เพ้อรักสลักจิต ตะวันอ่อนรอนแสงแฝงสีแดงระเรื่อ เจือชมพูทองสาดส่องลอดพุ่มไม้ที่สูงตระหง่าน ประหนึ่งเสียดฟ้าของต้นรังคู่ ที่รายล้อมไปด้วย แมกไม้นานาพันธุ์ บ้างผลิดอกออกสีสันหอมเย็น แผ่คลุ้งกระจายยามลมโชย อภินันทนาการแก่ ผู้มาเยือนชมดุจความรักแท้ดั่งคนที่กล้าท้าทาย ไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น เปรียบเสมือนจะ เย้ยฟ้าท้าดินของต้นไม้คู่นี้ หยันในการดูแคลนต่อรัก ผ้าขาวม้าผืนน้อยในมือที่สร้างจากผ้าไหมหมี่ขิด ถูกยกขึ้นซับใบหน้าจากหยาดเหงื่อที่ไหลย้อยด้วย ความร้อนอบอ้าวอากาศแผ่ซ่านออกมาพร้อมเมฆ ที่แปรสภาพของฟ้าที่มึดคลื้ม เสมือนแจ้งว่าฝนจะเท หลั่งลงมาก็มิปาน ชายฉกรรจ์วัยย่างสู่ชรายกผ้าไหมน้อยขึ้นมองดู หลังจากซับเหงื่อเรียบร้อยแล้วขึ้นมาพิจารณา ยิ้มเศร้าๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เหี่ยวย่นเล็กน้อย ย้อนความนึกคิดหวนสู่อดีตของผ้าผืนนี้ ใช่แล้ว...นี่เป็นผลงานของหญิงหนึ่งที่พึงต้องตา ต้องใจบรรจงทอขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์มอบให้ ในระหว่างการพบปะสังสรรค์ในงานบ้านเชียงของ เราพบกันยิ้มให้แก่กันความสัมพันธ์ของหนุ่มสาว ที่มีต่อกันถูกต่อยอดสืบทอดกันเรื่อยๆมา จนกระทั่งส่งต่อไปที่บ้านนาง ซึ่งเป็นบ้านโดดเดี่ยว หลังน้อยถัดแยกห่างจากบ้านที่ปลูกเรียงรายเว้นช่วง ของหมู่บ้านที่มีอาชีพพิเศษในการทอผ้าไหมไทยขาย ในยามว่างเว้นช่วงจากงานท้องนาที่ห่างไปเพียงเล็กน้อย บ้านนางรายล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้ที่ผลิดอกหลาย หลากสีส่งกลิ่นหอมยิ่งนัก ตลอดจนพืชพันธุ์สวนครัว นานาชนิด เช่น พริก ตระไคร้ ข่า มะกรูด เป็นต้น ทั้งสองต่างชี้ชวนชม พร่ำพรอดสนทนาด้วยสันถวไมตรี ที่งดงามยิ่ง ด้วยสิ่งที่ผุดเกิดความผูกพันของกันและกัน ความนึกคิดที่ซึ้งตรึงใจประทับอยู่ในห้วงจินต์เสมอๆ ภาพของสาวเจ้าส่งขันน้ำที่โรยไปด้วยกลีบกุหลาบสีชมพู พร้อมบอกว่าเป็นน้ำฝนที่เก็บไว้ค้างปีมอบให้เฉพาะ คนพิเศษเท่านั้น กึ่งล้อเล่นด้วยรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ผุดซึ้งลงในห้วง แห่งสายตาที่ส่งประกายเจิดจ้าผ่องใสยิ่งนัก พร้อมด้วยสิ่งของ เป็นผ้าขาวม้าที่ถักทอขึ้นด้วยไหมที่จัดทำอย่างประณีต ส่งประกายระยิบระยับสีทองสลับชมพูแดงเหลืองไปมา ชายหนุ่มส่งยิ้มยื่นมือรับและประสานสายตากันและกัน ทั้งยังถอดสร้อยเส้นเล็กๆจากคอที่ประดับด้วยพระองค์น้อยๆ ที่ใช้ติดตัวเสมอมา เป็นสิ่งทดแทนน้ำใจนาง บรรจงสวมใส่ คอที่นวลขาวผ่องเป็นยองใย แทน คอที่ว่างเปล่าดุจประหนึ่ง การฝากใจไว้แทนตัวเพื่อความหมายที่จะแนบหัวใจไว้เพื่อ จะได้ใกล้ชิดต่อกันมิมีวันจางหายไปไว้ประทับกายนางอยู่เสมอ วันเวลาผ่านมา ทั้งสองต่างท่องเที่ยวไปในถิ่นของนาง ตามเขาลำเนาไพร ธารน้ำไหลเอื่อยๆ พุ่มแมกไม้ต่างๆบ้างกลิ่นหอม เดินไปจนมาพบต้นรังคู่ที่แปลกประหลาดตายิ่งนัก ทั้งสูงใหญ่เคียงคู่กัน เนื่องจากเป็นไม้คู่เดียวเท่านั้นที่เหลืออยู่สูงตระหง่านเทียมฟ้าแวดวงนั้น ดุจประหนึ่งความรักที่ผูกพันไม่ยอมห่างหายเย้ยหยันต่อไม้นานาพันธุ์ แน่ล่ะ คนทั้งสองต่างให้คำมั่นสัญญาฝากไว้ซึ่งกันและกันจะไม่มี วันพรากจากกันดั่งต้นไม้คู่นี้ เนิ่นนานวันความสัมพันธ์ผูกพันกันสัญญาที่ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นจนกลายเป็นความรักมั่นคงระหว่างต้นไม้ที่ใช้เวลามาสื่อ จากสิ่งที่อยู่ในใจทั้งสอง เมื่อยามที่มีเวลาว่างภายในบริเวณนี้เป็นที่พบกัน ใกล้เวลาที่เราสองจะร่วมเป็นคนๆเดียวกัน เหตุการณ์ไม่น่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้น ปั่นป่วนผันแปรกระแสชีวิต เข้าสู่ความอ้างว้าง รันทดหดหู่จน เราต้องพรากจากกัน การพรากครั้งนี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นการพราก ที่ยาวนานกีดกั้นหนทางแห่งรักต้องสลายไป ปีแห่งฝนแล้งท้องทุ่งนาแตกระแหงเศรษฐกิจตกสะเก็ด ทุกๆคนต่าง มุ่งสู่เมืองหลวงต่างดิ้นรนขนขวายหาเงินทองมาเพื่อเลี้ยงคนที่อยู่เบื้องหลัง เขาก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านี้ ที่จะต้องเดินทางไปสู่แหล่งที่ทุกๆคนมุ่งหวัง การติดต่อก็ยังต่อเนื่องเสมอมา จนกระทั่งการต่อสู้ส่งผลขยายไปสู่ยัง ต่างประเทศที่ใช้แรงงาน ทำให้การติดต่อนับวันจะจางหายไป จดหมายถูกส่งมาต่อเนื่องไม่เคยขาดแต่ อนิจจานานๆเข้าการตอบรับ กลับหายไป ไร้วี่แววทุกข์สุขของหล่อนเป็นเสมือนถูกกลืนไปสู่ความมืดมิด สร้างความกระวนกระวายไม่เป็นอันทำงาน ทนทำไปจนกระทั่งพ้นสัญญา ผูกมัดได้หวนกลับบ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง รีบเดินทางกลับบ้านเกิดทันที เสมือนฟ้าผ่าสะท้านผ่านร่าง สั่นหวั่นไหวใจแทบจะขาด ชาเย็นเฉียบ เหงื่อกาฬผุดต้องทรุดร่างนั่ง ภายหลังจากทราบจากคนในหมู่บ้านหล่อนว่า สิ่งอันเป็นที่รักยิ่งถูกฉุดไป จนกระทั่งหล่อนท้องจึงได้มาผูกไม้ผูกมือกันใน ภายหลังตามประเพณี น้ำตาของลูกผู้ชายรินหลั่งไหลทั้งภายในและภายนอก มันปวดร้าวเสียยิ่ง กว่าสิ่งใดๆ รักถูกพรากจากไปเสมือนตายไปจากห้วงแห่งความฝัน ที่ถูกวาดไว้ ในจินตนาการอันอลังการยิ่ง พร้อมสิ่งที่เพียบพร้อมเพียงพอต่อการสร้างชีวิต อันสดใสยาวนาน บัดนี้หนอความฝันอันสลายกลับเป็นใยผูกมัดรัดกระชับ บีบคั้นยากที่จะทนได้ แต่ด้วยจิตสำนึกภาระที่ต้องรับผิดชอบอีกมากมาย ทำให้ต้องทนทุกข์ระทมเก็บไว้ ใช้ชีวิตด้วยการทดแทนคุณผู้ที่มีอุปการคุณ เหนือสิ่งอื่นใด แม้นน้ำตาจะเป็นสายเลือดแต่มิเหือดแห้งไปจากใจได้ เริ่มแรกคิดจะหวนกลับไปในทางใช้ชีวิตประชดในสิ่งที่ขวางกั้นและ ทำลายสิ่งที่สร้างความปวดร้าวให้แดดิ้นสิ้นไป แต่ด้วยจิตสำนึกที่ถูกอบรม สั่งสอนตั้งแต่เล็กๆในคุณธรรม จึงทำให้บังเกิดความละอายต่อบาปที่จะบังเกิด เวรย่อมละงับด้วยการไม่จองเวร พ่อแม่กล่าวสั่งสอนอยู่เสมอครั้งยังเยาว์วัย จึงได้หันเหชีวิตไม่ทำในสิ่งที่ชั่วร้าย พร้อมนำครอบครัวมุ่งเข้าสู่เมืองหลวง วางรากฐานใหม่ ใช้ชีวิตปรนนิติผู้มีคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่ แต่ไม่วายอดที่จะกลับ หวนสู่ถิ่นเก่าเฝ้าผูกพันถึงคำมั่นสัญญาภายในบริเวณที่เคยเป็นสถานที่ปักรักไว้ ตะวันใกล้จะลาลับแนวแมกไม้ สายลมเอื่อยฉิว ใบไม้พลิ้วปลิวไสว หอมกรุ่น ด้วยพันธุ์ไม้ เงียบสงัดได้ยินเพียงเสียงกระทบของใบไม้ได้ยินแผ่วๆเบาๆ หนุ่มวัยเลยฉกรรจ์หยิบผ้าข้าวม้าไหมผืนน้อยที่สีออกจะซีดมัวๆ ขึ้นมาบรรจงจูบแล้วปูลงใต้ต้นรังคู่ พลางเอนกายลงใช้ลำแขนพาดจรดหน้าผาก ฝากความนึกคิดต่างๆลงในห้วงคำนึงถึงกับกลั่นบทความไว้ในห้วงแห่งความหลัง ครั้งความมีสัมพันธ์ระลึกถึงนางอันเป็นที่รัก แม้บัดนี้สิ่งนั้นก็ยังตราตรึงประทับไว้ไม่มี วันจืดจางไปพร้อมรำพึงถึงบทความผ่านสายลมที่กิ่งไม้ไหวเอนประสานเสียงทำนองนั้น รักเพ้อฝันฉันเพ้อละเมอหา แก้วกานดาสวยสดงดงามเหลือ จากอุดรผ่อนพักยากจุนเจือ สิ่งที่เอื้อเหลือไว้เพียงสายลม มาบัดนี้ตามฝันอันเจิดจ้า สิ่งที่มาเพียงเงาเคล้าเริงล่ม ปวงห้วงใจในรักมิอาจชม เหลือเพียงปมยากขจัดพลัดจากใจ. เพ้อ เธออยู่ที่แหล่งหนใดหนอ? ฉันยังรักเธอเสมอนะเพ้อ สำเนียงดุจเสียงละเมอ หวังว่าเธอคงสุขสบายดีนะ เสียงรำพึงแผ่วเบาๆระคนเศร้า ฉันจะคอยเธอเสมอ เพื่อรอวันกลับของเธอภายใต้ต้นไม้นี้ ด้วยหัวใจแม้จะปวดร้าวแต่ก็ให้อภัยเสมอ แม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะทำ ให้เราต้องสุดสิ้นกระแสชีวิต แต่ทว่าความรักหาสิ้นสุดลงไม่นะเพ้อ เสียงแผ่วค่อยๆจางหายไปด้วยอาการหลับใหลอย่างมีความสุข แน่ล่ะ....เขาคงจะฝันที่จะสร้างวิมานอันสดใสโดดเด่นต่อ ภายใต้ห้วงจิตสำนึก แห่งความรักที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใต้จิตใจยากที่จะผันแปรได้ ยินดีและอวยพรด้วยแด่หนุ่มผู้ที่มีความรักมั่นคงประดุจดั่งขุนเขา ฝันเถอะ...จงฝันไป...เพื่อจะได้คลายสิ่งหม่นหมองให้จางหายไปแม้แต่น้อยก็ตาม ให้เป็นเพียงประดุจดั่งสายลมที่พัดแผ่วเบาๆแล้วก็จางหายไปในที่สุด เราจะสนองอารมณ์เจ้าจนกว่าเจ้าจะตื่นขึ้นมา เป็นสำเนียงแว่วๆแผ่วๆ คละเคล้าปนเข้าดุจสายลมแว่วมาจากต้นไม้รังคู่นั้น สอดแทรกใส่ลงสู่ห้วงอารมณ์ คลอด้วยเสียงเพลงดนตรีสวรรค์ผ่านลงห้วงจิตใต้สำนึกนั้น... วันหนึ่งจะเป็นของเจ้า เสียงแว่วแผ่วๆกระซิบ คอยเถิดจะกลับมา... พร้อมรักที่เป็นไปตามสัญญาตราบชั่วกาลนาน. *** แก้วประเสริฐ. ***
5 กรกฎาคม 2549 17:22 น. - comment id 91496
...เขียนได้ดีค่ะ....สงสารคนที่คอยนะคะ... ...สื่อความหมายได้ชัดเจนมากค่ะ..
5 กรกฎาคม 2549 23:40 น. - comment id 91498
เขียนได้ดีมากๆ ค่ะ.....นึกภาพออกเลยล่ะ แต่ \"เพ้อ\" มาเข้าฝัน บอกว่า กู่ไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี.....ค่ะคุณแก้วฯ
6 กรกฎาคม 2549 10:16 น. - comment id 91500
ความรักที่แท้จริงก็ไม่จำเป็นที่ทั้งสองจะจบลงด้วยการอยู่ด้วยกันและครองรักกันเสมอไปจงดีใจที่เห็นคนที่เรารักมีความสุข
12 กรกฎาคม 2549 10:37 น. - comment id 91545
คุณ ราชิกา ขอบคุณมากเทพธิดาสีขาว คำกล่าวของแฝดเพื่อน ทำให้ผมเกิดพลังขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็น การเขียนที่จะเริ่มต้นครับ แก้วประเสริฐ.
12 กรกฎาคม 2549 10:39 น. - comment id 91546
คุณ เพ้อ นั้นซิครับมันเป็นการเพ้อฝันของผมที่จะสร้าง สิ่งที่ใจเราปราถนาครับ แต่ก็เป็นแค่การฝันที่ เพียงจะเริ่มต้นเท่านั้น ผมเขียนเรื่องสั้นกึ่งนิยายครับ ขอบคุณครับ แก้วประเสริฐ.
12 กรกฎาคม 2549 10:41 น. - comment id 91547
คุณ zilver ครับเป็นความคิดเห็นที่ตรงกับผมว่าความรัก ที่แท้จริงหาใช่ว่าจะต้องอยู่ร่วมกันเสมอไปก็หาไม่ หากสิ่งปรารถนาในหัวใจเราตรงกัน มาดแม้น อุปสรรคที่ขวางกั้นนั้นจะบั่นทอนสภาพที่แท้จริง แต่ก็สามารถสร้างความสุขขึ้นแก่เราได้ครับ ขอบคุณมากครับ แก้วประเสริฐ.
24 กรกฎาคม 2549 19:39 น. - comment id 91849
ควย ต้องการข้อมูลตะไคร้โวยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
25 กรกฎาคม 2549 10:47 น. - comment id 91872
คุณ ip 58.9.43.208 ขอบคุณครับที่ให้ของสำคัญของผู้ชายให้ผมครับ แล้วคุณไม่ต้องการแล้วหรือครับ เมื่อเอามาให้ผม ขอบคุณยิ่งๆครับ แก้วประเสริฐ.