เรียนเชิญสมาชิกร่วม"กิจกรรมปันน้ำใจให้น้อง"

ผู้ดูแลระบบ

.    ชุมนุมบ้านกลอนไทย นอกจากเป็นเวทีสร้างสรรค์โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน และพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันและกัน หากจุดประสงค์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ กิจกรรมที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาศักยภาพการอ่าน การเขียน แก่เยาวชนตามชนบท และสนับสนุนปัจจัยที่เอื้อต่อการศึกษา
     จาก กิจกรรมเสริมหลักสูตรค่ายเยาวชนนักเขียนเพื่อการอนุรักษ์ ของบ้านกลอนไทย เมื่อวันที่ ๑๐๑๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ณ สถานีส่งเสริมและอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยกุ่ม อำเภอเกษตรสมบูรณ์ จังหวัดชัยภูมิ สำเร็จและลุล่วงไปด้วยดี จากความร่วมมือร่วมใจของคณะครู, เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเพื่อนสมาชิกบ้านกลอนไทย				

.    ดังนั้นโครงการ ปันน้ำใจให้น้อง ซึ่งเป็นกิจกรรมลำดับที่ ๒ ของชุมนุมบ้านกลอนไทยจึงเกิดขึ้น โดยกำหนดให้มีในวันที่ ๘ กรกฏาคม พ.ศ. ๒๕๔๙  เพื่อมุ่งสนับสนุนปัจจัยที่เอื้อต่อการศึกษาแก่เยาวชนในโรงเรียนตามชนบท โดยกิจกรรมครั้งนี้ จัด ณ โรงเรียนบ้านตานวน หมู่ที่ ๓ ตำบลกันทรอม อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมศึกษาที่มีจำนวนนักเรียน ๔๖ คน ครูประจำโรงเรียน ๔ คน				

.    สาเหตุที่ต้องจัดกิจกรรมที่โรงเรียนบ้านตานวน จำเป็นต้องเล่าย้อนว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทีมงานบ้านกลอนไทยได้จัดกิจกรรมล่องแพเมืองกาญจน์ และได้เสวนากับคุณครูใหญ่ฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านกลอนไทย ด้วยหน้าตาที่อิดโรยเสมือนกรำงานหนัก และคล้ายมีเรื่องกังวลอยู่ในใจ เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ จึงได้คำตอบผ่านคำบอกเล่าว่า..				

.    สภาพของโรงเรียนเป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษาเล็ก ๆ อยู่ในหมู่บ้านที่ความเจริญยังมาไม่ถึง เพราะอยู่ติดชายแดน มีอาคารเรียนสองหลังโทรม ๆ และเมื่อสอบถามถึงงบสนับสนุนการศึกษาที่ได้รับจากภาครัฐ ก็ได้รับคำตอบว่า "ลำพังเงินจากภาครัฐที่มาอุดหนุน เมื่อเทียบกับจำนวนนักเรียนรายคนต่อปี น้อยนิดเหลือเกิน ค่าอาหารกลางวันสำหรับเด็กแต่ละคนอยู่ในอัตรา ห้าสลึง/คน ส่วนค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดรวมอยู่ในเงินก้อนเดียวกัน เมื่อไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ต้องเจียดเงินเดือนของตนเองลงไปสบทบ" 

     และเมื่อถามถึงวิธีการเรียนการสอนว่าเป็นอย่างไร คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้เกิดภาพที่แตกต่างอย่างมาก นักเรียนที่โรงเรียนบ้านตานวนต้องปลูกผัก, เลี้ยงเป็ดไก่, เลี้ยงปลา, เลี้ยงกุ้ง, ปลูกหม่อน และเลี้ยงไหม ฯลฯ และน้อยคนที่จะมีโอกาสศึกษาต่อเมื่อจบชั้นประถมหก  เขาจึงมีความเห็นว่า มันเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะให้เด็ก ๆ เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตนเอง เรียนรู้เพื่อที่จะอยู่รอดในสภาพวิถีสังคมที่เป็นอยู่ 

     ทั้งหมดคือเป็นคำบอกเล่าจากครูใหญ่โรงเรียนเล็ก ผู้ซึ่งเป็นทั้งครู, นักการภารโรง, เจ้าหน้าที่แผนกระเบียน, พ่อครัว และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของโรงเรียน เพื่อความเป็นอยู่ของนักเรียนในความรับผิดชอบ				

.    หลังรับทราบความเป็นอยู่ของนักเรียนเหล่านั้น ทีมงานได้ประชุมกลุ่มย่อยกับสมาชิกที่ร่วมจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรค่ายเยาวชนนักเขียนเพื่อการอนุรักษ์ถึงแนวทางที่จะช่วยเหลือ โดยมีตัวแปรเป็นนักเรียน 

     ดังนั้นจึงมีความคิดเห็นร่วมกันว่า จะจัดกิจกรรมในโรงเรียนเท่านั้น โดยมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากกิจกรรมค่ายเยาวชนนักเขียนฯ สำหรับรูปแบบกิจกรรมนั้น สรุปได้ดังนี้  

- จัดเลี้ยงอาหารกลางวัน,นม,อาหารว่าง ให้กับเด็กนักเรียน
- มอบอุปกรณ์การศึกษาสำหรับเด็กแต่ละคน
- มอบอุปกรณ์การกีฬา ให้กับทางโรงเรียน
- มอบเสื้อสำหรับใช้ในวิชาพละ หรือใช้สำหรับกิจกรรมนอกห้องเรียน
- มอบตู้ยา,ยาสามัญประจำบ้าน ให้กับทางโรงเรียน
- มอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีความประสงค์จะศึกษาในขั้นต่อไป
- มอบหนังสือและสิ่งของที่ได้รับมาจากการบริจาคให้กับทางโรงเรียนจัดการจ่ายแจกอีกที
- ฯลฯ				

.    ผู้สนใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมแบ่งปันน้ำใจ สามารถร่วมบริจาค สมุด, สมุดวาดเขียน, ดินสอ, ดินสอสี, ยางลบ ปากกา, ไม้บรรทัด, หนังสือมือสอง หรือบริจาคสมทบทุนเป็นเงิน โดยสามารถโอนเข้าบัญชี

๐๔๘ - ๒ - ๙๕๓๗๔ - ๓  ธ.กสิกรไทย สาขาท่าเรือสาธุประดิษฐ์  ประเภทออมทรัพย์ ชื่อบัญชี กัลยา มณีวงษ์ 				

.    สำหรับเพื่อนสมาชิกที่จะร่วมบริจาคสิ่งของ หากไม่สะดวกที่จะนำมาส่งมอบให้กับทางโรงเรียนโดยตรง สามารถส่งพัสดุหรือรวบรวมมามอบได้ที่

กฤษณะเวชกรรม คลินิก
๒๗๕/๑-๒ ถนนพะเนียง แขวงวัดโสมนัส
เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพ ฯ ๑๐๑๐๐

     อนึ่ง หากเพื่อนสมาชิกบ้านกลอนไทยสนใจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ หรือจะให้การสนับสนุนกิจกรรม สามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่กระทู้นี้เช่นเดียวกัน สำหรับผู้ที่จะร่วมเดินทางไปจัดกิจกรรม ทางทีมงานฯจะแจ้งกำหนดการอีกที				

 ตัวอย่างสภาพความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียน โรงเรียนบ้านตานวน  				

.....สภาพของโรงเรียน.....				

.....เลี้ยงไหม.....				

.....การละเล่นตามวิถีชาวบ้านชนบท ขาโถกเถก.....				

   .....ปลูกบวบ.....				

.....ดักกุ้ง.....				

.....ซ่อมอาคาร.....				

.....ปลูกมัน.....				

.....ปลูกหม่อน.....				

....ปลูกหอม.....				

.....เลี้ยงเป็ด.....				

.....ลากกุ้ง.....				

ภาพในส่วนที่นักเรียนสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนบ้านตานวน  				

.    การให้โอกาส เป็นหนึ่งในจำนวนการให้ที่มีคุณค่า หลายคนคงคาดไม่ถึงว่า
เพียงเล็กน้อยของการให้โอกาสนั้น จะส่งผลได้ยิ่งใหญ่เพียงใด ซึ่งทางทีมงานบ้านกลอนไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอนุเคราะห์จากเพื่อนสมาชิก ที่จะร่วมแบ่งปันน้ำใจให้โอกาสกับน้องผู้ด้อยโอกาสนั้น				

.     จากข้างต้นเป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนบ้านตานวน แต่ในขณะเดียวกัน ทีมงานบ้านกลอนไทยก็นึกถึงคำเชิญชวนของบรรดาสหายที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่นั่น จึงถือโอกาสเพิ่มกิจกรรมเยือนอีสานใต้ด้วย เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวตรงกับวันหยุดยาว ๔ วัน และอยู่ในช่วงของงานเทศกาลเข้าพรรษา แผนการท่องเที่ยวในจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอุบลราชธานีนั้น มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่มาก แต่ด้วยความจำกัดทางด้านเวลา จึงต้องกำหนดแผนการเดินทางโดยคร่าว ซึ่งอาจจะมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม				

  แผนการเดินทางมีดังนี้  

.    เดินทางโดยรถตู้ ประมาณสองทุ่มของคืนวันที่ ๗ กค. จุดนัดพบพร้อมพลขึ้นรถตู้ อยู่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หน้าร้านชัยศาลาไอศกรีม ค่าใช้จ่ายในการเดินทางคนละ ๑๕๐๐ บ./ตลอดการเดินทาง การเดินทางใช้เวลาประมาณ ๘ ชั่วโมง ถึงปลายทางโรงเรียนบ้านตานวน อ. ขุนหาญ ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ ๘ กค. ที่โรงเรียนก็จะมีคุณครูใหญ่ฯ และคุณครูบัวกันต์ คุณครูฉันทะโส มารอรับคณะเยือน จากนั้นประมาณ ๐๘.๓๐ น. ก็จะเป็นกิจกรรมบริจาคของให้นักเรียนและโรงเรียน อยู่ร่วมทานอาหารกลางวันด้วยกัน และหลังจากปิดกิจกรรมที่โรงเรียนก็เริ่มต้นการท่องเที่ยว				

 บ่าย .. จากนั้นไปชายแดนช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ ประตูการค้าสู่จังหวัดเสียมเรียบแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งเป็นช่องทางสัญจรและเส้นทางไปมาหาสู่ของชาวไทยและชาวกัมพูชามาตั้งแต่โบราณ โดยเฉพาะในรัชกาลที่ ๕ ซึ่งช่องสะงำนี้เพิ่งถูกเปิดเป็นด่านผ่านแดนถาวรมาเมื่อไม่นานนี้เอง ( ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๖)

มีอะไรบ้างที่ช่องสะงำ .. แน่นอนย่อมมีสินค้าหลากหลายให้เลือกจับจ่ายตามกระบวนการยุทธศาสตร์ที่เรียกว่า ESC หุ้นส่วนเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ณ จุดนั้นมีสานที่ที่พิพากษานายพลพอลพต ผู้นำเขมรแดงในอดีต และถัดไปไม่ไกลนักก็จะมีหลุมฝังศพของเขาที่ยังคงมีพุ่มดอกไม้แห้งและก้านธูปกองหนาแน่นบริเวณ 				

 จากนั้นเดินทางกลับเข้ามายัง อ.ขุนหาญ ชมสถาปัตยกรรมขวดหลากสีที่วัดป่าญาณวิเวกหรือที่คุ้นหูกันดีว่า วัดล้านขวด เหตุที่มีชื่อวัดล้านขวดก็เนื่องจากวัดแห่งนี้มีการประดับประดาตบแต่งสถานที่ภายในวัดด้วยวัสดุที่เราเรียกว่าขวด ไม่ว่าจะเป็นสีมน้ำหรือโบสถ์กลางน้ำ เจดีย์ เมรุ วิหาร ก็ล้วนแต่ใช้ขวดทั้งสิ้น 				

  เย็น .. กลับมาพักที่บ้านพักเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าพนมดงรัก บริเวณใกล้กับน้ำตกสำโรงเกียรติ์ อ.ขุนหาญ  ข้างน้ำตกเป็นสวนรุกขชาติ บรรยากาศเยี่ยม จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัย ตกค่ำอาจมีกิจกรรมรอบกองไฟ เข้าใจว่าจะมีการแสดงโชว์ระบำตองต้องแสงจันทร์ ซึ่งนำทีมโดยคุณครูใหญ่โรงเรียนเล็ก และเหล่าสหายเจ้าบ้าน				

ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดรั้งให้กาลเวลาหยุดนิ่งได้ และเมื่อเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์ ทีมงานบ้านกลอนไทยยังอยากเห็นแต่ละคนนิทราโดยมียิ้มประทับทั่วถ้วน   				

 วันที่ ๙ กค.

หลังจากกล่าวทักทายกับรุ่งอรุณ รับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็จะออกเดินทางไปสู่ อ.กันทรลักษณ์ ทดสอบความแกร่งโดยการขึ้นเขาไปเยือนปราสาทเขาพระวิหาร เขตศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขาสูง ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาของเทือกเขาพนมดงรัก ปราสาทเขาพระวิหารถูกสร้างและสถาปนาในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ ๑ แห่งอาณาจักรขอม ซึ่งเมื่อช่วงสงครามโลก เขาพระวิหารได้ถูกเปลี่ยนมือผู้ถือครองสิทธิ์ ก่อนหน้านั้นปราสาทเขาพระวิหารตกอยู่ในความถือสิทธิ์ของกัมพูชา (ตอนนั้นกัมพูชาเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส) ครั้นเมื่อสิ้นสงครามอินโดจีน ไทยเป็นฝ่ายชนะจึงได้ปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมาจากฝรั่งเศส และเมื่อสิ้นสงครามโลกครั้งที่สองไทยจึงได้เสียปราสาทเขาพระวิหารไป เรื่องราวมีการฟ้องร้องต่อศาลโลกและในที่สุดศาลโลกตัดสินให้ปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชาในปี พ.ศ. ๒๕๐๕ 

มองจากมุมบนปราสาทเขาพระวิหารนี้ เราจะได้เห็นทิวเขาสลับซับซ้อน และเมื่อมองลงไปอีกด้านทางเชิงผาก็จะเห็นหลังคาบ้านลิบ ๆ ที่เห็นคือประเทศเพื่อนบ้านของเรา แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือตัวของปราสาทเขาพระวิหารเอง สิ่งก่อสร้างที่ประกาศถึงความรุ่งเรืองของขอมในสมัยนั้น คงต้องรอให้พิสูจน์ด้วยสายตากันเอง 
				

บ่าย .. เดินทางไปยังประตูสู่อินโดจีน จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีจุดหมายไปที่ อ.โขงเจียม ไปชมความงดงามของแม่น้ำสองสี โขงสีปูน-มูลสีครามหลายท่านคงทราบว่าที่มาของชื่อนั้น แต่หากใครที่ยังไม่ทราบก็เป็นที่น่าเสียดายหากยังไม่มีโอกาสไปเยือนและเห็นกับตา เราจะล่องเรือชมทัศนียภาพของสองฟากฝั่งแม่น้ำ และแวะทานอาหารเย็นชิมปลาสดจากลุ่มแม่น้ำโขง 				

ตกค่ำ .. ก็พักที่บ้านพักรับรอง ศาลาริมน้ำโขง ที่ อ.โขงเจียมบรรยากาศเป็นกันเองอย่างเรียบง่าย ค่ำคืนที่มีการล้อมวงสนทนากันอย่างใกล้ชิดจากมิตรที่มาจากต่างถิ่น แนะนำตัวบอกกล่าวเล่าความเป็นมา จากที่อยู่กันคนละทิศคนละทาง มาอาศัยอยู่ ณ บ้านกลอนไทยได้อย่างไร พร้อมกับเพลิดเพลินฟังเพลงฟังดนตรีที่สหายเจ้าถิ่นนำมาขับกล่อม 				

เขาว่ากันว่า ใกล้-ไกลแค่ไหน สำเนียงต่างกันเพียงไร ก็ไม่ใช่อุปสรรคของการสานสัมพันธ์ 				

วันที่ ๑๐ กค.

เริ่มต้นเดินทางตั้งแต่เช้าตรู่ เดินทางสู่ด่านชายแดนช่องเม็ก ประตูสู่ลาวใต้  เที่ยวตลาดการค้าแดนลาว เมื่อเดินทางถึงด่านชายแดนช่องเม็กแล้ว นอกจากเที่ยวชมสินค้าชายแดน ช็อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี ไวน์ชั้นดีจากต่างประเทศและสินค้าพื้นเมืองต่าง ๆ ที่มีมากมายให้เลือกซื้อ และหากมีเวลาพอก็จะข้ามไปยังเมืองปากเซ วัดภู น้ำตกคอนพะเพ็ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลี่ผี น้ำตกกลางแม่น้ำโขงที่ยิ่งใหญ่ จนได้รับการเปรียบว่าเป็นไนแองการาแห่งเอเซีย ชมสีสันวัฒนธรรมของบ้านพี่เมืองน้องทางฝั่งลาว 
				

 จากนั้นก็จะวกกลับเข้ามายัง อ.เมือง บริเวณทุ่งศรีเมือง เพื่อชมความวิจิตรตระการตาของเทียนพรรษาพระราชทานและบรรดาเทียนพรรษาที่เข้าประกวดทั้งในประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ ตรงนี้ถือได้ว่าเป็นจุดไคลแมกซ์ของการเดินทางครั้งนี้เช่นกัน ปฏิมากรรมเทียนพรรษาที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอุบลฯ และเป็นสิ่งที่เรียกว่าดึงดูดตาและใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ให้เจาะจงมาเที่ยวงานอุบลฯ ในช่วงเทศกาลเข้าพรรษานี้ มีงานออกร้านมากมาย มีการแสดงมหกรรมนาฏศิลป์พื้นบ้านและการแสดงแสงสีเสียง  				

 หลังจากแวะชมและแวะซื้อของฝากจนเป็นที่พอใจ ก็ถึงเวลาเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในคืนวันที่ ๑๐ นี้เอง ซึ่งจะถึงกรุงเทพฯ ในเช้าของวันที่ ๑๑ กค. พักผ่อนสบาย ๆ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำงานในวันรุ่งขึ้น   				

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจัดกิจกรรมควบสองกิจกรรมเข้ามาอยู่ในช่วงเวลาเดียวกัน คือกิจกรรมปันน้ำใจให้น้องและกิจกรรมบ้านกลอนไทยสัญจร(เยือนอีสานใต้)

 ดังนั้นการเดินทางที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเรื่องของการเดินทาง ขอให้สมาชิกที่สนใจจะร่วมเดินทางไปด้วยกันนั้น แยกส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางออกจากงบบริจาคของกิจกรรมปันน้ำใจให้น้อง และเพื่อเป็นการสะดวกต่อการจัดหาเช่ารถ ซึ่งขณะนี้ทางทีมงานบ้านกลอนไทยติดต่อรถตู้ไว้ในราคาค่าเช่ารถตู้ประมาณ ๑๕,๐๐๐ บาท/คัน/ตลอดการเดินทาง (ราคา ณ วันนี้) ซึ่งก็หมายถึงผู้เดินทางไปต้องมีส่วนเฉลี่ยสำหรับค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่ถ้าค่าใช้จ่ายในการเช่ารถผกผันตามภาวการณ์ขึ้นราคาของน้ำมัน ตรงนี้ ทางทีมงานบ้านกลอนไทยก็คงจะต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าด้วยว่า ค่าใช้จ่ายในการเดินทางอาจมีการปรับราคาตามจริง    				

ดังนั้นถ้าสมาชิกท่านใดสนใจในกิจกรรมดังกล่าว และยืนยันว่าจะร่วมเดินทางไปเยือนอีสานใต้ด้วยกัน ก็ขอให้ลงชื่อในกระทู้โดยการ login  พร้อมทั้งโอนชำระค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางล่วงหน้ามาด้วย เนื่องจากจะต้องมีการจัดเตรียมรถเช่าล่วงหน้า  และ Fax รายการโอนชำระมาที่หมายเลข ๐๒ ๒๘๔๐๐๒๘  

หากท่านยืนยันว่าจะร่วมเดินทางด้วยแล้ว หากติดขัดไม่สามารถร่วมเดินทางได้ในภายหลัง เพื่อความยุติธรรม ในส่วนของค่าเฉลี่ยการเช่ารถจะไม่ถูกคืนเงินให้ ทั้งนี้..เพื่อมิให้ผู้ที่เดินทางจะต้องชำระค่าใช้จ่ายในการเดินทางเฉลี่ยมากกว่าเดิม    				

 
ต่อไปนอกจากจะจัดกิจกรรมสู่ชนบทเพื่อสังคมแล้ว ทางทีมงานบ้านกลอนไทยก็จะหาโอกาสสัญจรไปเยือนเพื่อนสมาชิกตามภูมิภาคต่าง ๆ ด้วย ทั้งนี้คงขึ้นอยู่กับกิจกรรม,เวลาและโอกาสที่เอื้ออำนวย

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกิจกรรมของบ้านกลอนไทย				

ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก 
คำร้อง/ทำนอง บัวกันต์ วิลามาศ 

โรงเรียนเล็กเล็ก ใจครูบ่เล็กเด้อเจ้า 
อาคารเก่าเก่า หลังคาผุผุพังพัง 
ขอวอนชุมชน คิดค้นส่อยแหน่เป็นหยัง 
ระดมสรรพกำลัง สร้างสรรค์ให้งานก้าวไป 

นักเรียนตัวน้อย ยังคอยท่านมาสานต่อ 
ท่านพร้อมแล้วบ่ สิมาดูแลมื้อใด๋ 
ทั้งครูทั้งเด็ก นั้นยังเฝ้ารอแรงใจ 
โรงเรียนบ่แม่นของไผ เฮ็ดให้ชุมชนของเรา 

**เชิญเด้อทุกท่าน สร้างงานให้รุดก้าวหน้า 
เพื่อการศึกษา ทัดเทียมบ่ต้องอายเขา 
พลังมวลชน มากล้นมาช่วยบรรเทา 
เด็กน้อยคงสิหายเหงา เมื่อเฮาร่วมแรงร่วมใจ 

โรงเรียนเล็กเล็ก เด็กเด็กกำลังเฝ้ารอ 
ในครูบ่ท้อ พร้อมต่อยอดให้ก้าวไกล 
ช่วยกันเถิดหนา เพื่ออนาคตเด็กไทย 
เด็กน้อยแววตาสวยใจ รอให้ท่านมาค้ำชู				

.				

แผนที่อำเภอขุนหาญ .. 

สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปสมทบที่โรงเรียนบ้านตานวน
ท่านสามารถติดต่อสอบถามเส้นทางได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 
๐๑ - ๒๖๕๓๔๖๓ (คุณครูใหญ่) หรือ  ๐๙ - ๒๘๕๙๘๒๙ (คุณกันเอง)