เช้าวันอาทิตย์ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น 8 โมงเช้า ต้องรีบตื่นไปปลุกหลานชายทั้งสองคน ให้ตื่นขึ้นมาแต่งตัวไปโบสถ์ แต่ละคนต้องแต่งให้ดูดี ใส่สูทผูกเน็คไท (เขียนถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้นะค่ะ) เสร็จภาระกิจ แต่ละคนแล้ว ก็ทำงานเดินทางไปที่จุดหมาย พอไปถึงโบสถ์แล้ว ต้องไปนั่งฟัง สมาชิกของโบสถ์แต่ละคน เขาจะขึ้นไปพูด เรื่องราวของตัวเองให้คนอื่นฟัง เป็นการแชร์เรื่องราวชีวิตของแต่ละอาทิตย์ แต่ล่ะคน แต่ละวัน ให้คนอื่นได้รับรู้ ......... บางคนก็สารภาพบาปบ้าง เมื่อวานโกหก หรือทำไรผิดกับพ่อแม่ บอกความจริงกันพ่อแม่ พ่อกันแม่ก็รับฟังให้อภัย แก่ลูกๆ หรือสามี ภารยา เพื่อนฟูง อยากบอกไรให้รับรู้ ก็สามารภพูดได้ที่นี้ ( การที่ขึ้นไปพูด จะไม่การเตรียม หรือซ้อมกันมาก่อนนะค่ะ คือพูดกันสดสดเลย เมื่อใครทำผิด หรือ อยากสารภาพ ก็ขี้นไปพูดได้เลย อยากบอกเขาให้รับรู้อะไรก็พูดได้เลย และคนอื่นก็เป็นพยานร่วมฟัง ร่วมคิด ........ เขาจะเวทีให้ขี้นไปพูด ) หรือไม่ก็ แชร์ความรู้สึกดีดี ทีอยากบอกให้ใครรู้ ก็สามารถขึ้นไปพูดได้ทุกคน ว่าวันนี้เป็นอย่างไร พูดกันไป ว่ากันไปตามเรื่องราว..... พอหลังจากพูดเสร็จแล้ว ก็เป็นการร้องเพลง เกียวกันพระเจ้า ขอพระจากพระเจ้า ( ขอบอก ร้องไม่ได้สักเพลงเลยเรา ) ร้องเพลงเสร็จ จะนั่งภาวนา ขอพระจากพระเจ้า ประมาณ 5 นาทีได้ หลับตานิ่งเงียบ แล้วเขาจะทำหารกินขนมปัง และน้ำเปล่าร่วมกัน จากขนมปังก้อนหนึ่ง ถูกซีดออกเป็นขิ้นเล็ก ๆ ให้หลบทุกคน ที่มาร่วมโบสถ์วันนี้ และน้ำเปล่าแก้วเล็ก ๆ น่ารักดี หลังจากนั้น ก็จะแยกกันไปเรียน พระคำภีร์ เขาจะแยกเป็นระดับด้วย คนที่เรียนเริ่มต้น ก็ต่อ ๆ กันไป หลังจากนั้นก็จะแยกเฉพาะชาย เฉพาะหญิงอีกทีหนึ่ง ส่วนเราหญิง ก็ร่วมห้องหญิงก็จะพูดถึงเรื่องกิจกรรมของผู้หญิง ถ้าใครอยากแชร์ความรู้ที่ลับเฉพาะหญิงก็สามารภพูดได้อีกที หลังจากนั้น เราก็เรียนเกียวกับพระคำภีร์อีกที พูดเกียวกับสิ่งที่พระเยชูทำ และบางคำก็ต้องแปลอังกฤษเป็นอังกฤษด้วย ก็คึกษากันไป ........... แต่เราไม่รู้เรื่องขอบอก .... หลังจากนั้น มีข่าว หรือว่ามีกิจกรรมอะไรดี ๆ ก็เชิญชวนกันไป แต่เราไม่เคยไปร่วมเขาสักที ไม่มีเวลานะ และถ้ามีใครป่วย หรือวันเกิด ก็จะส่งการ์ดอวยพรให้เขา โดยที่ทุกวันก็ลงชื่อ เขียนข้อความสั้นลงในการ์ดทุกคน หลังจากเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลาพูดคุยกัน ตามสบาย ใครไม่อยากคุยก็เชิญกลับบ้านเพราะเสร็จแล้ว นี้ก็เป็นประสบการณ์ของชีวิต ในโบสถ์ของทีนี้ โบสถ์แต่ละโบสถ์ก็อาจจะแตกต่างกันไปนะ แต่เราก็ไม่มั่นใจนะ เพราะเคยไปแค่โบสถ์เอง แต่ก่อนไปบ่อยนะค่ะ ไปเกือบทุกวันอาทิตย์ ดีค่ะนะ ได้เรียนดภาษาไปในตัว ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้ว บอกตรง ๆ ไม่อยากไปนะค่ะ เพราะบางทีไปแล้ว เหมือนกะเราเป็นตัวประหลาด เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้นะ ( ความรู้สึกเรานะ ) เพราะคนส่วนมาก เขาก็ไม่ชอบคนต่างสี ต่างภาษา ไม่ชอบหัวดำ ๆ อย่างเรา ๆ เราก็เลย เลิกไปซะ ถ้าไปแล้วมันทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยดี ก็เลยไม่ไปมันซะดีกว่า ความรู้สึกนี้ ก็ผ่านมาได้เกีอบปีแล้ว จำไม่ค่อยได้เท่าไร ลายละเอียดไม่ละเอียดเท่าไรมากนะค่ะ เหมียวเชื่อว่าศาสนาทุกศาสนาสอนมนุษย์โลกให้เป็นคนดีค่ะ พิมพ์ผิดถูกที่ไหน บอกด้วยนะค่ะ
7 กุมภาพันธ์ 2549 11:56 น. - comment id 89415
อืมม ..!! อัลมิตราเป็นพุทธศาสนิกชน แต่อัลมิตราก็ไปโบสถ์คริสต์บ่อยนะคะ ยิ่งช่วงที่เรียนหนังสือ บางทีก็ไปฟังมิซซา .. ฟังที่คุณเล่าแล้ว คงมีความคล้ายกันอยู่บ้างกับ สุนทรียสนทนา .. ที่ทางองค์กร จัดทำอยู่ คล้ายกันตรงที่ แชร์ความรู้สึกนึกคิด ไม่ต้องมีพล๊อต ไม่ต้องเตรียม ทุกอย่างเล่าจากใจสด ๆ ทุกคนพร้อมฟัง และหากเป็นการเสนอข้อคิดเห็น ทุกคนก็มีสิทธิ์ฟังและลุกขึ้นแสดงความคิดเห็นบ้าง เพื่อนอัลมิตราหลายคน นับถือศาสนาต่างจากอัลมิตรา แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ทุกศาสนา สอนให้คนเป็นคนดีค่ะ อัลมิตราเองก็คิดเช่นนั้น
7 กุมภาพันธ์ 2549 12:01 น. - comment id 89416
ถ้ามีโอกาสกลับมาเมืองไทย ผมจะพาไปโบสถ์คาทอลิกนะครับ
7 กุมภาพันธ์ 2549 15:11 น. - comment id 89419
แวะมาอ่านค่ะน้องเหมียว
7 กุมภาพันธ์ 2549 16:52 น. - comment id 89420
ได้ข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มเติมอีกแล้ว แต่ก่อนไม่ทราบมาก่อนเลยว่ามีการแชร์ความคิดเห็น กัน นึกว่ามีแต่ร้องเพลงในวันอาทิตย์อย่างเดียวค่ะ.. อ้อ! กับอีกวันหนึ่งคือวันวิวาห์แบบคริสต์ ที่มีบาทหลวงและคู่บ่าวสาวและเด็กตัวเล็กๆ (อย่างในภาพยนตร์) เล่าได้เห็นภาพเลย สำหรับคนไม่มีประสบการณ์เข้าโบสถ์.. ขอบคุณค่ะ คุณแสงไร้เงา.. :)
7 กุมภาพันธ์ 2549 18:31 น. - comment id 89422
lส่งให้คนแดนไกลมีความสุขนะคะ
7 กุมภาพันธ์ 2549 23:46 น. - comment id 89425
ดีครับ ผมกลับมาอ่านแล้วนะ หายไปนานครับ ใช่ครับ ทุกศาสนาสอนให้เป็นคนดี แล้วเชื่อกันว่า บนโลกใบนี้ มี 9 ศาสนาใหญ่ ซึ่ง 9ศาสนาใหญ่ เนี่ย ล้วนทำหน้าที่ต่างกันครับ ในแต่ละดินแดน ทั่วโลกครับ ดินแดนนู้นอาจเป็นคนคริสต์ ดินแดนนี้ อาจเป็นของมุสลิม ครับผม ก็เหมือน พระองค์หนึ่ง ซึ่งเคยมรณะภาพแล้ว ก็ฟื้น มีชีวิตอยู่ต่อได้ จนถึงปัจจุบัน ท่านบอกว่า เกลือ น้ำตาล มีรสชาติอย่างไร ซึ่งก็มีคำตอบเดียว ถูกต้องไหมครับ น้ำตาลก็หวาน เกลือก็เค็ม อืมอืม เพราะฉะนั้น นรกก็มีจริง ถูกไหมครับ
8 กุมภาพันธ์ 2549 09:58 น. - comment id 89428
ขอบคุณทุกคนนะค่ะ ที่แวะมาอ่านงานของเหมียวนะค่ะ ขอบคุณจริง ๆ จากใจค่ะ
10 กุมภาพันธ์ 2549 13:22 น. - comment id 89444
ก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรหรอกคับ ถ้าจิตใจดีแล้ว จะอยู่ไหนก็สารภาพได้เช่นกันคับ (กับตัวเอง)
10 กุมภาพันธ์ 2549 18:50 น. - comment id 89448
มีน้องคนนึงค่ะ.. นับถือคริสต์.. เล่าให้ฟังว่า.. เวลาสารภาพบาป.. เค้าจะมีคำต่อท้ายทุกครั้งว่า.. ทั้งที่นึกออกและนึกไม่ออก...... ไม่มีอะไรค่ะ.. อ่านเรื่องคุณแล้ว แค่นึกขำขำเค้า.. เท่านั้นเอง...
11 กุมภาพันธ์ 2549 04:05 น. - comment id 89452
คุณพงษ์ศักดิ์ .... ผู้หญิงช่างฝัน .. ขอบคุณค่ะ ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนนะค่ะ แวะมาอ่านงานของเหมียว ขอบคุณค่ะ
20 กุมภาพันธ์ 2549 18:07 น. - comment id 89708
สวัสดีค่ะ.... เจก้อเป็นคริสเตียนเหมือนกัน กิจกรรมที่โบถส์ก้อที่เจอยุ่ก้อคล้ายๆกันนะคะตั้งเเต่นมัสการพระเจ้าในตอนเช้า โดยการร้องเพลงเเละก้อมีการเข้าชั้นเรียนพระคัมภีร์ เมื่อก่อนตอนที่เจเข้าไปโบถสืใหม่ๆเจมีความสุขมากนะเหมือนเราได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่เราไม่สบายใจ เเต่พอเรานำตัวเองเข้าไปผูกพันตัวมากขึ้นหลายๆอย่างมันก้อเปลี่ยนไป เจเริ่มมีความรู้สึกไม่สบายใจเเละอีดอัดกับกิจกรรมบางอย่างจนตัวเองหยุดไปโบถส์ซะเฉยๆ เเต่ถึงยังไงเจก้อยังรักพระเจ้าอยุ่นะคะเเต่คนตังหากที่ทำให้เราสบสนเเละไม่เข้าใจ เเละหวังว่าเมื่อตัวเองพร้อมมากกว่านี้จะกลับไปหาพระเจ้าใหม่อีกครั้ง ขอพระเจ้าอวยพรคุณนะคะ เจเชื่อว่าพระเจ้าจะโอบล้อมชีวิตคุณอยุ่ ความรักของพระองค์ไม่จำกัดเเละก้อมากมายเกินกว่าเราจะเข้าใจค่ะ... พระเจ้าอวยพรนะคะ
28 กุมภาพันธ์ 2549 00:58 น. - comment id 89809
สวัสดีค่ะคุณเจ... เมื่อใจเราไม่พร้อม ก็หยุดมันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ... เมื่อใดที่จิตใจเราพร้อมก็เริ่มต้นกันใหม่ค่ะ... ขอบคุณนะค่ะ...แวะมาที่แวะมาอ่าน.. เราก็ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคุณนะค่ะ