ทำไมเธอไม่มีแฟนสักทีล่ะ? เป็นคำถามที่ใครๆ มักจะถามฉันซะเรื่อย และคำตอบที่ได้รับก็คือการถามย้อนกลับไปว่า แล้วเขามีแฟนเอาไว้ทำอะไรล่ะ? หลายคนจะได้อึ้งกับคำถามย้อนกลับไปของฉัน แต่หลายคนก็งงๆ จนกระทั่งฉันตอบคำถามเขาลงไปให้ชัดๆ ว่า ก็รู้สึกว่า ไม่มีความจำเป็นต้องมีแฟน ก็เลยไม่มี เป็นอันจบข้อสงสัยของคนหลายๆ คน หรือถ้าผู้ใหญ่มาถามฉันเรื่องการสร้างครอบครัว กับการมีลูกเล็กๆ น่ารักไว้เลี้ยงสักคนสองคน ก็จะได้คำตอบคล้ายๆ กับทำนองนี้ เด็กๆ ก็น่ารักดีนะ แต่ฉันก็รู้สึกว่า เลี้ยงเด็กให้โตขึ้นอย่างแข็งแรงทั้งทางด้านร่างกาย และเข้มแข็งทางด้านจิตใจน่ะ เป็นเรื่องที่ยากมากๆ กว่าเด็กคนหนึ่งจะเติบโตขึ้นมาเป็นคนสมบูรณ์ ต้องใช้พลังใจมหาศาลเลยทีเดียว และที่สำคัญก็คือ แค่คนๆ เดียวไม่สามารถจะทำให้มีเด็กออกมาได้หรอก ต้องช่วยกันทำ จริงไหม? ไม่มีคนรัก ไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีความรัก ความรักเกิดขึ้นกับฉันได้เสมอๆ เอาเป็นว่า ไม่เรียกว่าความรักก็ได้ เรียกว่า ความรู้สึกดีดี เริ่มตั้งแต่อนุบาลเลย ฉันยังเคยปิ๊งเพื่อนอนุบาลด้วยกันบ่อยๆ มีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่เวลานอนกลางวัน จะต้องลุกขึ้นมาหอมแก้มเพื่อนผู้หญิงก่อนทุกที ไม่งั้นจะนอนไม่หลับ เพื่อนผู้หญิงคนไหนที่นอนอยู่อีกด้านของนักเรียนชาย (เขาแบ่งเป็นสองฝั่ง หัวชนกัน) เพื่อนคนนี้ก็จะลุกขึ้นมาหอมแก้มหนึ่งฟอด ถึงจะยอมนอน เพื่อนบางคนถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว ... ฉันเองไม่เคยได้นอนฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนคนนี้หรอก ก็เลยไม่ถูกหอมแก้มกับเขาสักที เพื่อนคนนี้ไม่มีใครบอกว่า หล่อ แต่เขาจมูกโด่งชะมัด ... ไม่มีคนชมว่า หล่อ แต่ฉันก็เห็นว่า หล่อ นะ ... บางทีฉันก็แอบไปฝันถึงเขาด้วยแหละ แต่แค่สองสามคืนเท่านั้นแหละ อารมณ์เคลิ้มๆ แบบเด็กๆ ฝันๆ เพ้อๆ ไปว่า ฉันเป็นเจ้าหญิงในหนังจักรๆ วงศ์ๆ แล้วเขาเป็นเจ้าชาย แหม ... จินตนาการบรรเจิดตั้งแต่เด็กเลย ผ่านช่วงเวลาอนุบาลมา ... ผ่านมาชนิดที่ว่า ความรู้สึกกับเพื่อนชายคนนั้นหายไปเฉยๆ ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ต่อมาฉันเรียนอยู่ ป.3 แต่ก็ไปปิ๊งพี่ ป. 4 คนหนึ่ง ใครๆ ก็ไม่สนใจพี่คนนี้หรอก ไม่เห็นมีใครบอกว่า หล่อ สักคน แต่ฉันกลับชอบแฮะ ดี ไม่มีคู่แข่ง พี่เขาชื่อพี่ธเนศ ฉันชอบเขาที่เขาเป็นผู้ชายร่างบางๆ เล็กๆ ผิวขาวๆ ฉันว่าเขาหล่อนะ สงสัยจะเป็นสเปคของฉันละมั้ง ในที่สุด เพื่อนก็เลยแซวกัน แหม แซวทีไร เขินทุกที แต่ฉันไม่เคยได้คุยกับพี่ธเนศเลยสักคำ นอกจากแอบมองเวลาที่จะได้เห็นเขา และก็จะคอยดูเขาว่า เขาอยู่ที่ไหนแล้ว ไม่เคยได้คุยกันจริงๆ แล้วพี่เขาก็รู้ด้วยว่า ฉันชอบเขา แต่ต่างคนต่างก็ไม่รู้จักกัน มองตากันไปมองตากันมา แต่ฉันมักเป็นคนหลบสายตา จนเป็นพิรุธจนได้สิน่า นี่แหละ ความรักของฉัน ไม่เข้าใจว่า ทำไมช่างยากเย็นอย่างนี้ พี่ธเนศเรียนจบ ป.6 ไปแล้ว ก็ไม่เคยเจอกันอีก จนมีเหตุบังเอิญได้เจอกันเมื่อหลายปีถัดมาในสมัยที่ฉันเรียนมัธยม เขาจำฉันได้ แต่เราก็ได้แต่มองตากัน (อีกแล้ว) ก็รู้กันอยู่แค่ในใจ นี่คือความรักของฉัน ยังมีความรักกรณีแบบนี้อีกหลายเคส ที่ได้แต่มองหน้าเขา ชอบเขา พอเห็นเขาผ่านมา ฉันก็ออกมามองตาม แต่ไม่เคยได้คบหาพูดคุยกัน จนเขารู้นั่นแหละ แต่ฉันก็ยังเป็นแบบเดิม ไม่ยอมคุยกับคนที่ฉันปิ๊งเลย จนคนที่ฉันปิ๊งไปควงสาวตั้งหลายคนต่อหน้าต่อตาไปแล้ว ก็ยังปิ๊งอย่างเจ็บๆ คนเดียวอย่างนั้นแหละ ยังไงกันนี่เนาะ มาเล่าเรื่องความรักแบบเป็นเรื่องเป็นราวบ้างดีกว่า จะว่าเป็นความรักก็ไม่ถูกทีเดียวนัก เอาเป็นอารมณ์ที่เรียกว่า ความรู้สึกดีดี แล้วกัน สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ฉันได้รู้จักรุ่นพี่จิตรกรรมคนหนึ่ง เขาน่ารักมากๆ เอาเป็นว่า ฉันชอบเขา แต่ไม่ได้รักเขาก็แล้วกัน ชอบความน่ารักของเขา เขาเป็นชายหนุ่มร่างบาง ผิวคล้ำ สูงประมาณ 165 ซม. ใส่แว่นตา แล้วก็เอาแต่ยิ้ม พูดน้อยมากๆ พูดออกมาเป็นคำๆ พูดไปยิ้มไป รอยยิ้มของเขาเย็นๆ ใจเย็น คำพูดของเขาซื่อๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะเขาสื่อสารทางภาษาไม่เก่งนัก พี่เจ อายุมากกว่าฉัน 2 ปี เขาเป็นคนนิ่งๆ เรียบร้อย ฉันประทับใจเขามากๆ ให้ตายเถอะ แต่ไม่ถึงขนาดคลั่งหนักหรอก เพียงแต่ถ้าเจอหน้าก็ต้องเข้าไปเจ๊าะแจ๊ะด้วย วันหนึ่งพี่เจนั่งอยู่หน้าสโมสรนักศึกษา ฉันก็เดินไปนั่งข้างๆ แล้วถามพี่เจว่า พี่เจ ทำอะไร นั่งคิดอยู่ เขาก็นั่งนิ่งแล้วก็ยิ้มตามแบบฉบับของเขา ยิ้มแบบหวานเย็นๆ นั่นแหละ คิดอะไรเหรอ ฉันก็ไปถามเขา คิดว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรดี ฉันรู้สึกขำขำคำพูดของพี่เจจังเลย แหม คนอะไรน่ารักจัง คิดว่า พรุ่งนี้จะทำอะไรดี พี่เจจะติวศิลปะให้น้องๆ ในวันเสาร์ช่วงบ่าย ฉันก็เลยไปนั่งเล่นกับพี่เจด้วย ไปดูพี่เจสอนน้องๆ พี่เจแนะนำเรื่องการวาดรูปให้กับฉัน บอกว่า ต้องฝึกมือก่อน โดยการวาดวงกลมๆ วาดให้กลมๆ ให้ได้ แล้วฉันก็กลับมานั่งวาดกลมๆ ที่บ้านทุกวันเลย ไม่เคยกลมดิ๊กได้เหมือนที่พี่เจวาด พี่เจชวนให้ฉันมานั่งดูเขาติวให้น้องๆ ทุกบ่ายวันเสาร์ ฉันก็มานั่งเล่นบ่อยๆ เท่าที่มีเวลาว่างๆ เขาเป็นคนที่พูดไม่เก่ง เพราะไม่มีคำในสมองมากมายเท่าไรนัก เวลาเขาพยายามอธิบายน้องๆ เขาก็จะคิดช้าแล้วพูดช้า บางทีด้วยความรู้สึกอยากให้น้องๆ ทำได้ เขาก็ยัดเยียดและอัดความรู้ของเขาใส่ไปเยอะ เขาเคยมาบ่นกับฉันเรื่องนี้เหมือนกันว่า บางทีก็รู้สึกอยากให้เขาทำได้ เลยพยายามยัดเยียดเกินไป เวลาเขานึกคำพูดจะอธิบายไม่ออก ฉันก็จะเป็นล่ามแปลความคิดในใจของเขาออกมาสื่อให้น้องๆ ฟัง บอกว่าพี่เจเขาหมายถึงอะไร พี่เจก็จะบอกว่า นั่นแหละ แบบนั้นแหละ แต่เราคิดคำพูดไม่ออก เขาดีใจที่ฉันช่วยเขาแปลความคิดในใจออกมาสื่อสารได้ เขาจะได้ถ่ายทอดความรู้ได้ วิธีการสอนของเขาจึงเป็นการทำให้ดูมากกว่าพูดให้ฟัง น้องๆ ก็ต้องทำตามเขา แล้วจะเรียนรู้การสร้างงานศิลปะได้ด้วยตัวเอง เขาเคยเล่าให้ฉันฟังว่า เขาจะเรียนต่อปริญญาโท เขาจะเป็นอาจารย์สอนศิลปะ เขาเป็นนักศึกษาคณะจิตรกรรมที่ดูเรียบร้อยมาก มีระบบมาก ไม่เหมือนนักศึกษาจิตรกรรมหลายๆ คนที่มีความรุนแรงทางอารมณ์และทำอะไรตามใจเสรี แต่พี่เจดูเหมือนจะมีระบบในตัวเอง เขายิ้มได้ตลอดเวลา ฉันมักจะพบเขาในห้องสมุดเสมอ เขาจะนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ แต่ปากเขายังเป็นรอยยิ้มอยู่เลย คนอะไร น่ารักชะมัด วันดีคืนดี ฟ้าลั่น เป็นเพื่อนร่วมคณะกับฉัน เขาเป็นกะเทย เขาก็มาหาฉัน แล้วชี้หน้าบอกว่า นี่เธอๆ อย่ามายุ่งกับพี่เจได้ไหม? พี่เจของฉัน ฉันก็ยิ้มๆ แหม เวลาตุ๊ดหวงของนี่น่ารักเหมือนกันนะ อย่าให้ฉันเห็นนะยะ เขาค้อนฉันควับหนึ่ง มีอะไรสนุกๆ ให้เล่นอีกแล้ว วันหนึ่ง ฉันเห็นเพื่อนตุ๊ดของฉันเดินผ่านตรงหน้า ฉันก็นั่งอยู่ข้างๆ พี่เจ แล้วก็ชวนพี่เจคุย เพื่อนตุ๊ดของฉันก็มองฉันค้อนตาเขียวควับ ร่ำๆ จะเดินมาตบ ฉันก็ทำเป็นไม่หวั่น ชวนพี่เจเดินไปเดินเล่นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กันในตอนเย็นๆ ที่ตะวันกำลังตกดิน พี่เจก็ใจง่าย ยอมไปกับฉันด้วยล่ะ ป่านนี้หัวใจเพื่อนตุ๊ดของฉันคงร้อนเร่าเต้นโหยงๆ แล้วละมัง วันรุ่งขึ้น ที่ห้องวารสาร ฉันไปหาหนังสือพิมพ์อ่านสักหน่อย พี่เจนั่งอยู่กับฟ้าลั่น ทันทีที่ฟ้าลั่นเห็นหน้าฉัน เขารีบเขยิบเข้าไปนั่งชิดพี่เจอีกสักนิด พี่เจยังคงนั่งยิ้มแล้วนิ่งอ่านหนังสือเฉยอยู่อย่างนั้นแหละ ฟ้าลั่น เหลือบตามามองฉันแว่บหนึ่ง เหมือนๆ กับบอกว่า พี่เจเนี่ย ของฉันนะ ไม่ใช่ของเธอ ฉันแอบอมยิ้มขำขำ แหม เพื่อนตุ๊ดของฉันนี่น่ารักจังเลย พักหลังๆ จึงเห็นฟ้าลั่นเดินควงกับพี่เจบ่อยขึ้นๆ ทุกครั้งที่เห็นหน้าฉัน เขาก็ทำตาเขียวใส่ทุกที ทำนองว่า อย่ามายุ่งกับพี่เจของฉันนะ . แหม ก็มันมีอะไรๆ สนุกๆ เล่นอย่างนี้แหละ จะให้เลิกยุ่งกับพี่เจได้ยังไงล่ะ ฟ้าลั่นเอ๋ย วันหนึ่งฉันก็สร้างวีรกรรมอีกชิ้นหนึ่ง ฟ้าลั่นเดินมากับพี่เจ สวนทางกับฉัน ฉันก็แกล้งถามพี่เจ ทำเสมือนไม่เห็นหน้าฟ้าลั่น พี่เจ ไปไหน พี่เจก็เอาแต่ยิ้ม มีแต่ฟ้าลั่นนั่นแหละที่ทำตาเขียว มือไม้สั่นทำท่าจะเงื้อตบฉัน แต่ฉันเดินหลีกผ่านมาซะก่อนแล้ว แหม สนุกเสียจริงเลยนะเนี่ย งานนี้ ฉันกลายเป็นนางร้ายไปซะแล้วหรือนี่ ที่จริงตั้งใจจะเขียนเรื่องให้ตัวเองเป็นนางเอกซะหน่อย แต่ แม้นางเอกจะแสนร้าย แต่ก็น่ารักใช่ไหมคะ? เรื่องราวความรักแบบ poppy love ยังมีอีก หนุ่มอารมณ์ศิลปินนี่ มีอะไรน่าจดจำเยอะแยะ นอกจากพี่เจแล้ว ยังมีพี่จ้ำปี่ อีกคนหนึ่ง พี่จ้ำปี่ เป็นชายหนุ่มผิวขาว สูงประมาณ 171 ซม. อารมณ์ดี เหมือนคนไม่มีแก่นสารอะไรเลย เขาไม่เคยเล่าเรื่องของเขาให้ฉันฟัง แต่ เขาจะโทร. มาคุยกับฉันเรื่อยๆ เขาจะพูดเรื่องขำขำเป็นมุกตลกให้ฉันสบายใจ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ปัญหานั้นกลายเป็นเรื่องหัวเราะไปซะแล้ว บางทีเขาก็ชอบพูดเรื่องสัปดน บางเรื่องฉันรับไม่ได้ บอกไปว่า พี่จ้ำปี่ลามก พี่เขาก็ตอบกลับมาว่า ไม่ใช่เพราะเรื่องลามกเหรอ ที่ทำให้เธอเกิดเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้น่ะ ในวันเกิดของพี่จ้ำปี่ ฉันโทร.ไปหาเขาแต่เช้า ได้ยินเสียงเขางัวเงียมารับโทรศัพท์ ฉันก็เปิดเพลงบรรเลง "ด้วยรักและผูกพัน" โดยเอาสายฟังเซาด์อะเบ้าด์ใส่ลงไปที่โทรศัพท์ เขานิ่งอึ้งฟังเพลงเงียบงัน เหมือนมีเสียงจากหัวใจสื่อมาบอกกับฉันว่า "ฟังด้วยกันเลยนะ" จนกระทั่งเพลงบรรเลงจบลง เขาก็ถามว่า "ใครน่ะ" ฉันก็วางสายลง แล้วเขาก็ไม่รู้ว่า เป็นฉันที่เอาเพลงไปให้เขาฟังทางโทรศัพท์ แต่ฉันสุขใจลึกๆ อย่างบอกไม่ถูกเชียวเลยแหละ ตื่นเต้นชะมัดเลย ... ให้ของขวัญวันเกิดหนุ่มคนนี้น่ะ พี่จ้ำปี่เป็นคนน่ารักอีกคนหนึ่งของฉันไปแล้ว ฉันแอบเรียกเขา(ในใจ) ว่า พี่ยอดมนุษย์ของฉัน แม้ในไดอารี่ของฉัน ฉันก็ยังเรียกเขาว่า พี่ยอดมนุษย์ วันไหน ที่โทร.หาพี่จ้ำปี่แล้วพี่จ้ำปี่ไม่อยู่ ฉันจะเหงาเป็นพิเศษ ในไดอารี่ก็จะเขียนระบายไว้ว่า วันนี้ โทร.หาพี่ยอดมนุษย์ ไม่รู้ว่าพี่เขาไปไหน เหงาชะมัดเลย ฉันคุยกับเขาแล้วรู้สึกสบายใจที่สุดเลยนะ บางคืนเขาก็โทร.มา เหมือนมากล่อมนอนเลย เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฉันฟังเพลินๆ เหมือนเล่านิทาน แต่เรื่องของเขาเป็นมุมมองใหม่ที่ใครๆ ไม่มองกัน หลายต่อหลายเรื่อง .. ตามอารมณ์ศิลปินของเขา แต่เวลาเขาบอกว่า เขาจะแวะมาเยี่ยมฉัน เขาก็ปล่อยให้ฉันรอ แล้วก็ไม่เห็นร่องรอยของเขาเลย วันหนึ่ง เขารับโปรเจ็กต์งานใหญ่มา เขาชวนให้ฉันไปช่วยที่บ้านเขา ฉันไปทาสีฉากโรงละคร เขาอยู่กับแม่และก็พี่สาว พ่อของเขาเป็นนายทหาร ฉันได้ยินมาว่า เพราะพ่อเข้มงวดมาก เลยทำให้ลูกชายกลายเป็นคนไม่ชอบกฎระเบียบ ใช้ชีวิตแบบศิลปิน อยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่มีจุดหมายอะไรชัดเจนนัก ชีวิตของเขาก็มีความสุขดี แต่ว่า เหมือนไม่มีหลักฐานอะไรในอนาคตที่แจ่มชัดเท่าไหร่นัก แม่เขาเป็นครู พี่สาวเขาเป็นครู แม่เขาต้องใช้เครื่องช่วยฟังในการฟังเสียง แม่เขาใจดีมากๆ ครอบครัวเขาเป็นคนเพชรบูรณ์ ตอนที่ฉันไปเล่นที่บ้านเขา พี่สาวของเขากำลังท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที เขาเคยเล่าให้ฟังว่า ต้องกินน้ำมะพร้าวล้างหัวเด็ก ฉันได้รู้จักกับเพื่อนของเขา อีกไม่นาน เพื่อนของเขาก็เล่าให้ฟังว่า เขาอกหัก สาวไม่รักไปแต่งงานกับคนอื่น คนที่มีบ้านมีรถ พี่จ้ำปี่ไม่มีอะไรเลย มีแต่หัวใจและรอยยิ้มไป ตอนนี้ก็เลยต้องกินน้ำยอดข้าวต่างข้าว แต่พี่จ้ำปี่ไม่เคยเล่าเรื่องสาวคนนี้ให้ฟังหรอก อาจจะเป็นมุกตลกของเพื่อนเขาก็ได้ เอาเป็นว่า แค่คิดถึงพี่จ้ำปี่แล้วก็สบายใจ มีความสุขดี นอนหลับฝันดี ถ้านอนไม่หลับก็โทร.หาพี่จ้ำปี่ คุยๆ ไป เดี๋ยวเขาก็คุยเพลินจนฉันสบายใจก็หลับได้ บางคืนเขาก็โทร.หาฉัน แล้วพูดโน่นพูดนี่ คุยอยู่ดีๆ เขาก็เงียบไปเฉยๆ แล้วฉันก็ได้ยินเสียงกรน เรียกยังไงก็ไม่ตื่น . พี่จ้ำปี่น่ารักจังเลยนะเนี่ย นี่ก็เป็นเรื่องอินเลิฟของฉันอีกเรื่องหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว แล้วเขาก็ย้ายบ้านไปไหนก็ไม่รู้ ไม่เคยติดต่อกันได้อีกเลย เขาก็หลุดไปจากวงจรชีวิตฉัน หลุดไปตามกระแสเวลา เหมือนที่พี่ธเนศ กับ พี่เจ ที่ก็หายไปจากฉันตามกาลเวลา พวกเขาเข้ามาแต่งแต้มความรู้สึกในใจได้เสมอ ในยามที่เหงาๆ ทำให้หัวใจของฉันมีสีสันขึ้นมา และมีเรื่องราวหลายอย่างที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรๆ จากพวกเขา อาจจะไม่ใช่ ความรัก แต่ความรู้สึกดีๆ แง่มุมงามๆ ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกอย่างนี้ เป็นสิ่งที่น่าทรงจำ .. มิใช่หรือ? และควรค่าแก่การมาแบ่งปันประสบการณ์กัน ถ่ายทอดให้รับรู้และซึมซับความดีงามของสิ่งเหล่านี้ ความบริสุทธิ์ของความรู้สึกเป็นสิ่งที่เหมือน ช็อกโกแลต ที่เติมลงไปในนมจืดๆ ให้คุณค่าและชูรสชาติให้กลมกล่อมมากขึ้น ดีกว่าดื่มนมจืดๆ นะ ว่าไหม? กับคำถามเดิมๆ ที่ใครๆ เป็นห่วงกัน ทำไมไม่มีครอบครัวสักทีนะ ทำไมต้องมีด้วยล่ะ แล้วเคยมีความรักไหม ความรัก ใครจะไม่เคยมี ความรักเป็นสิ่งดีเหลือเกิน เป็นอารมณ์พื้นฐานของมนุษย์ ถ้าความรักนั้นไม่มีความคาดหวัง ไม่มีการควบคุม ไม่มีการครอบงำ ไม่มีการครอบครอง และไม่มีอารมณ์ที่หม่นมัวดำมืด หากความรักนั้นเป็นสีใสๆ สดชื่น และสร้างสรรค์สิ่งดีงาม ขอให้ ความรัก และ ความรู้สึกดีดี อยู่ในหัวใจคนทุกคน ขอให้ ความรัก ที่รุ่มร้อนผ่อนคลายเบาบางลงเป็นความเย็นสดชื่นในใจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจมากมายอันจะเอื้อประโยชน์ให้กับคนอื่นๆ และทำให้เราพบความสุข มิใช่ ความอยากได้ใคร่ดี หรือ ความสนองความต้องการทางอารมณ์ปรารถนาใดๆ ที่จะก่อให้เกิดปัญหานานาประการ ซับซ้อนจนยากจะคลายปม แต่ ขอให้ความรัก ช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างภายในจิตใจ ให้ผ่อนเบาลง และนำพาไปถึงจุดหมายสูงสุดของชีวิต ขอพรแห่งความรัก ปกปักคุ้มครองทุกคน ที่ใช้ หัวใจ ในการซึมซับความรักที่มีอยู่จริงในโลกใบนี้ ขอความรักยังคงอยู่กับโลก อยู่ด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่องและสร้างสันติ ป้องกันสงครามและภัยพิบัติใดๆ ด้วยเทอญ ขอให้รักษาความรักเอาไว้
24 มิถุนายน 2549 09:29 น. - comment id 91331
แดดเช้าเรียงเรื่องได้ดีมากเลยครับ ชอบจังเลยความรักแบบนี้ ขอให้เจอคนที่ใช่เร็ว ๆ นะครับ เป็นกำลังใจให้ โดย ... สายน้ำแห่งความเศร้า ปล. นามปากกาไม่ออกอีกแล้ว - -\"
24 มิถุนายน 2549 10:30 น. - comment id 91334
อืม อ่านมาสามเรื่องพระเอก 9 คนเข้าไปละ แล้วจะติดตามเรื่อยๆนะจ๊ะ
24 มิถุนายน 2549 11:07 น. - comment id 91337
ความรักบางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดหรือแสดงออกไปเพียงแค่สบตาก็ส่อถึงหัวใจแย้ว อิอิ ...พระเอกมีหลายคนจัง
24 มิถุนายน 2549 11:53 น. - comment id 91340
อิออิ น่ารักดี อิอิ (ชื่อแต่ละคนก็น่ารักดี อิอิ).. อนุบาลจนถึงมหาลัย อิอิ
24 มิถุนายน 2549 18:11 น. - comment id 91343
เขียนได้ดีมากเลยค่ะถ้าอ่านเรื่องของเราแล้วแนะนำบ้างนะ เรื่องที่เราเขียน เพียงแค่อยากให้เรื่องราวนี้เป็นสิ่อแทนของคำว่าขอโทษให้กับใครบางคน แต่ต้องติดตามต่อนะค่ะ
24 มิถุนายน 2549 19:03 น. - comment id 91345
ครับบบบบบบบบบบบบบบบบ แดดเช้า
25 มิถุนายน 2549 21:37 น. - comment id 91354
สวัสดีค่ะ ... สายน้ำแห่งความเศร้า ขอบคุณค่ะ ... แต่ถ้าบังเอิญ แดดเช้า เป็นคนกลัวความรักเนี่ยสิ จะเจอคนที่ ใช่ ได้ไหมเนี่ย อิอิ พี่ม้าลาย เกิน 9 นะ ... เอาเพิ่มเข้าไปนิดๆ แล้ว เรื่องต่อไป พี่ม้าลายเป็นพระเอกแล้วนะ ตามไปอ่านดิ พี่ไรไก่ น่านจิ ... พระเอกเยอะ แต่ไม่เจอตัวจริงสักที แมวจมูกไว เขาเรียกว่า \"ปากแข็ง ใจอ่อน\" อะนะ ... แดดเช้า เนี่ย billtiful ขอบคุณค่ะ ... รอติดตามเรื่องสั้นของคุณอยู่เหมือนกันนะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ : ) ธรรมาภิวัฏ ขอบคุณคับป๋ม ... ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านงานของ แดดเช้า ค่ะ : )
26 มิถุนายน 2549 19:29 น. - comment id 91370
" ความรู้สึกดีดีที่เรียกว่ารัก \" อา ดู๊ย ดู๊ยยยยยยย พระเอกในเรื่องแต่ละตอนคงสะดุ้งโหยง ๆ แล้วมั้งเนี้ย ฮาาาาาาาา
21 ตุลาคม 2554 13:09 น. - comment id 127045
เป็น puppy love ที่น่ารัก น่าเอ็นดูและเปี่ยมไปด้วยความชัดเจนในอารมณ์ โดยเฉพาะชายหนุ่มคนหลังสุด "พี่จ้ำปี่" คุณวาดภาพเค้าได้แจ่มชัดมาก....และทำให้ชั้นได้รู้จักเค้าในปัจจุบันมากขึ้น... จากเรื่องราวในอดีตผ่านทางความรู้สึกนึกคิดของคุณ อ่านแล้วอดอมยิ้มไม่ได้...และรู้สึกเหมือนกับคุณว่า.พี่จ้ำปี่น่ารักจริงๆ