เพลงรัก เพลงละคร ตอนที่6
เก่งกาจ
อะไรนะ จะเอาไอ้โดมมาเล่นละครเนี่ยนะได๋เอ่ยอย่างตกใจพร้อมทำสีหน้าหนักใจแทนเจ๊กุ๊กที่ต้องมีภาระหนักที่ต้องรับมือกับโดม
อือเจ๊กุ๊กกล่าวยิ้ม ๆ
เจ๊กุ๊ก เจ๊รู้หรือแกล้งไม่รู้ ไอ้โดมมันไม่ยอมหรอก จะบอกอะไรให้นะ ฉุดช้างขึ้นบันได ยังง่ายกว่าชวนไอ้โดมมาเล่นละครให้เราเสียอีกได๋แย้งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ต่อให้ยากกว่าฉุดช้างทั้งโขลงขึ้นบันได ฉันก็ต้องเอาไอ้โดมมาเล่นละครกับเราให้ได้เจ๊กุ๊กเอ่ยด้วยสีหน้าที่มาดมั่นว่าตนต้องทำได้
ว่าแล้วทั้งคู่ออกจากหลังฉากแล้วเดินไปหาโดมที่ไปสงบสติอารมณ์อยู่ที่ด้านหนึ่งของหอประชุม
ในขณะที่เขากำลังนึกถึงเค้ก
เจ๊กุ๊กกับได๋ซึ่งเดินตามหาทั่วหอประชุม และห้องชมรมเมื่อเห็นโดมทั้งคู่ก็ดีใจ เดินเข้าไปหาโดม
หวัดดี โดมเจ๊กุ๊ก แกล้งทักทาย พร้อมยิ้มให้แต่รอยยิ้มนั้นแฝงเลศนัย
อ้าวเจ๊กุ๊ก เฮียได๋ มีอะไรหรือโดมเอ่ยอย่างแปลกใจที่ทั้งสอง จู่ ๆก็เข้ามา
คือเจ๊กุ๊กเค้ามีเรื่องอยากปรึกษาแกน่ะได๋เอ่ยกับโดมพร้อมยิ้มอย่างมีแผนการเช่นกัน
ปรึกษาผมนี่นะโดมอุทานเหมือนไม่อยากเชื่อ เพราะเขาคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่มีความสามารถพอที่ทั้งคู่จะพึ่งได้
คือเจ๊มีอะไรอยากขออะไรโดมอย่างน่ะเจ๊กุ๊กกล่าวพร้อมไปนั่ง ใกล้ ๆชายหนุ่ม
ขออะไรเจ๊ หวังว่าไม่ใช่ตัวผมหรอกนะโดมอดแหย่เจ๊กุ๊กตามนิสัยอารมณ์ดีไม่ได้
ฮึ้ย..ไม่เอาหรอกให้ฟรี ๆ ยังไม่อยากเอาเลย คือเจ๊อยากให้โดมมาเล่นละครให้เจ๊หน่อยได้ไหมเจ๊กุ๊กกล่าวประโยคท้ายอย่างอ้อนวอน พร้อมเขย่าตัวโดมให้ยอมรับข้อเสนอ
ไม่! ต่อให้นรกเย็นเป็นน้ำแข็งผมก็ไม่ยอมเล่นเด็ดขาด!โดมได้ยินดังนั้นปฏิเสธเสียงแข็งทันที เจ๊กุ๊กหน้าเสีย เปลี่ยนอารมณ์ทันที จากที่ยิ้มให้โดม ตอนนี้สีหน้าดุดันเอาจริงเอาจังแล้วพูดกับโดมว่า
แต่แกต้องเล่น! ต่อให้นรกเย็นเป็นน้ำแข็งยังไง แกก็ต้องเล่น! เพราะถ้าแกไม่เล่นฉัน...จะเอาแกออกจากกลุ่มโปรเจคของฉันเจ๊กุ๊กเอ่ยประโยคสุดท้ายเหมือนต้องการหาข้อมาขู่ให้โดมกลัวแต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ออก ก็ออกสิ ผมทำโปรเจคปีหน้าก็ได้โดมกล่าวอย่างไม่สนใจ พร้อมยักไหล่
แกต้องเล่นละครให้ฉันเพราะถ้าแกไม่เล่น นอกจากฉันจะให้แกออกแล้วไอ้หยีต้องออกด้วยเจ๊กุ๊กกล่าวเหมือนตนมีไพ่เหนือกว่าในมือ
เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับไอ้หยีเลยนะพี่!โดมกล่าวอย่างมีอารมณ์เคืองในความเอาแต่ใจของเจ๊กุ๊ก
เกี่ยวสิ เพราะไอ้หยีมันเป็นเพื่อนรักแก แกน่ะมีข้อเสียมากมาย แต่มีข้อดีอยู่อย่างคือแกรักเพื่อน หวังว่าแกยังจะรักษาข้อดีของแกต่อไปนะเจ๊กุ๊กกล่าวยิ้มอย่างมีชัยที่ทำให้โดมเริ่มยอมรับข้อเสนอตนได้บ้าง
คิดให้ดีละ ถ้าไม่อยากให้เพื่อนแกเดือดร้อนไปด้วย ฉันให้เวลาแกคิดห้าวินาทีเจ๊กุ๊กเอ่ยข้อเสนอที่ไม่มีทางเลือกให้กับโดม
หนึ่ง สอง สาม สี......สี่ครึ่ง......เจ๊กุ๊กจะนับถึงห้า แต่โดมขัดขึ้นมาก่อน
ก็ได้ ก็ได้ พอใจหรือยัง!โดมกล่าวอย่างเสียไม่ได้ เขารู้สึกเคืองมากที่โดนบังคับจิตใจอย่างนี้เดินผละไปอีกทาง
เจ๊กุ๊ก เจ๊ไม่คิดว่าทำเกินไปหรือ บังคับจิตใจมันขนาดนั้นได๋หันไปพูด นึกเห็นใจโดมที่ถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
เฉยเถิดน่ะไอ้ได๋! แกก็เลือกเอาละกันว่าจะเห็นใจไอ้โดม หรือจะเอาเอวิชาโปรเจคนี้ ฉันน่ะอยากผ่านวิชาบ้า ๆนี้เต็มทนแล้วนะแก!เจ๊ได๋กล่าวอย่างหงุดหงิดพลางเดินไปอีกทางอย่างเสียอารมณ์เช่นกัน นึกเครียดถ้าโปรเจคไม่ผ่านต้องเรียนซ้ำอีกปี
ที่ห้องชมรมละคร เจ๊กุ๊กได้นัดนักแสดงทุกคนคือ กริช เค้ก หยี และโดมมาซ้อมบทละคร
เจ๊กุ๊กไม่ทันสังเกตว่า ทั้งสี่คนไม่มีอารมณ์จะซ้อม เพราะมัวคิดแต่เรื่องของตนเองอยู่
เอาล่ะค่ะ คุณน้องวันนี้ เราจะมาซ้อมบทน่ะค่ะ วันนี้พี่แก้บทให้ทุกคนใหม่ และอยากบอกกับทุกคนว่าวันนี้ พี่มีนักแสดงอีกคนที่อยากให้น้อง ๆรู้จัก น้องโดมช่วยยืนขึ้นหน่อยค่ะเจ๊กุ๊กหันไปพูดกับโดมอย่างอารมณ์ดี โดยทำเป็นลืมว่าตนเองบังคับจิตใจโดมแค่ไหน
คือน้องโดมจะมาเล่นละครให้พี่ด้วย น้องโดมจะรับบทเป็นกิ๊กของน้องเค้กค่ะเจ๊กุ๊กกล่าวอย่างอารมณ์ดี
กิ๊กอย่างนั้นหรือค่ะพี่กุ๊กหยีเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
จ๊ะ กิ๊ก คือพี่จะเติมบทขึ้นมาอีกนิดหน่อย ตรงที่ในเรื่องเค้กจะมีกิ๊ก ไม่ใช่สิเค้กเคยมีคนที่รักอยู่แล้วในวัยเด็ก เค้กเคยสัญญากับโดมว่าจะไปเอาตลับเทปที่อัดเพลงที่โดมแต่งไว้ในวันหนึ่ง แต่ว่าเค้กก็ต้องผิดสัญญาเจ๊กุ๊กหยุดกล่าว พร้อมสังเกตท่าทีของทั้งคู่ เห็นได้ชัดว่าโดมรู้สึกโกรธเค้กทันทีที่ฟังเรื่องนี้
เขาแกล้งไปถามเจ๊กุ๊กเป็นเชิงประชดเค้กว่า
แล้วทำไมเค้าถึงผิดสัญญาละเจ๊ หรือว่าสำหรับเขาไอ้เพลงนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยโดมเน้นประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงข่มขื่น ผิดหวังและเสียใจปนกันไป
ไม่ใช่หรอกโดม ในเรื่อง เค้กสูญเสียความทรงจำ จึงไม่สามารถจำสัญญาที่ให้ไว้กับโดมเมื่อสิบปีก่อนได้เจ๊กุ๊กตอบออกมาจากความจริงที่ได้รู้
หากแต่ว่าโดมก็ไม่เฉลียวใจสักนิดว่ามันเป็นเรื่องจริง
เค้กได้แต่มองโดมด้วยสายตาที่เจ็บปวด ที่โดมประชดและเฉยชาใส่ตน
ไปนั่งได้แล้วจ๊ะโดมเจ๊กุ๊กอนุญาตโดม
จากนั้นโดมก็เดินไปนั่งใกล้ ๆเค้กเพื่อพูดบางสิ่งโดยที่ต้องการให้ได้ยินแค่สองคน
ในละคร ฉันอาจจะให้อภัยเธอได้ เพราะเธอสูญเสียความทรงจำ แต่ชีวิตจริงมันไม่มีเหตุผลที่ดีพอที่ฉันจะยอมรับคำขอโทษจากเธอโดมกระซิบข้างหูเค้กอย่างชัดเจน เหมือนต้องการกรีดหัวใจเค้กให้เป็นเสี่ยง ๆ
เค้กหันมามองทั้งน้ำตา ไม่กล่าวสิ่งใดได้แต่เบือนหน้าหนีใบหน้าของคนที่เธอคิดว่าใจร้ายเสียเหลือเกิน
เค้กอยากจะบอกกับโดมเหลือเกิน ว่าเธอไม่สามารถไปตามสัญญาได้เพราะเมื่อสิบปีก่อนเธอเกิดอุบัติเหตุรถชนในวันที่นัดกับโดมว่าจะไปรับเทปที่โดมตั้งใจจะมอบให้
เธออยากบอกว่าเธอให้สำคัญกับมันเท่า ๆกับที่โดมให้เธอ
แต่เธอรู้ว่าพูดไป ชายหนุ่มคงไม่มีวันเชื่อ
ด้านเจ๊กุ๊กได้หันหน้าไปทางกริช และหยีซึ่งตอนนี้ปั้นปึ่งใส่กันต่างคนต่างไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันเพราะกำแพงหัวใจที่เอามากั้นไว้
เจ๊กุ๊กเห็นตอนนี้ทั้งคู่มีอารมณ์ใกล้กับบทละคร จึงต้องการให้ทั้งคู่ซ้อมบท
น้องกริช น้องหยีเจ๊กุ๊กเรียกทั้งคู่
คะ/ครับทั้งคู่ขานรับ มองตากันอย่างคนที่รู้สึกดีต่อกันแต่รักกันไม่ได้
คือพี่อยากให้น้องซ้อมบทตอนที่ กริชตามง้อหยี เพราะหยีไม่ต้องการให้กริชมายุ่งกับตน นี่จ๊ะบทที่พี่แก้ เล่นตามนี้เลยนะเจ๊กุ๊กกล่าวพลางยื่นบทให้ ทั้งคู่รับไปแล้วหยิบไปอ่านอย่างเสียมิได้ ทั้งคู่สบตากันเหมือนมีอะไรอยากจะพูด แต่ก็ยั้งใจเอาไว้
ทั้งกริชและหยีออกมาที่เวทีเพื่อแสดงให้เจ๊กุ๊กและทุกคนดู
เดี๋ยวสิกริชเริ่มแสดงตามบทที่เจ๊กุ๊กเขียน โดยเอื้อมมือไปจับหยี ในใจลึก ๆเขาต้องการจะง้อหยีจริง ๆ ให้หยียอมรับรัก และทำลายกำแพงหัวใจนั้นเสีย
มีอะไรหยีไม่ได้อ่านบท เธอคิดแต่เพียงว่าไม่อยากอยู่ใกล้ชายหนุ่มให้นานกว่านี้เธออยากจะหนีไปให้พ้น ไม่อยากเจอหน้าเขาเพราะกลัวใจตนเอง
ฉันรักเธอหยีกริชเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีความหมาย แผ่วเบาแต่หนักแน่นและชัดเจน จนหยีอดซาบซึ้งไปกับคำนั้นไม่ได้ น้ำตาของไหลรินอย่างอดกลั้นไม่ได้ทั้งสุขที่ชายหนุ่มบอกรัก และเจ็บปวดที่เขาและเธอรักกันไม่ได้
แต่เธอมีเค้กอยู่แล้วกริชหยีกล่าวทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครือ
ทั้งเค้กและโดมมัวแต่คิดแต่เรื่องของตนเองจนไม่ได้ใส่ใจว่าทั้งคู่นอกบท
ฉันอาจจะพบเค้กก่อนเธอ แต่เค้กเป็นแค่เงา เค้กเป็นได้แค่นั้น ตัวจริงที่ฉันตามหาคือคนที่เล่นเพลงFirst love ให้ฉันฟังตั้งแต่เด็ก คนที่ฉันไม่กล้าแม้แต่จะมอบช็อกโกแลตให้ด้วยตัวเอง คนที่แต่งเพลงที่แสนมีค่านั้นขึ้นมา ซึ่งคนคนนั้นก็คือเธอนะหยีกริชระบายความรู้สึกในใจออกมาทั้งหมด โดยไม่ได้อ่านตามที่เจ๊กุ๊กเขียนเลยแม้แต่น้อย
แต่เจ๊กุ๊กกับได๋รู้แต่ไม่พูดว่าทั้งคู่นอกบท
เธอฟังฉันนะ ถ้าเธอรักฉันเพราะฉันแต่งเพลงนี้ เธอกำลังคิดผิดหยีกล่าวสะอื้นไห้ เอามือขึ้นมาปาดน้ำตาที่ไหลริน พร้อมสบตาชายหนุ่มอย่างเปิดเผยความรู้สึกในใจทั้งหมดที่มี
เธอหมายความว่าไงหยีกริชตะลึงกับความจริงทีได้รับรู้เขาถามหยีเสียงแผ่วเบา
เพลงนี้ ไม่ได้เป็นของฉัน ฉันยืมเขามาอีกทีหนึ่ง คนที่แต่งต้องการมอบมันเพื่อเป็นสิ่งแทนใจให้กับเค้กซึ่งเป็นหญิงที่เขารักที่สุดและ มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องคืนเพลงนี้ให้กับเค้กหยีกล่าวทั้งน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม
เธอเดินเลยมาไกลแล้วกริช หันหลัง กลับไปเถิด กลับไปหาคนคนหนึ่งที่เขารอเธออยู่หยีกล่าวเน้นประโยคสุดท้ายเหมือนฝืนใจ แต่ก็ต้องพูดความจริงนี้ให้กริชรับรู้
กริชตะลึงกับคำตอบที่ได้รับรู้ เขาอยากให้หญิงสาวปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง หากแต่หยีคงไม่ทำอย่างนั้น และไม่ยอมโกหกเขาแน่
หยีผละไปอีกทาง เพราะต้องการสงบสติอารมณ์
ส่วนกริชก็นั่งคิดกับตนเองว่าเขาจะเอายังไงกันแน่ระหว่างความรู้สึกครึ่ง ๆกลางนี้ เขาจะเลือกใครกันแน่ระหว่างแฟนสาว ซึ่งก็คือเค้กที่เป็นเจ้าของเพลงนี้ แม้จะไม่ได้แต่งเองก็ตามที หรือหยีที่มีเพียงน้ำเสียงที่ไพเราะและเล่นเพลงนี้ให้เขาฟังตั้งแต่เด็ก ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน เขาได้แต่กุมขมับไม่สามารถหาทางออกของหัวใจได้
หากกริชสามารถรับรู้ใจเค้ก จะรู้ว่าบัดนี้เค้กแทบไม่มีเขาในหัวใจหลังจากที่ได้รับความทรงจำกลับมาเค้กก็มีเพียงโดมในใจเท่านั้น และเธอต้องการให้เขาอภัยให้เธอ และกลับเป็นโดมคนเดิม แต่มันก็ยากเย็น
ทางด้านเจ๊กุ๊กกับได๋ก็กระซิบกระซาบกันสองคนเกี่ยวกับการนอกบทของกริชและหยีทั้งคู่
เจ๊กุ๊ก ผมว่าเขานอกบทนะได๋กระซิบข้างหูเจ๊กุ๊ก
เฉยเถิดนะ! ถ้านอกบทแล้วแสดงออกมาดี มันก็ดีไม่ใช่หรือ อย่าลืมสิ เอนะ เอ!เจ๊กุ๊กหันไปแว้ดใส่ได๋ ที่ชอบขัดผลงานของเธอ ได๋ได้แต่หน้าเจื่อนในใจคิดว่าตนไม่เคยทำอะไรถูกใจสักอย่าง
เจ๊กุ๊กหันไปพูดกับโดมและหยีทีเมินหน้าใส่กันอยู่ เหมือนไม่สนใจกัน แต่ลึก ๆแล้วตรงกันข้ามกับที่แสดงออกทั้งสิ้น
น้องเค้ก โดม ถึงคิวเธอแล้ว พี่อยากให้พวกคุณน้องแสดงตอนที่เค้กพยายามไปง้องอนขอโทษโดมที่ไมได้ไปตามสัญญาเจ๊กุ๊กแสร้งพูดว่าเป็นบทของตนทั้งที่จริงพึ่งได้ยินหรือแอบฟังเรื่องของเขาทั้งคู่มา
โดมไม่ใส่ใจเท่าไรว่าบทมันใกล้เคียงกับชีวิตจริงเขามัวพะวงแต่เรื่องของตน รวมทั้งเค้กด้วยที่สนใจแต่เรื่องของตน จึงไม่ได้ใส่ใจบท
เธอตั้งใจจะพูดปรับความเข้าใจกับโดมให้รู้เรื่องกันไปเลย
ในระหว่างซ้อมบท เค้กจึงพูดออกไป โดยเจ๊กุ๊กและได๋กำลังคิดว่าทั้งคู่แสดงละครกันอยู่
โดมเค้กเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงวิงวอนขอให้ชายหนุ่มฟังบางอย่างที่เธอต้องการพูด
โดมหันหน้าเผชิญกับหญิงสาว เขาอดหวั่นไหวไม่ได้
เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลรินของเค้ก
ฉันบอกแล้วไง ว่าอย่าร้องไห้ น้ำตาของเธอมันใช้ไม่ได้ผลหรอกโดมกล่าวและมองหญิงสาวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แต่ในใจเจ็บปวดยิ่งนัก
หากฉันต้องร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด แล้วเธอจะยกโทษให้ฉัน ฉันก็ยินดีเค้กเอ่ยทั้งน้ำตา เธอเฝ้าบอกกับตนเองว่าเธอจะทำทุกทางให้ชายที่อยู่ตรงหน้าอภัยให้เธอ
ได้โปรดรับคำขอโทษจากฉันเค้กวิงวอนทั้งน้ำตาที่ไหลรินไม่หยุด
ฉันรับคำขอโทษจากคนที่ทำร้ายความรู้สึกของคนอื่นอย่างเลือดเย็นไม่ได้หรอก บางทีถ้าเธอแคร์ความรู้สึกของคนอื่นสักนิด เธอคงไม่ต้องใช้คำคำนี้โดมเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ เหมือนต้องการกรีดแทงหัวใจของหญิงสาว ที่อยู่ตรงหน้าให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ
โดมเค้กอุทานชื่อโดมเหมือนไม่อยากเชื่อคำพูดเขา
เขาได้แต่มองเธอด้วยสายตาเจ็บปวด พร้อมจะเดินผละออกไป
หากทว่า รู้สึกวิงเวียนศีรษะ รู้สึกว่ามีของเหลวไหลออกจากจมูก
มันคือเลือด นั่นเอง ชายหนุ่มตกใจมาก
รู้สึกปวดหัวมากขึ้น มากขึ้น จนไม่อาจประคองตัวเอง ได้ เขาล้มลงทันที
เค้กและได๋ และเจ๊กุ๊กเห็นดังนั้นตกใจมากรีบไปดูชายหนุ่มที่ล้มลงไม่ได้สติ
โดม โดม อย่าเป็นอะไรไปนะเค้กร้องเรียกโดมเสียงหลงได้ความเป็นห่วงเป็นที่สุด เธอบอกกับตนเองว่าจะไม่ยอมให้โดมจากไปไหนแล้ว
พาไอ้โดมส่งโรงพยาบาลเถอะเจ๊กุ๊กออกความเห็นทั้ง ๆที่ยังตกใจ
จากนั้นรถพยาบาลก็นำร่างของโดมที่ยังไม่ได้สติตรงไปที่โรงพยาบาล ทั้งกริช หยี ได๋ เจ๊กุ๊ก โดยเฉพาะเค้กรู้สึกว่าระยะทางของโรงพยาบาลช่างยาวไกลนัก เพราะกลัวโดมจะส่งถึงมือแพทย์ไม่ทัน
แต่ไม่นานรถก็แล่นถึงโรงพยาบาล บุรุษพยาบาล รีบส่งโดมเข้าห้องฉุกเฉินทันที
ทั้ง กริช หยี เค้ก ได๋ และเจ๊กุ๊กได้แต่รออยู่หน้าห้องไอซียูอย่างกังวล
โดยเฉพาะหยี และเค้ก ต่างห่วงโดมเป็นที่สุด
กริชเดินเข้ามาหาหยี พร้อมพูดอย่างปลอบประโลม แล้วจับไหล่เธอเบา ๆว่า
ทำใจดี ๆโดมต้องไม่เป็นไรกริชเอ่ยพร้อมมองเธออย่างเห็นใจ
ทั้งหมดยืนรออยู่หน้าห้องนั้นไม่ยอมไปไหน เฝ้ารอว่าเมื่อไรแพทย์จะออกมาบอกอาการของโดม
เวลาแห่งการอคอยช่างยาวนัก
เค้กคิดในใจ ว่าเธอเข้าใจแล้วว่าทำไมโดมถึงไม่ยอมให้อภัยเธอ เพราะการรอคอยใครสักคนหนึ่งโดยเฉพาะคนที่รักมันทรมานอย่างนี้นี่เอง
ไม่นานหมอก็ออกมาจากห้องไอซียู
ทั้ง กริช หยี เค้ก ได๋ และเจ๊กุ๊ก ตรงไปที่หมอเพื่อถามอาการโดมทันที
โดมเป็นไงบ้างค่ะหมอเค้กถามอย่างห่วงใยด้วยท่าทีกระวนกระวายใจยิ่งนัก
ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คนไข้คงเครียดมาก พักผ่อนไม่เพียงพอ เลยสลบไป แต่...หมอหยุดไปนิดหนึ่งเหมือนไม่แน่ใจบางอย่าง
แต่อะไรหรือค่ะคุณหมอเจ๊กุ๊กเอ่ยถามอย่างสงสัย และกลัวคำตอบว่าโดมจะเป็นอะไรเช่นกัน
หมอยังไม่สามารถบอกอะไรตอนนี้มาก ต้องรอผลเอกซ์เรย์อีกสามวันหมอเอ่ยออกมา
ทุกคนได้แต่ถอนหายใจ และภาวนาขออย่าให้โดมเป็นอะไร
ถ้างั้นดิฉันขอเยี่ยมเขาได้ไหมค่ะเค้กเอ่ยถามอย่างวิงวอน เธอรู้สึกเป็นห่วงโดมมาก ต้องการดูให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นไร
หมอพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
ทุกคนจึงเข้าไปเยี่ยมในห้องพิเศษที่หมอจัดเตรียมไว้ให้
เค้กเฝ้ามองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างที่สุด น้ำตาที่เอ่ยล้นไหลรินออกมา
กริชได้แต่มองอย่างสงสัยในความสัมพันธ์ของโดมและเค้ก แต่เขาก็ไม่กล่าวสิ่งใด เขามองมาที่หยีอย่างนึกเป็นห่วงความรู้สึกเหมือนกัน แต่เหมือนหยีจะใส่ใจโดมมากกว่าจึงไม่ได้เห็นสายตาคู่นั้น
หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน กลับบ้าน
กริชอาสาไปส่งเค้ก และหยี กริชไปส่งเค้กก่อน จากนั้นก็ไปส่งหยี
ระหว่างทางหยี และกริชไม่ได้กล่าวสิ่งใด ได้แต่นั่งเงียบ
ไม่นานรถก็แล่นถึงบ้านหยี ก่อนลงจากรถ หยีหันไปหาเขาพร้อมพูดว่า
ขอบใจนะหยีกล่าวด้วยน้ำเสียงเหินห่าง
เธอไม่เป็นไรนะกริชเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
หยีส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่กล่าวสิ่งใด
กริชตัดสินใจจะพูดบางอย่าง กับหยี
หยี ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ คือ..กริชจะเอ่ยต่อ เขาอยากพูดความในใจที่มันอัดอั้นอยู่ในอก
หากแต่
ฉันเหนื่อย ขอตัวก่อนหญิงสาวขัดขึ้นไม่อยากฟังเรื่องของเขา หยีเหมือนรู้ว่าชายหนุ่มต้องการพูดอะไร
เธอลงจากรถ เดินเข้าบ้าน ไม่ยอมหันมามองชายหนุ่มสักนิด เพราะกลัวเหลือเกินที่จะแพ้ให้กับหัวใจของตนเอง
กริชมองตามอย่างเสียใจที่ไม่ได้บอกความในใจออกไป