชาโปรเจคแน่เจ๊กุ๊กเอ่ยออกมาอย่างเป็นกังวลกับเรื่องของตนเอง จนได๋อดเคืองนิดหนึ่งไม่ได้
หือ..เจ๊ นี่เจ๊ไม่เป็นห่วงไอ้โดมมันเลยเหรอได๋หันไปถามอย่างหงุดหงินในความไม่เข้าเรื่องของเจ๊ได๋
ห่วงสิ แต่ฉันก็ไม่อยากตกวิชาโปรเจคอีกนะเจ๊กุ๊กหันไประเบิดอารมณ์อย่างอดกลั้น
ได๋ได้ยินดังนั้น อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นทันที
แล้วไงล่ะเจ๊ อย่างน้อย เจ๊ก็เรียนใหม่ปีหน้าก็ได้ แต่ไอ้โดมนี่สิมันไม่มีแม้แต่วันพรุ่งนี้ ถ้าผมรู้ว่าเจ๊เป็นคนยังงี้ ผมยอมตกวิชาโปรเจค ดีกว่าต้องร่วมงานกับคนแล้งน้ำใจอย่างเจ๊ได๋ตวาดใส่เจ๊ได๋เป็นครั้งแรก พร้อมเดินผละไปอย่างฉุนเฉียว ทิ้งให้เจ๊ได๋อึ้งสนิทอยู่ตรงนั้น
วันที่แสดงละครก็มาถึง หากทว่าก็ยังไร้เงาของโดม ทั้งกริช หยี โดยเฉพาะเค้กเป็นห่วงมาก เธอไม่มีแม้แต่กระจิตกระใจจะทำอะไร
แต่ก็ต้องรับผิดชอบกับหน้าที่ของตนคือ ต้องช่วยเจ๊กุ๊กทำโปรเจคนี้ คือแสดงละครให้เสร็จสิ้น
เจ๊กุ๊กเรียกประชุมกริช หยีและเค้ก เพื่อบอกถึงตอนจบของเรื่องว่าทุกคนควรเล่นอย่างไร
เอาไงล่ะเจ๊ ไม่มีไอ้โดมแล้ว เจ๊เขียนตอนจบไว้ว่ายังไงได๋เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ หลังจากที่หายเคืองในความแล้งน้ำใจของเจ๊กุ๊ก
เจ๊กุ๊กหันไปทางหยี กริชและเค้ก พร้อมพูด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
ตอนจบของละคร มันขึ้นอยู่กับพวกเธอ ว่าต้องการให้มันจบ แบบไหน แต่ไม่ว่าพวกเธอจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่เธอเลือกเจ๊กุ๊กเอ่ยออกมา ยิ้มให้กับทุกคน
เจ๊กุ๊กคิดในใจว่า มันคงเป็นสิ่งเดียวที่เธอจะตอบแทนทุกคน คือกริชหยี เค้ก หรือแม้แต่โดมที่มาช่วยละครของเธอ เธอเข้าใจดีแล้วว่ามิตรภาพสำคัญกว่าความสำเร็จ
ทั้งกริช หยี และเค้กต่างมองหน้ากัน ว่าจะเลือกให้ตอนจบเป็นแบบไหนดี เพราะทุกคนคิดว่าตอนจบของละครมันสำคัญกับตนมาก เพราะมันมันไม่ได้แค่เป็นละคร หากแต่เป็นสิ่งที่เลือกจากเสียงข้างในหัวใจที่มันเรียกร้อง มันคือชีวิตจริง
เจ๊กุ๊กเองก็ต้องการให้ทั้งสี่คนตัดสินว่าจะเลือกที่จะให้ชีวิตรักตนเป็นแบบไหนโดยใช่ละครเป็นสะพานเชื่อม
เมื่อผ้าม่านเปิดออก ทุกคนปรบมือเสียงดังด้วยความยินดี
ละครเริ่มต้น ตั้งแต่กริชพบเจอกับเค้กที่เล่นเปียโน จนทำให้เขาหลงรัก เพราะเขาคิดว่าเค้กเป็นคนแต่งเพลง First love หากทว่าวันหนึ่ง เขาก็พบว่ารักหยี เพราะเขารู้ความจริงจากเค้ก ว่าหยีเป็นคนแต่งเพลงนี้
แต่หยีก็ปฏิเสธความรักของเขา พร้อมบอกกับกริชว่าความจริงแล้วเพลงFirst love จริง ๆแล้วเป็นของเค้ก เพราะมีชายคนหนึ่งที่รักเค้กต้องการแต่งมันเพื่อเป็นสิ่งแทนใจให้กับเธอ
ฉากนี้เป็นฉากที่กริชตัดสินที่จะพูดความในใจ และสิ่งที่เขาต้องการเลือกให้กับตนเองจริง ๆ ไม่ใช่แค่ละคร
เดี๋ยวสิ หยีกริชซึ่งตอนนี้แสดงละคร อยู่จับมือหยีเอาไว้เหมือนต้องการพูดบางสิ่ง
หยีหันกลับมาเผชิญหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า
ฉันคิดว่าเราไม่มีเรื่องต้องคุยกันอีกแล้วหยีเอ่ยไม่กล้าสบตา สร้างกำแพงในหัวใจเช่นเคย
ฉันรักเธอหยีเขาโผล่งออกมาไม่สนใจท่าทีของหญิงสาว สายตาที่มองเต็มไปด้วยความหมายตามที่พูด น้ำเสียงก็อ่อนหวานยิ่งนัก คนดูที่อยู่ในห้องประชุมต่างคิดว่านี่คือละคร หากแต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเป็นเรื่องจริง
เธอรักฉัน ทั้งที่รู้ว่าฉันไม่ได้แต่งเพลง First love อย่างนั้นหรือหยีเอ่ยทั้งน้ำตา หากแต่ไม่ยอมแพ้เสียงข้างในหัวใจตนเอง
ฉันไม่สนใจว่าเธอจะแต่งเพลงนั้นหรือเปล่า ฉันรู้แต่ว่า ..ฉันรักเธอกริชเอ่ยประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเป็นที่สุด เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมปล่อยมือนี้ไป
แต่เส้นทางนี้ ฉันเลือกที่จะเดินคนเดียวหยีไม่ยอมแพ้ เธอต้องขัดขวางไม่ให้เขาและเธอทำเรื่องที่ผิดต่อเค้ก
เส้นทางชีวิตคนอาจจะต้องเดินหน้า หรือถอยหลังเพื่อหาสิ่งที่ตนต้องการ แต่ไม่ว่าเลือกเส้นทางไหน พวกเขาจะพบรักแท้ที่เฝ้ารอมาตลอดจนได้ เวลานี้ฉันคิดว่าฉันเดินมาไกล เกินกว่าจะหันหลังกลับได้ เพราะมีสิ่งหนึ่งเหนี่ยวรั้งฉันไว้ นั่นคือเธอนะหยีกริชเอ่ยทุกประโยคทุกคำพูดอย่างชัดเจนและหนักแน่นในความต้องการของตนเอง
หยียิ้มรับทำพูดทุกคำของกริชทั้งน้ำตา เธออยากจะรักเขาให้เต็มหัวใจ หากทว่าก็ทำไม่ได้เพราะมีเค้กอยู่
แต่เธอมีเค้กนะหยีเอ่ยเบา ๆทั้งน้ำตา เธอรู้สึกเหนื่อยล้ากับการวิ่งหนีความรัก มันทรมานเสียกระไร
ทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมาอีกด้านหนึ่งของฉากขัดการสนทนาของทั้งคู่
แต่ฉันไม่ได้รักกริชอีกต่อไปแล้วเค้กเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมเดินเข้ามาหาหยีแล้วจับมือด้วยท่าทางเป็นมิตร
ทำไมล่ะเค้ก เธอไม่จำเป็นต้องเสียสละหยีขอร้องเค้กไม่ให้ทำเพื่อตนขนาดนี้ก็ได้มันทำให้เธอยิ่งรู้สึกผิด
ฉันไม่ได้เสียสละหยี เมื่อก่อนฉันคิดว่าฉันรักกริช แต่เมื่อวันหนึ่งความทรงจำของฉันกลับมา ฉันถึงรู้ว่าฉันมีใครคนหนึ่งอยู่ในใจอยู่แล้วเค้กเอ่ย พร้อมยิ้มเศร้า ๆ เมื่อนึกถึงโดมขึ้นมา
แต่ก็มีเสียงคนหนึ่งขัดขึ้นจากทางด้านหลังของเค้ก หยี และกริชเห็นดังนั้นก็ยินดี
เขาคือโดมนั่นเอง
เค้าเป็นใครหรือ เค้กโดมกล่าวออกมาพร้อมยิ้มให้กับเค้กอยู่ทางด้านหลัง เค้กหันไปเผชิญหน้ากับเขา
โดม เค้กเรียกชื่อโดม มองหน้าเขาทั้งน้ำตาอย่างดีใจที่เขาไม่เป็นไร
เค้กโผกอดชายคนรักอย่างยินดี กระชับวงแขนนั้นแน่นขึ้นเหมือนไม่อยากให้เขาไปไหน
เธอไม่เป็นไรนะเค้กผละออก แล้วถามอย่างเป็นห่วง
โดมส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
เธอยังไม่ตอบเลย ว่าเธอมีใครอยู่ในใจเขาเอ่ยถามพร้อมยิ้มให้เธอ ทั้งที่ใบหน้าอิดโรย
ก็เธอไงเค้กเอ่ยทั้งน้ำตา พร้อมโผกอดเขาด้วยความยินดี
เธอยอมรับคำขอโทษจากฉันแล้วหรือโดมเค้กเอ่ยถามแทน เมื่อเห็นท่าทีของเขาเปลี่ยนไป ไม่เฉยชาเหมือนแต่ก่อน
เธอไม่ต้องขอโทษหรอก ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ ขอบใจนะที่วันนั้นเธอไปตามสัญญาโดมเอ่ยอย่างแผ่วเบา พร้อมก้มหัวให้นิดหนึ่งอย่างรู้สึกผิด
เธอรู้แล้วหรือเค้กเอ่ยถามอย่างสงสัย
โดมพยักหน้าเป็นเชิงยอมรับ พร้อมยิ้มให้
แต่ว่าเธอยังติดค้างฉันอยู่นะโดมเอ่ยพร้อมยิ้มให้เค้ก ในความคิดโดมรอยยิ้มนั้นเศร้ายิ่งนัก หากแต่เขาก็พยายามฝืนหญิงเพื่อหญิงที่เขารัก
อะไรเค้กเอ่ยถามทั้งน้ำตา เธอรู้สึกตื้นตัน และยินดีที่เขาให้อภัยเธอ
เธอยังไม่ได้มารับเทปเพลงนั้นด้วยมือของเธอโดมกล่าวอย่างอ่อนหวาน เหมือนชายที่ต้องการแสดงความรักกับคนรัก เขาเอามือเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมา
ได้สิ เจอกันที่เดิมนะเค้กเอ่ยยิ้มทั้งน้ำตา แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุข
สถานที่เค้กหมายถึง หมายถึงสวนสาธารณะที่โดมเคยนัดไว้เมื่อสิบปีก่อน
เธอยังอยากจะได้ยินเพลงนั้นอยู่หรือเปล่าโดมเอ่ยถาม พร้อมมองเค้กด้วยสายตาที่มีความหมาย
เขาคิดในใจว่าเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาต้องการทำอะไรให้เธอเป็นครั้งสุดท้าย
อยากสิ อยากที่สุดเค้กพยักหน้าพร้อมยิ้มรับทั้งน้ำตา
จากนั้นโดมก็กอดเค้กมาปลอบประโลม ทั้งที่น้ำตาตนเองก็ไหลรินกับความจริงที่ต้องจากเค้กไปอย่างไม่มีวันพบเจอกันได้อีก
กริชกับเค้กก็สวมกอดกันด้วยความรัก ที่มีต่อกัน กำแพงในหัวใจของทุกคนถูกทำลายลง ด้วยความรัก
ผ้าม่านปิดลง ทุกคนในห้องประชุม ปรบมือเสียงดังสนั่นกับบทสรุปของตัวละครทั้งสี่คน
แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าเบื้องหลังฉากละครนั้นจะมาจากความรักความเศร้าของตัวละครที่แสดงอย่างแท้จริง