.....ไพรลวง.....(ตอนที่1)
ธนา
.....รุ่งอรุณในวันที่อากาศหนาวเหน็บเกาะกินเนื้อเข้ากระดูกดำ บ้านกลางดอยซึ่งอยู่กลางมวลหมู่ไม้ป่าหนาทึบ อุดมด้วยไม้ใหญ่น้อยตลอดจนสัตว์ป่ามากมาย วิถีชีวิตชลชาวไพรยังดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ด้วยการหาของป่า คนต้องพึ่งพาอาศัยป่าในการดำรงชีพเลี้ยงครอบครัวตน ตามครรลองไพรที่ถูกต้องในอดีตมา.....
.....เมฆหมอกจากภูผาสูงใหญ่ง้ำ ยังมิได้จางหายไปในช่วงเช้า ยังคงปกคลุมกลุ่มบ้านตลอดจนลำเนาไพรทำให้ยิ่งดูหมู่บ้านมีความลึกลับมืดดำมากยิ่งขึ้น หนองกลางดอย เป็นชื่อของหมู่บ้านแห่งนี้.....
..... ณ บ้านหลังขนาดกลางท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านที่ปลูกสร้างกันขึ้นมาใหม่ อันหมายถึง มีชีวิตใหม่ครอบครัวใหม่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน หนุ่มสาวรักชอบพอกันตกลงกันตามจารีตไม่ผิดผี ปลงใจจะอยู่กินกันเป็นผัวเมียอย่างถูกต้อง พ่อแม่ทางสาวและบ่าว มักจะมาช่วยกันปลูกเรือนใหม่ให้อยู่ด้วยกันเสมอๆ ทุกคู่ไป
อ้ายๆ....ตื่นได้แล้ว... เสียงใสเจื้อยแจ้วของนางเอื้องจันหอม ร้องปลุกผัวตน
.....สองผัวใหม่ จะถือว่าเป็นครอบครัวใหม่ก็ไม่เชิง เพราะแต่งงานปลงใจอยู่กันฉันผัวเมียมากว่าปีแล้ว และทั้งนี้ ฝ่ายเมียกำลังท้อง อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ก็จะคลอด ฝ่ายผัวก็ยังนอนสบายหมกไออุ่นจากผ้านวมหนายัดงิ้ว(นุ่น)อยู่ในที่นอน ครั้งได้ยินเสียงเมียรัก ก็รีบผลุนผลันลุกขึ้นมาทันที.....
น้องหล้าเอื้อง...อ้ายบอกน้องแล้วมิใช่ดอกหรือ ว่าไม่ต้องหักโหมลุกขึ้นมาทำอะไร ช่วงตะวันยังไม่จับฟ้า ผาคำผู้เป็นผัวมีสีหน้าตื่นๆเป็นห่วงผู้เมียซึ่งกำลังท้องแก่
บ่เป็นหยัง...อ้าย...แม่เฒ่าบอกว่า อย่าขี้คร้านมาก จะออกลูกยาก นางเอื้องจันหอมพูดพร้อมยิ้มตอบผัวรักและเข้าใจในความเป็นห่วง
แม่เฒ่าก็บอกกล่าวกันเกินไป...น้องหล้าก็ไม่ต้องทำตามแม่เฒ่ามากก็ได้ ท้องก็แก่ประดาแล้ว อ้ายเห็นก็อดเป็นห่วงไม่ได้... ผาคำรีบลุกจากที่นอนไปประคองเมียรัก
.....ตางคนต่างมีความอาธรต่อกัน ทำให้ทั้งสองมีความสุขกันมากในระหว่างครอบครัวเล็กๆกลางดงกลางไพรเช่นนี้.....
นี่ๆ อ้าย..วันนี้จะเข้าป่าไปล่าสัตว์ ต้องไปแต่เช้า น้องก็เลยลุกขึ้นมาหุงหาอาหาร จัดเครื่องให้อ้าย.. เอื้องจันหอม พูดพร้องยิ้มพราย
อื้อ..จ่ะหล้า ที่หน้าที่หลังไม่ต้องทำก็ได้.... ผาคำพูดด้วยความอินดูเมียรักพร้อมยกมือลูบแก้มงามเบาๆ
มาๆ..พี่อ้าย...อย่าเสียเวลาเลย หล้าจัดของให้แล้ว มากินข้าวกินปลาก่อน ตะวันยังไม่ส่องฟ้า จะได้มีเวลากินข้าวอิ่มๆ นางเชิญชวนผัวรัก
พี่อ้าย วันนี้แม่เฒ่ากับพ่อเฒ่าจะมาอยู่เป็นเพื่อนหล้า ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ เอื้องจันหอมเอ่ยถามผู้เป็นผัว
อืมม์...ก็คงแสงตะวันส่องถึงดินนั้นแหละน้องหล้า พ่อเฒ่าแม่เฒ่าจะมีนะ อ้อ..อ้ายให้อ้ายหล้าแสนน้องบ่าวมาอยู่ด้วย มีอะไรก็เรียกใช้เรียกสอยมัน ผาคำพูดพร้อมยัดผักต้มเกลือยัดปากเคี้ยวตุ้ยๆ เอื้องจันหอมรับคำ ต่างนั่งกินข้าวตามประสาผัวเมียอย่างมีความสุขฉันบ้านป่าบ้านดอย
.....เวลาผันผ่านไปนานพอสมควร กว่าที่แสงตะวันจะสาดสลายหมอกหนาให้ออกไปได้ และแทรกแสงแรกพร้อมไออุ่นส่องสว่างถึงพื้น.....
อ้าย....พ่อเฒ่าแม่เฒ่ากับอ้ายหล้าแสน มาแล้ว เอื้องจันหอม ตะโกนบอกผัวตนให้ออกมาต้อนรับ ผู้เป็นพ่อตาแม่ยายและเด็กหนุ่มวัยราวๆ 15 ปี
.....ทั้งสามได้รับการชวนเชิญให้ขึ้นเรือน ผาคำก้มลงกราบเท้าบิดามารดาของตนเองอย่างเคารพยำเกรงตามวิสัยคนล้านนาที่ได้รับการเสี้ยมสอนมาอย่างดี ทั้ง 5 ชีวิต จึงนั่งลงสนทนากันตามประสาครอบครัว พร้อมการฝากเมียรักไว้กับพ่อแม่ตนและน้องชาย ก่อนที่ตนจะออกป่าใหญ่ ไปหาเนื้อหาหนังนำมาแลกของใช้ในเมือง นี่เป็นวิถีชีวิตแบบชาวป่าก่อนที่อารยธรรมเงินตราจะเข้ามาถึง.....
ผาคำเอ้ย....ออกป่า อย่าผิดผี อย่าลบหลู่เจ้า อย่าง่าวเดินดอย ไม่ไหวก็กลับบ้านนะลูก คำสอนสั่งจากพ่อเฒ่าแม่เฒ่าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
จ่ะ....พ่อ-แม่ ข้าฯจะรีบกลับบ้าน ข้าฝากนางเอื้องจันหอม เมียข้าไว้กับพ่อกับแม่ด้วยนะ ไม่นานมันก็จะมีหลานให้ พ่อกับแม่ได้อุ้มแล้ว ข้าจะรีบกลับ.. พูดจบคำผาก็ก้มลงกราบเท้าของสองเฒ่าด้วยความเคารพอีกครั้ง แล้วลุกขึ้นมากล่าวกับน้องชายของตนเองเป็นการสัมทับบางอย่างเพื่อไม่ให้ลืมหน้าที่
พี่ผาคำ ไม่ต้องห่วงข้า...ข้าจะดูแล พี่สะใภ้ให้ดี ข้าไม่ใช่ละอ่อนแล้วนะ.. หล้าแสนกล่าวอย่างฉุนๆ ผาคำลูบหัวด้วยความรักใคร่
ดีๆข้ารู้ว่าเอ็งไม่ใช่ละอ่อน แต่ข้าต้องการได้รับฟังคำมั่นจากปากเอ็งเท่านั้น ข้ากลับมาข้าจะเอา ฮอก(กระรอก) มาฝาก ผู้เป็นน้องชายดีใจยิ่งนัก รับปากรับคำเป็นการใหญ่
มัวแต่เอาใจมันอ้ายหล้าแสนหนะ มันจะเสียละอ่อน ไปได้แล้วหมอกจางลงมากแล้ว ผาคำเอ้ย แม่เฒ่าผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้น
.....เอื้องจันหอม รีบจัดแจงยกของที่เตรียมให้ผัวรักทันที ประกอบไปด้วย ย่ามผ้าฝ้ายสีกระดำกระด่างคราบไคลบรรจุของใช้อาหารแห้ง กระบอกไผ่ตงกระบอกใหญ่ 2 กระบอก กระบอกหนึ่งบรรจุเกลือเต็มกระบอก เอาไว้ถนอมอาหาร อีกกระบอกบรรจุน้ำ อันที่จริงน้ำท่าค่อนข้างบริบูรณ์ไม่ต้องเอาไปด้วยก็ได้ แต่การเดินทางช่วงแรกค่อนข้างห่างน้ำจึงจำเป็นต้องมีน้ำติดไปด้วย ไถ้ข้าวสารซึ่งเย็บเป็นถุงยาวบรรจุข้าวสารเต็มหัวท้ายยังมีส่วนที่เป็นผ้าเกินออกมา ใช้เพื่อแทนเชือกมัดรอบเอว นอกนั้นจะมีแขนงดินปืน, ลูกจืน(ตะกัว), ปืนคาบศิลาและพร้าคู่มืออีกส่วนหนึ่ง ซึ่งขาดไม่ได้สำหรับพรานไพรทั้งมวล.....
.....จัดแจงทุกอย่างเสร็จ ผาคำก็เดินลงเรือนไป โดยไม่พยายามหันหลังกลับไปมองครองครัว เสมือนถือว่า หากหันกลับไปมองครองครัวแล้ว จะเห็นเป็นครั้งสุดท้ายดังการลาจาก แต่ครั้งนั้นเองเหมือนมีสิ่งดลในให้หันหลังกลับไปมองครอบครัวของตนเอง ที่มายืนส่งอยู่ประตูบ้าน และอะไรดลใจอีกไม่รู้ที่ทำให้ผาคำยกมือขึ้นโบกไปมา เหมือนทำท่าบายบาย ดังคนในปัจจุบัน.....
ผาคำลูก...........ผาคำ..... เสียงเครือๆเบาๆลอดออกจากลำคออันยากเย็นของพ่อเฒ่า........
จบตอนที่ 1