*วิมานเคียงฝัน ฉันเคียงเธอ * จันทร์คืนเดือนเพ็ญท้องฟ้าสว่างกระจ่างแสงนวลใยสาดส่อง ลูบไล้เทือกเขา ที่เรียงรายถูกล้อมด้วยกระแสน้ำที่นิ่งเงียบสงบ ปราศจากคลื่นไหวลูกแล้วลูกเล่ายามในช่วงกลางวัน กระแสน้ำยามต้องลมพัดผ่านเกิดแสงระยิบระยับประดับเงาจันทร์ ที่ส่องบนผิวน้ำเป็นทิวละลิ่วน้อยๆทำให้เงาจันทร์ที่ทาบยังผืนน้ำไหว ประหนึ่งราวแพรไหมพรมสั่นพลิ้วดุจดั่งมีชีวิตรายล้อมด้วยเพชรงาม เน้นทัศนียภาพในยามค่ำคืนส่องสะท้อนอารมณ์ของผู้ที่นั่งเฝ้ามอง สรรค์หาภาพความงามยามค่ำคืน ย้อนลึกเข้าสู่ห้วงภวังค์แห่งความหลัง บรรยากาศที่เงียบสงัดบนก้อนหินริมโขดหินใหญ่ เป็นมุมมองที่แลเห็น เงาภาพคลื่นสะท้านไหวสั่นระริกกระเพื่อมเลื่อมพรรณราย...งามยิ่งนัก เสียงรำพึงเบาๆ จากผู้ที่กำลังลูบไล้เส้นผมที่สยายด้วยลมพัดโชย เบื้องใต้โขดหินที่ราบต่ำลงไปใกล้ริมฝั่งนั้นผูกไว้ด้วยเรือนแพน้อย ซึ่งภายในแพกำลังสนุกสนานด้วยดนตรี เสียงเพลงบรรเลงแว่วๆ ลักษณะเพลงร๊อคซ์วัยรุ่นที่กำลังโด่งดัง เสียงหวีดว้าย ระคนเสียงหัวเราะ ลอยแว่วผ่านเข้ามาพอได้ยินในบางขณะ สลับเพลงหวานระคนเศร้า เวลาผ่านล่วงเลยไปดวงจันทร์หลบเบื้องหลังยอดสันหลังเขา ยังเขาคงทอแสงเรืองรองแผ่กระจายรอบขุนเขาเกิดเงามืดเข้าปกคลุมไปชั่วขณะ ทำให้บริเวณที่นั้นดูมืดครื้มจางๆพอจะมองเห็นสิ่งต่างๆได้เลือนลาง เปรี้ยง ๆ ๆ เสียงดังสะท้อนแว่วก้องลำน้ำได้ยินไปทั่วบริเวณท้องน้ำ เสียงเพลงยุติลง....พร้อมกับเสียงหวีดว้ายดังกึกก้องแทรกซ้อนลอยเข้ามา ใครหนอ...จุดประทัด...เล่นบ้าๆ...????? หล่อนหันไปมองยังแพน้อยที่ดับมืดลง สักครู่หนึ่งจึงสว่างไสวดุจดังเดิม ถึงสงสัยแต่ไม่คิดอะไรมาก พลันละสายตาชมทัศนียภาพต่อ... พร้อมรำลึกนึกถึงใครคนหนึ่ง ซึ่งเคยสัญญาไว้ในใจ แต่ยังไม่เคยพบหน้าพบตาเขา จะสอบถามโดยตรงหรือก็เกรงเพื่อนๆ จะล้อเลียน เพียงแต่ทราบจากการบอกเล่าว่าเขายังดำรงตำแหน่งอยู่เช่นเดิม..... ช่างเถอะพบหรือไม่พบเราก็มาแล้ว คงจะมีสักวันหนึ่งหรอกนะวีย์ หล่อนรำพึง แล้วปล่อยอารมณ์ถ่ายทอดผ่านความงามล้ำในยามค่ำคืนท่ามกลางความเงียบ จะได้ยินก็เพียง เสียงจักจั่นเรไรร้อง และเงียบหายในบางขณะเป็นเพื่อน อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ลูบไล้ใบไม้เล็กๆที่ขึ้นข้างโขดหินปะทะกับหยาดน้ำ น้อยๆที่ลูบไล้ตามใบไม้ของน้ำค้างที่ประปรายไปทั่วโขดหินในบริเวณนั้น เสียงจ๊อกแจะจอแจดังขึ้นทำลายความเงียบอีกครั้งเป็นเสียงตะโกนร้องเรียก ดังแว่วใกล้เข้ามา หล่อนหันไปมองพร้อมลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งบิดตัว สาวเท้าก้าวเข้าหากลุ่มที่แลมองเห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ พร้อมทั้งส่งเสียงตอบ เฮ้ย...วีย์...เว้ย...วีย์.....อยู่ไหนว๊ะ?????" เออ...อยู่นี่.....หล่อนตอบพร้อมก้าวไปตามเสียง....หล่อนจำได้ว่าเป็นเสียงของนายวัฒน์ ไปทำอะไรมาหรือ...ไม่ได้ยินเสียงปืนหรือว๊ะ?.... ชายหนุ่มก้าวเข้ามาถึงตัวพร้อมกับพี่สาว เกิดอะไรหรือ.?....นึกว่าจุดประทัดเล่นกัน......หญิงสาวตอบเพื่อนหนุ่ม เกือบมีเรื่องกันว๊ะ....พวกเราไปแซวเรือที่ผ่านมา...ไอ๊ห่า...มันแซวตอบด้วยลูกปืนจนหลอดไฟแตก ดุฉิบ.......คนแถวนี้นะ..... มาคนเดียวไม่กลัวหรือยายวีย์?....พี่สาวถามบ้าง อ้าว...เรื่องอะไรล่ะ?....หญิงสาวย้อนถาม ไม่หรอกพี่....ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวนี่นา อากาศเย็นสบายดีและสวยเสียด้วย...หล่อนหันไปตอบพี่สาว พวกเราไปแซวคนที่ขับเรือผ่าน ได้ยินว่าไปแซวผู้หญิงของเขา เอะอะโวยวายใส่เขา เลยเกิดเรื่อง.......จนได้เกือบเดือดร้อนไปทั่วแล้วล่ะ... ตอนนี้เด็กกำนันที่คุมแพเรากำลังจะไปเคลียร์...เห็นเขาเอาเรือออกตาม...ชายหนุ่มตอบ และเรา...คุณ กาญจน์เลยเดินตามหาแกนี่แหละ...นึกแล้วเชียวว่าต้องมานั่งกินลมแถวๆนี้... ทั้งหมดเดินหันหลังกลับ ไปยังแพน้อยซึ่งบัดนี้ปราศจากเสียงดนตรีใดๆทั้งสิ้น ถามจริงๆเอ็งไม่กลัวหรือว๊ะ...นั่งอยู่คนเดียว....????...ชายหนุ่มสงสัย กลัวอะไรหรือวัฒน์....เราอยู่บนเกาะไม่มีใครนอกจากพวกเรานี่นา...หญิงสาวกล่าว แต่ก็ไม่แน่นา...งูเงี้ยวเขี้ยวขอน..สัตว์อื่นคงแยะ แกไม่สังเกตหรือเบื้องหลังที่นั่งนะเป็นป่า มันอาจจะออกมาทำร้ายก็ได้ ใครจะรู้....เรานึกเป็นห่วงหันไปมองไม่ยักกะเห็น... เลยรีบชวนกาญจน์ออกตามหา ถามคนที่เห็นบอกว่า ออกเดินขึ้นไปทางโขดหินใกล้ป่าละเมาะ.... ไม่เห็นมีนี่แต่ก็เจอแล้วนี่นา..ช่างเถอะ...เฮ้???...ขอบใจน๊ะ... เออๆ...เก่งว๊ะ!...แล้วต่างชวนกันคุยกันมาจนถึงแพน้อยที่จอดลอยกระเพื่อมอยู่.... แลเห็นต่างคนต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กัน....บ้างเตรียมตัวกันเข้านอน บ้างยังคงนั่งกินเหล้ากันต่อไป...เพียงแต่ขาดการเต้นครึกครื้นเท่านั้นเอง เห็นไอ้สิน...ซึ่งเป็นหัวหน้าในการนำท่องเที่ยวครั้งนี้ได้เที่ยวปลอบใจเพื่อนๆกัน เมื่อหล่อนก้าวเข้าสู่แพ...ทุกๆสายตามองมายังหล่อน แล้วก็หันกลับไปทำธุระอื่นๆต่อไป มาแล้วหรือว๊ะวีย์?.....ให้ไอ้วัฒน์....ไปตามแกน๊ะ อืมม!...ใครเป็นอะไรไปหรือเปล่าล่ะ...สิน ไม่มีใครเป็นไรหรอก...เพียงแต่ตกใจกันเท่านั้นเองแหละ ไม่น่าเล๊ย...จะกลับกันพรุ่งนี้แล้วล่ะ...เกิดเรื่องจนได้...ชายหนุ่มตอบ ช่างมันเถอะ...ไม่มีใครเป็นไรก็ดีแล้ว...แล้วไม่สนุกกันต่อหรือ????? เท่านี้ก็ขนหัวลุกกันไปตามๆแล้วเว๊ย....สนุกออกอะไรล่ะ? นั่นซิ...ถ้าไม่มีก็ขอตัวก่อนนะจะอาบน้ำและนอนแล้วล่ะ...นี่ก็ดีกมากแล้ว... หญิงสาวขอตัว แล้วไม่คอยกำนันก่อนหรือไงว๊ะ...เห็นมันโทรมาว่าจะมา...ชายหนุ่มหลิ่วตา..ย้อนถาม ช่างเถอะ..ทำไมต้องคอยล่ะ...ปากกับใจไม่ตรงกัน...เพราะความรู้สึกบอกว่าใจเต้นๆๆเร็วขึ้น เมื่อได้ยินเขาเอ่ยถึงกำนัน เพราะทราบว่าเป็นคนที่ตนต้องการพบ แล้วมีอะไรให้ช่วยเหลือไหมล่ะ?...หล่อนย้อนถามหยั่งเชิง ทั้งๆที่พอทราบว่าเขาจะมา...ให้รู้สึกตื่นเต้นอยากรับรู้บางสิ่งบางอย่างจากเขาตลอดจน รูปร่างหน้าตาเขาจะเปลี่ยนหรือไม่...หล่อนคำนึงคิด ไม่เป็นไรหรอก.... สินตอบ งั้นขอตัวก่อนนะสิน....ไว้พบวันหลังก็ได้นี่ดึกมากแล้วชักง่วงนอน.... หากมาปลุกด้วยนะ...ไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามานานเหมือนกัน.....หล่อนตอบ เออ.....แล้วจะปลุกให้นะ.....ชายหัวหน้ากลุ่มบอก ขณะที่จะก้าวเดินขึ้นชั้นบนของแพ ก็ต้องชะงัก... แว่วได้ยินเสียงเรือกำลังแล่นเข้ามา ทุกๆคนหันไปมอง เรือที่ฝ่าความมืดมองเห็นสลัวๆ... จนกระทั่งเรือลำนั้นได้แล่นเข้ามาจอดตรงท้ายแพ...เป็นชายสามสี่คน...กำลังก้าวขึ้นแพ คนเดินนำหน้า เป็นชายที่ควบคุมแพอยู่ ส่วนคนตามหลังสองคนไม่มีใครรู้จัก...อีกคนกำลัง จะก้าวขึ้นเรือตามมา เรียบร้อยแล้วครับคุณ.....ชายควบคุมแพหันมากล่าวกับสิน เขาขอโทษรุนแรงไปหน่อย... และบอกว่าพวกคุณรุนแรงกว่า เอาขวดขว้างใส่เรือเขา... เขากลับเรือมาจะถาม แต่พวกคุณกลับหัวเราะเยาะเย้ยและแซวเพื่อนหญิงเขาอีก.. เขาเห็นอีกคนทำท่ากุมแถวชายพก...เลยยิงปืนขู่แล้วรีบไป....และนำเพื่อนไปรักษาก่อน... ขวดแตก ไปโดนเพื่อนๆของเขาบาดเจ็บด้วย และยังนำคนเจ็บมาให้ผมดูเลยครับ กำนันก็ไปด้วย... ใช่แล้วล่ะ..สิน...อย่างต้อยมันพูดจริงๆ...เสียงชายที่มาทีหลังกล่าวขึ้น ดีนะที่เราไปเคลียร์ทันเสียก่อน....เพราะพวกเขาเป็นเด็กของผู้ใหญ่บ้านกำลังจะนำพวกมา พอดีไปทัน...เราเลยห้ามและบอกว่าเป็นเพื่อนของเราทางกรุงเทพฯ...เรื่องจึงจบลง... หรือ...กำนัน...เออๆๆช่างมันเถอะเรื่องจบลงได้ก็ดี...ฝ่ายเราก็ผิดเสียด้วยไปหาเรื่องเขาก่อน เฮ้ยๆๆๆ...พลางบุ้ยใบ้ไปทางหญิงสาวที่กำลังจะก้าวขึ้นชั้นบนแพ หยุดชะงักหันมามอง ใครหรือสิน....กำนันหนุ่มถาม ดูเอาเองโว้ย....เฮ้ย...วีย์...กำนันต้องการคุยด้วยล่ะ?.... คุณ...ๆ...คุณวีย์......ชายหนุ่มตลึง...เมื่อแลเห็นหญิงสาวเต็มนัยน์ตา คุณ..วรรษ.....??????...... ชายหนุ่มรีบสาวเท้าก้าวเดินเข้าหาหญิงสาว.....ต่างประสานสายตาซึ่งกันและกัน... นัยน์ตาหนึ่ง....ตัดพ้อ นัยน์ตาหนึ่ง.....รันทด แต่ทั้งคู่ก็ยังจ้องมองกันและกันไม่ละซึ่งสายตาจากกัน.......จนเพื่อนๆที่สนิทต่างอมยิ้ม หัวร่อเบาๆ มิวายที่จะแอบมองหนุ่มสาวทั้งสอง....... สบายดีหรือครับ....คุณวีย์?????.......ชายหนุ่มเป็นผู้กล่าวถามขึ้นก่อน ค่ะ!!....แล้ว...ๆ....วรรษ...ล่ะ ?.........หญิงสาวตอบ...และถามขึ้นบ้าง ไม่หรอกครับ....งานแยะ...แต่ๆๆ!!!!!...ผมคิดถึงเพื่อนทุกๆคนโดยเฉพาะคุณ...เป็นพิเศษครับ... คิดถึงๆ...แต่..ทำไมไม่ส่งข่าวให้ทราบบ้างล่ะ....หญิงสาวพ้อ.. ผมเกรงใจคู่หมั้นคุณครับ...เกรงว่าจะทำให้คุณเสื่อมเสียครับ.... อะไรๆ...?????....อะไร??น๊ะ...พูดใหม่ซิ...วรรษ?...หญิงสาวต๊กใจในคำพูดของชายหนุ่ม อ้าว...ก็คุณหมั้นหมายแล้วนี่ครับ...เห็นนายสนส่งข่าวให้ผมทราบก่อนที่เราจะจากกัน.... ...พอดีพ่อผมเรียกตัวผมกลับบ้านด่วน....ว่าจะไปงานคุณกระทันหันเลยไม่ได้ไป....ชายหนุ่มกล่าว จะบ้าหรือ!!...โถๆโธ่ๆๆๆ.....แล้วคุณเชื่อหรือ?....หญิงสาวงุนงง..ระล่ำระลัก..ถาม ผมคิดจะไปถามคุณเหมือนกัน...แต่พอดีพ่อให้รีบกลับด่วนแม่ไม่สบายมากครับ...ตอนหลัง... ผมขึ้นไปอีกทีแต่ไม่กล้า เกรงจะเกิดไม่ดีไม่งามเข้าใจผิดกับคู่หมั้นคุณ...ผมเลยกลับมาสมัครกำนันครับ. "หมั้นแม่นอะไรล่ะวรรษ...เราไปทำป.โทต่อจ๊ะ...โธ่ๆ..สนนะสนไม่น่าเลย...เข้าใจผิดแท้ๆ...หญิงสาวตอบ แล้ววรรษล่ะ..แต่งงานมีลูกกี่คนแล้วล่ะ?...หญิงสาวย้อนถามบ้าง ผมยังไม่ได้แต่งงานครับ....หาสาวถูกใจไม่ได้สักคน...เพราะใจผมมอบให้เขาไปแล้ว.... ชายหนุ่มตอบ... พร้อมมองหน้าหญิงสาว ที่จ้องมองพร้อมหลบสายตามเขา ใครหรือวรรษ...ที่คุณมอบใจให้เขานะ?... โชคดีจริงๆน๊ะ!....หญิงสาวแกล้งถาม ทั้งที่รู้ความหมายนั้น... ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับกุมมือหล่อน...สายตาประสานกัน....ก็...ก็...ก็.... คนรักเก่าผมนะซิผมรักเดียวใจเดียวเสมอ คนที่อยู่ใกล้ผมคนนี้นี่แหละครับ....ชายหนุ่มตอบ จริงๆนะครับ...ผมมั่นคงต่อรักเสมอ...ไม่เคยคิดเป็นอื่นเลยครับ... มาบัดนี้ผมได้รู้... ผมยิ่งดีใจที่สุดเมื่อทราบว่าคุณยังไม่มีเจ้าของผูกพัน.... คุณวีย์ครับ..... ขา...อะไรหรือวรรษ หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจผมนะครับ หากผมจะรีบจัดผู้ใหญ่ไปหมั้นหมายคุณก่อน หากคุณพร้อมเมื่อไหร่เราค่อยแต่งงานกัน....... ชายหนุ่มรีบรุก หญิงสาวไม่ตอบ....เพียงแต่ส่งยิ้มแทนคำพูด.....แน่ล่ะหัวใจทั้งสองผูกพันมั่นต่อกันเสมอ หล่อนคิด......หากทว่าในครั้งนี้หล่อนไม่มา...ปัญหาต่างๆย่อมคาใจเธอเสมอ มาบัดนี้เมื่อพบเขา แม้แต่จะเป็นช่วงเวลาเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ที่เขาและหล่อนมีต่อกันมานานย่อมสมานประสานกันได้ง่ายโดยเร็ว โดยเฉพาะต่างคนต่างรักษาหัวใจไว้ให้แก่กันอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีพันธะอื่นได้เข้าแทรกขวางกั้น ในอดีตเป็นเพียงเพราะความเข้าใจผิดของกันและกัน ระหว่างผู้ที่ใฝ่ปองเธอและเขาใช้ในการต่อสู้ เพื่อการแข่งขันประชันซึ่งความรัก หากแต่หัวใจที่มั่นคงซื่อสัตย์ต่อความรักสละเพื่อความสุขของคนที่รัก แต่บัดนี้เหตุการณ์ต่างผ่านพ้นไป หล่อนทราบเป็นอย่างดีว่า วรรษ ของหล่อนยังบริสุทธิ์ต่อรัก มั่นคง อยู่อย่างเดียวดาย เหตุไฉนใดเล่าหล่อนจะไม่เข้าใจเจตนาอันบริสุทธิ์ของหนุ่มผู้ซึ่งหล่อนเอง ก็พร้อมจะมอบทุกๆสิ่งทุกอย่างให้แก่เขาเพียงผู้เดียว กลับมาแล้ว....กลับมาแล้วกระแสความรักที่โหยหา...ความรักที่เรียกร้อง...ความรักที่เสนอสนองต่อ ความมั่นคงระหว่างเขาทั้งสองที่จะเกิดขึ้นอีกภายในอนาคตกาลข้างหน้า.....อย่างไม่มีวันถอยหลัง มั่นคงพร้อมฝ่าฟันเสมอ....ที่จะก้าวเดินไปยังวิมานสีชมพูแม้บัดนี้จะเป็นแค่เพียงวิมานเคียงฝันก็ตาม ดวงจันทร์พ้นเหลี่ยมยอดแนวเขาส่งแสงทอกระจ่างนวลใย สายลมที่โชยแผ่วเบาๆกระทบ ผมที่สยายไล้บ่าปะทะใบหน้าเขาอบอวลด้วยละอองแห่งสายน้ำเกิดความฉ่ำชื่น เปี่ยมทะลักเข้าสู่หัวใจทั้งสอง ซึ่งยืนประคองสนทนาพลอดพร่ำรำพันถึงสิ่งที่เขาทั้งสองจากกันและ ใฝ่ปองปรารถนาผ่านพ้นสิ่งปมเศร้าทั้งหลาย แผ่กระจายเหือดหายไปในสายลมแห่งเทือกเขาลุ่ม น้ำทะเลสาบแห่งอำเภอศรีสวัสดิ์กาญจนบุรีเมืองทอง ดุจนกคู่สู่วิมานสีชมพูตราบชั่วนิจนิรันดร์กาล. *จบบริบูรณ์* *** แก้วประเสริฐ. ****
11 มิถุนายน 2549 20:59 น. - comment id 91102
..เรนอิจฉาพี่เค้าทั้งสองจัง.. อิอิอิ .. คุณลุงแก้วฯ..เขียนเรื่องสั้นให้เรนเป็นนางเอกได้ปล่าวคะ.. .. เรนอยากเป็นนางเอกเก่ง.. ขี่ม้ายิงปืน.. เฝ้าท้องทุ่ง.. และก็ทำสวนส้ม.. ..เรนรอ..นะคะ..
11 มิถุนายน 2549 22:49 น. - comment id 91105
บรรยากาศยอดเยี่ยม จนละเมอว่าตัวเองจะได้รับนางเอกแล้วค่ะ คุณแก้ว พรรณางามมากค่ะ พุดต้องรีบหาพระเอกแบบนี้สักคนนะคะ
12 มิถุนายน 2549 07:56 น. - comment id 91107
เคลิ้มเชี่ยวลุง........ผู้ใหย่ใจดี
11 มิถุนายน 2549 20:35 น. - comment id 91126
เอ.. ตอนอัลมิตราไปเที่ยวแพที่ อ.ศรีสวัสดิ์ อัลมิตราก็ไม่พบคุณวรรษนะคะ มีแต่ครูใหญ่ที่ชื่อวัฒน์ และเนี่ยก็ไม่ได้เจอกัน ๔ เดือนแล้วค่ะ เดือนที่ ๕ คงมีโอกาสไปชมคุณวัฒน์เต้นระบำตองต้องแสงจันทร์ โสดเหมือนกันนะนั่น วัฒน์นั้น แต่จะสนิทหรือเปล่า คุณแก้วประเสริฐต้องไปถามเองค่ะ ฮา..
13 มิถุนายน 2549 08:55 น. - comment id 91166
คุณ อัลมิตรา ผมว่าพบแล้วนะครับ...พบในไทยกลอนนี่แหละ 555 ที่นั่นผมไปเที่ยวมาหลายๆครั้งแล้วเป็นสถานที่ น่าเที่ยวมากครับ หากไปถึงน้ำตกด้วยแล้วล่ะก็ งาม งามจริงๆครับ แม่ขมิ้นนะครับไม่ใช่เอราวัณ แก้วประเสริฐ.
13 มิถุนายน 2549 08:58 น. - comment id 91167
คุณ เรน ครับก็อยากจะเขียนให้เหมือนกันครับ แต่ผม ไม่รับปากนะครับ การเขียนนั้นจะว่ายากก็ยากง่ายก็ง่าย แต่สู้แต่งกลอนไม่ได้ ไม่ต้องเรื่องมากเหมือนเขียน เรื่องสั้นครับ แก้วประเสริฐ.
13 มิถุนายน 2549 09:00 น. - comment id 91168
คุณ พุด สาวโสภาแห่งพงไพร ปกติแล้วคุณจากรูปนะครับเป็นนางเอกได้ครับ ผมก็เขียนไปตามเรื่องตามราวแหละครับเรียกว่า พร่ำเสียมากกว่าครับ แก้วประเสริฐ.
13 มิถุนายน 2549 09:02 น. - comment id 91169
คุณ อุสสุ โอ้อย่าพึ่งเคลิ้มเลยครับ ผมเขียนก็ยังงั้นๆแหละครับ แก้วประเสริฐ.
13 มิถุนายน 2549 09:56 น. - comment id 91171
อ่านมากกลัวเคลิ้มค่ะ..เด๊ยวหลงทางกลับบ้านไม่ถุกค่ะ
14 มิถุนายน 2549 09:52 น. - comment id 91197
คุณ silky อย่าพึ่งเคลิ้มครับ เดี๋ยวไปศรีษะเกษไม่ได้เน๊อะ อิอิ...ไปหรือเปล่าก็ไม่รู้ซิ 555 แก้วประเสริฐ.