สวัสดีค่ะ เอ่อ.. พี่ ๆ น้อง ๆ นานจนไม่รู้ว่าใครจะจำได้ ก็ออกจะเขิน ๆ แต่ก็ยังอยากจะโพสกระทู้นี้ค่ะ ด้วยหลาย ๆ สาเหตุ โดยไม่แก้ตัวอะไรมากไปกว่านี้ ว่าทำเรื่องเงาของพระจันทร์หายไปนานมาก ข้ามปีเลยล่ะ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กลับไปปรับปรุง เปลี่ยนแปลงแล้ว บางคนอาจจะเห็นในคอมเม้นท์เก่า ๆ ของกระทู้บทที่หนึ่ง อย่างงนะคะ อย่างคุณสรอง ที่ช่วยแนะนำ สีน้ำฟ้าก็นำไปปรับปรุง และเปลี่ยนโครงนวนิยายเรื่องนี้เสียใหม่ พร้อมกับแก้ไขไปแล้ว เพิ่งอัพเดทไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อกี้นี่เอง ก็.. ยังไงขอฝาก เงาของพระจันทร์ไว้ให้พี่ ๆ น้อง ๆ อ่านและติติงกันมาค่ะ ต่อไปจะพยายามอัพเดทให้เร็วขึ้น ไปอ่านบทที่หนึ่งกันก่อนดีไหมคะ เชื่อว่าลืมกันไปหมดแล้วล่ะ ถือว่าเบิ้ลไปก่อนก็แล้วกันนะคะ บทที่ 1 http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story6026.html บทที่ 1 (ต่อ) http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story6075.html เรามาว่ากันถึงบทที่สองกันต่อไปนะคะ -------------------------------------------------------------------------------------------------------- พระอาทิตย์ยามเช้ากับอากาศสดชื่นริมทะเลไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ของชายหนุ่มดีขึ้นแต่อย่างใด จะว่านอนดึกตื่นเช้าก็ไม่เชิง เขาเช็คเอ้าท์แล้วขับรถออกมาโดยไม่รับประทานอาหารเช้าตามที่พนักงานเชื้อเชิญ ให้ใช้สิทธิ์ของผู้เข้าพัก บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าหนีอะไร หนีหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกอยากอยู่คนเดียวมากกว่าเจอใครหลังจากตื่นขึ้นมา หกโมงเช้า เขาเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่โยนไว้ตรงเบาะที่นั่งข้างคนขับ เปิดวิทยุเจอเพลงเดียวกับเมื่อคืนอีกเลยเปลี่ยนใจ กดเทปคลาสเซสที่คาเครื่องเข้าไปแทน ท่วงทำนองแผ่วพลิ้ว เสียงดนตรีขับกล่อมอารมณ์เขาให้สดชื่นขึ้น ลดความเร็วลง เหลือบตามองโทรศัพท์ มันเสียบหูฟังอยู่พร้อมแล้ว เขาหยิบหูฟังมาเสียบ กดโทรออกจากเบอร์สุดท้ายที่โทรเมื่อคืน รู้แต่ว่าเป็นเบอร์เจ้าตัวดี แต่ไม่แน่ใจว่าเบอร์ไหน ช่างมันเถอะ..ขอให้มันติดก็แล้วกัน และเมื่อสัญญาณติดจึงรู้ว่าเป็นเบอร์อพาร์ทเม้นท์ เขากดหมายเลขห้องสัญญาณไม่ว่าง เขาขมวดคิ้ว วางหูแล้วโทรใหม่ คราวนี้กดเบอร์โอปะเรเตอร์ คนรับสายเป็นยาม สงสัยยังเช้าเกินกว่าโอปะเรเตอร์จะมาทำงาน เขาตั้งคำถามแต่ไม่ได้เรื่องยามบอกว่าเพิ่งมาทำงานใหม่เลยไม่รู้อะไรสักอย่าง วางหู กดเบอร์มือถือ ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก.. เออ โว้ย! มันอะไรกันนักหนาแม่คุณ จะติดต่อได้สักทางไหม เขาเริ่มเหยียบคันเร่งแรงขึ้น -------------------***************************-------------------------- สวัสดีครับ ยามของบริษัทเปิดประตูให้ เขายิ้มให้ลุงยามพร้อมกับกล่าวคำทักทาย เล่นเอาแกยิ้มแบบ งง ๆ ตอบแทบไม่ทัน ปกติคุณครามจะขรึม ๆ ไม่ค่อยคุยกับใคร เวลาทำงานทำจริง ลุงแกเคยเห็นคุณครามล้งเล้งเอากับลูกน้องที่ทำงานไม่ได้ดังใจก็บ่อย เลยกลายเป็นว่าถ้าไม่จำเป็น ลุงก็จะเลี่ยง ๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ก็แค่ยิ้มทักเท่านั้น สวัสดีครับ คุณคราม วันนี้มาแต่เช้า ผมเพิ่งกลับจากระยอง มีจดหมายถึงผมมั้ย เอ๊ะ.. นี่ก็แปลก มาถามอะไรเอากับยาม ถ้ามีจดหมาย เลขาก็นำไปวางที่โต๊ะสิ เอ่อ.. ไม่เป็นไร ๆ เขาโบกไม้ โบกมือ เดินไปยังห้องทำงานแล้วปิดประตูตาม วันนี้เป็นอะไร เขาหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเช้าไม่อยากคุยกับใคร แต่พอตอนนี้เกิดอยากจะคุย แม้แต่กับยามหน้าบริษัทสลัดศรีษะ เดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน พิงพนัก เหม่อมองสายตาไปนอกหน้าต่างไร้จุดหมาย -------------------***************************-------------------------- ติ๊ด ๆๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกทำงานของมันอย่างซื่อสัตย์ เมื่อถึงเวลา ซีหยีตารับกับแสงสว่างจ้า ก่อนจะปิดมันแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างอัตโนมัติแห่งความเคยชิน พอปลดชุดนอนออกแขวน ก็เปิดฝักบัว น้ำเย็นของน้ำไหลซู่ออกมาประทะใบหน้าที่เงยหน้าหลับตาพริ้มรอความสดชื่นมาปะทะ เธอลูกหน้าก่อนจะปล่อยสายน้ำรินรดทั่วร่างกาย ไม่เว้นกระทั่งศีรษะ กว่าจะอาบน้ำ สระผมเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมง ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงอ้อยสร้อยแบบนี้ไม่ได้ ไม่ว่าจะไปไหนทุกหนทุกแห่งในเมืองหลวงนี่ต้องแข่งกับเวลา โชคดีตอนนี้มีรถไฟฟ้าเข้ามาช่วย ทำให้เวลาในการไปทำงานย่นระยะลงได้ เพราะที่ทำงานเธอไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าเดินแค่ไม่กี่นาทีก็ถึง จึงทำให้ซีมีเวลาส่วนตัวในช่วงเช้ามากขึ้น เธอไปถึงที่ทำงานเกือบแปดโมง เพื่อนที่ทำงานยิ้ม ๆ ส่งเสียงแซวทันทีที่เธอโผล่หน้าเข้าไปที่แผนก มีหนุ่มโทรมาสามรอบแล้ ซีเอ้ย หนุ่มไหนอ่ะ ส้ม ปกติซีไม่มีหนุ่มนี่นา ขาประจำไง ทำเป็นลืม พี่ครามหรือ เธอขมวดคิ้ว มั้ง เดาเอา เขาไม่ฝากข้อความและไม่ได้บอกว่าจากไหน ช่างเถอะถ้าอย่างนั้น กริ๊ง ๆ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ขัดจังหวะการสนทนา สองสาวมองหน้ากัน ส้มพยักเพยิดให้ซีเป็นคนรับ เพราะแผนกที่เธอทำงานอยู่มีโทรศัพท์ประจำสำนักงานใช้อยู่เพียง 2 เครื่อง ตั้งอยู่บนหลังตู้เอกสารเตี้ย ๆ ตรงมุมห้อง สวัสดีค่ะ แผนกบัญชี จริยารับสายค่ะ เจ้าตัวดีหายไปไหนมา ซีหันมายิ้มกับส้ม แก้มไร้เครื่องสำอางอุ่นเรื่อ รีบหันหลังให้เพื่อน สวัสดีค่ะพี่คราม ไม่ได้หายไปไหนนี่คะ ก็อยู่ที่ห้อง พี่โทรไปสายไม่ว่างเลย มือถือก็ปิด โอ๊ะ.. ตายจริงลืมค่ะ พอดีเมื่อคืนง่วงเลยปิดมือถือไว้ โกหกเธอโกหก มากินข้าวกับพี่ไหม หัวใจสาวเต้นโครมคราม ๆ ไม่ดีกว่าค่ะพี่ มีนัดหรือ เปล่าค่ะ ซื้อหนังสือไปตั้งหลายเล่มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ยังไม่ได้อ่าน อยากอยู่ห้องอ่านหนังสือมากกว่า ขี้เกียจผจญรถติดด้วยพี่ เซ็ง ๆ เป็นงั้นไป ไม่เป็นไร พี่ไปรับจากที่ทำงาน ไม่ต้องนั่งรถไปเอง ก็ขี้เกียจผจญรถติดไงพี่ บ๊ะ.. เจ้านี่ เอ๋า... เอ่อพี่ ซีต้องทำงานแล้วนะ เพิ่งมาถึง ยังเดินไปไม่ถึงโต๊ะทำงานด้วยซ้ำ เดี๋ยวหัวหน้ามาเห็นก็เล้งเอาหรอก อือ ๆ เย็นห้ามออกไปไหนนะ พี่จะไปรับ เขาชิงวางสายก่อน ซีได้แต่ถอนหายใจ เดินหงอย ๆ ไปที่โต๊ะทำงาน อ้าว เป็นอะไรไปท่าทางจ๋อย ๆ ส้มเร่จากโต๊ะทำงานมาหา เปล่าหรอก นอนดึกพอตื่นเช้าก็เลยไม่สดชื่น ส้มเลิกคิ้วมอง จริงดิ ซีนั่งประจำโต๊ะ เอากระเป๋าสะพายเก็บไว้ลิ้นชักล่างสุด ก่อนจะกระพริบตาครั้งหนึ่งเงยหน้าขึ้นมอง แยกเขี้ยวให้เพื่อนร่วมงานที่เรียกว่าสนิทที่สุด บอกว่าจริงก็จริงเด่ะ ส้มเลยถลากลับไปที่โต๊ะ ก่อนจะถูกเจ้าของโต๊ะกัด ไม่รู้มันฉีดยากันพิษสุนัขบ้ามาบ้างหรือเปล่า กันไว้ดีกว่าแก้สิน่า -------------------***************************-------------------------- เขาได้โทรศัพท์กลับมาที่บริษัทของซีอีกครั้ง ขอสายส้มเพื่อถามรายละเอียดเพิ่มเติมจนกระทั่งทราบว่าเป็นสำนักงานทนายความและบัญชี ที่เช่าอยู่ชั้นที่ 15 ของอาคารสูง 21 ชั้นบนถนนสีลม ชั้นล่างสุดมีร้านกาแฟ ซึ่งหากหามุมเหมาะ ๆ ก็จะเห็นคนเดินเข้า-ออกจากลิฟท์ ที่มีอยู่เพียงสองตัว เขาจึงมานั่งรอที่ร้านกาแฟที่ว่า ตั้งแต่ก่อนเวลาเลิกงาน ซีไม่ได้ขับรถมาทำงานเอง ฉะนั้นอย่างไรก็ต้องลงมาทางลิฟท์สองตัวนั่นแน่ ๆ เขานั่งกางหนังสือพิมพ์เหมือนอ่านเพื่อรอเวลาเลิกงานของเธอ กางหนังสือพิมพ์บังหน้า ตาคอยจ้องเป๋งที่ลิฟท์ ซึ่งเวลาที่เขารอคอยช่างนานแสนนาน จนหงุดหงิด สงสัยเป็นเพราะเวลาทำงาน ลูกค้าก็เลยมีแต่เขาคนเดียวทั้งร้าน แม่สาวเสิร์ฟคอยแวะเวียนมาถามไถ่ กาแฟอร่อยไหมคะ รับน้ำเพิ่มไหมคะ บรา..บรา ..บรา.... ร้อยแปดพันเก้าประโยคที่เธอจะสรรหามาพูด จนเขาเริ่มชักสีหน้า ขึงตาเข้าใส่ เธอจ๋อยไปหลบอยู่หลังเคาน์เตอร์ ห้าโมงตรงผู้คนยังไม่พลุกพล่าน เขาเสี่ยงกดมือถือไปที่เบอร์ของเธอ ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขที่ท่านเรียก ให้ได้อย่างนั้นสิแม่คุณ เป็นอะไรนักหนาล่ะ พอวางสายเสียงเรียกเข้าจากมือถือเขาก็ดังพร้อมกับแรงสั่นตามมา ครับแม่ วันนี้แวะมาทานข้าวกับแม่ไหมลูก พรุ่งนี้วันนักขัตฤกษ์ไม่ใช่หรือ ได้หยุดกับเขาหรือเปล่า เอ่อ.. แม่ทำแกงส้มปลาหมอ ไข่เจียวหมูสับ กับยำกุนเชียงไว้นะ ไม่มาก็ตามใจ อ้าว..แม่หนอแม่ไม่รอคำตอบ งอนตัดสายไปเสียแล้ว พอดีจังหวะที่เขาเห็นแม่ตัวดีเดินออกจากลิฟท์มา ก็เลยรีบหยิบแบงค์ห้าสิบบาท สอดไปใต้ถ้วยกาแฟแล้วเดินดุ่ม ๆ เข้าไป คนที่กำลังเดินเหม่อ ๆ ยังไม่ทันสังเกตก็ถูกคว้าข้อมือเกือบสะบัด ถ้าไม่ได้เห็นผู้รุกรานเสียก่อน เป็นอะไร เขาถาม อย่างน้อยก็ถือโอกาสที่รู้จักกันมาร่วมสองปี ทำตัวเป็นพี่ชายดุน้องสาว ทั้งคู่หยุดเดินได้ไม่นานก็รีบขยับตัวเดิน เพราะคนในลิฟท์กำลังเดินออกมาอีกกลุ่มใหญ่ ถ้าไม่เดินก็จะกลายเป็นขวางทางคนอื่น เขาพาเธอผลุบเข้าร้านกาแฟร้านเดิม สาวเสริ์ฟคนเดิมมองมา เขาขึงตา จนเธอไม่ได้มาวอแวกับเขาอีก ทำไมปิดมือถือ คำถามที่สองตามมา ทั้งที่คำถามแรกยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ซีมองหน้าเขา งง ๆ เหมือนจะโกรธใครมาเป็นชาติ ดูทำเข้า ยายคนนี้สายตามันพูดได้ ดูสิ.. ดูมันทำ เขาจ้องลึกเข้าไปในตาคู่สวย ที่กำลังทอประกายระริก เป็นอะไร พี่คราม โกรธใครมา ซีลืมมือถือไว้ที่บ้าน ก็บอกแล้วเมื่อวานพอไปถึงก็ปิดมือถือนอน ตกเช้าตื่นมาก็เลยลืมไว้ที่เดิมนั่นแหละ แล้วสายที่ห้องทำไมไม่ว่างตลอดเลย อ๋อ เครื่องมันเสีย แจ้งช่างแล้วค่ะ เห็นว่าเขาจะไปซ่อมให้ ป่านนี้ไม่ทราบว่าเสร็จหรือยัง นึกว่าต่อเน็ตจนสว่าง เธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุก แต่ก็ปากแข็งแต่ไป แหม.. แล้วนี่มาทำไมคะ บอกว่าอยากกลับบ้านไปนอนอ่านหนังสือ มาขัดขวางความสุขน้องนุ่ง บาปนะพี่นะ พรุ่งนี้เราได้หยุดไหม หยุดซีคะ นักขัตฤกษ์นี่ ที่ห้องมีภาระอะไรไหม นอกจากอ่านหนังสือน่ะ ไม่มีค่ะ บอกแล้วไงคะ ว่าเป็นเด็กต่างจังหวัด มาอยู่กับน้าแถวธนบุรี แต่พอได้งานทำก็เลยแยกออกมาอยู่เอง แต่ก็ยังไปมาหาสู่กันเสมอ ๆ ดี อะไรดีคะ เหอะน่า.. แล้วเมื่อไหร่จะปล่อยมือหนูคะคุณพี่ ถืออยู่นานแล้วนะ ไม่หนักหรือ เออ.. ลืมไป เขาสลัดออกเหมือนกำลังถือขยะเหม็น ๆ ก็ไม่ปาน พูดกับน้องก็ไม่เพราะ แล้วสลัดทิ้งแบบนี้ได้ไง เมื่อกี้เป็นคนฉวยมือเขานะ เขาไม่พูด แต่ฉวยใหม่ คราวนี้กึ่งลาก กึ่งจูง ออกจากร้าน หันไปมองสาวเสริ์ฟ แวบหนึ่งเห็นกำลังซุบซิบอยู่กับแคชเชียร์ คราวนี้สองสาวตาค้าง เพราะเขายิ้มหวาน เน้นว่าหวานชนิดโปรยเสน่ห์เสียจน ซีหยิกเขาเบา ๆ เขาเลยหันมายิ้มชนิดเดียวกันกับซีบ้าง เล่นเอาเจ้าตัวดีอายม้วนไปเลย เดินก้มหน้างุด ตามเขา ไปไม่พูดไม่จาอะไรอีก ------------------***************************--------------------- รถติดอยู่กลางสี่แยกไฟแดง ที่ถนนรัตนาธิเบศร์ ซีมองหน้าเขาตรง ๆ คำถามใน ดวงตาพุ่งตรงมาจนอีกคนก็รู้สึก แต่ทำไม่รู้ไม่ชี้ ใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยตามจังหวะเพลง สายตามองไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะคิดหันมาสบตากับคนข้าง ๆ พี่คราม หนักเข้า เมื่อมองไม่ได้ผลก็เรียกเสียงต่ำ ๆ เขาหันมายิ้มหวานหยด เหมือนเมื่อครู่ แต่หนนี้ไม่ได้ผลแฮะ ถ้าเป็นการ์ตูนคงได้เห็นดวงตาหล่อนเป็นสีเขียว สีเหลือง ก่อนจะติดไฟควันโขมง ให้รู้ว่าโกรธจริงแล้ว จะพาไปกินข้าว ทำไมไกลนักล่ะคะ จะออกไปบางบัวทองอยู่แล้วนะ น่า.. รับรองที่นี่อาหารอร่อย และจะกลับมาส่งโดยสวัสดิภาพ ริ้นไม่ไต่ ไรไม่ตอม พี่ไม่มีน้องชาย หรือพี่ชาย เป็นลูกโทน ฉะนั้นไว้ใจได้ พี่นั่นแหละ ไม่น่าไว้ใจ โถ ๆๆๆๆๆ พี่คนดีจะตายไป พี่เห็นซีเป็นน้อง เราคบกันมาสองปีแล้วนะ เราเพิ่งเจอกันครั้งนี้ ครั้งที่สองต่างหาก น่า.. เวลาพบกันไม่สำคัญหรอก เขาทำตาซึ้ง ๆ โปรยเสน่ห์ แล้วต้องรีบหันกลับไปเพราะรถคันหลังบีบแตรไล่แล้ว โชคดีไปที่ไม่ได้ยินคำอวยพรที่ตามมาด้วย เชื่อพี่เถอะน้องซี พี่ไม่หลอกซีไปขายหรอกน่า แค่อยากจะปรึกษาปัญหาหัวใจ ปัญหาหัวใจ ใช่ซี แล้วเล่าทางโทรศัพท์ไม่ได้หรือคะ แล้วโทรศัพท์เราเปิดไหมเล่า กรรม ความผิดของซีอีก น่า.. นะ เจ้าซี พี่ไปเจอสาวมาเมื่อวาน สวยปิ้งเชียวล่ะ อยากเล่าให้ฟัง เธอทำตาโต หันมามองเขาเหมือนตัวประหลาด เผลอแว้ดไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซีไม่ใช่ศิราณีนะ จะได้รับปรึกษาปัญหาหัวใจของชาวบ้าน ชาวบ้านที่หนาย พี่เองนะ พี่ชายสุดหล่อ แสนดีไง เขาลากเสียงยานคาง เหลือบตามามองเธอแป๊ปหนึ่งก็หันไปมองถนนต่อ แล้วนี่ตกลงเราจะไปไหนคะ ไปหาแม่พี่ หญิงสาวทำตาโต ลืมตัวดึงแขนเขา จนเขาต้องอุทธรณ์ เบา ๆ พี่ขับรถ มันยกมือไหว้แผล็บหนึ่ง แหม ไม่เหมือนวันแรกที่รู้จักกันเลยนะ เจ้าตัวดี ทำไงได้ แม่โทรมาตอนที่ พี่ไปรอซีอยู่ที่ทำงาน บอกว่าทำกับข้าวไว้รอ ถ้าไม่มาก็ไม่เป็นไร..แบบว่าไม่เป็นไร แบบงอน ๆ น่ะเข้าใจไหม กรรมของซีไหมนี่ อยากอ่านหนังสือก็ไม่ได้อ่าน แถมยังไปไหนก็ไม่รู้ กับผู้ชายหน้าแปลก ๆ อีกต่างหาก เฮ้อ ชาติที่แล้วทำอะไรไว้นะเจ้าตัวดี แหม ฟังพูดเข้า แม่พี่ไม่ได้ดุ ไม่ใช่ยักษ์ใช่มาร แล้วอีกอย่างไปในฐานะน้องสาว ไม่ได้ฐานะแฟน แม่คงดีใจหรอก ที่พี่หาลูกสาวกวน ๆ น่ารัก ๆ แบบนี้ไปให้ พูดเหมือนชมเลยนะนั่น ก็ชมไง เธอเบะปาก แต่ก็ไม่ได้ต่อความยาวกับเขา ปล่อยหัวใจให้ล่องลอยตามเสียงพลิ้วไหวของดนตรี และเนื้อเพลงที่กำลังดังจากเทปคลาสเซส ความเงียบเข้าคลุมพื้นที่จนเธอต้องเอื้อมมือไปเร่งปุ่มเสียงให้ดังยิ่งขึ้น เขาบอกว่าเธอเป็นน้องสาวนะซี เป็นน้องสาว และเขากำลังสนใจสาวอยู่ โดยจะมาปรึกษาเธอเรื่องการไปจีบสาวนั่น .. จำไว้นะซี .. จำเอาไว้ ...... อาจไม่เคยแสดงไม่เคยเปิดเผยในใจ ความในที่ใจมีอยู่ เธอคือคนสำคัญ อาจว่าดูเย็นชา อาจดูไม่เคยรักกัน แต่ในความจริงนั้น เธอคือที่สุดของใจ ....... http://music.kapook.com/newmusicstation/play.php?id=4306 ------------------***************************--------------------- พระอาทิตย์อัสดง ทอแสงอยู่เหนือทุ่งข้าวสีเขียวขจี สองข้างทางที่เต็มไปด้วยตึกรามบ้านช่องเมื่อครู่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง รถราที่ตามมาก็เริ่มห่างออกไป ถนนเส้นนี้มุ่งตรงไปสู่จังหวัดสุพรรณบุรี แต่เขาบอกว่า บ้านแม่อยู่ไม่ถึงตัวเมืองจังหวัดสุพรรณ แถมยังตั้งอยู่ในเขตจังหวัดอยุธยาอีกต่างหาก ถึงเขาอธิบายทาง ไปซีก็ไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะเพิ่งมาหนนี้เป็นหนแรกก็เลยเลิกเซ้าซี้ และมองภาพบรรยากาศ เก็บเกี่ยวเอาความงามนี้ไว้คิดถึง บางทีเธออาจจะได้เอาไปใช้ในนวนิยายที่เธอกำลังวางโครงร่างไว้ในใจคร่าว ๆก็ได้ ซีตั้งใจไว้นานแล้ว ว่าจะลองหัดโพสนวนิยายลงในหน้าถนนนักเขียน ของเว็บพันทิป นวนิยายเรื่องแรก พระเอกก็หาเอาแถว ๆ นี้ ส่วนนางเอกก็คงไม่ใกล้ ไม่ไกล บางทีในโลกของนวนิยาย มันคงทำให้เธอมีความสุขบ้างกระมัง รถแล่นช้าลง เพราะถนนเป็นลูกรังสีแดง คงเป็นทางเข้าบ้านเขามั้ง เธอมองตรงไปข้างหน้า บ้านเรือนไทยชั้นเดียว ยกพื้นสูงตั้งตระหง่านอยู่กลางไม้ยืนต้นนานาชนิด แลดูสงบ ร่มรื่นและน่าอยู่เสียจริงรถจอดสนิทตรงหน้าเรือน ซีสบตากับหนุ่มหน้าตาดีข้างกาย เขายิ้มแล้วพยักหน้า ไปเถอะน่า ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว พี่ไม่ได้พามาแนะนำตัวเจ้าสาวสักหน่อย เด็กบ๊องส์ เออนะ.. ซีมันเด็กบ๊องส์ ติ้งต๊อง ไหนเลยจะเหมือนสาวที่จะพามาในอนาคตเล่า คิดในใจพลางเผลอค้อนขวับเข้าให้ --------โปรดติดตามต่อไปค่ะ------
11 พฤษภาคม 2549 23:52 น. - comment id 90655
วันนี้นั่งอยู่หน้าจอทั้งวัน ตั้งแต่แปดโมงกว่า จนป่านนี้.. ได้มาฝากเท่านี้แหละค่ะ ยังไงก็ช่วยติกันด้วยนะ จะได้นำไปพัฒนาฝีมือค่ะ
12 พฤษภาคม 2549 16:35 น. - comment id 90659
เย้ ... ดีใจจัง ได้อ่านเงาของพระจันทร์ ตอนที่สองเสียที นึกว่าจะไม่ได้อ่านต่อเสียแล้ว การดำเนินเรื่องยังน่าติดตามเหมือนเดิมเลยนะคะ คุณสีน้ำฟ้า
12 พฤษภาคม 2549 18:18 น. - comment id 90660
เพื่อคุณกิ่งไผ่โดยเฉพาะเลยค่ะ.. ขอบคุณที่สร้างแรงบันดาลใจนะคะ
13 พฤษภาคม 2549 10:59 น. - comment id 90682
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะคุณสีน้ำฟ้า จะเป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วจะรอเงาของพระจันทร์ตอนต่อไปนะคะ แล้วนี่แพลนไว้ว่า กี่ตอนจบคะเนี่ย อยากอ่านตอนที่ 3 ต่อแล้วล่ะ
13 พฤษภาคม 2549 11:21 น. - comment id 90683
สวัสดีค่ะ คุณกิ่งไผ่ ขอบคุณค่ะ ที่แวะเวียนมาอีก เรื่องของสีน้ำฟ้าเขียนมักจะเป็นเรื่องสั้นขนาดยาว ก็คือเป็นมือใหม่หัดขับ เอ๊ย! หัดเขียนค่ะ ก็เลยไม่เกิน 10 ตอนสักหน อย่างเรื่องนี้บล็อกไว้แล้ว จะประมาณว่า.. ครามเป็นนักศึกษาปริญญาโท เจอกับซีในห้องแช้ท หลังจากนั้นก็นัดพบกัน และเริ่มรักกันโดยไม่รู้ตัว มิ้นท์ลูกสาวเจ้าของบังกะโลแอบชอบครามตั้งแต่วันแรกพบ คอยจะนัดเจอกันเรื่อย ๆ เมื่อเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ครามเองก็สนใจมิ้นท์ไม่น้อย ก็เลยนำเรื่องมาปรึกษาซีตลอด ซีก็เชียร์ให้คนทั้งสองรักกัน หุ หุ เดี๋ยวไม่ตื่นเต้นเน้อ .. เดี๋ยว ๆ กำลังทยอยเขียนอยู่ค่ะ วันนี้มีงานเข้าเล่มหนังสือ 300 เล่ม น้องเขาช่วยทำ แจมเลยต้องรับลูกค้าหน้าร้าน (ที่บ้านบริการเน็ต+ถ่ายเอกสาร ฯ) ถ้างานเสร็จเร็วคาดว่าคืนนี้คงโพสได้ .. กำลังใจดีอย่างนี้ไม่นานหรอกค่ะ ว่าแต่คุณกิ่งไผ่เถอะ อยู่เป็นเพื่อนกันนะคะ แล้วคนอื่น ๆ ถ้าเข้ามาอ่านก็ลงชื่อไว้เป็นกำลังใจกันบ้างนะ จำนวนผู้อ่านเป็นแรงจูงใจที่มีค่ามากสำหรับผู้อยากเป็นนักเขียนนะคะ คิดถึงค่ะ เมื่อวานก็แวะเวียนมาตลอด แต่ด้วยความที่ติดงาน เลยไม่ได้ล็อกอินมาคุยกับใคร ไม่ว่ากันนะคะ สุขสันต์วันหยุดยาว ๆ แบบนี้ค่ะ
13 พฤษภาคม 2549 20:07 น. - comment id 90688
สวัสดีค่ะ คุณสีน้ำฟ้า วันนี้ก็แวะเข้ามาอีกแล้วล่ะ เข้ามาดูว่ามีใครแวะเข้ามาอ่านบ้างน่ะคะ สงสัย คนที่เขาคอย อ่านตอนที่ 2 จะน้อยใจมั้งเนี่ย เลยยังไม่ได้ เข้ามาอ่านกัน แต่ถ้าได้เข้ามาอ่านรับรองไม่มีผิดหวังแน่ ๆ เลย ว่าแต่ว่าคุณสีน้ำฟ้าเถอะ จะตัวกลมๆ เหมือนซี นางเอกของเรื่องรึเปล่าน้อ ถ้ายังไง เมลล์มาคุยกันบ้างก็ได้นะคะ ยินดีค่ะ ถ้าจะได้รู้จักเพื่อนใหม่ ชื่อกิ่งไผ่เนี่ย ก็เป็นนามปากกาเหมือนกัน แต่ว่าไม่ใช่นามปากกาที่ใช้เขียนหนังสือหรือบทความหรอกนะคะ แต่จะใช้สำหรับโพสข้อความหรืออะไรต่อมิอะไรน่ะค่ะ กิ่งไผ่เองก็เพิ่งจะได้รู้จักกับเว็บไซต์ Thaipoem เมื่อไม่นานมานี้ พอได้เข้าก็ทำเอาติดใจ จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยเชียวล่ะ แล้วก็ได้มาอ่านเงาของพระจันทร์ของคุณเนี่ยหละ และก็เลยติดตามอ่านมาเรื่อย ๆ ค่ะ ถ้ายังไงก็จะรออ่านบทที่ 3 ต่อไปนะคะ ขอชื่นชม ว่าชื่นชอบในผลงานของคุณค่ะ
14 พฤษภาคม 2549 01:15 น. - comment id 90692
สวัสดีค่ะ จริง ๆ แล้วไม่สบายมาตั้งแต่เมื่อคืน วันนี้ช่วงบ่ายก็เลยถูกน้อง กับน้าไล่ไปนอน เพิ่งจะตื่นเมื่อกี้ ก็เลยไม่มีอะไรคืบหน้าเท่าที่ควร .. ถูกจับยากรอก..ต้องเรียกอย่างนั้นจริง ๆ นะ คือส่งยาให้แล้วมีคนยืนเฝ้าว่ากินครบทุกเม็ดจริง ๆ เอ่อ... แบบว่าเคยฤทธิ์มาก แอบทิ้งยาประจำ ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ วันก่อนไปบริจาคเลือด หลังจากนั้นเกิดจะเป็นโรคผู้ยิ้ง.. ผู้หญิงต่อ ก็เลยเพลีย มีไข้นิดหน่อย พักหน่อยก็คงหายค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ หวานจังนะ แบบนี้คนอยากเขียนก็เร่งมือ แย่ ไปเลยน่ะซี ฮา