~~~เงาของพระจันทร์~~~ (บทที่ 3 )

..สีน้ำฟ้า..

ซีตื่นแต่เช้ามืด อาจจะเป็นเพราะนอนแปลกที่ แปลกถิ่น อีกอย่างเกรงใจเจ้าของบ้านด้วย เมื่ออาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนชุดเดิม เพราะว่าครามให้น้องแดงซักด้วยเครื่อง ปั่นแห้งเสร็จก็นำมาผึ่งไว้ในห้อง โชคดีเป็นผ้าชนิดที่ไม่ต้องรีด เช้านี้ก็เลยได้ใส่เสื้อผ้าสะอาด ๆ ของตัวเอง 
	เธอเปิดประตูเดินออกมานอกห้อง มุ่งตรงไปทางห้องครัว เพราะได้ยินเสียงก๊อกแก็ก ก้องแก้ง เหมือนคนกำลังล้างจาน-ชาม น้องแดงกับคุณแม่ของครามยิ้มรับ
	ตื่นเช้าจัง  แล้วนอนหลับสบายดีไหม
	สบายดีค่ะ
	กลัวหรือเปล่า  เมื่อคืนน่าจะให้น้องแดงไปนอนเป็นเพื่อน
	ไม่เป็นไรค่ะ ซีนอนคนเดียวจนชิน  ที่นี่อากาศดีมากนะคะ เมื่อคืนซีลุกมาปิดพัดลม อากาศเย็นสบายโดยไม่ต้องใช้แอร์ อีกอย่างอยากบอกว่าเมื่อคืนพระจันทร์สวยมาก  ส่องเข้ามาถึงในห้องแน่ะค่ะ
	จ้ะ  ห้องนั้นแขกไป ใครมาแล้วได้พัก  ถ้าตรงกับคืนเดือนหงายก็พูดแบบนี้กันทุกคน
	มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ
	เสร็จแล้วจ้ะ  แม่กำลังจะไปใส่บาตร สักเดี๋ยวพระจะมาแล้วล่ะ ไปด้วยกันสิ   
	ซียิ้มแป้น นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ ที่ไม่ได้ใส่บาตร  รีบไปช่วยยกของ ตามสองคนนั้นไป  น้องแดงเป็นเด็กสาวอายุราว ๆ สิบแปด-สิบเก้า หน้าตาหมดจด สดใสสมวัย เสียดายที่ไม่ได้เรียนหนังสือ ระหว่างเดินตาม ๆ กันมาสองสาวลอบสบตาและยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร  แดงนั้นยกโต๊ะมาตั้งเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นคุณมาลัยเป็นผู้ถือขันสำหรับใส่ข้าว  ซีถือถาดที่ใส่อาหาร ส่วนแดงถือถาดดอกไม้ธูปเทียน  ทุกคนย่อเข่าลงเมื่อพระมาถึง โดยคุณมาลัยอยู่หัวแถว ยกขันที่ใส่ข้าวจรดหน้าผาก อธิฐานจากนั้นก็บรรจงตักข้าวใส่บาตรอย่างระมัดระวังมิให้ทัพพีกระทบบาตร ถวายอาหาร แล้วถอยหลังมายืนห่าง ๆ ซีและแดงทำตาม โดยแดงเป็นผู้วางดอกไม้ ธูปเทียนไว้บนฝาบาตร เสร็จแล้วก็ย่อกายลงนั่งเพื่อรับพรจากพระ  จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนรอจนกระทั่งพระผ่านหน้าบ้านไปแล้ว ทุกคนก็เก็บสัมภาระ ไปคืนตำแหน่งเดิม ครามนั่งยิ้มเผล่อยู่หัวโต๊ะ ข้างหน้าเขามีกาแฟควันกรุ่นลอยอ้อยอิ่ง 
	
	ไงครับแม่  ผมหาลูกสาวให้ถูกใจไหม   ผู้เป็นแม่หันมามองซียิ้ม ๆ 
	ไม่ใช่อย่างที่คิดนะแม่ คนนี้เป็นน้อง พามาให้เป็นลูกสาวแม่ ส่วนคนที่จะแต่งยังหาไม่พบ  
	อ้าว ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ
	แบบว่า เพราะเธอดีเกินไป อย่างนั้นหรือเปล่าพี่คราม    เขาหัวเราะ ผู้เป็นแม่เขม้นมองลูกชายที่อารมณ์ดี หัวเราะระรื่นที  มองตามเด็กสาวที่เดินไปนั่งข้าง ๆ เขาที  
	ตายแล้ว ลูกชายฉัน นั่นโง่หรือเมากาแฟ    คิดในใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา  แต่อย่างไรก็เชื่อด้วยสายตาผู้ผ่านร้อน ผ่านหนาวมาก่อน ว่ามองไม่ผิดแน่ ๆ 
	ก็ดีถ้าอย่างนั้นซีมาเป็นลูกแม่อีกคนหนึ่งนะ สะดวกเมื่อไหร่ก็แวะมาได้ตลอด ถ้าเจ้าหมอนั่น  แม่พยักหน้าส่งสายตาไปทางลูกชายรูปหล่อ
	ไม่ขับรถมาส่ง หนูก็ขับรถมาเองก็ได้    ซียิ้มแหย ๆ
	หนูไม่มีรถยนต์ค่ะ ขับก็ไม่เป็นด้วย
	ให้พี่เขาสอนให้สิ   
	ไว้ว่างก่อนนะแม่   เขาเอื้อมมือมาโยกศีรษะเธอเล่น  ซีตาเขียว บ่นด้วยชอบแต๊ะอั๋งเรื่อยเลย
	ร้องเพลงรอไปก่อนนะน้อง   ถ้าไม่ติดอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่จะแลบลิ้นให้อีตานี่สักหน่อย
	รับประทานอาหารเช้าเสร็จ  เขาก็บอกลามารดา พาเจ้าตัวดีกลับไปส่งถึงหอพัก แล้วนัดเจอกันอีกครั้งวันศุกร์  พอขับรถออกจากหอพักของซี เขาก็กดโทรศัพท์หามิ้นท์ทันที  ฟังเสียงให้รอสายด้วยเพลงอยู่ครู่ใหญ่
	สวัสดีครับ สบายดีไหมครับ
	สวัสดีค่ะ สบายดีค่ะ คุณครามล่ะคะ เป็นอย่างไรบ้าง   แก้มอุ่นจนร้อน ยิ้มกับดอกไม้ในแจกันที่โต๊ะอาหาร
	วันนี้วันหยุด กลับบ้านหรือเปล่าครับ
	ไม่ได้กลับค่ะ ต้องทำรายงานส่งเลยขี้เกียจขับรถไป ๆ มา ๆ   ทำงานแบบสบาย ๆ ดีกว่า
	รายงานเสร็จหรือยังครับ
	
	เหลือพริ้นท์ปก เข้าเล่มก็เรียบร้อยค่ะ เมื่อคืนนั่งทำจนดึก ตั้งใจจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปดูหนังเรื่อง
	รอบไหนครับ
	ค่ำ ๆ ค่ะ
	ที่ไหนครับ
	มาบุญครอง ใกล้ที่พักดีค่ะ ไม่ต้องขับรถด้วย นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊ปเดียวก็ถึง วันหยุดค่ะถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากไปติดอยู่กลางถนน
	ไปกับเพื่อนสนิทหรือเปล่าครับ   เขากลั้นใจฟังคำตอบ เสียงหัวเราะสดใสมาตามสาย
	มิ้นท์ไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ คุณคราม ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย อาจเป็นเพราะอย่างหนึ่งคือมิ้นท์ไปเรียนแล้วก็กลับ ถ้าไม่อยู่หอพักก็กลับระยอง  ไม่ได้ไปไหนกับใครที่เรียนด้วยกัน ก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจ
	โห ไม่น่าเชื่อนะครับ ใคร ๆ จะใจร้ายกับสาวสวยอย่างคุณมิ้นท์ได้ลงคอ 
	โอ๋ย !  อย่าหวานประจบเลยค่ะ คุณคราม อย่างไรมิ้นท์ก็รู้สึกผิดกับคุณที่ทำโทรศัพท์คุณเกือบพังวันก่อน  แล้ววันนั้นทำไมรีบกลับไม่ยอมอยู่ทานอาหารเช้าด้วย
	เอ่อ.. มีงานเร่งครับ เลยต้องรีบออกแต่เช้า
	ถ้างั้น ผมไปให้คุณมิ้นท์เลี้ยงหนังเย็นนี้ได้ไหมครับ
	อืม ได้ ดีไหมล่ะคะ  
	ดี จริงแท้แน่นอนครับผม
	งั้นเจอกันค่ะ มิ้นท์มีอะไรจะให้คุณด้วย
	งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ
	บ๊าย..บายค่ะ
                         ------------------***************************--------------
	
     ซีเอากระเป๋าสะพายไปแขวนเก็บประจำตำแหน่ง เดินไปจัดการเปิดโทรศัพท์มือถือ ซึ่งพอเปิดเสร็จ เสียงข้อความเข้าก็ดังระงมไม่รู้กี่สิบครั้ง เธอกดเช็คแรก ๆ ก็เป็นของเขา  ข้อความหลัง ๆ เป็นของส้ม และก็แม่ เลย	รีบต่อสายหาแม่ก่อนอันดับแรก
	สวัสดีค่ะแม่
	หายไปไหนมาลูก  แม่เป็นห่วง    เสียงแม่ร้อนรนมาตามสาย ซีน้ำตาคลอ
	ขอโทษค่ะ แม่ พอดีโทรศัพท์เสียเอาไปซ่อมมาค่ะ  ขอโทษที่ไม่ได้โทรไปบอกก่อน ทำให้แม่กับพ่อต้องเป็นห่วง  หนีบโทรศัพท์ไว้ระหว่างคอกับไหล่ ยกมือพนมกล่าวในใจ ขอโทษค่ะแม่  
	แม่กับพ่อสบายดีไหมคะ
	สบายดี  ถ้าซีไม่เป็นไร แม่ก็โล่งใจ  นี่พ่อโทรเข้าที่อพาร์ทเม้นท์ เห็นบอกว่าซีไม่กลับเข้ามาด้วย อย่างนั้นหรือลูก
	ค่ะ  แม่ วันหยุดเพื่อนชวนไปเที่ยวบ้าน  อยู่ระหว่างทางไปจังหวัดสุพรรณแต่ไม่ถึงตัวจังหวัดค่ะ  เขาเรียก...ลาดบัวหลวงค่ะแม่
	ผู้หญิงหรือผู้ชาย    เสียงแม่กระซิบลอดโทรศัพท์มา
	ผู้ชายค่ะ แต่ไม่ได้มีอะไรกันค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วง  รับรองหนูไม่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังหรอกค่ะ   เธอรีบบอกก่อนจะได้ยินคำถาม่ตามมา
	เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้าน  พ่อเป็นห่วง กิจการงานเราก็มีทำ ไปเป็นลูกจ้างเขาสนุกตรงไหน
	ซีขอเวลาอีกสักหน่อยค่ะแม่  แล้วซีจะกลับไปเป็นเลขาให้พ่อแน่นอนค่ะ
	ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วลูก  หมั่นโทรมาบ้านบ้าง  แล้วนี่ไม่มีหนุ่ม ๆ ซ่อนไว้แน่นะ หรือถ้ามีก็บอก ไม่ต้องอาย ดีเสียอีก แม่กับพ่อจะได้ช่วยดูให้
	เฮ้อ.. ลูกสาวแม่ท่าจะอยู่เป็นโสดจนแก่กระมังค่ะ
	อ้าว ทำไมพูดเหมือนคนอกหัก
	เปล่าหรอกแม่ หนูเห็นชีวิตในเมืองกรุงแล้ว มันยุ่งเหยิงดี บางคนยังเรียนไม่จบก็อยู่ด้วยกันแล้ว พออยู่ด้วยกันไม่นานก็มีปัญหา แฟนไปมีกิ๊กบ้าง ร้องห่ม ร้องไห้ หนูยังไม่อยากเสียใจค่ะแม่
	ลูกเอ๋ย..   เสียงแม่สั่นสะท้าน
	ซี ไม่เป็นไรจริง ๆ แม่ถ้าเบื่อแล้วเดี๋ยวซีกลับ บางทีอาจจะพาหนุ่มไปฝากแม่กับพ่อสักคนก็ได้ ตอนนี้ให้ซีหาให้ได้ก่อน   เธอหัวเราะกลบเกลื่อน
	รักษาเนื้อ รักษาตัวนะลูก
	ขอบคุณค่ะ แม่จะมาเที่ยวกรุงเทพฯ บ้างไหมคะ
	ต้องถามพ่อ  เห็นบอกว่าอยากไปหาซี  ยิ่งตอนที่เราเงียบหายไปเมื่อคืน ยิ่งพล่านใหญ่
	แม่บอกล่วงหน้านะคะ หนูจะลาหยุดงานแล้วพาแม่ไปทานอาหารอร่อย ๆ ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในห้อง รอให้หนูเลิกงานเหมือนคราวก่อน
	จ้ะ  แล้วแม่จะโทรไปบอก  อย่าเงียบหายไปอย่างนี้อีกนะลูกนะ
	ค่ะแม่  สวัสดีค่ะ   ซีเป่าลมหายใจออกทางปาก  แล้วกดหาเบอร์ของส้มต่อ
	ฮาโหล  หายไปไหนมาจ้ะแม่คุณ
	พี่ครามพาไปบ้านแม่เขา ที่อยุธยาน่ะ   กับส้ม คือเพื่อนสนิทที่ไม่มีความลับ
	อุ้ยต๊าย !  พาไปให้แม่ดูตัวแล้วหรือ
	ไม่ใช่อะ  แค่พาไปฝากให้เป็นลูกอีกคน
	อ้าว แล้วไม่ใช่ตรงไหน ก็เอาไปฝากเป็นลูกสาว อีกหน่อยเขาก็ให้แม่มาขอ
	เขาไปขอสาวชื่อมิ้นท์  ลูกสาวเจ้าของบังกะโลอะไรที่ระยองหรอก
	อ้าว
	เอาน่ะ อย่าสงสัยให้มาก
	เย็นนี้ส้มจะไปดูหนัง ไปหรือเปล่า
	อืม..
	มาบุญครอง ห้าโมงเย็นนะ หาอะไรกินก่อนแล้วค่อยเข้าโรงหนัง
	ก็ได้..แล้วเจอกัน
	จ้ะ.. แล้วเจอกัน
                            ------------------***************************--------------
     ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ  ฟ้าอมร แหล่งรวมวัยรุ่น รุ่นเล็ก รุ่นใหญ่ มากหน้าหลายตา ถึงแม้จะมีเซ็นเตอร์พ้อยท์ แต่ซีกับส้มก็ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินก็ว่าได้ ถ้าดูหนังก็เลยคิดถึงที่นี่เป็นแห่งแรก ซีกับส้ม นัดเจอกันที่ร้านสุกี้ชื่อดัง ส้มโทรมาบอกว่ากำลังเดินทางและจะมาถึงในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ซีตัดสินใจเข้าไปจองโต๊ะ เลือกมุมที่ใกล้ประตูที่สุดที่ว่างอยู่ เดี๋ยวเผื่อส้มมาจะได้ไม่ต้องตามหา เธอหันหน้าออกทางประตูเพื่อจะได้มองเห็นเพื่อนชัดเจน เวลาผ่านไปไม่กี่นาที  ร่างหนุ่มคุ้นตา เดินเคียงคู่กับมาสาวผมยาว ร่างโปร่งบาง เธอแต่งกายง่าย ๆ ด้วยเสื้อสายเดี่ยว สีขาว ลายดอกไม้ กับกางเกงยีนส์  กำลังเดินเข้าประตูมา อาจจะเพราะกำลังมองหาโต๊ะหรือเปล่า เขาจึงไม่เห็นเธอ แต่ไม่นานสองสายตาก็ประสานกัน เขายิ้มร่า
	ซี   เขาเดินเข้ามาทัก  แตะข้อศอกสาวที่พามาด้วยเบา ๆ  ไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่ข้างโต๊ะ
	
	พี่นั่งด้วยได้ไหม    ซียิ้มให้ทั้งสองคน พยักหน้า
	เชิญค่ะ
	นี่ซี  น้องสาวผมครับคุณมิ้นท์   คุณมิ้นท์ของเขา ส่งยิ้มมาให้ ซียิ้มตอบ สองสายตาประสานกัน มิตรภาพดี ๆ บังเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ  ซีรู้สึกถูกชะตากับเธอเป็นอย่างมาก มิ้นท์เองก็ขยับเข้ามาใกล้และยกมือไหว้ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ซึ่งคะเนแล้วว่าคงจะเป็นรุ่นพี่ ซีรับไหว้ ชายหนุ่มผู้พามา ยิ้มอวด ๆ ทำนองที่จะบอกว่า เห็นมั้ย คุณมิ้นท์ของเขา น่ารัก
	มิ้นท์เรียกพี่ซีได้ไหมคะ  มิ้นท์เรียนอยู่....  เธอเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัย 
	ค่ะ  พี่จบมาหลายปีแล้วเหมือนกัน แต่คนละแห่งกับที่คุณมิ้นท์เรียนอยู่    ซียิ้ม
	เชิญนั่งค่ะ  พี่คราม  คุณมิ้นท์   ครามนั่งฝั่งตรงข้าม ส่วนมิ้นท์เลือกที่จะนั่งข้าง ๆ เธอ
	เรียกมิ้นท์เฉย ๆ ดีกว่าค่ะ อย่าเรียกคุณเลย และมิ้นท์ก็ขอเรียกว่าพี่ซีนะคะ มิ้นท์ไม่ค่อยมีเพื่อนค่ะ ปกติก็ดูหนังคนเดียว หนนี้พอดีคุณครามโทรหา มิ้นท์ติดหนี้เขาอยู่ด้วย วันก่อนวิ่งไปชนเขาโทรศัพท์ตกแตกกระจาย ก็ยังดีค่ะ ที่เป็นยี่ห้อ.....   เธอพูด ทุกอย่างแลดูเป็นธรรมชาติไม่เคอะเขิน
	กลับเอามาประกอบแล้วคุยต่อเฉยเลย
	ค่ะ
	พี่ซีมาดูหนังคนเดียวหรือคะ วันหน้าโทรชวนมิ้นท์นะ  มิ้นท์ก็ไม่มีเพื่อนเหมือนกัน
	ไม่ค่ะ  พี่นัดกับเพื่อนไว้  สักเดี๋ยว..    ส้มเดินโปรยยิ้มมาตั้งแต่ประตู  จริง ๆ ต้องเรียกว่าปั้นยิ้มเพราะมองผ่านกระจกเข้ามาเห็นทั้งสามคนชัดเจน  ส้มเป็นคนรักเพื่อน ยิ่งเพื่อนแบบซี เธอว่านับวันยิ่งหายากเข้าไปทุกที แล้วเหตุการณ์ที่เห็นเธอว่ามันไม่ปกตินัก
	สวัสดีค่ะ    ส้มเดินมาถึงโต๊ะก็ยกมือไหว้ชายหนุ่ม ที่อาวุโสสุดในโต๊ะ แล้วโปรยยิ้มมาทางสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อนของเธอ  สาวน้อยยกมือไหว้
	สวัสดีค่ะ พี่ต้องเพื่อนสนิทพี่ซีแน่เลย น้องมิ้นท์ดูตาก็รู้   ส้มเลิกคิ้วแต่ก็ไม่เห็นอะไรที่ผิดแปลก แววตานั้นใสแจ๋ว แสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างเห็นได้ชัด เอ๊ะ หรือมันจะชัดเกินไปหรือเปล่า ไม่รู้ส้มคิดมาก หรือเหตุการณ์พาไป
	จ้ะ  เอ่อ.. เราไปกันหรือยังอ่ะซี     ซีสบตาเพื่อน
	ยังไม่ได้ทานอะไรกันเลยนี่  ทานด้วยกันก่อน มื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเองนะ
	อ้าว คุณคราม    มิ้นท์ส่งเสียงมาตัดพ้อ
	ไหนว่า มื้อนี้ให้มิ้นท์เลี้ยงไงคะ  แล้วนี่.. มิ้นท์มีมือถืออันใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณ แทนอันเก่าที่มิ้นท์ทำหล่น   ชายหนุ่มได้แต่ยิ้ม หนุ่ม-สาว สบตากันจนแทบลืมอีกสองคนที่อยู่ด้วยในที่นั้น
	เอ่อ .. ส้มจองตั๋วไว้แล้วค่ะ ตอนแรกก็ตั้งใจจะทานอะไรก่อน แต่ว่าส้มมาช้าเลยไม่ทันแล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรหน้าโรงหนังเข้าไปทานก็ได้ค่ะ    ส้มเป็นคนออกตัว ซีพยักหน้าเห็นด้วย แต่โต๊ะนี้ติดกับฝาข้างหนึ่ง มิ้นท์จึงขยับตัวลุกขึ้นเพราะนั่งด้านนอก ให้ซีซึ่งนั่งอยู่ด้านในเดินออกมา เธอจับมือซี ทำตาอ้อน ๆ 
	วันหน้าพี่ซีนัดมิ้นท์นะคะ  มิ้นท์จะได้มีเพื่อนดูหนัง   ซีตบหลังมือขาวเนียนนั้นเบา ๆ  และปลดออกอย่างสุภาพ ยิ้มพยักหน้า และไหว้ลาคนที่อาวุโสสุดในกลุ่ม  ทั้งคู่มองสองสาวจนลับตาแล้วกลับมาสบตากันเองยิ้ม ๆ  มิ้นท์กลับมานั่งที่เดิม  พนักงานเสริ์ฟเดินเข้ามายื่นเมนู เขาผายมือเป็นเชิงให้ฝ่ายหญิงเป็นผู้ตัดสินใจเลือก
                         ---------------***************************--------------
	ส้มทั้งลากทั้งดึง ซีเดินออกจากห้าง มายืนรอรถอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้า ซึ่งเจ้าตัวยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าฉันจะดูหนัง ถ้าส้มไม่ดูจะไปดูคนเดียวก็ได้ ส้มต้องฉุดไว้ให้หยุดคุยกันก่อน
	ซีจะดูหนัง ส้มจะกลับก็กลับสิ ดูคนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไร
	ซี     ส้มเรียกหนัก ๆ  ซียิ้ม
	ซีไม่ได้เป็นอะไรกับเขานะส้ม  แค่คนที่รู้จักกันมาสองปี และเจอกันสองครั้ง อ้อ..เมื่อกี้อีกครั้งเป็นครั้งที่สาม   
	จริ๊ง?
	น่า เชื่อสิ
	แล้วใครชอบมาเล่า พี่ครามอย่างโน้น พี่ครามอย่างนี้  แล้วใครเป็นคนทุรนทุรายเวลาเขาหายหลังจากวันที่เจอกันครั้งแรก
	โธ่ ก็แค่บ่นเล่น ๆ ไม่เห็นเป็นไร
	จริง จริ๊ง ?
	จะคาดคั้นเอาอะไร  ไม่มี   ซียื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เพื่อนเพื่อให้สำรวจหารอยผิดปกติในดวงตา
	ก็แล้วไป   ส้มถอนหายใจ จะว่าโล่งอกก็ไม่เชิงนัก เป็นห่วงเพื่อนคนนี้มากเพราะ เธอมีแต่ซีคนเดียว  ส้มไม่เหลือคนในครอบครัวอีก เพราะเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ยายเลี้ยงไว้ ต่อมายายเสียชีวิตเธอก็ตัดสินใจเข้ากรุงเทพฯ หางานทำ ปากกัดตีนถีบส่งตัวเองเรียน ส้มเจอซีตั้งแต่สมัยทำงานใหม่ ๆ ตอนนั้นส้มเป็นเพียงพนักงานพิมพ์ดีดธรรมดา จนมาได้ซีซึ่งคอยหัด คอยสอน จนตอนนี้ได้เป็นผู้ช่วยเลขา และกำลังจะได้เป็นเลขาแทนคนเก่าที่จะลาออกไปแต่งงานเร็ว ๆ นี้  ส้มจึงรักซีมาก ถือว่าซีคือคนในครอบครัว แต่ก็ด้วยวิถีชีวิตที่เธอเป็น ส้มมีแฟนเป็นชาวต่างประเทศ จึงไม่สามารถพักรวมกันกับซีได้
	ส้ม ซีว่าจะกลับบ้านสุดสัปดาห์นี้ ไปด้วยกันไหม  ส้มเลิกคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าพยักหน้าหงึกหงัก
	เอ แต่ว่าพี่ครามจะชวนไประยอง ไปพักบ้านน้องมิ้นท์
	ซีชอบเด็กนั่นจริง ๆ หรือ   ส้มจ้องตาอย่างค้นคว้า
	จริง เด็กเค้าน่ารักดี ดูท่าทางไม่มีพิษ มีภัยอะไร  ส้มถอนหายใจกับแม่นางเอกแสนดี เคยเห็นแต่ในนิยาย นี่อะไร  แต่ส้มก็รู้จักซีนั่นแหละ คบกันมาตั้งนานซีเป็นของซีอย่างนั้นจริง ๆ
	แต่แม่ก็เป็นห่วง ดันโทรมาตอนปิดโทรศัพท์มือถือ  แถมถอดสายเครื่องในห้องอีก   เธองึมงำ ๆ 
	งั้นก็ไปหาแม่กันดีกว่า ส้มจะได้ไปหาหนุ่ม ๆ แถวโน้นกินด้วย    ซีฟาดเผียะที่ต้นแขนเพื่อน
	แหม.. จริง ๆ เลยพูดจาไม่รู้จักระวัง  เดี๋ยวเพื่อนแฟนคนไหนผ่านมาได้ยินแล้วเอาไปฟ้อง เหอะ น้ำตาจะเช็ดหัวเข่า   ส้มหัวเราะ เริ่มผ่อนคลายกับเหตุการณ์ทั้งมวล
	ตกลงไปดูหนังนะ ซีอยากดูหนัง    ส้มพยักหน้า เดินกันจากสถานีรถไฟฟ้าเข้าไปทางห้างสรรพสินค้าชื่อดังอีกครั้ง  อาจจะเป็นเพราะส้มมัวแต่มองหนุ่ม ๆ ที่สวนทางมา จึงไม่ทันเห็นเพื่อนคนที่เดินจูงมา หรุบตามองพื้นแล้วแอบกระพริบตาถี่ ๆ ไล่หยดน้ำที่จวนเจียนจะหยด และสูดลมหายใจลึก ๆ เพื่อที่ไม่ให้ปล่อยเสียงสะอื้นออกมา
                       --------------***************************--------------
      หญิงสาวไขกุญแจห้อง ดันประตูพอแทรกตัวเข้ามาได้  พอพ้นประตูก็วางทุกอย่างที่อยู่ในมือไว้กับพื้น ถอดรองเท้าโดยอัตโนมัติ ใบหน้างาม ขาว ซีดเซียวเหมือนคนเป็นไข้ หันไปปิดประตูห้อง กดล็อคแล้วเดินสะลึมสะลือไปที่เตียงล้มตัวลงนอนนิ่ง ๆ มองเพดานขาว ๆ  สายตาค้างเติ่งอยู่ที่เพดาน
	ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปถึงเขา คนที่ผ่านมาให้รู้สึก เขาผ่านมาให้เธอรู้สึกว่าได้ใกล้ชิด สนิทสนมกับเขามานาน นานมาก นานจนเริ่มกลายเป็นความเคยชิน ครั้งเมื่อได้ยินว่าเขาสนใจผู้หญิงคนหนึ่ง ก็ยังคิดว่าพูดเล่น พอครั้งนี้เห็นเขากับผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าต้องการจะใส่ใจ ทำไมหัวใจมันว่างเปล่าเสียจนน่าแปลก แถมยังรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนั้นอีกต่างหาก 
ตลอดเวลาที่ผ่านมามักจะบอกกับตัวเองอย่างคนที่เห็นแก่ตัวว่า เธอไม่ใช่แค่ได้รักข้างเดียว แต่เธอได้สิทธิ์คนที่ถูกรักมาบ้างแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าได้มาตอนไหน แต่มั่นใจว่าได้รักนั้นมาแล้วแน่ ๆ 
ไม่รู้บังเอิญไหม วันนี้ได้เจอคนที่เขาพูดถึง ผู้หญิงคนที่เขาบอกว่าจะรัก และกำลังหาทางครอบครองหัวใจใครคนนั้นอยู่เธอแจ่มในและน่ารักเหลือเกิน  เหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้เธอโหวงเหวงอยู่ตอนนี้ อาการมั่นใจในตัวเองที่ว่าได้ถูกรักบ้างแล้วเริ่มสั่นคลอน 
จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนกำลังลอยตัวเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ และมองลงมาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนอนตัวงออยู่บนเตียงด้วยอาการเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หญิงสาวคนที่ว่านิ่งเสียจนไม่น่าจะมีลมหายใจอีกแล้ว
 
ในนาทีต่อมา จึงได้รู้สึกว่านั่นคือตัวของเธอเอง จุกเสียด แน่นขึ้นมาถึงหน้าอก เจ็บปริ่มว่าจะขาดใจตาย ลมหายใจสะดุด ดั่งจะหยุดอยู่แค่นั้น เธอดิ้นพลิกตัว ยืดขาออก แล้วกลับขดตัวงองุ้มกว่าเดิม แขนสองข้างกอดตัวเองกระชับขึ้น ปวดมวนในช่องท้อง นาทีนี้ไม่มีน้ำตาสักหยดรินไหลออกมาบรรเทาความเจ็บปวดทั้งปวง  
คิดถึงภาพของเขาที่กำลังสบตาหวานซึ้งกับใครอีกคน 
แล้วร่างที่ขดตัวงออยู่กระตุกเหมือนคนสะดุ้งตกใจอะไรสักอย่าง  ร้อนวาบหนึ่งในอก ครานี้น้ำใส ๆ หยดหนึ่งรินออกจากหางตา เสียงสะอื้นฮัก ๆ ถี่ขึ้น ๆ  ในที่สุดก็เหมือนทำนบพัง น้ำใส ๆ ไหลพร่างพรูออกมาพร้อมกับเสียงโฮที่เปล่งออกมาจากลำคอจนสุดเสียง 
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้กับตัวเอง ได้ยินแต่เสียงสะอื้นดังก้องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เนิ่นนาน 
นานทีเดียวกว่าเสียงจะแผ่วลง แล้วก็ค่อย ๆ แผ่วลง ๆ  ดุจดังลมหายใจหายห้วงไปแล้ว แต่พอภาพคนสองคนกำลังสบตากันหวานซึ้งกระจ่างมาในมโนภาพ ร่างบางจะคุดคู้กอดตัวเองแน่นขึ้นอีก เสียงก็ดังขึ้นอีก 
เพิ่งจะรับรู้ว่าเธอหวงเขาขนาดนั้น  
ทำไมนะ พอจะรู้จักความรัก ปรากฏว่าเธอต้องผิดหวังเสียแล้ว  ทำไม ไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไม ทำไม ทำไม  คำถามดังก้องวนเวียนอยู่ในศีรษะ น้ำตาไหลออกจนเหือดแห้ง เสียงสะอื้นแผ่วลงเรื่อย ๆ และแล้วลมหายใจก็ทอดสม่ำเสมอ
                               --------------***************************--------------
         http://www.oldsonghome.com/music/listen.php?song_id=2012				
comments powered by Disqus
  • ..สีน้ำฟ้า..

    18 พฤษภาคม 2549 02:00 น. - comment id 90773

    เขาว่ากันว่า.. เวลาเศร้า พอได้ยินเพลงรัก
    ก็ยิ่งเศร้ามากกว่าเก่า
    
    จริงหรือเปล่าคะ
  • ดอกข้าว

    19 พฤษภาคม 2549 15:20 น. - comment id 90797

    คุณสีน้ำฟ้าไปได้ไกลแล้ว..ผมยังไม่ได้เขียนต่อเลย
  • กิ่งไผ่

    19 พฤษภาคม 2549 19:28 น. - comment id 90800

    สวัสดีค่ะ คุณสีน้ำฟ้า
    ไม่ได้เข้ามาซะหลายวัน งานยุ่ง ๆ วันนี้มีโอกาสได้เข้ามาก็ได้อ่านเงาของพระจันทร์ต่อเลย เฮ้อ ยังไงก็จะติดตามตอนต่อไปนะคะ
    แล้วที่ไม่สบายหายแล้วหรือยังเนี่ย
    ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้ หายป่วยไว ๆ และก็สร้างผลงานดี ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันไว ๆ นะคะ
  • กิ่งไผ่

    19 พฤษภาคม 2549 19:28 น. - comment id 90801

    สวัสดีค่ะ คุณสีน้ำฟ้า
    ไม่ได้เข้ามาซะหลายวัน งานยุ่ง ๆ วันนี้มีโอกาสได้เข้ามาก็ได้อ่านเงาของพระจันทร์ต่อเลย เฮ้อ ยังไงก็จะติดตามตอนต่อไปนะคะ
    แล้วที่ไม่สบายหายแล้วหรือยังเนี่ย
    ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้ หายป่วยไว ๆ และก็สร้างผลงานดี ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันไว ๆ นะคะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน