แล้วเราก็เข้าใจกัน(ตอนที่1)
เรียงร้อยเป็นเรื่องราว
"แม่จ๋า หวานกลับมาแล้วจ๊ะ" เด็กสาวส่งเสียงเจื้อยแจ้วดังก่อนที่ตัวจะเดินเข้ามาในบ้าน
"วันนี้หวานมีอะไรมาอวดด้วยนะจ๊ะ"
เสียงใส ๆ เปล่งออกมาอย่างร่าเริง พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนดวงหน้าอันเรียวเล็ก ทว่า...รอยยิ้มเมื่อสักครู่กับเลือนหายในทันใด เมื่อภาพตรงหน้าทำให้หัวใจดวงน้อยแทบมลาย
"แม่!!!"
ร่างน้อย ๆ ถลาเข้าไปหาผู้เป็นแม่ ที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ด้วยความตกใจ
ข้างตัวของแม่มีมีดที่เต็มไปด้วยคราบเลือดติดอยู่ เสียงร้องตะโกนเรียกหาแม่ดั่งกู่ก้อง ราวดั่งเสียงฟ้าที่ผ่าลงมาตรงกลางใจ เด็กสาวกอดร่างซึ่งบัดนี้ไร้ซึ่งวิญญาณของผู้เป็นแม่ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความกลัวและตกใจอย่างสุดขีด
. . . .
ขณะกำลังนั่งเอามือกอดอกสั่นสะท้านด้วยความหนาวอยู่ในตอนนี้ ทัศนัยไม่แน่ใจว่า เป็นเพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศบนเครื่องบินที่เขากำลังนั่งมา หรือเป็นเพราะความตื่นเต้นที่เขาจะได้เจอลูกสาว ๆ ที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน หรืออาจจะพูดได้ว่า ลูกสาวที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี เขาเบือนหน้าไปทางหน้าต่าง มองดูไอน้ำที่จับตัวกันเป็นปุยเมฆ ซึ่งบังเกิดภาพของใครบาง
คน ที่ทำให้ลำคอของเขาเหมือนมีอะไรมาตีบตัน ใครบางคนที่ด่วนตัดสินใจจากเขาไป ด้วยการทำร้ายชีวิตตัวเอง
. . . .
ท่ามกลางความโศกศัลย์ มีเสียงร่ำไห้คร่ำครวญร้องเรียก "แม่จ๋า! แม่จ๋า!" ของเด็กน้อยดังขึ้นอย่างน่าเวทนา
" ทำไมแม่ต้องทิ้งหวานไปด้วย แล้วหวานจะอยู่กับใครล่ะจ๊ะ" ร่างน้อย ๆ ที่กำลังกอดร่างอันไร้วิญญาณของผู้เป็นแม่ สั่นสะท้านไปตามแรงสะอื้นไห้
"ไหนว่าแม่เคยสัญญากับหวานว่า แม่จะไม่ทิ้งหวานไปไหน ทำไมแม่ต้องผิดสัญญากับหวานล่ะจ๊ะ" น้ำใส ๆ ไหลรินลงอาบแก้ม พร้อมกับเสียงตัดพ้อ ที่ใจมันกำลังจะขาดรอน ๆ
"แม่ตื่นขึ้นมาสิจ๊ะ หวานมีอะไรมาอวดด้วยนะจ๊ะ หวานสอบได้ที่ 1 ของห้องอีกแล้วนะจ๊ะ แม่ได้ยินไหมจ๊ะ แม่ตื่นสิจ๊ะ แม่อย่าทำให้หวานกลัวสิจ๊ะ..." ภาพของเด็กน้อยที่ตอนนี้ราวกับว่าหัวใจของเธอกำลังจะแตกสลายเป็นเสี่ยง ๆ ตอกย้ำความเศร้าของทุกคนที่อยู่ในนี้ ปล่อยน้ำตาให้ไหลรินไปกับเธอ
"แม่เขาไปสบายแล้วนะลูก หวานมานั่งกับพ่อดีกว่านะ"
ทัศนัยพาร่างของตนลุกจากเก้าอี้ ตรงเข้ามาหาบุตรสาว เขาพยายามฝืนน้ำตาไม่ให้ไหล ขณะที่เดินเข้ามา แม้ว่าช่วงอารมณ์ในตอนนี้มันจะยาก แต่ก็ต้องทำ
"ไปนั่งกับพ่อตรงนั้นดีกว่านะคนดี" เขากล่าวพร้อมกับค่อย ๆ พยุงร่างของบุตรสาวขึ้นมา
"ไปให้พ้นอย่ามาแตะต้องตัวหนูนะ!" หวานแผดเสียงดังลั่นใส่หน้าผู้เป็นพ่อ พร้อมกับสะบัดร่างหนีด้วยความชิงชัง
"หวาน! อย่าทำตัวเกเรอย่างนี้สิลูก ไปนั่งกับพ่อเขาดีกว่านะ" ผู้เป็นยายส่งเสียงเอ็ดออกมา ในขณะตรงเข้ามาหาหลานสาว
"เขาไม่ใช่พ่อของหนู! และเขาก็ไม่มีสิทธิ์มาเรียกตัวเองว่าพ่อกับหนูด้วย" คำพูดที่โพลงออกมาเหมือนดั่งเจ็บแค้น ทำให้ทุกคนต่างพากันมองด้วยความตกใจและเกิดความสงสัยไปตามกัน
"ไปนั่งกับพ่อเขาดีกว่านะหลานรักของยาย" คราวนี้เสียงของผู้เป็นยายเบาลง เพราะเข้าใจและเวทนาหลานที่กำลังเสียใจกับการจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนของผู้เป็นที่รักยิ่งดั่งดวงใจ
"ยายจ๋า...ทำไมยายต้องให้หวานไปนั่งกับผู้ชายคนนี้ด้วยล่ะจ๊ะ ยายจำไม่ได้หรือจ๊ะ ว่าเขาเป็นคนใจร้าย เขาทิ้งแม่จ๋าของหวานไป เขาทำให้แม่จ๋าของหวานต้องนอนร้องไห้ทุกคืน เขาเป็นคนฆ่าแม่ ได้ยินไหม! ว่าเขาฆ่าแม่!!!"
หวานแผดเสียงขึ้นมาดังลั่นพร้อมน้ำตาที่ร่วงพรู ทัศนัยยืนนิ่งชาอยู่อย่างนั้น ร่างสูงใหญ่ของเขาแทบทรุดลง อยากจะร้องถามบุตรสาวที่
ยืนอยู่ตรงหน้าว่า "พ่อทำอะไรผิดไปหรือ" แต่ก็เพียงแค่ได้คิด
"โถ! คนดีของยาย" ผู้เป็นยายโผเข้าไปกอดหลานสาวที่ตอนนี้กำลังจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างโกรธแค้น
. . . .
"แม่ฝากยัยหวานด้วยนะทัศ"
หญิงชรากล่าวออกมา น้ำเสียงที่เปล่งออกมา ฟังดูดั่งเอ็นดูว่า ทัศนัยนั้นก็ไม่ต่างจากบุตรของตนอีกคน
"ครับแม่"
แม้จะเป็นคำตอบสั้น ๆ แต่ดวงตาที่มองหญิงชรา กับฉายแววอย่างจริงจังและมั่นคง หญิงชราพาร่างไปหาหลานสาวที่กำลังยืนร้องไห้อยู่ไม่ไกลนัก
"หวานต้องไปอยู่กับพ่อเขานะลูก"
"ให้หวานอยู่กับยายเถอะนะจ๊ะ หวานรับปากว่าจะเป็นเด็กดี จะไม่ดื้อกับยาย"
"ไปอยู่กับพ่อเขาเถอะหวาน"
หญิงชราคิดว่าพูดแค่นี้คงเพียงพอแล้ว ไม่ต้องอธิบายว่าลำพังตนไม่มีปัญญาที่จะเลี้ยงหลานคนนี้ให้อยู่สบายเหมือนกับพ่อของแกเอง เพราะสักวันหลานคงเข้าใจ อีกอย่างการให้ไปอยู่กับพ่อ สักวันความใกล้ชิดมันคงทำลายความเจ็บแค้นที่มีอยู่ในใจหลานสาวคนนี้ลงได้ หญิงชราจูงมือหลานสาวตรงไปหาผู้เป็นพ่อที่กำลังยืนคอยอยู่
"ไม่มีทางที่หวานจะไปอยู่กับเขาหรอก"
หวานสะบัดมือจากการจูงของผู้เป็นยาย แต่ยังไม่ทันที่จะวิ่งหนี ก็ถูกผู้เป็นพ่ออุ้มขึ้นมาได้ทันควัน
"ปล่อยหนูนะ! ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะ หนูไม่ไปกับคุณ ไม่ได้ยินหรือไง ว่าไม่ไป"
หวานส่งเสียงโวยวายลั่น พร้อมกับร่างที่พยายามต่อสู้ขัดขืนอย่างสุดฤทธิ์
"ผมขอตัวเลยนะครับแม่ สวัสดีครับ แล้วผมจะรีบติดต่อมา เมื่อยัยหวาน
ถึงบ้าน"
ทัศนัยไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ รีบร่ำลาหญิงชรา แล้วพาร่างของบุตรสาวตรงขึ้นรถยนต์ราคาเหยียบล้านของเขาทันที
"หนูคงหิว เดี๋ยวก่อนกลับบ้าน เราแวะไปกินอะไรอร่อย ๆ กันก่อนดีไหม"
ทัศนัยพูดพร้อมกับหันมายิ้มให้บุตรสาวอย่างเอ็นดู
"ถึงคุณจะได้ตัวหนูไปอยู่กับคุณ แต่จงรู้ไว้เถอะ ว่าคุณได้แต่ตัว แต่หัวใจของหนู คุณไม่ได้!"
หวานกล่าวออกมา เด็กน้อยจะรู้หรือไหมว่า คำกล่าวที่ช่างไร้เยื้อใยนี้ มันทำให้หัวใจพ่อคนนี้เจ็บเหลือเกิน