มาริโอสอนน้อง ..
keekie
ลุยจิ,
อ่านจดหมายของแกซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายเที่ยว พยายามบอกตัวเองว่า นี่มันเป็นแค่เพียงความฝัน แต่ดึงหนวดแล้วก็ยังรู้สึกเจ็บ มันคงไม่ใช่ความฝันสินะลุยจิ, การขาดแกไปก็คงเหมือนมีใครสักคนแอบมาโกนหนวดของฉันไปทั้งแผง ใบหน้าชายชาตรีของฉันจะแสดงความมั่นใจออกมาเหมือนเดิมได้อย่างไรเล่า ในเมื่อฉันขาดน้องชายที่เป็นเหมือนเพื่อนร่วมรบที่เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกันมาครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างแกไป
น้องชาย ฉันจะไม่อ้อนวอนขอให้แกกลับมา ฉันจะไม่เสียน้ำตาให้กับการตัดสินใจเดินออกไปของแก แกเป็นคนหนุ่ม มันก็ควรอยู่หรอกที่แกจะเลือกค้นหาเส้นทางใหม่ๆ มันก็ควรอยู่หรอก ที่แกจะตั้งคำถามต่อสภาพแวดล้อมที่แกอยู่ และมันก็ควรอยู่แล้วทุกประการที่แกจะตัดสินใจทำอะไรด้วยอารมณ์ร้อนแรงรวดเร็วดุจกามนิตหนุ่ม (รู้จักไหมกามนิตน่ะ)
ฉันเข้าใจว่าแกคงเบื่อหน่ายโลกของเรา ในหัวของแกคงมีคำถามมากมายไม่จบสิ้น เราเกิดมาเพื่อต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดใช่ไหม? เราต่อสู้ไปเพื่ออะไร? เรามีทางเลือกในการใช้ชีวิตแบบอื่นอีกไหม? หรือยังมีอะไรอีกไหมในโลกกว้างใหญ่ที่เราควรออกไปค้นหาและเรียนรู้ น้องชาย, ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจความรู้สึกของแก เพราะฉันเองเคยผ่านอารมณ์แห่งความสับสนและตั้งคำถามต่อชีวิตแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน ครั้งหนึ่งฉันก็ไม่เคยมั่นใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้ คือสิ่งที่เหมาะสมและถูกต้องสำหรับเราหรือเปล่า? ครั้งหนึ่งฉันก็เคยรู้สึกว่ามันยังต้องมีอะไรสักอย่างที่รอให้เราต้องออกไปค้นหาคำตอบ (แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้ออกไป)
มาคิดๆ ดูแล้ว บางที ความสงสัยกับการตั้งคำถาม คงเป็นคุณสมบัติที่ทำให้มนุษย์เรา (เอาน่า..จะอย่างไรเราก็พอเรียกได้ว่ามนุษย์) แตกต่างไปจากสัตว์อื่น และอาจทำให้เรามีวิวัฒนาการที่เหนือกว่าสัตว์โลกประเภทอื่นๆ อีกด้วย แกไม่เคยคิดบ้างหรอกหรือว่าทำไมหอยทากจึงไม่สงสัยว่าขาของตัวเองหายไปไหน หรือแมลงวันจึงไม่เคยอยากรู้ว่าทำไมคนจึงไม่ชอบตอมขี้เหมือนพวกมัน พวกมันก็แค่ใช้ชีวิตไปตามสัญชาตญาณ ดำรงชีพไปตามแรงขับจากรหัสพันธุกรรม (หวังว่าคำนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับแกนะ) ที่ติดตัวมา
เพราะอย่างนั้น ฉันถึงบอกไงว่าไม่แปลกใจเลยถ้าแกจะสงสัยและตั้งคำถามเอากับโลกสมมติที่แกอาศัยอยู่และบางทีคำตอบที่แกค้นพบจึงหมายถึงการเดินออกไปข้างนอก
น้องเอ๋ย แกมีสิทธิ์เต็มที่ที่จะคิดว่าโลกในเกมที่เราเล่นอยู่นี้มันน่าขัน, ไร้แก่นสาร และไม่ใช่โลกจริงๆ ที่เราควรอาศัยอยู่ แกจะคิดอะไรก็คิดไป แต่แกไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าโลกไหนดีกว่ากัน แกไม่มีสิทธิ์บอกใครได้ว่าโลกแห่งเกมเป็นเรื่องงี่เง่า และเกมแห่งโลกต่างหากที่เป็นของจริงกว่า ลุยจิ, แกไม่มีสิทธิ์สรุปอะไรได้แบบนั้นเพราะไม่ว่าจะเป็นโลกใบไหนก็ตาม ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องสมมติทั้งสิ้น
แกคิดเหรอว่าโลกภายนอกมีแต่สิ่งที่ควรค่าแก่การใช้ชีวิต แล้วโลกของเรามีแต่สิ่งอันไร้สาระ ถ้าจะมองอย่างนั้น ฉันก็จะบอกแกว่าอะไรอะไรในโลกนี้หรือในโลกไหนก็คือสิ่งไร้สาระหาแก่นสารอันใดไม่ได้เหมือนๆ กันทั้งนั้น เกมที่เรากำลังละเล่นอยู่ไม่ว่าจะเป็นกระโดดลงท่อ เก็บดาว เก็บเหรียญ ช่วยเจ้าหญิง ฯลฯ นั้นไร้สาระ เกมของโลกภายนอกก็ไร้สาระเหมือนกัน ลองคิดดูสิว่าคนบนโลกจริงๆ ทำอะไรที่มีสาระบ้าง ทำงานหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อเอาไปจ่ายหมอให้บอกเราว่า คุณควรหยุดทำงานและพักผ่อนบ้างได้แล้ว, ขวนขวายหาเงินที่สุดท้ายแล้วตัวเองก็หยิบติดตัวไปใช้ตอนตายไม่ได้, ทำงานหาเงินให้ได้มากๆ เพื่อเสียเงินไปซื้อไม้เหล็กมาแข่งขันตีลูกเหล็กลงรู
ลุยจิ, บอกฉันทีว่าเหล่านี้คือ สาระ ประเภทไหนกัน สิ่งที่แกเรียกว่าโลกใบใหม่นั้นมันมีความแตกต่างจากโลกใบเดิมที่ตรงไหน
แกอาจเห็นว่าฉันเป็นคนบ้าตำรา เป็นพวกยึดหลักการ เป็นพวกหัวโบราณเสียเต็มประดาล่ะสิ แกถึงมองหาโลกใบใหม่ มองหาหนทางที่แกคิดว่าเป็นหนทางที่แท้จริงในชีวิต และแกอาจมองว่าภารกิจที่เราทำเป็นเรื่องปัญญาอ่อนโงงมเสียเหลือเกิน ที่สำคัญแกคงคิดว่าฉันไม่รู้ว่ามันก็ปัญญาอ่อนโง่งม
เช่นนั้นแกก็คิดผิดแล้วล่ะ น้องชาย ...
เพราะว่าฉันนั้นรู้ดีกว่าใคร (อย่างน้อยก็รู้ดีกว่าแก) ว่าฉันกำลังทำอะไร สิ่งที่ฉันทำคือการบุกบั่นหาหนทางไปปลดปล่อยเจ้าหญิงให้เป็นอิสระ ฉันกำลังมุ่งหน้าไปโดยปราศจากความคิดที่ว่าฉันทำไปเพื่อใคร หรือฉันจะได้อะไรจากการทำสิ่งนั้น ฉันเดินหน้าไปด้วยใจอันว่างเปล่า ไร้สิ่งจูงใจ ไร้รัก ไร้เกลียด ฉันไม่ได้ทำเพราะความต้องการในตัวเจ้าหญิง และฉันก็ได้เห็นอุปสรรคต่างๆ เป็นศัตรูอันชั่วร้าย ฉันทำเพียงเพราะต้องทำ ทำโดยไม่ได้คิดถึงสิ่งที่รออยู่ปลายทาง กับสัตว์ประหลาดทั้งหลาย ฉันกำจัดพวกเขาด้วยความรู้สึกล้วนให้เกียรติ เป็นเกียรติที่ได้ต่อสู้กับพวกเขา เพราะพวกเขาล้วนให้เกียรติเราด้วยการดาหน้าออกมาขัดขวางอย่างสุดความสามารถ ทุ่มเทกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดหยุดยั้งพวกเรา เพื่อให้เราทุ่มเทกำลังของเราผ่านพวกเขาไปให้ได้
ดังนั้นสำหรับฉัน พวกเขาอาจเป็นศัตรู แต่เป็นศัตรูที่มีเกียรติและเราควรเคารพ
ลุยจิ, อยากให้แกลองสังเกตให้ดีๆ ว่าฉันยังไม่ได้พูดถึงคำว่า ชัยชนะ เลยใช่ไหม? ยังไม่มีตรงไหนที่บอกแกว่าฉันทำเพื่อมันเลย
ใช่ ชัยชนะสำหรับฉันมันเป็นเรื่องเล็กน้อย ออกจะไม่จำเป็นด้วยซ้ำ เพราะชัยชนะมันก็เป็นเรื่องสมมติ มันจอมปลอม มันเป็นดาบสองคมที่ทำให้เราฮึกเหิมลำพอง ความหอมหวานของมันลวงใจให้เราลุ่มหลงและยึดติด ชัยชนะเป็นยาเสพติดชนิดหนึ่ง ฉันเลยไม่คิดที่จะทำเพื่อมัน แกคงสงสัยใช่ไหมว่า แล้วอย่างนี้ฉันทำไปเพื่อสิ่งใดกันเล่า
และเมื่อฉันไม่ได้ทำเพื่อชัยชนะ นั่นก็หมายความว่า ฉันก็อาจพ่ายแพ้ได้สักวันหนึ่ง และถ้าวันนั้นมาถึง อย่างน้อยฉันก็ยังภาคภูมิใจว่าฉันได้แพ้อย่างสมศักดิ์ศรี แพ้อย่างมีเกียรติยศของผู้แพ้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าวันนั้นยังไม่มาถึงฉันก็จะเดินหน้าต่อไปเพื่อทำภารกิจให้ลุล่วง
ลุยจิ, การที่แกไม่เคารพในสิ่งที่แกทำ แถมยังมองว่ามันไร้สาระนั่นก็เท่ากับว่าแกไร้เกียรติ
แกคืออรชุนที่กำลังลังเลในคันศรของตนเอง ทั้งที่เขามีหน้าที่แผลงศรอันฉกาจฉกรรจ์ของเขาในการรบพุ่ง อรชุนผู้ลังเลสงสัยว่าจะแผลงศรฆ่าฟันไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้อะไร แกเองก็ไม่ต่างไปจากอรชุนผู้สิ้นหวังและอ่อนแอในสนามรบ จนพระกฤษณะต้องอวตารมาเป็นอาจารย์สอนสั่งให้เขารู้จักหน้าที่ รู้จักการทำในสิ่งที่ต้องทำโดยปราศจากความลังเลสงสัย ในจุดหมาย สุดท้ายอรชุนจึงได้เรียนรู้ในเรื่องอาตมัน อันนำไปสู่การไขปริศนาของตัวเอง
แม้แกกับอรชุนจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย (ใช่!! อรชุนไม่ได้นุ่งชุดเอี๊ยมและไม่เตี้ยม่อต้อเหมือนพวกเรา) แต่ฉันก็รู้สึกว่า แกกำลังสิ้นหวังและอ่อนแอในสนามรบแห่งนี้เหมือนๆ กัน
คิดดูให้ดี บางที แกอาจต้องทบทวนว่าจริงๆ แล้ว แกตาสว่างอย่างที่แกว่าจริงหรือเปล่า หรือแท้จริงแล้วคนที่มืดบอดอยู่กับโลกทัศน์ปลอมๆ นั้นคือใครกันแน่ แกหรือฉัน?
ที่ร่ายพรรณนามาทั้งหมด ฉันไม่หวังว่าแกจะเข้าใจมันทั้งหมดและเก็บกระเป๋าบึ่งกลับบ้านมาใส่ชุดเอี๊ยมสีเขียวขาวของแก แกคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันกล่าวมาอย่างแจ่มแจ้ง
ฉันหวังเพียงแค่ให้แกลองคิดใคร่ครวญพิจารณาดูแล้วจงออกไปใช้ชีวิตในแบบที่แกปรารถนา ไปค้นหาในสิ่งที่แกต้องการ ไปเจอในสิ่งที่แกอยากเจอ ไปในที่ที่แกชอบไป
หลังจากนั้นก็ลองตั้งคำถาม-หาคำตอบเอาเองเถอะว่าโลกใบใหม่นี้จะเป็นโลกที่แกจะอยู่ตลอดไป หรือสุดท้ายแกจะกลับบ้าน-ที่ที่แกจากมา และมันเป็นโลกของฉัน
โลกที่แกต้องฝ่าฟันอันตรายมากมาย ซ้ำซาก วนเวียนกันไปไม่รู้จบสิ้นอยู่อย่างนี้ โลกที่มีเจ้าหญิงรอให้ช่วยเหลือ แต่เจ้าหญิงก็มีความรักในแบบของเธอเอง โลกที่มีศัตรูเป็นมิตร มีมิตรที่สร้างอุปสรรคเพื่อให้เราฝ่าฟันผ่านพวกเขาไป โลกที่เราตกเหวแล้วกลับมาเริ่มต้นที่ฉากเดิมได้ โลกที่แกใส่ชุดเอี๊ยมเขียว-ขาว ไว้หนวดน่ารักน่าเอ็นดู
แล้วฉันจะรอแกอยู่ที่ฉากใดฉากหนึ่งในนี้
ที่ยังพอมีเห็ดให้กิน มีเหรียญให้เก็บอยู่เสมอ
สวัสดีปีใหม่
มาริโอ
ปล. ถ้าจะกินชาเขียว เลือกยี่ห้อที่แจกเงินหนึ่งล้านบาทใต้ฝานะ ได้ข่าวว่าคนเก็บขยะรวยเละมาแล้ว
จักรพันธ์ ขวัญมงคล
นิทานสันดานเสีย