เรื่องราวของความว่างที่แตกต่าง คุณเคยรู้สึกบ้างไหม เวลาที่คุณคิดว่าจะไปไหนต่อไหนกับไอ้เพื่อนเกลอคู่ทุกข์คู่ยาก แต่เพื่อนทูนหัวของคุณทุกคนกลับบอกปัดคุณด้วยคำว่า ฉันไม่ว่าง หรือไม่เวลาที่คุณคิดจะโทรศัพท์ไปหาซี้คู่ใจ โดยที่ซี้คุณปล่อยให้เสียงรอสายดังอยู่สองสามครั้ง แล้วสุดท้ายก็ตัดให้ผู้หญิงแปลกหน้ามารับแล้วพูดใส่คุณว่า ขอโทษค่ะ...ไม่สามารถติดต่อเลขหมายปลายทางได้ในขณะนี้ ทั้งๆ ที่คุณยังไม่ทันถามอะไรสักคำ หรือเวลาที่คุณนั่งแชตอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตอย่างสบายอารมณ์ แล้วจู่ๆเกลอเก่าคุณก็ออนเข้ามาโดยไม่ได้นัดหมาย ทำเอาคุณประหลาดใจปนดีใจเล็กๆที่มีโอกาสคุยกับเพื่อนเก่าทั้งๆที่ไม่ได้คุยกันมานานหลายปี คุณไม่รอช้าแอดไปหาเขาทันที ด้วยคำว่าไง...เป็นไงบ้าง เพื่อนเจ้ากรรมก็ตอบกลับมาว่า ดี แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มีคำตอบจากมันอีกเลย แม้คุณจะถามมันไปเท่าไหร่ จนในที่สุดมันก็ตอบคุณก่อนที่มันจะออฟไลน์ออกไปว่า ดีใจที่ได้คุยกับแก...เอาไว้คุยกันใหม่นะ...บาย หลายคนคงเจอสภาพแบบนี้หรือคล้ายคลึงอย่างนี้ หรือไม่ก็ไม่เคยเจอแบบนี้เลย แต่ก็คงเจอสภาพอื่นที่พอจะเปรียบได้เท่ากับอย่างนี้ล่ะ มันเป็นเรื่องที่พื้นๆมากในชีวิตมนุษย์ปุถุชนธรรมด๊าธรรมดา ที่มีชีวิตจิตใจต่างกันไปตามพื้นฐานของแต่ละคน ไม่ว่าคนที่มีเพื่อนเยอะเพื่อนแยะเพื่อนเพียบ หรือคนที่เพื่อนน้อยถึงระดับที่เรียกได้ว่าไม่มีเลย (ซึ่งมัน อาจจะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย ถ้ามีคนประเภทไม่เคยมีเพื่อนเลย แต่ขอบอกว่า มีคนประเภทนี้จริงๆนะเอา) ทุกคนต่างก็มีช่วงแย่ๆเกี่ยวกับเพื่อนซี้อย่างนี้ทั้งนั้น(เออ...อาจยกเว้นพวกชาวไร้เพื่อนไว้สักพวกหนึ่งนะ) แต่นั่นก็คงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้คุณเลิกคบเพื่อนคนนั้นหรอกจริงไหม การที่เขาไม่ว่างไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รักคุณ เกลียดคุณ หรือไม่ชอบคุณ แต่เพราะคุณดันไปอยู่ในช่วงแน่นเอี๊ยดของพวกเขาต่างหาก มันไม่ใช่ความผิดคุณเลย และมันก็ไม่ใช่ความผิดของเพื่อนคุณด้วย แน่นอนงานนี้ไม่มีใครมีความผิดเลย...แม้แต่คนเดียว (ดังนั้นคดีตกไป) คุณบางคนอาจจะเซ็งมาก จนต้องประกาศกับตัวเองเลยว่า ต่อให้ชาตินี้ ชาติหน้า ชาติไหน ก็ขออย่าได้พบเจอกับพวกมันอีกเลย แต่ผมก็ขออธิษฐานว่า ขออย่าให้มันเป็นจริงแม้แต่ในชาตินี้ เพราะไม่อย่างนั้นคุณจะสูญเสียสิ่งสำคัญของคุณไปอย่างน่าเสียดาย ในเมื่อพื้นฐานชีวิตคนเราไม่เหมือนกัน การดำเนินชีวิตก็จะไปเหมือนกันได้อย่างไร ชีวิตคนขับรถบรรทุก กับชีวิตพนักงานแบงก์(เปรียบเกินไปหรือเปล่านะ) มันก็ยังต่างกันแล้วและภาษาอะไรกับชีวิตคุณกับเพื่อนคุณ เพื่อนผมทำงานเจ็ดโมงเช้าเลิกหกโมงเย็น ในขณะที่อีกคน เริ่มงานเที่ยงวันจนไปเลิกงานอีกทีก็เกือบจะเที่ยงคืน ถึงแม้ว่าทั้งสองคนนี้จะเป็นเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกันมาหลายสิบปี แต่สิ่งนี้ก็คือชีวิตของเขาทั้งสองที่จะต้องดำเนินต่อไปให้ไปถึงจุดหมายของแต่ละคน แต่ถึงอย่างไร เพื่อนก็ยังถึงเป็นสิ่งที่ทั้งสองนึกถึงเสมออยู่ดี คุณก็คงเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ที่คุณชวนพวกเขา คุณโทรหาพวกเขา คุณทักพวกเขา ก็เพราะว่าคุณคิดถึงพวกเขา และจะไปเสียอกเสียใจทำไมล่ะครับ กลับความไม่เป็นใจของเวลา คุณน่าจะดีใจที่เพื่อนของคุณยังมีความไม่ว่างอยู่ในชีวิต ซึ่งมันหาไม่ง่ายนักกับคนตกงาน หรือถูกไล่ออกจากงาน ไม่ก็อาจโชคร้ายหน่อย กะจะคุยกับเพื่อนดันกลายเป็นแม่เพื่อนมารับ พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ ก่อนที่จะเฉลยให้เราฟังว่ามันลาไปเที่ยวโลกหน้าก่อนเราเสียแล้ว หรือที่เด็ดกว่า ก็อาจเป็นตอนเปิดโทรทัศน์เจอหน้าเพื่อนซี้เราเป็นผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า คิดแล้วคงน่าเสียวสันหลังปนความพิกลพิลึก เอาน่า...ไหนๆ ในเมื่อเวลามันก็ไม่ได้เป็นใจอะไรเท่าไหร่นัก มันก็เหมือนกับเวลาที่จะรีบขึ้นรถเมล์น่ะล่ะ คุณจะรีบขนาดไหนก็ตาม แต่เจ้ากรรมรถเมล์สายที่เราจะไปมันดันไม่มาสักที แล้วจะเอายังไงล่ะ จะหันไปพึ่งรถไฟฟ้าก็ไม่มี รถไฟใต้ดินก็มีโครงการอยู่แต่ก็ยังไม่สร้าง หรือว่าคุณจะไปขึ้นสายอื่นเหรอ ไม่เอาน่า ดีไม่ดีคุณก็อาจจะเป็นแบบผมที่ขึ้นรถผิดสายแทนที่จะไปดอนเมือง ดันไปโผล่ประชาอุทิศนนทบุรีซะงั้น(นี่รู้เฉพาะคนอ่านกับผมนะ...ที่บ้านยังไม่กล้าเล่าให้ฟังเลย...อาย) ยังไงมันก็ต้องรอล่ะ ก็เหมือนกับที่คุณต้องรอเพื่อนคุณเหมือนกัน ให้เวลากับเพื่อนคุณอย่างที่คุณให้เวลากับตัวเอง พวกเขาไม่ว่างก็นัดกันวันหลัง ยังไงซะมันก็ต้องมีวันว่างกันบ้างล่ะ โทรหาไม่ได้ก็ส่งsms ไปหาสิ ไม่แน่อาจถูกกว่าคุยก็ได้นะ หรือถ้ามันไม่คุยแชตกับคุณ คุณก็อีเมลล์ไปหามันซะเลย ไหนๆมันจะต้องอ่านเมลล์มันอยู่แล้วนี่ เชื่อเถอะว่าช่วงเวลาแย่ๆกับเพื่อนของคุณ มันต้องมีทางออกในรูปแบบของมันเอง คุณต้องรู้จักยอมรับและเปิดใจกับความต่างกันของวงจรชีวิตระหว่างคุณกับเพื่อนของคุณ แล้วในไม่ช้ามันก็จะมีจุดที่คุณและเพื่อนเกลอได้พบกันเอง เพราะในเมื่อโลกนี้มันกลมไม่ได้เป็นเส้นขนานสักหน่อย ยังไงซะ มันก็หมุนมาเจอกันจนได้ล่ะ...คุณว่าจริงไหม.
23 เมษายน 2549 15:40 น. - comment id 90523
ทุกครั้ง..ที่เพื่อนไม่มา..ที่บ้าน.. เรนแอบน้อยใจ.. เก๊าะเราสัญญาจะมาหัดทำเค้กกัน.. เตรียมของไว้มากมาย.. แต่แล้ว.. เค้าก็บอกว่า..ขอโทษนะ..ที่มาไม่ได้... เพราะพี่ชายมาหา..จะพาไปเที่ยว.. ..ตอนนั้น..น้อยใจ.. น้ำตาปริ่ม.. ..ความรู้สึกคือ.. พี่ชายคนนั้นเค้าสำคัญกว่าเรน.. .. .. แต่ตอนนี้.. เรนเข้าใจเพื่อนแล้วนะคะ.. .. ขอบคุณมากมาย..กับบทความที่ดีๆอันนี้นะคะ.... ..
23 เมษายน 2549 17:00 น. - comment id 90525
ดีใจมากครับที่บทความของผม พอจะทำให้ใครบางคนรู้สึกดีขึ้นได้ ยังไงก็ช่วยติดตามอ่านบทความในชุดของ \"...เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้บนโลกนี้\" ต่อไปด้วยนะครับ ผมจะพยายามเอาลงในเว็บเรื่อยๆ อยากจะบอกว่ายังมีอีกหลายตอนครับ ขอบคุณจริงๆครับคุณrain คุณให้ผมรู้สึกมีกำลังใจอยากจะเป็นนักเขียนต่อไปครับ... ก็อย่างที่ชื่อเรื่องบอกไว้น่ะครับ ...เพราะเราอยู่คนเดียวไม่ได้บนโลกนี้...ใช่ไหมล่ะครับ
23 เมษายน 2549 18:22 น. - comment id 90526
..เรนจะเป็นกำลังใจ..ให้คุณนะคะ.. แบบเรนเก๊าะอยากเป็น นักเขียน..เหมือนคุณจริงๆนะคะ.. เรนก็มีเรื่องที่เรนหัดเขียน..แอบเก็บไว้ในได.. เรนไม่กล้าเอาให้ใครอ่าน.. แบบเรนกลัวพี่ๆเค้า..แอบขำเรน.. .. เรนจะรอ.. อ่าน.. และเป็นกำลังใจ.. ให้คุณนะคะ.. ..