แล้วเราก็เข้าใจกัน(ตอนจบ)
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"ตั้งใจเรียนนะลูก ทำใจให้สบาย ไม่ต้องคิดอะไรมาก" ผู้เป็นยายกล่าวขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง ขณะหวีผมให้หลานสาวอยู่ตรงหน้ากระจก
"หวานไม่เอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องเรียนหรอกจ๊ะยาย" หลานสาวพูดขึ้นมา
"แล้วหนูก็ต้องไม่เอาอดีตมาปะปนกับปัจจุบันด้วยลูก" ผู้เป็นยายกล่าวชวนให้คิด และหลังจากนั้นไม่ได้กล่าวสิ่งใดอีกเลย
"หวาน! ทันทีที่เห็นเพื่อนไอซ์และตุ๊กตาก็ตรงดิ่งเข้าหาทันที
"พวกฉันดีใจนะที่เห็นเธอมาเรียนวันนี้น่ะ เป็นห่วงกลัวว่าจะมาไม่ได้เสียอีก" ไอซ์พูดขึ้นมาอย่างดีใจ
"ไปหาครูภาวิณีกันเถอะ ว่าเธอมาเรียนแล้ว" ตุ๊กตาบอกแล้วจูงมือหวานให้เดินมาด้วยกัน พร้อมกับไอซ์ที่ตามมา
"หายดีแล้วหรือเบญจลักษณ์" ครูผู้ชายที่สอนวิชาพละส่งเสียงถาม เมื่อเห็นหวานเดินเข้ามาในห้องพักครูกับเพื่อนอีกสองคน
"คะครู" หวานเอ่ยพร้อมยกมือไหว้ แล้วเดินตามเพื่อน ๆ ไปหาครูภาวิณีที่นั่งอยู่ด้านในสุดของห้อง
"ครูขาสวัสดีคะ" ภาวิณีเงยหน้าจากงานขึ้นมองหวานที่กำลังยกมือไหว้เธอ รอยยิ้มที่เปิดออกแสดงให้เห็นถึงความดีใจ
"ดีขึ้นแล้วใช่ไหมจ๊ะ"
"คะครู"
"แล้วหัวใจของหนูล่ะ..มันแข็งแรงขึ้นมาด้วยไหม" คำถามของภาวิณีไม่ได้ทำให้หวานตอบสิ่งใดออกมา เด็กสาวนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น และภาวิณีเองก็ไม่ได้ถามต่อเช่นกัน เพียงแค่เอ่ยอะไรบางอย่างออกมาว่า
"เดี๋ยวสักวันมันก็จะแข็งแรงขึ้นด้วยตัวหนูเองจ๊ะ"
"ฉันว่าแทนที่แกจะโทรหาลูกแล้วถามว่าเป็นไงบ้าง ดีกว่ามานั่งคิดมากอยู่อย่างนี้อีกนะ" พนัศพูดขึ้นมา ช่วงระหว่างหยุดพักร้อนนี้ เขามักมาหาทัศนัยที่ทำงานทุกวัน
"ฉันโทรหาหลายครั้งแล้ว แต่ยัยหวานไม่ยอมรับสักครั้ง" ทัศนัยบอกด้วยน้ำเสียงที่บ่งชัดถึงความท้อแท้
"ถ้างั้นแกก็ต้องไปหาที่บ้านแม่ยายแก" ทัศนัยส่ายหน้าก่อนจะโต้ประโยคนี้ของเพื่อนขึ้นมาว่า
"ไม่มีทาง ขนาดโทรไปยังไม่รับ แล้วถ้าฉันไปหา คิดหรือว่าจะยอมเจอหน้า" "แต่การหนีปัญหามันก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเหมือนกัน" พนัศพูดเป็นเชิงให้สติ ซึ่งมันก็ทำให้ทัศนัยได้คิดตาม และรู้สึกหวาดกลัวกับการสูญเสีย ซึ่งเขาเองไม่อยากให้มันเกิดขึ้นมาอีกครั้งเช่นกัน
"ขอบใจแกมากนะนัศ"
"เพื่อเพื่อนน่ะฉันยินดีเสมอเว้ย แล้วว่าแต่แกเหอะจะไปหาลูกเมื่อไรกัน ฉันจะได้ขอตามไปด้วย อยากเห็นหน้าหลานเต็มทีแล้ว"
"เย็นนี้เลย"
"นั่นไงเจ้าหวานกลับมาพอดี หวาน เข้ามานี่ก่อนลูก" อุษาร้องเรียกหลานสาว
"เป็นยังไงบ้างลูก" ทัศนัยถามลูกสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ห่วงหาและคิดถึง
"หนูสบายดีคะ" หวานบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กระนั้นก็ยังถูกจับได้ด้วยความรู้สึกของพนัศว่า ปากกับใจของเธอมันสวนทางกัน เมื่อความเศร้าที่อยู่ในแววตาของเธอมันฟ้อง และเมื่อมองลึกลงไปได้มีบางอย่างอิงแอบอยู่ใน ดวงตาคู่นี้ และสิ่งนั้นมันก็ทำให้เขายิ้มออกมา
"คืนนี้หนูไม่ต้องเหงาเพราะคิดถึงพ่ออีกแล้วนะหวาน เพราะคืนนี้พ่อเขาจะค้างกับหนูที่นี่" คำพูดของพนัศทำให้หน้าของหวานแดงก่ำ ด้วยความที่พูดอะไรไม่ ออก และเกิดความสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง ทำให้เธอต้องรีบเดิน ออกจากตรงนี้ทันที ทั้งทัศนัยและอุษาต่างมองมาที่พนัศอย่างงุนงง สายตาของพวกเขาที่ส่งมา เหมือนกับจะถามพนัศว่า "มันเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวในตอนนี้อย่างงั้นหรือ"
"คุณปรางค์ไม่ได้คอยแกคนเดียวนะทัศ"
"นี่แกหมายความว่า!" ทัศนัยโพลง หัวใจของเขาเริ่มเต้นถี่
"ใช่..ยัยหวานคอยแกมาพร้อมกับคุณปรางค์ตลอด" คำพูดของพนัศได้สร้างความตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกให้กับทัศนัยอย่างมากมาย
"จริง ๆ แล้วลูกก็รักแกนะทัศ" พนัศพูดพลางเอามือตบไหล่เพื่อนเบา ๆ
"ความเป็นสายเลือดมันตัดกันไม่ขาดหรอกนะ" อุษาที่เงียบไปพูดขึ้นมา
"แต่เป็นเพราะคนที่เจ้าหวานมันรักต้องเจ็บปวดทรมาน มันจึงรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาไง แต่ขณะเดียวกัน... เด็กที่ปราศจากพ่ออย่างมันก็โหยหาไออุ่นจากคำ ๆ นี้เหมือนกัน
"อย่าเพิ่งท้อนะเพื่อน อีกไม่นานหรอก.. อีกไม่นาน" พนัศพูดเป็นเชิงให้กำลังใจ
คืนนี้ที่หวานร้องไห้ เธอไม่ได้ร้องเพราะความโกรธแค้น หรือเสียใจแต่ประการใด น้ำตาอันร้อนผ่าวมันรินไหลพร้อมกับความรู้สึกที่ไหวหวั่น เหตุใดหนอ เหตุใด เมื่อเขาทำให้แม่ของเธอเจ็บปวดมากมายขนาดนี้ ใยหัวใจเธอยังร่ำร้องเรียกหาเขายามเมื่อต้องห่างไกลกัน ตลอดเวลาที่เธอเห็นแม่ต้องทรมาน เป็นเพราะความใจร้ายของเขามิใช่หรือ แล้วทำไมกัน แล้วทำไม หัวใจเธอมันจึงเต้นตึกตักด้วยความยินดีเมื่อได้เห็นเขา ภาพวันวานมันหวนคืน เด็กสาวยามเยาว์วัยในครานั้น ร้องเรียกหาพ่ออยู่ทุกคืนวันว่าพ่อจ๋า! พ่อจ๋า!อยู่ไหนกัน มาหาหนูหน่อยได้ไหม หนูคิดถึงพ่อเหลือเกิน....แต่แล้วเมื่อภาพอันแสนชอกช้ำของแม่มาเทียบซ้อน ไฟแค้นที่เกือบดับมอดกับลุกโชนในทันตา มาลุกโหมบดบังความต้องการอันจริงแท้ให้แอบซ่อนลึกในหัวใจ....จู่ ๆ ดูเหมือนมันกำลังฝ่าเปลวไฟออกมา ไฟที่มันพยายามโหมซัดกระหน่ำด้วยพลังอันแค้นเคือง
"จริง ๆ แล้วฉันต้องการอะไรกันแน่นะ" หวานกล่าวกับถามตัวเองขึ้นมา ด้วยความที่นอนไม่หลับ และไม่อยากคิดสับสนอยู่บนเตียง เธอจึงลุกออกจากห้อง เพื่อหาน้ำเย็นดื่มบรรเทาให้ใจได้ดีขึ้น
"ห้องมันแคบไปหน่อยนะลูก" หญิงชราพูดออกมาอย่างเกรงใจ กลัวว่าผู้มาเยือนจะลำบาก เพราะเคยนอนแต่ห้องที่กว้างขวาง
"ไม่แคบหรอกครับแม่ ผมชอบห้องนี้ครับ เพราะมันเคยเป็นห้องของปรางค์ เขา" ทัศนัยพูดออกมา เขาเห็นแม่ยายเหม่อมองไปที่หน้าต่างตรงหัวเตียง
"ทัศรู้อะไรไหม หน้าต่างบานนั้นน่ะ เป็นหน้าต่างที่ปรางค์เฝ้ามองหาแกอยู่ทุกวันนะ" หญิงชราบอกออกมา
"แม่ครับและแม่รู้อะไรไหม ตลอดหลายปีที่ชีวิตผมปราศจากปรางค์ หลายปีนั้นหัวใจของผมก็ไม่เคยให้ใครมาครอบครองหัวใจของผมอีกเลย เพราะชีวิตทั้งชีวิตผมมีแต่เธอคนเดียว"
"จริงหรือคะ!!!" เสียงของหวานทำให้พ่อและยายหันมามองเธอพร้อมกันที่ประตู...หวานที่ก่อนหน้าลุกออกจากห้องเพื่อไปหาน้ำดื่มที่ชั้นล่าง แต่ต้องเดินผ่านห้องของแม่ก่อน เธอจึงได้ยินเสียงของยายกับพ่อที่คุยกันอยู่ตลอด แต่ประโยคที่พ่อเพิ่งกล่าวมา มันทำให้เธออยากได้ยินชัด ๆ อีกครั้ง
"คุยกันไปนะ แม่ขอตัวก่อน" หญิงชรากล่าวแล้วก่อนที่จะเดินผ่านพ้นประตูไป เธอยังเอ่ยกับหลานสาวขึ้นว่า
"อย่าให้อะไรมาเอาชนะความต้องการที่แท้จริงของตัวเองไปได้นะลูก"
"พ่อยังรักแม่อยู่หรือคะ" หวานถามเมื่อผู้เป็นยายเดินออกไปจากห้องแล้ว
"ใช่ลูก พ่อยังรักแม่จ๋าของหนูอยู่"
"แต่ทำไมตอนนั้น" สีหน้าของหวานตอนนี้มันฉายแววแห่งความสงสัยและงุนงงออกมา
"ตอนนั้นพ่อยังไม่รู้ความต้องการที่แท้จริงของตัวเองยังไงล่ะลูก แต่ตอนนี้พ่อรู้แล้วว่าชีวิตทั้งชีวิตและหัวใจของพ่อมีแต่แม่จ๋าของหนูคนเดียว" ทัศนัยพูดออกมา และเขาจะรู้หรือไม่ว่า ไฟแค้นที่อยู่ในใจของลูกสาวได้ดับมอดลงด้วยคำพูดของเขาในทันใด
"พ่อไม่ได้โกหกหนูนะคะ!"
"ไม่ลูก เพราะพ่อไม่อยากสูญเสียหนูไปอีกคน มันทรมานนะลูก มันทรมานมากเลย!"
"พ่อคะ!!!" หวานโผเข้ากอดพ่อ ร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนอกพ่ออยู่อย่างนั้น ร่างบางของเธอถูกร่างของพ่อกระชับแน่น ราวกับกลัวเธอหนีจากไปอีกครา และหวานเองก็เช่นกันกอดพ่ออยู่อย่างนั้น ในใจพลันคิดว่า ถ้าคลายกอดจากพ่อแล้ว พ่อจะหายลับไปในทันทีหรือไม่ ยิ่งคิดร่างสองร่างก็ยิ่งกระชับด้วยสายสัมพันธ์แห่งรักในสายเลือดอันยิ่งใหญ่
"หนูขอโทษนะคะพ่อ หนูขอโทษ!!!!"
"ไม่เป็นไรลูก" ทัศนัยกล่าวพลางค่อย ๆ บรรจงเช็ดน้ำตาให้ลูกสาว
"มากับพ่อตรงนี้สิครับ" เขาบอกแล้วจูงมือลูกสาวให้เดินมาที่หน้าต่างตรงหัวเตียงด้วยกัน
"หนูเห็นดวงดาวดวงนั้นไหมลูก" หวานมองตามพ่อไปยังดาวดวงนั้นที่ส่องประกายระยิบระยับราวดั่งกากเพชรอันหลากสี
"ดาวดวงนั้นเห็นไหมมีแม่จ๋ายิ้มให้พ่อกับหนูอยู่ในนั้น"
"โอว์! จริงด้วยคะพ่อขา ดูยิ้มของแม่สิคะ เป็นรอยยิ้มที่ช่างเต็มไปด้วยความสุขเหลือเกิน"
"ใช่ลูก แม่เขามีความสุขแล้ว มีความสุขพร้อมกับเราสองคนในตอนนี้ไงลูก"
"แม่คะพ่อเขากลับมาหาแม่แล้วนะคะ!" หวานกล่าวขึ้นในใจพลางยิ้มออกมาให้กับดาวดวงนั้น และข้าง ๆ เธอนั่นเองได้มีเสียงนึงดังขึ้นจากในใจของพ่อเธอเช่นกัน
"ชีวิตนี้ทั้งชีวิตผมมีแต่คุณคนเดียวนะปรางค์..ผมรักคุณนะครับ!" ทั้งทัศนัยและหวานหันมายิ้มให้กันและกัน
"พ่อคะหนูรักพ่อคะ!"
"พ่อก็รักหนูลูก!" แล้วสองพ่อลูกก็ยิ้มให้กันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะเนิ่นนาน หัวใจสองดวงมันสุขล้น เพราะว่า..
*แล้วเราก็เข้าใจกัน*