คนรุ่นเก่ามักไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่าง ระบบการทำงานจากพิมพ์ดีดปัดแคร่ พัฒนามาเป็นพิมพ์ดีดไฟฟ้า หัวกอล์ฟ, แบบจาน จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นคอมพิวเตอร์ อะไรหว่ารูปร่างคล้ายทีวี ถ้าเติมเสาอากาศคงดูละครได้เลย อิอิ ส่วนเรื่องการใช้งานต้องรู้จักพื้นฐาน Dos เฮ้อ! ยุ่งยากแท้ กว่าจะพิมพ์เอกสารสักฉบับ ตอนแรกสุด CU Word นี่แหละ เจ๋งสุดแล้ว มีเมนูภาษาไทยด้วย ตรงนี้แหละช่วยได้มาก ยังใช้ไม่ค่อยจะชินเลย เขาก็มีโปรแกรม Word Star มาให้ใช้แล้ว ต่อด้วย Word Perfect และหลังจากนั้นอีกไม่นาน บิลเกตต์ท่านก็ประทาน โปรแกรมในตระกูล Microsoft ขึ้นมา ก็เรียนรู้กันไป ถ้าไม่ยอมเรียนรู้ก็ต๊อกแต๊กต่อไป ทั้งรูปแบบและตำแหน่งงาน บางคนถอดใจไปขายเต้าฮวยเลยก็ยังมี เราในฐานะคนรุ่นใหม่ (เมื่อหลายปีก่อน) ก็ต้องปรับตัวให้เป็นคนมีประสิทธิภาพ แหะ แหะ พูดซะหรูที่แท้ก็เพื่อปากท้องนั้นแหละ และทั้งนี้ทั้งนั้น ที่เกริ่นมานี่ก็ไม่เกี่ยวกับครั้งแรกที่จะเล่าวันนี้หรอกน่ะ ที่จะเล่าคือการขึ้นรถไฟฟ้ามหานคร (BTS) นั่นเอง ฮี่ ฮี่ เพราะว่าเราต้องเปลี่ยนอีกแล้วคราวนี้ ไม่ได้เปลี่ยนระบบงาน แต่เปลี่ยนสถานที่ทำงาน ก็เลยต้องวางแผนการเดินทางซะใหม่ให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในเมืองหลวง ถึงคราต้องช่วยรัฐบาลประหยัดน้ำมันแล้ว (ยืดอกภูมิใจ) ที่ทำงานจะย้ายไปอยู่แถวราชเทวี ข้างโรงแรมชื่อภูมิภาคแถวนั้น เพื่อให้กิ๊ปเก๋ยูเรก้า และไม่เฉิ่มจนเกินไปนัก วันนี้จะลองไปนั่งรถไฟฟ้าดู (เพิ่งรู้ว่าเขาเปิดบริการมาตั้งแต่ปี 2542 แล้ว เมื่อวานนี้เอง ) แล้วจะเริ่มต้นยังไงเนี่ย ขั้นแรกนึกๆๆๆ อ้อ! อินเตอร์เนทคงช่วยเราได้ว่าแล้ว พิมพ์ url: www.bts.co.th ดูสิว่าเขามีอะไรในนั้นบ้าง หลังจากศึกษาดูแล้วไม่มีวิธีการชลอความเปิ่น คงมีให้ทราบแต่สถานี, ราคาบัตร/ประเภท, ประวัติบริษัทฯ, ส่วนต่อขยายฯ, จะซื้อหาตั๋วยังไงเนี่ย จะเหมือนที่หัวลำโพงไหมน๊อ.. หลังจากคลิ๊กอยู่นานและสืบข้อมูลจากในกระทู้ของ BTS ยังไม่ได้รับความกระจ่างเพียงพอ สงสัยเราต้องใช้ตัวเข้าแลก..อิอิ ว่าแล้วขึ้นรถเมล์สาย 116 บ้านเราอยู่ต้นสาย ไปลงสถานีอ่อนนุช ดีกว่าเอาให้หายข้องใจไปเลย.. และแล้วพจมานก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านทรายทอง เอ๊ย! ไม่ใช่ กุ้งฯ ก็มายืนอยู่ที่หน้า ห้างดอกบัวฯ อืม! สะพานขึ้นสถานีก็เชิญชวนมาก เขียนว่าอ่อนนุช กว้างมากกว่าสะพานลอยทั่วไปประมาณ 1 เท่า มีหลังคาคลุมตั้งแต่เชิงบันไดขั้นแรกจนขั้นสุดท้าย อย่างนี้ดี ฝนตกก็ไม่เปียกค่ะ.. ขึ้นไปเลย แต่เอ แล้วจะมีไฟดูด, ไฟรั่วหรือเปล่าน่ะ ก็มันใช้ไฟฟ้าเหมือนที่บ้านนี่ ชักแหยงนิดๆ สองขาพาเดินไปถึงข้างในสถานี เหลียวซ้ายแลขวา ได้ยินเสียงประชาสัมพันธ์ชาย แจ้งว่า 40 บาท ซื้อตั๋วที่นี่ได้เลยครับไม่ต้องทอน ตากสินครับ ตากสิน เราศึกษามาแล้วคนละทางกับจุดหมายของเรา จึงผ่านไป.. โน่นแน่ เห็นสองสาวในตู้กระจกเขียนไว้ว่าจำหน่ายตั๋ว แบ่งเป็น 2 ช่องจึงแหลมหน้าเข้าไปพร้อมธนบัตร 100 บาท มุกนี้เสมอเผื่อเหลือเผื่อขาด.. สถานีราชเทวีค่ะ กุ้งฯ ยื่นหน้าสบตากับเธอ 35 บาทค่ะ พร้อมรับธนบัตรใบละร้อยแล้ว แตกเป็นใบละ 20 บาท สามฉบับ และเหรียญ 10 บาทอีกสี่เหรียญ รับตั๋วด้านนอกค่ะ หลังจากรับมาด้วยความงง ตรงไหนเนี่ยด้านนอก ต้องลงไปถนนใหญ่ข้างล่างไหมอ่ะ เงินก็ไม่เอาไปสักบาท ยังไงกันเนี่ย เจ้าหล่อนคงเห็นอาการอึ้งกิมกี่ และเดาได้ว่าต้องมือใหม่แน่นอน จึงบอกมาว่าให้กดที่ตู้อัตโนมัติด้านหน้า พร้อมผายมือบอก นึกโล่งใจ ไม่ต้องตะกายลงไปข้างล่าง อิอิ บริเวณที่เรียกว่าตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติซึ่งจำหน่ายตั๋วรายเที่ยวเดียว บริเวณนั้นจะมีรูปร่างคล้ายๆ เสากลมต้นใหญ่ๆ (ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะแปดเหลี่ยมๆ น่ะ)ประกอบด้วยตู้ 4 ตู้ฝังอยู่ในเสานั้น มีแผนผังแสดงเส้นทาง ประกอบด้วยระยะทางและอัตราค่าบริการ มีปุ่มให้กด ปุ่มจะใหญ่เหมือนตู้ขายน้ำอัตโนมัติ ราคาจะสัมพันธ์กับระยะทาง ไกลก็จะแพงหน่อย ใกล้ก็ถูกลงมานิดนึง เราศึกษาว่าสถานีที่เราจะลงเลข 6 ราชเทวี เอาละกดเลย ที่หน้าปัด กว้างสักไม้บรรทัดยาวสักคืบนึง จะปรากฎตัวเลขดิจิตอลว่า 35 บาท เราก็หยอดเหรียญที่ได้มาลงไปในช่องหยอดเหรียญ มีช่องทอนด้วย เราหยอดไป 40 บาท ทอนมา 5 บาท และมีตั๋วยื่นออกมาให้ด้วย 1 ใบ ลักษณะคล้ายๆ บัตรเอทีเอ็ม แต่ไม่มีแถบแม่เหล็ก ก็พลิกดูหน้าหลัง พอผ่านๆ พอถึงตอนนี้สอดส่ายสายตาไปที่ป้ายเขียนว่าไปสถานี ตรงนี้เป็นต้นทาง ป้ายเขียนว่าไปทุกสถานี ก่อนขึ้นบันใดเลื่อนจะมีช่องทางให้เข้า คล้ายๆ ที่เขามีไว้เข้าซุปเปอร์มาเก็ท แต่ผิดกันตรงที่ส่วนที่กั้นคนเข้าจะมีลักษณะเป็นลิ้นปิดเข้าออก ยังคิดสยองๆ นิดนึงว่าถ้าแหลมกว่านี้ มีไส้แตกแน่นอน เท่าที่ดูห่างๆ เห็นเข้าไปเราต้องใช้บัตรอันนี้แหละ สอดไปตรงหน้าเครื่อง แล้วจะคืนบัตรตรงด้านบน พร้อมทั้งลิ้นที่กันคนจะเปิดออก เราก็ทำตามเขาบ้าง อ่ะไปได้สวย.หลังจากนั้นก็ขึ้นบันไดเลื่อนเข้าไปรอรถไฟที่กำลังจะมา เมื่อรถไฟมาไม่มีเสียงปู๊นๆ แฮะ..ระหว่างนี้คนคงลง นะเราไม่ได้สังเกตุเพราะมัวแต่จดบันทึกอยู่.โดยหันหลังให้กับรถไฟและจดข้อมูล กันลืม และดูวิวภายนอกสถานีด้วย สักแป๊บนึง รถไฟเปิดประตูคนที่อยู่ก่อนหน้าทยอยเข้าเราก็วิ่งเข้าไป เพราะเรายืนห่างจากชานชาลาอยู่เหมือนกัน ประตูปิดอีกครั้ง .. ในตู้รถไฟแยกเป็นหลายโบกี้อยู่ คนเยอะพอสมควร การเดินรถไม่มีเสียงดังเหมือนรถไฟทั่วไป (กฟท) ที่นั่งแบ่งเป็นสองข้าง ลักษณะของเก้าอี้เป็นแบบเดี่ยวๆ เรียงชิดกัน ความรู้สึก เหมือนนั่งรถสองแถวเลยเพราะต้องประจันหน้ากับฝ่ายตรงข้าม คนยืนมีเยอะรวมทั้งเราด้วย แหม! ก็เข้ามาซะแทบจะเป็นคนสุดท้าย ที่ยึดเหนือศรีษะร้อยอยู่บนราวที่ยึดกับเพดานรถไฟอีกที เป็นหูสีแดงทำจากหนังหรือเปล่าไม่แน่ใจแต่คล้ายๆ กันแข็งแรงดีพอใช้ ที่สำคัญไม่สูงจนเกินไป คนอย่างเราจึงมีโอกาสโชว์จักกะแร้อิอิ หลังจากนึกว่าตัวเองเป็นนางเอกโฆษณาโรลออนอยู่สักพัก ก็มีเสียงพนักงานสาว (ไม่รู้นั่งอยู่ตรงไหน) บอกว่าสถานีต่อไปพระโขนง/ Next Station Prakanong คนก็ทยอยกันขึ้นมาอีก เพิ่งสถานีเดียว คนยังไม่ลง ประตูเปิด-ปิด ก็ไม่เร็วเกินไปนัก ..ในรถมีคนหลายประเภท เด็กชาย-หญิง ผู้ปกครอง, แม่บ้าน, พนักงานบริษัทฯ, ชาวต่างชาติ ฯลฯ สลับกับเสียงโทรศัพท์มือถือดังเป็นระยะ..พูดคุยกันตามอัธยาศัย อ้อ! ที่น่าสังเกตุอีกอย่างไม่มีนายตรวจมาคอยตรวจตั๋วเหมือน กฟท. แหม! อุตส่าห์เตรียมบัตรไว้ให้ตอกแล้ว อิอิ...เหงื่อชุ่มมือเลย.. เมื่อรถแล่นมาถึงสถานีสยาม คนลงเยอะมากโดยเฉพาะเด็กๆ และผู้ปกครอง คงจะมาติวกัน ก็วันนี้วันเสาร์ นี่นา ที่สถานีนี้พนักงานบอกว่าสามารถลงเพื่อต่อไปทางสีลมได้ .สองภาษาเช่นเดิม.. ส่วนเราต้องลงที่สถานีหน้า (ศึกษาจากแผนผังไง) นั่นแน่ที่นั่งว่างแล้วลองสัมผัสดูซิ ลองลงไปนั่ง อืม! แข็งแรงดี และแข็งด้วย แหะแหะ คาดว่าทำจากวัสดุอะไรสักอย่าง เพื่อความคงทนและสะดวกต่อการดูแล น่าจะหุ้มฟองน้ำนิดนึงน่ะ ค่าโดยสารตั้งแพง (แอบบ่นในใจ) ในรถไฟฟ้ามีทีวีด้วยแต่ไม่เปิด เห็นว่าอยู่ในระหว่างการทดสอบ แต่ไม่เป็นไรหรอกหนุ่มตรงข้ามน่าสนใจกว่าเยอะเลย ดูสิเก๊กซะ.. ครั้นถึงสถานีราชเทวี ก็ต้องกระเด้งออกมาจากที่นั่ง ออกจากประตูโดยฉับพลัน ไร้อุปสรรคใดๆ เพราะคนซาแล้วอย่างที่บอกว่าลงไปตั้งแต่สยามฯ กันหมดแล้ว อีกอย่างรถไฟเขาจอดทุกสถานี ไม่ต้องกดกริ่งก่อนลงเหมือนสองแถวด้วย อิอิ ตรงทางออกก็มีเหมือนทางเข้า คือต้องสอดบัตรลงไปก่อน แล้วไม่ต้องรอคืนบัตรเพราะของเราซื้อแบบใช้เที่ยวเดียว ถ้าเราใช้บัตรเดือนหรือบัตรแบบเติมเงินก็จะมีคืน (อันนี้สอบถามจากผู้มีประสบการณ์ช่ำชองกว่าแล้ว) ว่าจะเก็บบัตรไว้เป็นที่ระลึกครั้งหนึ่งในชีวิตสักหน่อย อดเลย.. ป้ายทางออกจะมีตัวเลขและสถานที่กำกับไว้ว่าทางนี้ออกไป จะไปทางไหน ให้เราได้เลือกฝั่งที่จะลงได้ตามสะดวก เราก็เลือกป้ายที่สัมพันธ์กับเป้าหมายและเดินไปทางนั้น ระยะเวลาในการเดินทางครั้งนี้ประมาณ 15 นาที จากอ่อนนุช-ราชเทวี ซึ่งถ้าเทียบกับการใช้รถยนต์แล้ว อาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 เท่า ทีเดียว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ เย้ การเดินทางไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก การเปลี่ยนแปลงก็เช่นกันย่อมไม่ใช่ครั้งแรกของชีวิต ความกล้ากับความกลัวแม้จะเขียนคล้ายกัน แต่ทุกครั้ง ถ้าความกล้าชนะ จะมีครั้งที่สองและสามตามมา โดยรางวัลที่ได้รับคือประสบการณ์ใหม่ๆ ในขณะที่ถ้าเราปล่อยให้ความกลัวครอบงำอยู่ จะไม่มีโอกาสสักครั้งที่เราจะได้ใช้คำว่า ครั้งแรก ว่าม่ะ ..
20 กุมภาพันธ์ 2549 11:28 น. - comment id 89704
ครั้งแรก ก็เป็นแบบนี้แหละป้าฯ กล้าๆ กลัวๆ แต่ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ ครั้งที่ 2 3 4 ... จะตามมา เพราะสะดวกรวดเร็วครับ ครั้งแรก ที่ใช้บริการ ไม่มีใครบอก ไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาก่อน พอขึ้นไปก็ ก็ยืดอก หน้ามองตรง มองดู คนอื่นก่อน ว่าเขาทำยังไง แค่ 5 ตัวอย่างก็รู้แล้ว อิอิอิ แต่แม้จะขึ้นมาหลายครั้งแล้ว คนที่ไปด้วยเขายังถามเลย ว่า ไม่เคยขึ้นเหรอ .... เอาน่า บ้านนอกเข้ากรุง นานๆที มันก็ลืมเด้อ สิบอกให่ อิอิอิ คราวหน้า ไปมุดดินด้วยกันไหมป้า ฯ ยังไม่เคยอ่ะ
20 กุมภาพันธ์ 2549 11:40 น. - comment id 89705
ไปดิ นายเมา...ถือชลอมไปด้วยกัน อิอิ..
20 กุมภาพันธ์ 2549 11:41 น. - comment id 89706
แวะเข้ามดู อะไรน่า ครั้งแรก..... แวะมาเยี่ยมค่ะ.. ....
20 กุมภาพันธ์ 2549 21:20 น. - comment id 89709
อื้อ ครั้งแรกเดินเหยียบเท้าใครก็ม่ายรู้ อิอิ ดีที่เค้าไม่ถือสาคนในเขาอย่างอ้อย สงสารคนโดนเหยียบจัง หักรึเปล่าไม่รู้น้ำหนักไม่ใช่น้อย เกือบร้อยโล อิอิ
20 กุมภาพันธ์ 2549 21:49 น. - comment id 89710
ขอบคุณคุณแสงไร้เงา...ที่แวะมาเยี่ยมเยียนค่ะ คุณอ้อย..แหะแหะ ทักคนผิดกุ้งก็เคยน่ะ..หลายครั้งด้วยแหละ..มนุษย์สัมพันธ์ไม่ค่อยสัมพันธ์กะดวงตาเอาซะเล๊ย.. ..
21 กุมภาพันธ์ 2549 12:40 น. - comment id 89714
ใช้บริการ BTS บ่อยเหมือนกันค่ะ สะดวก รวดเร็ว ไปไหนพอจะคำนวณเวลาแน่นอนได้ เหลือแต่รถไฟฟ้าใต้ดิน ยังไม่เคยนั่งเสียที แต่รู้ว่าใช้บัตรแบบเหรียญคลื่นวิทยุ เอาไว้เราไปทัศนศึกษาด้วยกันดีมั้ยคะ แต่เปลี่ยนจากชลอมเป็นเป้เท่ๆ ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวเค้าจับได้ว่าเชย...อิอิ
21 กุมภาพันธ์ 2549 13:53 น. - comment id 89716
คุณเพรง.เพยีย เพิ่งรู้ว่ามันประหยัดเวลาดีอย่างนี้นี่เอง มิน่าคนเลยตรึม ลืมราคารถเมล์ไปเลย..วันก่อนไปขึ้นรถร่วมบริการ สีเขียวเก็บแปดบาท งงไปเลย..เพราะไม่ได้ใช้บริการนานแล้ว ส่วนมากจะขึ้นสองแถว ก็ปรับราคาเหมือนกันเป็น 7 บาท จากเดิม 5 บาท .. เห็นสาวโรงงานแถวๆ บ้าน นิยมขี่จักรยานไปทำงานมากขึ้นค่ะ ถ้าระยะทางไปกลับไม่ถึง 2 กม. น่าจะลองดูน่ะค่ะ แต่ก็กลัวรถใหญ่ๆเหมือนกันค่ะ ..
21 กุมภาพันธ์ 2549 16:23 น. - comment id 89717
ครั้งแรกบนรถไฟฟ้า ก็นานเหมือนกัน จำได้ว่า เพื่อนของแม่ (คิดดูสิว่า รุ่นไหน) แอบมาชวนเราให้ไปเป็นเพื่อนขึ้นรถไฟฟ้ากัน \" ค่ะ ไปก็ไป \" ตอนนั้น ก็สองทุ่มกว่าแล้วล่ะ จากบ้านของเราไปสถานีรถไฟฟ้า ไม่ไกลนัก .. อุตส่าห์ตีตั๋วไกล ถึง หมอชิต พอขึ้นรถไฟฟ้าไปได้แค่สยาม ยังไม่ทันเปลี่ยนรถเลย ปรากฏว่า โดนโทรตามตัว ..ให้กลับบ้าน \"เดี๋ยวเหอะ พาคนแก่ออกเที่ยวกลางคืน หลงทางจะแย่ กลับบ้านเดี่ยวนี้\" .. นึกแล้วยังขำกลิ้ง .. แต่ก็ยังดีนะ ได้ค่าจ้างเป็นแมคโดนัลชุดใหญ่ ..
21 กุมภาพันธ์ 2549 16:37 น. - comment id 89718
คุณอิม...อิอิ เหมือนหนีเที่ยวเลยค่ะ..ฟังที่เล่ามา แถมยังได้สินน้ำใจเป็นโดนัทอีก..แบ่งปันกันได้ทั่วเลยค่ะ..(แถมกลับมาอิ่มต่อ..กับคำบ่นหรือขนมก็ไม่รู้ อิอิ..) ..
21 กุมภาพันธ์ 2549 22:15 น. - comment id 89723
อ่า !! .. แมคโดนัลล์ ที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี .. ไม่ได้ขายโดนัทอ่ะ ฮา ..
22 กุมภาพันธ์ 2549 09:52 น. - comment id 89726
โถ.. แม่คุณโดนัลกะโดนัท หยวนน่า อย่างน้อยมันก็ของกินเหมือนกัน...ฮี่ฮี่ ไม่นึกไปถึงมิสเตอร์คีย์ก็บุญแล้ว..5555 ..
22 กุมภาพันธ์ 2549 22:02 น. - comment id 89735
เค้าว่าการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดความเจ็บปวด .. จากการพลัดพรากจากความเคยชิน .. ทั้งๆที่ พออยู่อย่างเดิม เราก็เบื่อสิ่งจำเจเดิมๆ .. แต่พอจะเปลี่ยนแปลงเข้าจริงๆ เริ่มครั้งแรกนี่ล่ะที่ยากสุด ..