เมื่อเอย...เมื่อนั้น อย่างเตรียมตัวไม่ทัน ทำใจไม่ถูก วันเดียวเท่านั้น ตนเองก็ไปโผล่เชียงใหม่ วันวันที่ยุ่งอยู่แถวโรงพิมพ์ ดูสี ปกหนังสือ จัดโน่นนี่ เตรียมเรื่องต่างๆชุลมุน ผูก และ พัน หนังสือสองเล่มเข้าด้วยกัน แล้วก็ป่าวประกาศไปแล้วว่า ตนเองจะไม่ไปเชียงใหม่แล้วเที่ยวนี้ จะส่งของไปนิ่มซี่เส็งแทน จู่ จู่... เราเอง นั่นแหละ ที่กระโดดขึ้นรถตู้ ซึ่ง ด้าน่ท้ายอัดแน่นด้วยหนังสือสองพันกว่าเล่ม จุดหมายคือ เชียงใหม่.. ใครจะไปนึกทันว่าจะไป..!!!! ใครจะไป....รู้ ..??
เช้าตรู่วันศุกร์ หลังจาก ค่ำวันพฤหัส ห่อหนังสือเข้าด้วยกันชุลมุน อยู่หน้าร้านโรงพิมพ์ซึ่งไปขลุกอยู่ทั้งอาทิตย์ จนผู้คนแถวนั้น รู้จักกันไปหมดแล้ว... .......ค่ำวันพฤหัสนั้น บอกอาซ้อโรงพิมพ์ ด้วยความเพลัยใจว่า คงไม่มีปัญญาห่อประกบคู่เข้าให้หมดแน่แล้ว เชิญเธอช่วยให้ลูกน้อง อัดใส่กล่องเพื่อส่งไปเชียงใหม่ ทางขนส่ง นิ่มซี่เส็ง เองพรุ่งนี้ (วันศุกร์) เถิด ....ปลงอนิจจังว่าอย่างไรก้ไม่เสร็จเป็นแน่
พฤหัสที่ผ่านมา ตนเอง นอนหลับคาโต๊ะหนังสือบ้านคุณแม่ คืนนั้น หาวต่อกันสัก สามสิบหนทั้งๆที่มือยังห่อหนังสือ โทรฯศัพท์บอก คนที่บ้านว่า ..ฉันคงต้องนอนที่นี่ มุมใดมุมหนึ่งของบ้านแม่แน่นอนเพราะคงขับรถกลับบ้าน ทั้งๆตาปิดอย่างนี้ไม่ไหว .............เป็นเช้าวันศุกร์ ในชุดกางเกงยีน กลิ่นตุตุตัวเดิม ออกมานั่งแทรกรายชื่อผู้บริจาคไว้หลังปกหนังสือต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น.. ....."นี่เธอ...เรื่องรถตู้ทีจองไว้เธอลืมแล้วหรือ คืนนี้เธอจะไปเชียงใหม่ไม่ใช่หรือ?" ....เอาแล้วซี.. ...." ก็เธอไม่ได้โทรฯกลับมา ฉันก็ถือว่าเธอ คอนเฟิร์มไม่ เปลี่ยนแปลงนะ เย็นนี้ เธอจะให้ไปรับที่ไหน ก็บอกเขา ให้รู้เรื่อง.." ............... ???
......นับจากวินาทีนั้น รายการพลิกผันก็เกิดขึ้นอย่างนับไม่ถ้วน ...เริ่มจากโทร เบรคด่วนไปยังโรงพิมพ์ หยุดการแพ็ครัดพลาสติค สำหรับส่งทางไกลเดี๋ยวนั้น...ยกเลิกการส่งหนังสือไปทางขนส่ง นิ่มซี่เส็ง...เพื่อจะจัดการขนใส่รถตู้ในตอนบ่ายแทน ....... แล้วก็วนกลับมาสู่คำตอบเดิมว่า หลานชายซึ่งจะไปด้วย แต่แรก ไม่ลางานไปด้วย แล้วอาจะหาใครนั่งไปด้วยแทนล่ะเนี่ย ....อ้อนวอน ..งอนง้อ ..ขอร้อง..บีบบังคับ..กับทุกคนที่โทรฯตาม เจอได้.. ....ทุกคนทำเสียงหยิ่งปฎิเสธกันทั้งนั้น ...เธอไม่รู้หรือว่า ฉันเป็น คนสำคัญ ไม่ใช่นั่งว่างเปล่าให้เธอชวนไปไหนก็ได้นะยะ.. ....ด้วยความสิ้นหวัง ขณะนั้น เวลากำลังเดินไปสู่เกือบห้าโมงเย็นแล้ว ผลลัพท์ยังอยู่ที่ฉันจะต้องขึ้นเชียงใหม่ไปคนเดียวในรถตู้ที่ผ่าไป สั่งจองไว้แต่สัปดาห์ก่อน แล้วไม่ยกเลิก...แล้ว..ต้องนั่งไปคนเดียว กับคนขับรถ..ใครก็ไม่รู้..?? ........อะไรจะเกิด..ก็ช่าง..หวังเถิดว่า..คงจะมีใครสักคนว่างพอ จะโดดไปเป็นเพื่อนค่ำคืนนี้แหละ..
.......เวลานัดในเวลา บ่ายสี่โมงเย็น กับ คิวรถ เลื่อนไปเล็กน้อย ถึงเวลาไปที่นัดหมายคือหน้าโรงพิมพ์ ทิ้งทุกอย่างลงแล้วฉันก็เผ่นแน่บออกจากบ้าน..เผ่นขึ้นแท็กซี่คันที่ ดูเหมือนจะดี แต่แปลกๆ แต่ก็เถอะ พาไปถึง ถนนราชดำเนิน ในเวลา ใกล้เคียงกับเวลาสั่ง..แต่ กระนั้นก็มีการติดขัดบนถนนทำให้ฉัน ต้องโดดลงทันควันเพื่อจะนั่งรถตุ๊กๆต่อไปยังโรงพิมพ์ได้ทันเวลา .........อาซ้อโรงพิมพ์ โผล่หน้ามาบอกว่า ..รถเขาติดคิวกำลังจัด รถคันใหม่มาให้ จะมาภายใน หกโมงเย็น.. .......ระหว่างรอ ฉันก็หยิบหนังสือ ซึ่งยัง อยู่ในสภาพ ห่อเล็กห่อน้อย ลงมานั่งแก้ไข บางตัวบางคำซึ่งมีปัญหา..
........บางปัญหา ยังโยงใยไปยังเหตุการณ์บางเหตุการณ์ก่อนหน้า วันสองวันก่อน...บางเหตุการณ์ ที่ทำให้ตนเอง รู้สึกถึงความหมาย ของ ProofReader หรือ พิสูจน์ อักษร ว่ามันมีความสำคัญกับการ พิมพ์งานเป็นอย่างยิ่ง... .....เพราะเล่มที่ฉันถืออยู่นึ้ จากคำว่า หลวงปู่ เราได้ เป็นคำว่า หลวงปู แทน....ก็ ดีเหมือนกัน... ที่ประชดว่าดี เหมือนกัน คือ พอมีเวลาปุ๊บ ก็ต้องนั่งเติม ขีด ไม้เอกบน หลวงปู ให้เป็น หลวงปู่ นั่นไง...แล้วในเวลากระทันหัน ในวันก่อนนั้น การที่เราพิมพ์ต้นฉบับเป็นสีหมีกสีน้ำตาล ซึ่ง ไม่ใช่ จะหาปากกาสีน้ำตาลมาแก้ไขได้ง่ายๆ กว่าจะหาหมึกสีน้ำตาลได้ เพื่อจะแก้ไขให้หนังสือทุกเล่ม ออกไปสู่บรรณพิภพในสภาพถูกต้องที่สุด ..ก็เกิดโกลาหลเป็นหนักหนาแทบว่าจะเกิดศึกกับอาเฮียเจ้าของร้านขายเครื่องเขียนริมถนน ใกล้ หอสมุดแห่งชาติทีเดียว .........ไม้เอก ไม้เดียวที่หลุดหายไป..ทำให้รู้ว่า การเขียนไม้เอก เป็น พันสองพัน ไม้เอก นี้ มันหนักหนาสาหัสนัก .....โทษฐานไม่เคารพ อาชีพนักพิสูจน์อักษร ก็ต้อง วิ่งวุ่นหาหมึก สีเดียวกับที่พิมพ์มานั่งแก้ทีละตัวทุกเล่มไปเองเถิดนะ..คนดี..!!
.......รออีกสักชั่วโมงกว่า รถตู้หลังคาสูงคันที่รอคอยกันอยู่ ก็ วิ่งเข้ามาจอด...ฉันเก็บหนังสือลงถุง แล้ว ขนขึ้นพร้อมพนักงาน หลายท่านของโรงพิมพ์ ซึ่งลงมาช่วย อาเจ๊ขนกันเป็นแถว.. ......และแล้ว หนังสือก็ได้ฤกษ์ออกจากโรงพิมพ์.! ...... ผ่านถนนหลายสายอันยาวยืดไปสู่ เรือนนนทบุรี..ต้องใช้เวลา ชั่วโมงกว่า.. .......ฉันนั่งอยู่เบาะกลาง คุยกับโชเฟอร์ ไปเรื่อยๆ วิ่งขึ้นลงไป แวะเวียนห้างแถวนั้นก่อนถึงบ้าน..และ ก็วิ่งตึงตังขึ้นไป ดูกระเป๋า เสื้อผ้าที่ยังกระจัดกระจายไม่ได้จัดอะไรลงกระเป๋าสักอย่าง
.....เมื่อเที่ยง ตอนกลับมาเรือนนี้ ถอดกางเกง ผึ่งไว้ในห้องน้ำ ได้เวลาต้องคว้ายืนตัวเดิม ใส่อีกแล้ว..เป็นธรรมดาที่จะนุ่งกางเกง ยีนกันหลายวัน..ไม่งั้นก็ไม่เป็นกางเกงยีน.. ......โผล่หน้าเข้าไปดู..คุณลูกชายตัวสูง ผมยาว ซึ่งนั่งเล่นเกม คอมพิวเตอร์อยู่ในห้องเขา ..".แม่ไม่มีใครไปด้วย..ลูกจะต้องส่งงานอาจารย์วันจันทร์ยุ่งไหม" .."งานที่จะส่งอาจารย์วันจันทร์เป็นแค่สเก๊ตช์ภาพเท่านั้น " ลูกชาย หันมาตอบด้วยเสียงนุ่มนวล ดวงตามีแววห่วงใย.. ...."งั้นลูกคงจะไปเป็นเพื่อนแม่ได้ใช่ไหม ..? " ..."ก็ได้ "..เขาตอบ.. .."ดีละ ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ แม่อาบน้ำ จัดกระเป๋าก่อน แล้ว ค่อยออกไปเอาของพวกหนังสือที่นั่งผูกต่อไว้เมื่อคืนที่ บ้านคุณยาย กันนะ " .........ช่วงเวลาที่กำลังเตรียมทุกอย่างอยู่นั้น..เวลาผ่านไปจนทุ่มกว่า สองทุ่มแล้ว.. ...เสียงมือถือก็ดังอีกแล้ว.. ... " แม่..ถึงไหนแล้วล่ะ "..เสียงลูกสาวอู้อี้มา เหมือน คิดถึงแม่เต็มประดา .."ไม่ถึงไหนเลย กำลังรอน้องชายลูกแต่งตัว อยู่ เดี๋ยวจะแวะไปเอาของ บ้านคุณยายก่อน " .." อ้าว .." เสียงลูกสาว ลิงโลด .." งั้นหนูก็ไปด้วยได้น่ะซี.."...เหตุการณ์พลิกผันจน น่าตื่นเต้น ..แม่ลูก สามคนไม่ได้เดินทางไปไหนพร้อมกันมานานแล้ว บัดนี้เราจะได้เดินทาง ไปด้วยกันอีก ช่างดีเหลือเกิน ...." ได้ ได้ ..งั้นหนูก็แต่งตัวจัดกระเป๋าแล้วกัน แล้ว แม่ไปรับหรือจะเอา รถมาจอดที่นี่ " ....."เอารถมาจอดไว้บ้านแม่แล้วกัน อีกสักชั่วโมงนะแม่.." ........สองทุ่ม ฉันกับลูกชาย นั่งรถตู้คันนั้นไปบ้านคุณแม่ เพื่อจะขน ของหลายตั้งขึ้นรถ ถ่วงเวลาบนท้องถนนรถติด แล้วก็ รับสายอีกสาย ด้วยเพื่อนที่ทำงานเก่าสมัยอยู่บริษัทโฆษณา ที่ร่วมทำบุญพิมพ์หนังสือ ด้วย เกิดอยากจะไปด้วย ..ก็เลย ต้อง จัดระเบียบใหม่ ว่า ถ้ารอลูกสาว มาจอดรถที่บ้านแล้วก็จะ ข้ามทางด่วนไปรับบางนา แล้วสตาร์ทออก จากกรุงเทพฯ บางนา สู่เหนือแน่นอนเสียที ........ในที่สุด..ฉันก็มีเพื่อนร่วมทางเพิ่มขึ้นเป็นสามคน ..อย่างน่าแปลกใจ
....จากที่ว่าจะไม่ไปเชียงใหม่ละงวดนี้ เงินที่ว่าเก็บไว้จะเดินทางก็นำไปพิมพ์ภาพขนาดเล็กพกกระเป๋าได้ ให้หลวงปู่ไปแล้ว..ทีนี้จะเดินทางขึ้นมาจะทำอย่างไร ? เป็นคำถามที่ถามตัวเองวนเวียนซ้ำซากอยู่เมื่อเช้า แล้วเพื่อน คนที่อยู่องค์การระหว่างประเทศ คนนั้น ที่ทำการจองรถตู้ให้ ก็ตัดสินใจเป็นการด่วน ว่า ..." ฉันจะจ่ายค่ารถให้เธอเอง..ฉันจะโอนเงินเข้าบัญชีบริษัทรถเขาให้เลย นะ เธอไปเถอะไม่ต้องห่วงค่ารถ " ....แล้วค่าน้ำมันล่ะ จะทำยังไงดี ..ฉันคำนวณตัวเลขในใจว่าต้องมีอย่างน้อย หกพันถึง หนึ่งหมื่นบาททีเดียว ถ้าวิ่งหลายจังหวัดไปมาอย่างที่ว่าจะต้องทำ เช่น ต้องไป ลำปาง ไป เชียงใหม่ ไปลำปาง ไปเชียงราย แล้วค่อยมากรุงเทพฯ อะไรแบบนั้น.. .....แล้วเพื่อนเก่าสมัยเรียนสาธิต สวนสุนันทา ทั้งสองคนของฉัน ก็ช่วย ตัดปัญหา ด้วยการโอนเงิน บางส่วน ถือเป็นช่วยค่าพิมพ์มาให้ สามพันบาท อย่างน้อย ปัญหาเรื่องการเดินทางครั้งนี้ เบาบางลงอย่างน่าอัศจรรย์ ในวันเดียว ... เพราะเหตุนี้แหละ.. เราทั้งหมด จึงได้เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เมื่อเวลา ห้าทุ่มไปแล้ว..
....หลายคนเขาไม่ชอบเดินทางตอนกลางคืน แต่สำหรับฉัน บรรยากาศเดินทางตอนกลางคืนเป็นสิ่งที่ฉันชอบเหลือเกิน การได้นั่งเดินทางไปในความมืด เห็นแสงไฟ ที่สวนกันไปมาของรถรา ต่างๆ การไม่ต้องเห็นว่าใครอยู่ในรถคันไหนบ้าง ......การได้เห็นความมืด ฟ้า กว้างๆ ดาวเต็มฟ้าระหว่างทาง มันเป็นความสุขอันลึกซึ้งอย่างที่บรรยายเป็นตัวอักษรไม่ค่อยได้ดีนัก การเดินทางกลางคืนนี้ เราจะสัมผัสแอร์อันเย็นฉ่ำของรถได้อย่างจุใจ ไร้แสงอาทิตย์อันร้อนแรงมาแย่งชิงความเย็น.. .........การแวะเวียนเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ก็คือการได้ลงไปปลดปล่อย ของเหลวในร่างกายที่ไตขับออกมา..ได้ลงไป หาซื้อกาแฟตามร้าน ที่มีแสงไฟสว่าง.. ........ระหว่างทาง นั่งลุ้นไปตลอดกับทิวเขา ลูกแล้ว ลูกเล่า ......มีอยู่ช่วงหนึ่งใกล้ตีสี่ ที่สั่งให้คนขับรถ หยุดจอดนอนหลับให้ เต็มเหยียดสักครึ่งชั่วโมง เรียกปลุกเขาให้ตื่นรู้ตัวสองหน แล้ว ก็เดินทาง ต่อไป สว่างเพื่อจะแวะนำหนังสือไปถวายพระองค์หนึ่งที่ ลำปาง
..ยามเช้าพระออกมาบิณฑบาตร แต่เข้าไปคลาดกับท่าน ก็ไม่เป็นไร เพื่อให้ การบริจาคเริ่มต้น เราก็ฝากหนังสือไว้ถวายพระท่าน โดยฝากไว้ตรงส่วนกลางต้อนรับของวัด ซึ่ง พระสองรูปที่รับหนังสือไป ก็ได้ หนังสือถวายด้วยเช่นกัน ท่านจึง หยิบ พระห้อยคอหลายตลับ มาแจกให้บ้าง พร้อม ให้หนังสือ ประวัติ หลวงพ่อผู้เพิ่งมรณะภาพไป ไม่กี่ปีมาให้อ่านกันบ้างเช่นกัน เชียงใหม่เดือนกุมภาพันธ์ ..........รถวิ่งต่อไป ยัง เชียงใหม่..เพื่อจะไปถนนกองบิน ๔๑ ยังบ้าน ญาติฝ่ายพี่ชายคนโต คนหนึ่ง...เราลงไป หาบ้านหลังดังกล่าวใช้เวลา หลายนาทีเพราะสภาพหน้าบ้านเปลี่ยนไปจนหมดสิ้น ..เป็นเวลานับสิบปี ได้ ที่ไม่ได้แวะเยี่ยม เบอร์โทรศัพท์ ก็เปลี่ยนแปลง แต่ในที่สุด ก็ได้พบญาติที่เคารพ ..ได้เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และคุยกันสักพัก ก็นำหนังสือหลวงปู่ มอบให้พี่ชาย ท่านดังกล่าว และ ร่ำลาเพื่อจะเดินทางไปวัดท่าจำปี แต่ แวะ กาดต้นพยอม เพื่อจะ นั่งรับประทานอาหารเช้า อันมี ต้มเลือดหมู ร้อนๆควันฉุย ร้านริมถนน กับข้าวสวย อร่อยทั้งที่อยาก จะแวะกินข้าวซอย ขนมจีนน้ำเงี้ยวอะไรปานใด ก็ไม่มีเวลาละเลียด อาหารอันใดเสียแล้ว จุดมุ่งหมายคือต้องถึงวัดให้เร็วที่สุด เพราะขณะนั้นเป็นเวลา สิบโมงเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว
....เส้นทางเชียงใหม่ คันคลองชลประทาน ผ่าน ไนท์ซาฟารี อันโด่งดัง ในขณะนี้ สู่ หางดง เป็นเส้นทางง่ายต่อการเดินทาง ไป สันป่าตอง จุดเป้าหมาย.. ...........เราแวะถามทางไปสักระยะ และ ใช้.โทรศัพท์ รบกวน ท่านพระปลัดฯ รองเจ้าอาวาส ไปตลอดทาง ....มีการถกเถียงกันเล็กน้อย เพราะ เสาหลักกิโล ที่นี่ ทำให้งงพอควร ด้วย เสาหลักด้านซ้าย บอก เลข 31 ทำให้ฉันคิดว่า เราวิ่งเลยมาจะให้ กลับรถ แต่ที่ไหนได้ วิ่งต่อไปอีก กลับพบ เสาหลักมหึมาเลข 29 บนถนน เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปให้ดูความแปลกของเสาหลักถนนวิ่งเลข ถอยหลัง... ............แล้วในที่สุด ก็พบ เส้นทางเข้าวัด จาก จุด กิโลเมตรที่ 29 เป็นต้นไป
ถึงวัด แล้ว ก็ยังมีการถอยรถกลับไปเข้าอีกทาง เพื่อจะ ได้ขนหนังสือทั้งหมด ลงไป เนื่องจาก หนังสือพิมพ์อย่างกระทันหัน มีการต้องแก้ไข ด้วยการ จัดภาพสีขนาดเล็กของหลวงปู่เข้าไปช่วยเสริมให้งดงาม และ ได้ เขียนชื่อ ผู้ร่วมบริจาคถวาย ไว้ด้านหลังในปกพลาสติคของ หนังสือ การช้าที่ผ่านมา เพราะ ต้องให้เด็กๆ บ้านคุณแม่ บ้าง โรงพิมพ์ บ้าง ช่วยใส่ปกพลาสติก และ ช่วยติดรูปหลวงปู่ครูบาเจ้าดวงดีท่านไว้ ในหนังสือ เล่ม ทานบารมี จึงทำให้ งานช้ามาตลอดกว่าเดิม อีกประการหนึ่ง ช่วงปลายเดือน เป็นช่วงหยุดตรุษจีน ทว่า ทางโรงพิมพ์ที่แสนดีของเรา ก็ยังอุตส่าห์ สั่งให้ คนงานมาทำงาน พิมพ์ให้เราระหว่างตรุษจีนจนเสร็จทันวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ตามที่นัดหมาย กันไว้ทั้งหมดจนได้
....ท่านพระปลัดฯ สั่งให้เราขนลงไปนั่งในโบสถ์หลังใหญ่ อันเย็นฉ่ำด้วยอากาศช่วงที่ไปกำลังมีความกดอากาศสูงมาจากจีน ทำให้เย็นดีตลอดวัน.. ..........จากนั้น เราทั้งหมดสี่คน ก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตา ทำงานกัน อย่างไม่ลดละ..ประกบหนังสือเรื่องทานบารมี กับ ฉลองครบร้อยปี ครูบาดวงดีเข้าหากัน ผูกริบบิ้น โบว์ทุกชนิด ..อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพื่อแข่งกับแสงตะวัน
เพื่อน และ ลูกได้นอนในรถไปตลอดทาง แต่ฉันมิได้งีบ เลยสักนิด กระนั้นก็ไม่ง่วง นั่งทำงานจน ใกล้เวลา หกโมงเย็น ...อันเป็นเวลาที่จะต้องหยุด ต้องวาง เพื่อจะถ่ายโอนงานให้กลุ่มแม่ บ้านซึ่งทางวัดจะจัดมาสานงานต่อไปจนกว่าจะผูกครบพันชุดดังที่ตั้ง เจตนาเพื่อการบริจาคไว้
...ทันทีที่เราวางงานทุกอย่างลง ...ก็เดินออกมาจากโบสถ์ เพื่อจะร่ำลาหลวงปู่ครูบาดวงดี แต่ที่ไหนได้..ท่านไม่สบายไม่อยู่ในกุฎิของท่านเสียแล้ว เราจึงร่ำลา ท่านพระปลัดฯ รองเจ้าอาวาสวัดท่าจำปี สู่จุดหมายอื่นต่อไป ......ทิ้งงานของพวกเราที่ร่วมใจกันทำงานถวายพระศาสนาไว้ที่นั่น จำไว้แต่ภาพสีสดใสของวัด แนวสีโมเดิร์นอย่างที่สุดที่ถูกแดดแล้ว งดงามฝังใจหากมองออกไปจากในโบสถ์ที่นั่งทำงานกัน
คราวนี้ ก็ถึงเวลาที่จะไล่ตามคุณ หลานชาย ณ แม่ริมกันแล้ว ตามที่นัดหมายกันว่าจะพบกันยามค่ำเพื่อ มอบหนังสือให้แก่ ผู้บริจาคชาวศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ทั้งหลาย ......โทรศัพท์ไล่ตามบอกทางนัดแนะกันในที่สุด ก็ได้พบกับ คุณหลานชายรูปหล่อ นักทำงานสายการบ้านการเมือง หลาน สุดสวาทของคุณพ่อ(ในฐานะคุณปู่) ผู้หากยังมีชีวิตอยู่ คงได้ ต่อปากต่อคำ กับนายหลานชายผู้ตีโวหารไม่ตกหล่นต้านกับคุณปู่ มาแต่เล็กแต่น้อยผู้นี้ .........คืนนี้ เป็นคืนแรก ในเชียงใหม่ ที่ได้ เข้าไปนั่งรับประทาน อาหารร้านที่ดูธรรมดา แต่รสชาติอาหารไม่ธรรมดา คุณหลานชาย บรรยายให้ฟังว่า กลางวันกว่าจะได้ถึงคิวรับประทานก็รอกันเป็น เกือบชั่วโมง ..." ต่อให้ผู้ว่า หรือ รองผู้ว่า มากิน ก็ต้องเข้าคิวรอ" ว่าแล้วเขาก็หัวเราะกั้กๆ ให้กับวาทะ เจ้าของร้านกุ๊กหญิง ผู้ทำเสต๊กพริกไทยดำแสนอร่อยให้รับประทาน .....คืนนี้ ทุกคนได้กินดี อิ่มหมีพีมัน อาหารทุกจาน ยิ่งจานร้อนขึ้นควันฉุย ทำให้ ค่ำนี้ ชีวิตมีความ หมายอย่างเหลือแสน ........ขอบคุณ คุณหลานชาย ณ แม่ริม ผู้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหาร ให้อาและ ครอบครัว รวมไปถึง เพื่อน และ คนขับรถตู้ผู้ได้รับเกียรติ ให้นั่งร่วมโต๊ะด้วยกับเรา ราวกับเป็นหนึ่งในกลุ่มญาติ ก็ไม่ปาน
.......การเดินทางยามดึกเริ่มขึ้นอีกครั้ง ....จาก เชียงใหม่ สู่ลำปาง ตัดเข้าสู่ ห้างฉัตร เลาะลัดคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา วกวนในวนอุทยาน ป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์เขตพันธุ์สัตว์ป่าสงวนอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งยังเต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าป่าไม้ .....รถตู้คันของเรา วิ่งตะบึงไล่ไปตามไหล่เขาเลาะเลี้ยวอย่าง เมามันราวกับกราดเกรี้ยวกับโชคชะตาที่ต้องมาร่วมลงรถตู้คัน เดียวกัน ..." นี่คุณโชเฟอร์ ช่วยขับรถให้ช้าลงหน่อยนะ (คุณเล่นขับ 120 130 ตามเขาแบบฝีมือดีสุดอย่างนี้) ลูกสาวฉันเขาเคยรถคว่ำบนมอเตอร์เวย์มาแล้ว เขาไม่อยากโดนรถคว่ำซ้ำสอง " ........ฉันส่งเสียงเนิบๆ แต่เฉียบขาด
.......โชเฟอร์หยุดอาการสะท้านโลกันตร์ไว้เพียงแค่นั้น เบารถลงมาหน่อย.. .......และ ราวปาฎิหาริย์ ที่ทำให้ฉัน สั่งเขาอย่างเฉียบขาดนั้น ในชั่วไม่ถึง สามสี่นาที ภาพหนึ่งก็ปรากฎเบื้องหน้า ...สะพานขาด สะพาน ชำรุด วิ่งได้แค่ครึ่งสะพานก็ปรากฎขึ้นในสายตา ........ฉันอาจจะไม่ได้ กลับมาบรรยายรายการนี้ก็ได้ หากไม่ได้ สั่งแขวะอย่างเฉียบขาดให้พ่อดอนฮวน ผู้นั้นชะลอความเร็วลง ( ยังหมั่นไส้ไม่หาย ฮึ่ม ) ป่านนี้ คงนอน ขาพาดห้อยระโยงระยาง อยู่ในห้องไอซียู หรือหมดสภาพในห้องดับจิต ด้วยพ่อเจ้าประคุณ ผู้ควบ รถตู้ ยามดึกบนเขา ด้วยความเร็ว กว่า 120 -130 เผ่นโผน โจนทะยาน เบรคตัวโก่งกับ สะพานที่เหลือครึ่งเสี้ยว ......แล้วรถเราก็คงลอยเท้งเต้งพลิกคว่ำพลิกหงายไปกับ สายธารท่ามกลางความมืดของขุนเขาดอยห้างฉัตรลำปาง ท่ามกลางความเย็นยะเยียบของขุนเขาและ สายน้ำ ..ท่ามกลางสิงสาราสัตว์ มือถือเราอาจส่งเสียงกรีดกราด ...............ได้บ้างไม่ได้บ้าง.. ......กว่าจะมีคนมาพบเรา คงอีกหลายชั่วโมง หรือ อาจจะ ไม่มี หากไม่มีคนวิ่งในยามเช้า เราทั้งหลายคงไม่ได้พบกันอีกเป็นแน่แท้..!!
.......เราดูขุนเขาทั้งหมด ด้วยความโล่งใจอีกครั้ง ความเร็วลดลงนิดหนึ่ง เหลือประมาณ 80-90 กิโลเมตรต่อ ชั่วโมง ซึ่งก็ยังนับว่าเร็วอยู่ไม่ควรควบบนเขาที่หักโค้งไปมา ....ฤาว่าคนขับพวกนี้โด้ป ยาหรือไฉน ฉันถามในใจ แต่คนอย่างเรามันพวกเดนตาย ยังไงไม่ตายง่ายๆดอก.. .......กว่าจะถึงเป้าหมาย ก็ปาเข้าไปตกห้าทุ่มแล้ว ในที่สุด...แจ้ห่มก็อยู่ด้านหน้า..ทางเข้าโรงแรมสันติสุข (ซึ่งมองอย่างไรก็ไม่เห็นโรงแรมดังว่าว่าหน้าตาเป็นอย่างไร) ....คุณผู้หญิงคนดีผู้ดูแลวัด ขี่รถเครื่องออกมาต้อนรับ แล้ว นำขับขึ้นไปอย่างไม่เกรงกลัวอะไร เราเสียอีก ที่ห่วงกังวล ว่าเมื่อเธอพาเราขึ้นเขาแล้ว..เธอจะลงมาอย่างไรกันนี่ เพราะ วัดกับหมู่บ้านไกลกันเป็นระยะถึงห้ากิโลกว่า น้ำใจของคนเหล่านี้ เราบันทึกไว้ในใจ บันทีกไว้ทุกอิริยาบทที่เธอมอบให้เรา.. ใครเล่าจะลืม ภาพผู้หญิงแกร่งตัวเล็กๆคนนั้นที่ขี่รถเครื่อง นำหน้ารถเรา ไต่ขึ้นเขาไปคนเดียว พร้อมที่จะกลับลง มาจากทางขึ้นวัดคนเดียวเพื่อเรา..? ........ในที่สุด ถึงวัด ที่มืดมิดเพราะหมดเวลาสล่า(ช่าง) ทำงานกันแล้ว...เราขนของลงไปวางที่พื้น แล้วก็ เปลี่ยนใจ ขนของขึ้นรถใหม่ เพื่อจะกลับลงไปพักที่บ้านของ คุณผู้หญิง จอมทรหดผู้แสนดีผู้นี้ แทนที่จะปล่อยเธอ ขี่เดี่ยวเปลี่ยวเอกา ลงเขาไปเพียงผู้เดียว
.........เมื่อถึงบ้านเรือนไม้ของเธอ.. ผู้ให้การต้อนรับอย่างดีเลิศ ขนผ้าห่มนวมที่นอนต่างๆปูให้เสร็จสรรพ.. ทุกคน เข้าห้องน้ำ ล้างเนื้อตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ทะยอยเข้านอนพักในห้องที่เธอจัดไว้ให้ ........และตื่นมายามเช้าอย่างชื่นบานที่สุด อากาศเย็นแสนสบาย...มองไปจากหน้าต่าง ทิวเขาอยู่เบื้องหน้า ที่ราบลุ่มเต็มไปด้วย ไร่มันฝรั่งที่บริษัทฝรั่งแห่งหนึ่ง จ้างชาวแจ้ห่ม ปลูกมันฝรั่งไว้ .........ทุกคน แต่งตัว เตรียมพร้อม อิ่มท้องด้วยอาหารที่เจ้าบ้านผู้ลุกมาต้อนรับทำไว้ให้ อาหารที่มี แชร่(ออกสำเนียงคล้ายๆอย่างนี้) เมล็ดพืชพันธุ์ บางอย่างที่ต้มกับส้มมะขามได้อร่อยเหลือหลาย ........เป็นอาหารเช้าที่ดีเลิศที่พวกเราได้รับ ........เป็นน้ำใจดี แสนประเสริฐ ที่ต้อนรับชาวกรุงอย่างเราๆ ผู้มากินนอนอาศัยบ้านเธออย่างไม่รังเกียจ. .ฉัน หยิบเงินส่วนหนึ่งใส่มือเธอตอนเธอขี่รถ ไปซื้ออุปกรณ์ครัวที่ต้องซื้อเพิ่ม..และอีกส่วนหนึ่ง ให้เธอ เพื่อไว้ใช้จ่ายหลังจากเรากลับไปจากบ้านของเธอ ซึ่ง คุณเจ้าบ้านนี้จะไม่รับ แต่ฉันก็บอก อย่าเกี่ยงงอนให้รับไว้...หากไม่รับครั้งหน้าเราจะไม่มาถล่ม อีกเป็นอันขาด... บ้านเราโชคดีอยู่อย่าง เพราะเรามักจะพบแต่คนดีมีศีล มีธรรม มีน้ำใจดีเสมอ ........และ เช่นกันครั้งนี้ เราได้พบคนดีที่น่าไว้วางใจ คนที่เราประทับใจ..ไม่สร่างเลย
ก่อน สิบเอ็ดโมง อันจะเป็นเวลาฉันของพระผู้ใหญ่ ท่าน พระราชสังฆวรณาณ จากอนาลโย..ผู้ที่กำลังเดินทางมา ......ฉันก็เดินไปมาถ่ายรูปมุมโน้นมุมนี้ของวัดเฉลิมพระเกียรติ พระจอมเกล้า แห่งแจ้ห่ม ไว้หลายมุม
....ที่กำลังก่อสร้าง คือ โบสถ์พระ ติดกับเจดีย์ใหญ่
อีกมุมของศาลาหน้าวัด
ศาลาเรืองสุวรรณ ดั้งเดิมแต่เริ่มแรกสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติ
และแล้ว ก็ได้เวลาท่านพระราชสังฆวรญาณ ท่านมาฉันเพลที่วัด เฉลิมพระเกียรติฯ แจ้ห่ม เราทั้งหลายได้อิ่มเอิบในบุญกันถ้วนหน้า
....ใครจะไป...รู้ ว่า ครั้งนี้ จะได้มากราบท่านที่แจ้ห่มอีกครั้ง ได้รับพลังเมตตาอันมหาศาลจากพระราชสังฆวรญาณ อย่างไม่คาดฝันว่าจะได้รับความอิ่มเอิบนี้ ......การเดินทางของเราในครั้งนี้ จึงจบลงด้วยความทรงจำอันแสนดี มีความสุขในบุญกุศลที่เราจักไม่ลืมเลือน ทิกิ_tiki บันทึกไว้ ณ คืนวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๙
8 กุมภาพันธ์ 2549 21:34 น. - comment id 73620
คุณ เอ๊กซ์ตรีมไลฟ์ โชคดี ที่ปัจจุบัน เราลดความรับผิดชอบร้านรวงอะไร ทั้งหลายลงหมดสิ้น ทำหน้าที่คล้ายๆแม่ของบ้าน แบบยอมรับว่าวัยกำลังสูงขึ้นสู่ วัยปลายชีวิต จึงมีเวลา ตัดสินใจเร็วด่วนได้ทุกเมื่อ และ ดีใจที่ได้พบอะไรหั้งดี ทั้งไม่ดี ในระหว่างไป ซึ่งทำให้เราได้สังวรระมัดระวัง กับทุกย่างก้าวของชีวิตมากขึ้น สำหรับวัดท่าจำปี ซึ่งเราเดินทางออกมาตอน หกโมงเย็นวันนั้น ก้ได้ข่าววันต่อมาว่า มีพระ ถูกฆ่าตายในวัดนั้นแหละ โชคดีที่เราออก มาแล้วซีนะ ขอบคุณที่แวะนะ คุณกอล์ฟคะ
8 กุมภาพันธ์ 2549 21:14 น. - comment id 82608
อยากลงให้ดูเหมือนกันนะคุณ ฤกษ์ แต่เห็นท่าจะไม่ใช่เรื่องลูกดอกค่ะ .....มีศาลา มีเจดีย์ที่น่าจะลงให้ดูอีกเยอะ ...พวกเราอาจได้ร่วมทำบุญใหญ่อีกสักครั้ง เพราะดูเหมือนว่า ท่านเจ้าคุณจะเมตตา เจ้าตัวสูงผมยาวนี้เป็นพิเศษ ....\"มาเขียนแบบให้วัดหน่อยนะ \" ท่านว่าอย่างนั้นแหละคุณ ฤกษ์ แม่เลยปลื้ม ไม่ห่วงไอ้เด้กดื้อคนนี้อีกแล้ว ชอบคุณที่แวะเยี่ยมนะคะ เพิ่งมีโอกาสมา เปิดจออ่านตอนนี้เองค่ะ
6 กุมภาพันธ์ 2549 23:05 น. - comment id 89408
7 กุมภาพันธ์ 2549 04:56 น. - comment id 89409
อ่านม่วนแต๊ ๆ น่าจะมีรูป หนุ่มลูกชายผมยาว กับลูกสาวแสนดีผู้ห่วงใยคุณแม่ ลงให้หนุ่นสาวไทยโพเอ็มน้ำลายยืดกันบ้างอิอิ
7 กุมภาพันธ์ 2549 12:34 น. - comment id 89417
เอาเรื่องนี้ไปทำโฆษณา M - max ตัวต่อไปได้เลยนะนี่ อย่างนี้สิ ถึงจะเรียกว่า extreme life ตัวจริง ด้วยความนับถือครับพี่ทิกิ
10 กุมภาพันธ์ 2549 15:20 น. - comment id 89446
รายนามผู้ร่วมบุญพิมพ์หนังสือ 1..(ทานบารมี )และ 2(ครบร้อยปีครูบาดวงดี ) .สรุปรวมยอดรับ.บริจาคร่วมพิมพ์หนังสือ 1 . ท่าน...พระอาจารย์สัมฤทธิ์ ..วัดชนะสงคราม.... .......300. บาท 2.คุณ..วารี เอื้อจรมานี .มหาชัย...สมุทรสาคร ...... .......100. บาท . 3. คุณ อุบลทิพย์ ถิ่นเกิด....ลาดพร้าวกรุงเทพฯ.... ........450. บาท 4. คุณแม่ ส้มลิ้ม ถิ่นเกิด.....ลาดพร้าวกรุงเทพฯ...... .....450. บาท 5.คุณ สิริกร สุทธิกานต์ กรุงเทพฯ..............................300 บาท 6. คุณ ฉันทนา คุณ พุทธิทรง พันธุ์คงชื่น.............. ......900. บาท 7.คุณ ชุติญา ยูประพัฒน์ ใบเงิน.......กรุงเทพฯ .... .......900. บาท 8.คุณ เยาวลักษณ์ อุทิศให้ นาง บุญนอง บุญประเสริฐ....150.บาท 9.คุณ พุทธะรักษา สัจจะวาทิกุล ชินเขต กรุงเทพฯ.........200 บาท 10.คุณ กรรณิการ์ พุฒลา (ร้านโซโห)ปั๋มปตท กรุงเทพ...150 บาท 11คุณ คล้ายวาสน์ ทิมสถิตย์.องค์การโทรฯพหล กทม....200 บาท 12 คุณ วัลลภา ผลดี เชียงราย.................................1,000 บาท 13. คุณ อุณพุทธ พันธุ์คงชื่น.....................................900 บาท 14.คุณ พูลทรัพย์ อุตตะระนที(เว็บdhammathai.org).....300 บาท 15.คุณชนวิช อนรรฆกุล กรุงเทพฯ............................3,000 บาท 16 คุณ เอมวิชญ์ สุขประเสริฐ(ส่งทางไปรษณีย์).............300 บาท 17 ท่านพระทอง ฐิตธัมโม แห่งวัดศรีประวัติ.................2,300 บาท *18.คุณ พิมพ์วลัญช์ สิมมาโคตร บ.เทคโนโลยี ซัพพลาย กทม ...300 บาท *19 บริษัท อินนาคอน จำกัด (กรุงเทพฯ) โดยคุณพุทธพร ไพบูลย์ 500 บาท 20 บริษัท การชัยศรี(อพาร์ตเมนท์ พัทยา)โดย คุณ ศิริวัฒน์ การชัยศรี 1,000 บาท 21. คุณ บรรจบ คุณ สุกัญญา คหินทพงค์...................200 บาท 22.คุณ จิระพันธ์ คุณ สุพรรณี พันธุ์คงชื่น............... ....900 บาท 23 พตท สิทธิพร คุณ จตุรพร พันธุ์คงชื่น.................1,000 บาท 24 คุณ บัณฑิต ทิพย์ภิบาล(เว็บบางกอกซิตี้ดอทคอม)...300 บาท 25 คุณ สุเทพ คุณ พัชรวัลย์ สิมะวรา กทม..................600 บาท *26 หนังสือพิมพ์บ้านเมือง โดยคุณพลฑิตย์ ภุกพิบูลย์.2,000 บาท 27 คุณ ศักดิชัย ปิยะสาธุกิจ (เว็บ ไทยโพมดอทคอม).....500 บาท 28คุณ กิตติวัฒน์ คุณ กนกวรรณ อ่วมอารีย์ เชียงใหม่.....300 บาท 29 เด็กชาย ศรชัย อ่วมอารีย์ เชียงใหม่.......................300 บาท 30 คุณ บุญชู คุณ ทองสุข บัวเกษ เชียงใหม่................300 บาท 31 คุณ อำนวย คุณ จันทร์เพ็ญ อ่วมอารีย์ ... เชียงใหม่...300 บาท 32 คุณ ชุมพล คุณ ชลอ คุ้มวิเชียร... เชียงใหม่.............300 บาท 33 คุณ รุ้งนภา คุณ บุญยาพร คุ้มวิเชียร เชียงใหม่.... .....300 บาท 34คุณ ฉลวย คุณ เนตรดาว คุณ อริสรา แย้มผกา เชียงใหม่.300 บาท 35 คุณณัฐกานต์ วีระพงษ์ ด.ช.ธนกฤต วังสุนทรเชียงใหม่.300 บาท 36.คุณ นิล พันธุ์คงชื่น (นนทบุรี) เชียงใหม่...............600 บาท 37คุณ อาทิตย์ เกตุศิริถวิลวงษ์.. เชียงใหม่...............300 บาท 38คุณ สายใจ พัชราวลัย..เชียงใหม่........................300 บาท 39 เขมรดำ (นามแฝง).... เชียงใหม่........................600 บาท 40 คุณ เอกวัฒน์ วณิชรมณีย์...เชียงใหม่..................300 บาท 41 พี่นิด แม่ริม เชียงใหม่......................................600 บาท 42 คุณยายแฉล้ม -คุณตาฉ่ำ นวะมะรัตน์.....กทม.......950 บาท 43 คุณ ธรรมรัตน์ นวะมะรัตน์....... กทม..................500 บาท 44 คุณ นิตยา นวะมะรัตน์.........กทม.....................300 บาท 45 คุณ ณัฐกร พันธุ์คงชื่น ..กทม...........................150 บาท วันนี้ 23 มกราคม 2549 มียอดเพิ่มดังนี้ค่ะ 46 คุณ ภัสศมณ คุณ กุลจิรา คุณ จารุกร ศักดาธร โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่........................300 บาท 47* คุณ ประเสริฐ นิพัทธ์กุศล..............................100 บาท รวมเพิ่ม 26,500 บาท(สองหมื่นหกพันห้าร้อยบาทค่ะ) วันนี้ 24 มกราคม 2549 มียอดเพิ่มดังนี้ค่ะ 48 คุณ ณปภา อากรปัญจพล................................300 บาท 49คุณ อาภากร อากรปัญจพล...............................300 บาท 50คุณ อภิชา อากรปัญจพล..................................300 บาท 51 คุณ ภาณิชา อากรปัญจพล..............................300 บาท 52 คุณ จินห์นิมาศ อากรปัญจพล..........................300 บาท 53 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม(สายคุณ ชุติญา) ............1,900 บาท 54 คุณ ธนาชัย พรยิ่งวานิช ปลวกแดง ระยอง .........300 บาท 55 นัทธมน วิบูลย์พันธุ์ กรุงเทพฯ/นนทบุรี...........25,000 บาท 56 หจก.ณิค มัณฑนากร กรุงเทพฯ/นนทบุรี........15,000 บาท 57 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม....................................500 บาท 58 * มาลินีการบัญชี กรุงเทพฯ........................1,000 บาท(ชำระแล้ว 500 บาท) 59 *พระอาจารย์ ปลัด โกเมศ สุเมธะโส วัดเชียงรุ้ง เชียงราย 1,000 บาท 60 คุณ คณิต-คุณ ชลิต วิบูลย์พันธุ์ .....................2,000 บาท 61 ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม.....................................200 บาท 62. คุณ ปราย ฟ้าประทานชัย..............................510 บาท 63. คุณ ธัญญลักษณ์ นิมมานเหมินท์...................200 บาท 64.คุณศศิเกษม หิรัญรัศมี... กรุงเทพฯ..............2,000 บาท 65 คุณ ภูรี พันธุ์คงชื่น........หลักสี่ กรุงเทพฯ..........500 บาท 66.ผศ ขนบพันธุ์ เอี่ยมโอภาส คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย รามคำแหง หัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพ 10240 500 บาท รวมยอดผู้บริจาคเงินมาทั้งสิ้น 78,710 (เจ็ดหมื่นแปดพันเจ็ดร้อยสิบบาทถ้วน) กราบขอบพระคุณทุกท่านและ อนุโมทนายิ่งค่ะ tiki http://www.palungjit.com/board/showthread.php?p=178653#post178653 (อนึ่ง เนื่องจาก ยอดบริจาค ที่มีเข้ามาอีกเรื่อยๆ จึงขอยกยอดไปพิมพ์รายชื่อเพิ่มในหนังสือในกรณีที่จะมีการพิมพ์ครั้งใหม่) สำหรับ เพื่อนบางท่าน ได้ร่วม มือมาอีกดังนี้ (หมายเลข 64. คุณ ศศิเกษม หิรัญรัศมี กรุงเทพฯ ได้ช่วยร่วมมาเป็นค่าเช่ารถตู้ประมาณ สามวันซึ่งเป็นเงินประมาณ เกือบห้าพันบาท ร่วมช่วยมา 2000 บาท) เพื่อให้ ข้าพเจ้านำหนังสือขึ้นไป ถวายวัดท่าจำปีด้วยตนเอง มีโอกาส นำหนังสือส่งผู้ร่วมบริจาคสายเชียงใหม่ และ ได้ นำไปถวายพระสงฆ์ท่านอื่นอีก ข้าพเจ้าได้เขียนเรื่องการเดินทางไว้ทางด้านเรื่องสั้น ในเว็บไทยโพม ดังนี้ http://www.thaipoem.com/forever/ipage/story6425.html และที่นี่ http://www.pantown.com/board.php?id=11020&name=board3&topic=37&action=view จึงขอขอบคุณทุกท่านไว้ที่นี่ และ จะค่อยนำสรุปเรื่องต่างๆมา เติมข่าวให้ท่านทราบเรื่อยๆ เมื่อตอนค่ำ ท่านพระปลัดที่วัดท่าจำปี ได้บอกฝากเพื่อนมาว่า มีประชาชนชาวเชียงใหม่ที่ได้เห็นหนังสือของหลวงปู่ มีความ ต้องการหนังสือเป็นอันมาก แต่ข้าพเจ้ายังมิได้ตอบอะไรแก่ท่านด้วยยังไม่มีงบประมาณการ พิมพ์เพิ่มเติมในขณะนี้ จึงขอกราบเรียนผ่านทุกท่านไว้ที่นี้ ขอบพระคุณทุกท่านค่ะ กำลังทำรายชื่อผู้บริจาคเพื่อให้ทางวัดออกใบอนุโมทนาบุญให้นะคะ ป.ล....วันนี้จัดหนังสือลงกล่องเพื่อส่งไปยังผู้บริจาคนะคะ ขอความกรุณาช่วยรอคิวตามความเร่งด่วนด้วยค่ะ สำหรับค่าใช้จ่ายงานพิมพ์ทั้งหมด ก็แสนกว่านิดนิด กำลังทำบัญชีส่งวัดอยู่เจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมบริจาคมาจาก ทุกทิศ ด้วยคารวะอย่างยิ่ง
14 กุมภาพันธ์ 2549 19:26 น. - comment id 89504
รายงานการบริจาคหนังสือในช่วงเวลาที่ผ่านไป วันแรกที่นำหนังสือออกจากโรงพิมพ์จะไปส่งหอสมุดแห่งชาติ ก็เริ่ม นำหนังสือถวายพระไล่กันมาเรื่อยๆ ดังนี้ เล่ม 1ทานบารมี -เล่ม 2 100ปีครูบา 1 ก.พ.2549 นำมอบหอสมุดแห่งชาติกรุงเทพฯ - เล่ม 2 จำนวน 9 เล่ม 1 พระปลัด ฯ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอรุณ ราชวราราม กรุงเทพ - เล่ม 2 จำนวน 1 เล่ม 2.4 ก.พ.2549 พระสงฆ์ วัดเกาะ ลำปาง - เล่ม 2 จำนวน 3 เล่ม 3.วัดศรีโสดา เชียงใหม่ เล่ม 2 จำนวน 22 เล่ม 4..วัดเจดีย์หลวง -พระพุทธพจน์วราภรณ์ เล่ม 2 จำนวน 22 เล่ม 5. บ้าน 100อัน1000 อย่าง เล่ม 2 จำนวน 11 เล่ม 4..4 ก.พ.2549 วัดท่าจำปี สันป่าตอง เชียงใหม่(พระปลัดฯ รับแทนครูบา) เล่ม 1 จำนวน 1100 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 1400 เล่ม 6. 5.ก.พ.2549 วัดเฉลิมพระเกียรติ พระจอมเกล้าฯ พระราชสังฆวรญาณ เล่ม 1 จำนวน 3 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 50 เล่ม 7.9 ก.พ.2549 วัด ศรีประวัติ (พระทองรวมบริจาคช่วยพิมพ์ 2300 บาท ) เล่ม 1 จำนวน 7 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 14 เล่ม 8 10 ก.พ.2549 วัดเลียบราษฎร์ บำรุง -เจ้าอาวาสเล่ม 1 จำนวน 1 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 5 เล่ม 8.2 - มหาสำอางเล่ม 1 จำนวน 1 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 5 เล่ม 9 12 ก.พ.2549 ถวายพระโรงพยาบาลสงฆ์ ตึกอายุรกรรม -เล่ม 2 จำนวน 60 เล่ม 9.2 ที่โรงพยาบาลสงฆ์ ได้ ถวายพระผู้ใหญ่ที่มาสวดในหอฉัน ตามเวรของท่าน (น่าจะเป็นพระจากวัดเบญจมบพิตร) เล่ม 1 จำนวน 2 เล่ม เล่ม 2 จำนวน 4 เล่ม 10.13 ก.พ.2549 วัดบวรนิเวศวิหาร -พระนพดลฯ เล่ม 1 จำนวน 4 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 35 เล่ม 11 .วัดชนะสงคราม -สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เล่ม 1 จำนวน 2เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 25 เล่ม 11.2 -พระอาจารย์สัมฤทธิ์ เล่ม 1 จำนวน 2 เล่ม ,เล่ม 2 จำนวน 20 เล่ม
16 กุมภาพันธ์ 2549 13:27 น. - comment id 89556
........เนื่องด้วยข้าพเจ้าได้จองทำบุญเลี้ยงเพล ไว้กับโรงพยาบาลสงฆ์ในวันเสาร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์พุทธศักราช ๒๕๔๙ นี้ ท่านสมาชิกท่านใดจะไปร่วมทำบุญกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะนำหนังสือที่ได้พิมพ์ ไปถวายพระภิกษุผู้นอนอาพาธ อยู่ตามตึกผู้ป่วย ตั้งเจตนาว่า จะนำไปถวายครั้งนี้ ในส่วนการกุศลของข้าพเจ้า ๑๐๐ เล่ม แต่ จะใส่ชื่อผู้ร่วมบริจาคทุกท่านที่บริจาคเพิ่มแล้วยังไม่ได้พิมพ์ไว้ท้ายหนังสือ ไปให้ทุกท่าน ........หากท่านผู้ใดปราถนาจะไปร่วมถวายทานปัญญาในครั้งนี้ ก็ได้โปรดกรุณา ไปให้ถึงโรงพยาบาลสงฆ์ ก่อนเวลา10:00 นาฬิกา ข้าพเจ้าจะ นั่งอยู่กับกองหนังสือ ในโต๊ะที่ตึกหอฉันในโรงพยาบาลสงฆ์.. ........จึงขอกราบเรียนเชิญ ท่านผู้ใจบุญทุกท่าน ในวันเสาร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์พุทธศักราช ๒๕๔๙ มา ณ ที่นี่