ชายเทียมในโลกแท้ ( GayGuy in Straight World ) ตอนที่ 10 แล้วเราจะได้เห็นดี(ชั่ว)กัน

ชายชัช

ตอนที่ 10  แล้วเราจะได้เห็นดี (ชั่ว) กัน       
พลซัง ทำไมไม่เข้าประชุมด่วนวันนี้ล่ะ  
ผู้จัดการญี่ปุ่นถามผม   เราใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารกันและกัน
ประชุม ?? วันนี้มีประชุมด้วยเหรอครับ ทำไมไม่มีใครบอกผม
ก็ประชุมเรื่องงานค้างที่กระบวนการผลิตที่สามไง  เป็นเรื่องด่วน นัดประชุม 10 โมงตรง พวกเราได้รับอีเมล์จากฝ่ายโปรดักชั่นทุกคน นี่พวกเราพึ่งออกจากห้องประชุมมา แล้วทำไมคุณไม่เข้าประชุม    ผู้จัดการถามผมเป็นรอบที่สอง
อีเมล์อะไร ผมไม่ได้รับอีเมล์เลยผมไม่ทราบเลยจริงๆ  ผมยกแขนขึ้นดูที่นาฬิกาข้อมือ แย่แล้วเพราะตอนนั้นมันเป็นเวลา 11.30 น 
 
ก็อีเมล์แจ้งจาก ธวัชชัยซัง ไงล่ะ   ผู้จัดการแผนกผมยังมีสีหน้าไม่พอใจอยู่
อีเมล์เป็นแบบไหน ขอผมดูที่คอมของผู้จัดการได้ไหมครับ ผมเริ่มใจคอไม่ดี รู้สึกไม่ชอบมาพากล
ผู้จัดการพาผมไปที่ห้องของเขาแล้วเปิดอีเมล์ให้ผมดู และมันเป็นอีเมล์ที่เสนอการจัดประชุมขึ้นฉุกเฉินขึ้นจากนายธวัชชัยคู่กรณีของผมเอง ส่งหาแผนกพัฒนาและแก้ไขขบวนการผลิต นั้น ก็คือแผนกผมซึ่งเมื่อเค้าส่งหากลุ่มรวมแบบนี้ ทุกคนจะได้รับอีเมล์อัตโนมัติเพื่อเข้าประชุมร่วมกันแก้ปัญหาในเรื่องงานค้างที่กระบวนการผลิตที่สาม  
แต่ผมไม่ได้รับอีเมล์ฉบับนี้นะครับผู้จัดการ  ช่วยกลับไปที่ห้องทำงานผมอีกที แล้วผมจะเปิดอีเมล์ของผมแล้วผู้จัดการจะรู้ว่า ผมไม่ได้รับจริงๆ ผมไม่ได้โกหกนะครับ
ผู้จัดการผมเดินตามผมมาที่โต๊ะทำงานของผม ผมเปิดอีเมล์ของผมไม่มีรายชื่อของจดหมายฉบับนั้นเลยจริงๆ
แปลกมากๆ  
ผู้จัดการชาวญี่ปุ่นผมรำพึงออกมา ผมเริ่มรู้ตัวว่านี่อาจจะเป็นแผนที่จะทำการลดความน่าเชื่อถือของผมโดยพี่ธวัชชัย ผมรู้สึกโกรธจนลมออกหูได้แต่ท่องไว้ว่า สติ สติ มีสติเข้าไว้ 
ลองโทรไปหาแผนกฝ่ายเทคนิคคอมพิวเตอร์ที่รับผิดชอบดูแลสิ ว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า
คุณพระคุณเจ้า ! คำแนะนำของผู้จัดการประโยคนั้นดึงสติผมมา ก่อนที่ไฟพิโรธแห่งอารมณ์จะทำให้ผมขาดสติ  ผมรีบโทรศัพท์ไปที่ฝ่ายบำรุงระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทโดยตรง
แผนกคอมเหรอครับ ขอถามหน่อยนะครับ   เป็นไปได้ไหมครับ ? ที่จะส่งอีเมล์หากลุ่มตามแผนกโดยเซตเป็นกลุ่มผู้ใช้ เช่นส่งไปหาแผนกพัฒนาการผลิต แล้วสมาชิกในกลุ่มบางคนจะไม่ได้รับนะครับ
เป็นไปไม่ได้ค่ะ ถ้าชื่อของคุณอยู่ในกลุ่มนั้นต้องได้รับค่ะ เพราะฝ่ายเราเซตกลุ่มขึ้นเอง รับรองไม่มีพลาด
เมื่อได้รับการยืนยันดังนี้ ผมจึงรีบถามตอบด้วยอารมณ์เดือดปุดๆ
ผมพลนะครับ อยู่ในกลุ่มพัฒนาการผลิตเอง แล้วทำไมทุกคนได้รับอีเมล์จากคุณธวัชชัย แล้วผมถึงไม่ได้รับคนเดียวในกลุ่มละครับ ระบบผิดพลาดหรือเปล่าทำไมผมไม่ได้รับเมล์ รู้ไหม มันทำให้ผมต้องพลาดการประชุม
คุณพลคะ ขอทราบอีเมล์แอคเคาทน์ หน่อยค่ะ  ผมรีบตอบเบอร์อีเมล์ประจำบริษัทให้ฝ่ายคอมพิวเตอร์
เออ....เราได้รับเมล์จากคุณธวัชชัยผู้จัดการฝ่ายโปรดักชั่นให้เอาชื่อคุณออกจากกลุ่มพัฒนาการผลิตแล้วนี่คะ ?
ผมถึงบางอ้อ พร้อมๆกับความโกรธที่ดันขึ้นมาทางศีรษะ  ผมหายใจยาวหนึ่งเฮือกไม่นึกว่านายธวัชชัยจะเล่นกันถึงเพียงนี้  ได้...ในเมื่อจะเล่น ก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด ผมตั้งสติแล้วถามต่อไป
คุณธวัชชัยเค้าส่งอีเมล์ไปให้ฝ่ายคุณตอนไหนครับ
ตั้งแต่เมื่อวานค่ะ  แต่เอ...ในอีเมล์คุณธวัชชัยบอกว่าคุณจะย้ายไปอยู่แผนกซ่อมบำรุงนี่คะ จึงไม่จำเป็นที่จะเอาชื่อไว้ในกลุ่มเก่า คุณธวัชชัยให้ย้ายชื่อไปอยู่กลุ่มใหม่เรียบร้อยแล้วค่ะ คือกลุ่มซ่อมบำรุง 
  
คำตอบนั้นทำให้ผมเลิกความนับถือพี่ธวัชชัยไปตรงนั้น ต่อไปผมจะเรียกเค้าว่าคุณธวัชชัย  นายธวัชชัย และหากถึงขีดสุด ก็อาจจะเป็นไอ้ธวัชชัย  เพราะผมจะไม่นับถือเค้าเป็นพี่อีกต่อไป
แล้วคุณก็ทำตามเลยเหรอครับ โดยไม่มีการยืนยันจากผมเลยเหรอ   ผมออกอาการฉุนเพราะผมรู้สึกว่าฝ่ายบำรุงคอมพิวเตอร์ทำไมได้เชื่ออีเมล์แค่ฉบับเดียวจากนายธวัชชัยโดยไม่ถามผมสักคำ
ใจเย็นค่ะคุณพล  กฎของเราเป็นแบบนี้ค่ะ เราต้องทำตามคำสั่งผู้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการแต่ละแผนกในบริษัทเราไม่มีสิทธิจะแย้งได้เพราะถือเป็นคำสั่งที่คนเป็นผู้จัดการจะรับผิดชอบคำสั่งนั้นเอง
ทั้งๆที่เค้าไม่ใช้ผู้จัดการแผนกผมโดนตรงก็มีสิทธิ์สั่งได้เหรอครับ?  
เออ...ตรงนี้เราก็ต้องทำตามนะคะ เพราะเค้ามีสิทธิ์ และเป็นกฎ อีกอย่างมันกว้างไม่ได้ระบุว่าต้องเป็นผู้จัดการแผนกไหน กฎบอกว่าแค่ตำแหน่งผู้จัดการ เราก็แค่มีหน้าที่ต้องทำตาม
นั้นสินะ ผมจะอารมณ์เสียกับปลาซิวปลาสร้อยทำไม ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากตัวเบ้งๆ
ช่วยฟอร์เวิร์ด อีเมล์ของคุณธวัชชัยมาให้ผมเดี๋ยวนี้ ได้ไหมครับ ผมอยากเห็นอีเมล์นั้นด้วยตาของผมเอง
ผมขอร้องคนที่พูดปลายสายกับผมด้วยเสียงที่โทนเบาลง แต่ก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
เออ...ถ้าฟอร์เวิร์ดไปชื่อหนูมันก็โผล่สิคะ ว่าหนูเป็นคนส่งไป หนูก็แย่สิคะ
ผมได้ยินดังนั้นก็ลมออกหูอีกที เค้นเสียงอยากอำมหิตกรอกลงไปในหูโทรศัพท์ว่า
ถ้าน้องส่งตอนนี้ อาจมีชื่อน้องอยู่ก็จริง  น้องจะไม่ได้รับความเดือดร้อนใดๆ พี่จะไม่ให้กระทบถึงน้อง แต่ถ้าน้องไม่ส่ง พี่จะไปเอาก็อบปี้นั้นด้วยตัวของพี่เองที่แผนก และน้องจะต้องให้พี่พร้อมน้ำตาและเรื่องมันจะไม่จบเพียงแค่นี้...และพี่ก็จะทำจริง  รับรองไม่ใช่แค่อีเมล์ไปเหมือนคุณธวัชชัยแน่ ! 
ผมขู่ด้วยน้ำเสียงที่เอาจริง เมื่อผมนึกย้อนไปผมรู้สึกสงสารน้องผู้หญิงคนนั้นมากที่โดนผมขู่
จะส่งให้เดี๋ยวนี้ค่ะ  ปลายทางรีบตอบ
ขอบคุณมากครับ พี่จะเก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับเอง ทำใจให้สบาย น้องไม่เกี่ยว มันเป็นเรื่องของพี่กับคุณธวัชชัย  
ผมให้คำสัจกับน้องคนนั้น ภายในเวลาไม่กี่นาที อีเมล์ฉบับนั้นก็โดนส่งมาให้ผม  ผมรีบเปิดอ่าน ใจความไม่ต่างกับเรื่องที่ฝ่ายระบบคอมพิวเตอร์เล่าให้ผมฟัง เป็นฟอร์มคำสั่งที่ต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษ ดีเหมือนกันผมจะได้ไม่ต้องอธิบายสาเหตุว่าทำไม่ผมถึงไม่ได้รับอีเมล์  ผู้จัดการผมที่รอฟังเหตุการณ์ทั้งหมดมองมาที่ผม ผมรีบเรียก
ผู้จัดการครับ ได้โปรดมาดูอีเมล์ฉบับนี้หน่อย
เมื่อผู้จัดการผมอ่านถึงกับอุทาน
ทำไม ทำไม ธวัชชัยซังถึงทำแบบนี้ ทำไมเค้าไม่มาคุยกับผมก่อน เค้าทำแบบนี้กับคุณซึ่งเป็นลูกน้องของผมได้อย่างไง   ผู้จัดการผมเริ่มงงกับเหตุการณ์และท่าทีจากน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจกับการกระทำของนายธวัชชัยนัก
ผู้จัดการอยากรู้ไหมครับว่าทำไม ผมถามผู้จัดการญี่ปุ่นของผม
พลซัง รู้เหรอ ?  
ผมพยักหน้า และตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้จัดการของผมฟัง ผมร่วมงานกับผู้จัดการชาวญี่ปุ่นคนนี้เป็นเวลา 1 ปี พอจะเดาได้ว่าเขาก็ไม่พอใจการกระทำของนายธวัชชัยเช่นกัน ผมถือวิกฤตเป็นโอกาส นี่เป็นโอกาสที่จะหาผู้สนับสนุนและเรียกร้องความเห็นใจให้ฝ่ายผม ซึ่งผู้จัดการคนนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารคนหนึ่งเสียด้วย 
เป็นการกระทำที่เลวมาก  
 
ผมขออนุญาตแปลคำว่า bad behavior ที่ผู้จัดการออกความเห็นหลังจากรู้เรื่องทั้งหมดจากผม ถ้าผมแปลเป็น การกระทำที่แย่ ก็จะดูไม่สาสมต่อคนระดับนายธวัชชัย คำว่าเลวผมคิดว่าใช้ถูกแล้วกับระดับกับคนอย่างเขา
ไม่ต้องห่วง ผมจะไปพูดกับธวัชชัยให้เอาชื่อคุณเข้าแผนกเราเหมือนเดิม เค้าจะทำอะไรคุณไม่ได้แน่นอน เพราะคุณคือพนักงานคนโปรดของผม  ผมจะดูรอดูการกระทำของธวัชชัยซังเอง ถ้าเค้าล้ำเส้นมามากกว่านี้ ผมจะจัดการเค้าด้วยตัวผมเอง
เป็นคำพูดที่เจ้านายออกรับแทนลูกน้องได้ซึ้งที่สุดเท่าที่ผมได้ยินมา ผู้จัดการผมเป็นคนมุ่งมั่นและรักความยุติธรรม และได้โปรดอย่าคิดว่าชายวัย 50 อย่างเขาจะมามีใจให้กับผมในเชิงอื่น  เพราะความสัมพันธ์ของเรามันแค่เจ้านายและลูกน้องที่ดีต่อกัน  ร่วมกันทำงานอย่างแข็งขันเท่านั้นเอง  หลังจากที่เจ้านายผมเดินออกจากห้อง ผมรู้สึกว่าทำไมผมจะต้องเป็นผู้ฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว นายธวัชชัยควรได้รับการตอบแทนเสียบ้าง   ผมรีบยกหูโทรศัพท์กดหมายเลขที่โต๊ะของเขา เมื่อเค้ารับสาย ผมพยายามทำน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด 
คุณธวัชชัยเหรอครับ รู้สึกว่าแผนลดความน่าเชื่อถือของคุณจะได้ผลนะครับ ผู้จัดการผมมาต่อว่าผมใหญ่เหตุเพราะว่าผมไม่ได้เข้าประชุม   
ผมใช้สรรพนาม คุณ เรียกนายธวัชชัย  ก็บอกแล้วว่าผมหมดความนับถือเค้าไปแล้ว ผมปรานีแค่ไหนที่ยังเรียกนำหน้าว่า  คุณ  ซึ่งคำนี้ในหมูเพื่อนสนิทจะรู้ว่า คำว่าคุณคือคำหยาบ ถ้าเรียกกูมึงคือสนิทชิดเชื้อให้ความไว้วางใจ แต่ถ้าวันใดเพื่อนสนิทไม่เรียกมึงและหันมาใช้คำว่าคุณแล้ว แถมเขาก็อารมณ์ไม่ดีเรียกคำว่าคุณด้วยละก็ ให้รู้ไว้เถอะว่าเพื่อนหมดความนับถือในเพื่อนแล้ว
นี่แค่สั่งสอนเบาะๆ พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าพี่อยู่คนละระดับกับพล พี่มีอำนาจพอที่จะทำอะไรก็ได้!!
คุณมีอำนาจจริงๆครับ ทำไมคุณไม่ขยายอำนาจโดยการมาฉี่รอบโต๊ะที่ห้องทำงานผมเสียเลยละครับ ผมพูดแดกดัน
พล ! ระวังคำพูดหน่อยพี่ไม่ใช่หมา !  เสียงนั้นเริ่มดังขึ้น
ผมเปรียบเทียบไม่ผิดหรอกครับ ลอบกัดลับหลังไม่ให้ใครรู้ตัวก็ทำมาแล้ว แล้วทำไมแค่เดินมายกขาข้างหนึ่งแล้วปล่อยของเสียอีกขั้นหนึ่งจะทำไม่ได้ ผมว่าพี่ธวัชชัยต้องทำได้แน่นอน
   
พล!  พลกำลังทำให้พี่โมโหนะ 
 
 เสียงเค้ายิ่งโกรธ ยิ่งทำให้ผมได้ใจพูดให้เจ็บแสบเข้าไปอีก  ผมนึกถึงหน้าของเขา ป่านนี้ ทั้งหน้าตาและใบหูคงแดงเถือกด้วยความโกรธแสดงถึงความพล่านของเลือดในตัวเค้าเอง
นั้นคือจุดประสงค์ผมครับ  คุณจะได้รู้ว่าการที่มีคนมาทำให้โกรธนั้นมันรู้สึกเป็นอย่างไง  ผมจะไม่พูดยาว สิ่งที่ผมต้องการคือ ชื่อของผมในระบบอีเมล์ต้องเป็นอย่างเดิม ก่อนเวลาบ่ายสามโมงในวันนี้ ! เข้าใจไหมครับ
หึ ! ทำไมพี่จะต้องทำตามพล ไปอยู่แผนกซ่อมบำรุงสถานที่ ไม่ดีกว่าเหรอ  
นายธวัชชัยพูดเสร็จก็หัวเราะเยาะเย้ยหมายจะให้ผมอารมณ์เสีย แต่ฝันไปเถอะ ผมหยุดเสียหัวเราะนั้นด้วยการตอกกลับไปว่า
ผมไม่ตลกด้วยครับ  ถ้าบ่ายสามวันนี้ ชื่อผมไม่อยู่ที่เดิม   พรุ่งนี้ก็อบปี้จำนวน 300 ชุดของอีเมล์ที่ผู้จัดการไทยคนหนึ่ง  บอกรักกับพนักงานใหม่ในแผนกตัวเองจะกระจายไปให้อ่านกันอย่างทั่วถึง ทีนี้พฤติกรรมคุกคามทางเพศของผู้จัดการคนนั้นกับผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้หนึ่งคนก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
ได้ผล เสียงหัวเราะหยุดชะงักไปในบัดดล 
พลกำลังแบล็กเมล์พี่   
น้ำเสียงโทนต่ำบ่งบอกความโกรธและตกใจในขีดสุด ผมรีบตอกย้ำความโกรธด้วยลิ่มของวาจาอย่างต่อเนื่อง
แบล็กเมล์เค้าเอาไว้ใช้กรณีคนเลวทำกับคนดีที่เป็นเหยื่อ  กรณีนี้ ผมว่าความเลวของเราทั้งคู่คงสูสี ใช้คำว่า ขอเอาคืน ก็แล้วกันครับ ที่ผ่านมาพี่ก็น่าจะรู้ว่าผมเอาจริงเอาจังกับการทำงานแค่ไหน  งานนี้ผมก็จะทำจริงครับ ไม่ได้ขู่แม้แต่นิดเดียว บ่ายสามวันนี้ คือเส้นตาย ไม่สำหรับผมก็สำหรับพี่!!!
พูดเสร็จผมก็รีบตัดบทวางหูโทรศัพท์ลงไปทันที   เสียงออดให้สัญญาณพักเที่ยงตรงพอดี ผมถอนหายใจยาวหนึ่งเฮือก  นี่ผมทำไปแล้วจริงๆเหรอเนี่ย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าผมจะต้องต่อสู้กับความอยุติธรรม  ผมนั่งรอกุ้งมาที่ห้องทำงานของผม เพราะตั้งแต่เราเริ่มแผนการ ในตอนเที่ยงกุ้งจะออกมาจากภายในโรงงานที่เป็นบริเวณการผลิตชิ้นงาน เดินมาหาผมที่ห้องทำงานแล้วไปทานข้าวกลางวันพร้อมๆกัน วันนี้กุ้งมาช้า กว่าปกติ เมื่อกุ้งมาถึง กุ้งหน้าตาเย็นชาและบอกผมว่า
ไอ้นั่นมันโทรไปต่อว่ากุ้ง ที่เอาความลับมาให้พี่พลรู้ มันว่ากุ้งเป็นตัวแสบ  มันจะไม่ให้กุ้งผ่านงาน ให้กุ้งเตรียมหางานใหม่ได้เลย
ถ้าผมซื้อหวยก็คงถูกสามตัวบนเต็งๆ ผมคาดแล้วว่า คนอย่างนายธวัชชัยมันต้องไประบายกับคนที่มันคิดว่าไม่มีทางสู้  สายตาของกุ้งดูอ่อนล้า  ผมเลยถามกุ้งว่า
กุ้งเป็นไรมากหรือเปล่า แล้วกุ้งว่าไงบ้าง เฉยๆไม่โต้ตอบแบบที่เคยนัดกันไว้ไหม
เปล่า ครั้งนี้กุ้งทนไม่ไหวจริงๆ กุ้งเลยว่ามันคืน
ผมประหลาดใจ 
มันพูดว่า ทำไมต้องเอาไปให้คนอื่นรู้ กุ้งบอกว่า แล้วไง กล้าทำก็กล้ารับสิ  มันยังบอกอีกว่า นัดกันหักหลังมันใช่ไหม งั้นก็เตรียมหางานใหม่ได้เลยอย่าหวังว่าจะได้งานในบริษัทนี้ กุ้งบอกว่า ถ้าทำแล้วต้องมาทำกับคนเลวๆอย่างมึงกูก็ไม่ทำ
หา..!! กุ้งพูดอย่างนั้นจริงๆเหรอ อีกแค่ 5 วันก็จะครับวันที่จะพ้นโปรแล้วนะ น่าจะอดทนมากกว่านี้
ช่วยไม่ได้พี่ วันนี้ทอมเป็นเมนส์ อารมณ์เสียตั้งแต่เช้าแล้วขอระบายหน่อยเสือกโทรมาตอนกำลังปั่นป่วนเอง  ช่วยไม่ได้  กุ้งพูดแก้ตัว  แต่ก็ดูสำนึกในความพลาดพลั้ง
ช่างมันเถอะก่อนมันจะโทรไปว่ากุ้ง พี่โทรไปเชือดมันก่อนแล้ว เมื้อกี้พี่ก็ทำอะไรนอกแผนการเหมือนกัน ไปเถอะ แล้วจะเล่าให้ฟังระหว่างทางไปโรงอาหาร พี่หิวแล้ววันนี้ซื้ออะไรมากินล่ะ 
ผมถามถึงถุงพลาสติกที่อยู่ในมือกุ้ง ด้วยห่ออาหารถุงโต  อาหารโรงงานเป็นอาหารที่ซ้ำซากและรสชาติไม่ค่อยถูกปากคนหลายคน บริษัทจะหุงข้าวไว้ให้พนักงานฟรีในมื้อเที่ยง ส่วนกับข้าวต้องซื้อเอาเอง  ที่พักของกุ้งใกล้กับตลาดเช้า ทุกเช้ากุ้งจะแวะตลาดซื้ออาหารสำเร็จรูปมาสองอย่างทุกวันโดยค่าอาหารผมจ่ายให้กุ้งล่วงหน้าไว้ตลอด
ยำจิ้นไก่กับแกงหมากหนุนพี่ซื้อ อย่างละ 25 บาทเลยถุงใหญ่ วันนี้อยากกินอาหารเมือง สงสัยเพราะเป็นเมนส์นี่แหละ
กุ้งบอกรายการอาหารว่าเป็นยำเนื้อไก่และแกงขนุนเป็นภาษาท้องถิ่น
ผมเดินออกมาจากห้องผ่านโถงซึ่งสามารถมองเห็นแผนกและห้องทำงานของนายธวัชชัย เป็นความบังเอิญเหลือเกิน  ที่นายธวัชชัยก็ออกจากห้อง  เดินมาจะไปทานข้าวที่ห้องโถงพร้อมๆกับผม  พนักงานออฟฟิตประมาณ 20 กว่าคนอยู่ในห้องโถงนั้นทั้งเป็นคนไทยและเป็นคนญี่ปุ่น นายธวัชชัยมองผมอย่างเอาเรื่องและเป็นนิสัยของผมที่ไม่ชอบหลบสายตาใคร เสียด้วย  เหมือนศึกทางจิตวิทยาเราไม่ละสายตาจากกัน นายธวัชชัยเดินมายืนตรงหน้าผม เขาเป็นชายร่างสูสีกับผมเพียงแต่เตี้ยกว่าผมประมาณ 5 เซนติเมตร คนในห้องโถงเริ่มรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติของการมองอย่างเอาเป็นเอาตายของเราทั้งสอง   หน้าของนายธวัชชัยแดงก่ำบอกถึงอารมณ์โกรธเต็มที่ พลอยทำให้กุ้งซึ่งยืนข้างๆผมเงียบไปด้วย 
แวบเดียวเท่านั้นละครับ บางอย่างในใจและสมองก็สั่งผมว่า ทำไมต้องรอเชือดคนตามแผน ทำไม่ไม่ตีเหล็กขณะร้อน ทำไมต้องรอในเมื่อเราสามารถจัดการได้เดี๋ยวนั้น อย่าให้ศัตรูได้ทันตั้งตัวสิ ! ใครจะรู้แผนเฉพาะหน้าที่ผมคิดอาจจะได้ประโยชน์มีประสิทธิภาพว่าแผนที่วางไว้ก่อนก็ได้  ความคิดของผมเกิดขึ้นเดี๋ยวนั้น ผมภาวนาว่าขอให้สำเร็จที ผมเริ่มแผน โดนเดินเข้าไปใกล้อีกนิด พร้อมกับพูดเบาๆกับพี่ธวัชชัยว่า
มีเวลาแค่บ่ายสามนะครับ ถ้าจะสู้อะไรสู้ตรงๆอย่างลูกผู้ชายจะดีกว่า ถ้าหน้าตัวเมียสู้ซึ่งๆหน้าไม่ได้ ก็ไปเปลี่ยนชุดฟอร์มใส่กระโปรงก็ได้นะครับ คงใส่กระโปรงขึ้นอยู่แล้วล่ะนิสัยมันให้อยู่แล้วด้วย
ไอ้เหี้ย! 
นายธวัชชัยตะโกนพร้อมปล่อยหมัดมาที่ผม เหมือนที่ผมกะไว้  ผมรีบเบี่ยงตัวพร้อมหันหน้าหนีหลบหมัดถึงแม้จะเฉียดๆแต่ความแรงมันก็คงประมาณทำให้ผมปากแตก ผมรีบแกล้งล้มกองลงไป ยิ่งทำให้นายธวัชชัยได้ใจตามมาหมายซ้ำเติม
ไอ้สัตว์!!!
เสียงน้องกุ้งนั้นเอง กุ้งตอบสนองการชกต่อยอย่างรวดเร็วไม่มีเสียงกรีดร้องว้ายเหมือนพนักงานหญิงอื่นๆที่อยู่ในห้องโถงนั้น  กุ้งเอาถุงแกงที่อยู่ในมือฟาดที่ศีรษะของนายธวัชชัยเสียงแตกดัง โผละ  ผมเงยหน้าเห็นจังหวะนั้นพอดี สัญชาตญาณการหลบน้ำแกงของผมดีเลิศ  รีบเอามือขึ้นมาปิดตาและหน้าไม่ให้น้ำแกงเข้าตา ทราบมาภายหลังว่าจังหวะที่ผมปิดตากุ้งได้ใช้เท้าถีบนายธวัชชัยจนล้มไปกองกับพื้นเพราะพิษน้ำแกงที่เข้าตาทำให้นายธวัชชัยเสียหลักลืมตาก็แสบจึงล้มเพราะแรงถีบของสาวเลสเบี้ยน ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยาก เกย์มารยาแสร้งล้มลงเพราะแกล้งว่าถูกชกอย่างหนัก ถูกปกป้องจากทอมผมยาวที่เข้ามาช่วยชีวิตโดยการถีบชายใจโฉดให้กระเด็นไปสุดแรงตีน เพื่อนร่วมงานอื่นๆ ต่างก็เข้ามาแยกเราสามคนออกจากกัน  
จริงๆแล้วแผนของผมที่คิดได้ตอนนั้นคือผมแค่ต้องการให้ยั่วให้นายธวัชชัยโมโหจนเกิดการทะเละวิวาทโดยผมต้องการให้นายธวัชชัยลงมือทะเลาะต่อยแต่เพียงฝ่ายเดียวจะได้เป็นกาสร้างจุดอ่อนให้คู่ต่อสู้ดูเป็นคนไม่ดี ไม่สามารถระงับอารมณ์จะได้เป็นข้อบกพร่องให้ทุกคนเห็นว่านายธวัชชัยคนนี้  ไม่เหมาะสมที่จะเป็นผู้นำและผมต้องการให้เรื่องต่อสู้ของเรามาอยู่ในที่แจ้งให้ทุกคนได้รับทราบและสอบสวนถึงข้อเท็จจริงหาสาเหตุของการทะเลาะกัน และผมก็ทำสำเร็จ  ผิดแต่ว่าในแผนเร่งด่วนของผมนั้น จะไม่มีกุ้งเป็นตัวประกอบในแผน  ผมคิดแค่ว่ากุ้งคงแค่เป็นผู้สังเกตการณ์  ไม่นึกว่ากุ้งจะแสดงความแมนเกินร้อยเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ทะเลาะวิวาทด้วย  ขณะที่เราโดนจับแยกออกจากกันนั้น ประธานบริษัท รองประธานบริษัท ผู้จัดการแต่ละแผนกก็อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็อุทานกันเสียงดังและตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เกิดอะไรขึ้น ! 
เสียงประธานบริษัทถามพวกเราด้วยน้ำเสียงที่จริงจังถึงแม้ว่าคำถามภาษาอังกฤษนั้นสำเนียงอาจจะดูตลก แต่ในเวลานั้น ใครเล่าจะมีอารมณ์ขัน   ทุกคนในห้องโถงนั้นเงียบ ไม่มีใครตอบคำถามของท่านประธานบริษัทสักคน   ผมและกุ้งมองหน้ากัน  ส่วนในธวัชชัยนั้นยืนหลุกหลิกเอามือมาขยี้ตาพยายามที่จะลืมตาให้ขึ้น แต่พิษของยำจิ้นไก่และแกงหมากหนุนคงทำหน้าที่ของมันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะในความเงียบในห้องโถงนั้นมีเสียงนายธวัชชัยที่ซู้ดปากและครางในลำคออย่างทรมานอย่างเห็นได้ชัด
หลังมื้อเที่ยงมาพบผมที่ห้องทำงานกันทั้งสามคน คุณ! คุณ! และก็คุณ! 
ประธานบริษัทชี้มาที่เราทั้งสามคน  ถึงแม้บรรยายกาศในห้องโถงนั้นจะทะมึนไปด้วยเมฆดำของความเคร่งเครียด  การเรียกเข้าไปพบในห้องท่านประธานโดยไม่ใช่เรื่องงาน  ไม่ใช่เรื่องที่น่าจะยินดีนัก ทุกคนมีสีหน้าเคร่งเครียด รวมทั้งผมด้วย  แต่ในใจผมแอบดีใจอยู่เบื้องลึก ที่ผมสามารถสร้างเหตุการณ์เป็นไปตามแผน   และสามารถเข้าพบท่านประธานได้โดยท่านเรียกเราทั้งสามไปพบเอง ผมรู้ว่าผมจะรับมือกับตอนบ่ายนี้อย่างไร  แล้วท่านประธานก็เดินออกจากห้องโถง นายธวัชชัยรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำ คนที่รู้สึกสะใจที่สุดต่อภาพที่นายธวัชชัยวิ่งไปแสบตาไปคลำทางไปคงจะเป็นกุ้ง เพื่อนร่วมงานหลายคนเดินเข้ามาถามถึงสาเหตุของการชกต่อยทะเลาะวิวาทนั้น
ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวตอนบ่ายเสร็จเรื่องแล้วจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอตัวก่อน
ผมบอกกับเพื่อนๆที่เข้ามาถาม
 
กุ้งพี่ไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้ว เดี๋ยวพี่จะไปที่ห้องทำงานพี่ ถ้ากุ้งหิวกุ้ง...
กุ้งก็ไม่หิวแล้วพี่พล   กุ้งบอกผมทั้งๆที่ผมยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ
ผมและกุ้งเดินมาที่ห้องทำงานหรือคอกทำงานเล็กๆของผม เมื่อเราอยู่ด้วยกันตามลำพังผมเล่าเรื่องแผนเร่งด่วนว่าแท้จริงควรจะเป็นแอย่างไร
ทำไมพี่พลไม่บอกกุ้งก่อน!    กุ้งอุทาน
บอกได้ไง พี่ก็พึ่งคิดได้ตอนนั้นตอนที่กำลังยืนจ้องหน้ามันอยู่นั้นแหละ 
  
ผมบอกเหตุผล พร้อมๆกับเปิดลิ้นชักหยิบกระจกส่วนตัวเป็นกระจกเล็กๆขึ้นมาส่องสำรวจที่ปากว่าปากแตกแค่ไหน  ผมไม่ได้มีแค่กระจกครับ ผมมีหวีด้วย
เจ็บเหมือนกันแฮะ!  ผมรำพึง
แตกนิดหน่อยพี่เลือดแค่ซิบๆ  กุ้งให้ความเห็น
จะบวมไหมนี่?  ผมถามขึ้นมาลอยๆ
คงไม่มากหรอก  แค่นี้เอง  กุ้งปลอบใจผม
งั้นก็แย่สิ! พี่อยากให้มันบวมเจ่อ จะได้ดูน่าสงสารมากขึ้น มันก็จะได้ดูแย่มากขึ้นแค่นั้น 
ให้กุ้งต่อยซ้ำไหม กุ้งต่อยเก่งนะ  กุ้งถามผมพร้อมกับยิ้มแบบขำๆทีเล่นทีจริง
ขอบใจแต่ไม่ต้อง  แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว 
 
ผมตอบกุ้งแล้วมองที่กระจก ปากของผมมีแผลเล็กๆพร้อมเลือดซิบๆ บวมขึ้นมาหน่อยแล้ว ผมยังแปลกใจตัวเองอยู่ในขณะนั้นว่าสงสัยวิญญาณนักมวยเข้าสิงฉับพลัน ถึงได้หาเรื่องให้นายธวัชชัยต่อยโดยไม่เกรงกลัว มานั่งนึกตอนนี้ ถ้าหลบแล้วโดนต่อยจังๆ ฟันมิหลุดเป็นเกย์แซ่หว่องแซ่หลอละก็ หมดหล่อแน่  
บ่ายนี้ต้องรับมือมันไห้ดีที่สุด กุ้งพร้อมนะ?    ผมถามกุ้ง
พร้อมไม่พร้อมก็ถึงเวลาแล้วนี่  เป็นไงก็เป็นกัน   คำตอบกุ้งดูหนักแน่น
ผมยิ้มให้กุ้ง แล้วผมก็กดโทรศัพท์มือถือโทรเข้าหาโทรศัพท์มือถือพี่เพ็ญ
พี่เพ็ญครับ  นี่ผมพลนะ
  
เป็นไงบ้าง ต่อยกันสนุกไหม  พี่เพ็ญถามมาทางโทรศัพท์
โหะ...ข่าวเร็วจังนะครับ ขนาดอยู่คนละอาคารนี่เรื่องพึ่งเกิดผ่านมาไม่ถึง 20 นาทีด้วยซ้ำ!
ที่โรงอาหารกำลังคุยกันสนุกปากเชียวแหละ ก็แหมชุดนายธวัชชัยเปื้อนน้ำแกงดูไม่จืดออกขนาดนั้นนี่  คนมองกันใหญ่เชียวล่ะ รู้ไหมตอนนี้พี่คิดว่าเค้ากำลังทำคะแนนอยู่นะ กำลังกินข้าวกับประธานบริษัท เข้าไปเลียแข้งเลียขาใหญ่คงจะอธิบายสร้างเรื่องใส่ร้ายพวกเธออยู่
ผมโทรมาหาพี่เรื่องนี้แหละครับ ประธานเรียกพวกผมเข้าไปคุยบ่ายวันนี้ ผมว่าเราจะต้องทำทุกอย่างภายในบ่ายนี้แล้วนะครับ
ไม่ต้องห่วง!  ทำงานส่วนของใครของมันไป พี่จะทำในส่วนของพี่ให้ดีที่สุดแล้วเจอกันบ่ายนี้
ครับพี่ ขอบคุณครับพี่
อ้อ  บอกน้องกุ้งด้วยว่า  ตอนนี้ดี้ทั้งหลายในโรงงานกำลังยกให้น้องกุ้งเป็นฮีโร่อยู่นะ เรื่องกระโดดถีบนี่คงเล่าขานอีกนาน 
 
ครับ  แล้วผมจะบอกให้ แล้วบ่ายนี้เจอกันนะครับ
 พี่เพ็ญไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์ และไม่รู้ว่ากุ้งเป็นทอมบอย แต่อย่างว่าโรงงานการผลิตที่ใช้แรงงงานรายวันเป็นเพศหญิงอย่างบริษัทผมมักจะมีเรื่องหญิงรักหญิงเรื่องหญิงชื่นชมหญิงอยู่เป็นนิจและในวงกว้างอย่างเปิดเผย คาดว่าข่าวนี้คงมีอิทธิพลต่อบรรดาหญิงที่ชื่นชอบทอมบอยแน่นๆเพราะแม้แต่พี่เพ็ญยังทราบข้อมูล  และข่าวอันหลังนี่คงทำให้กุ้งพอใจ  ผมกดมือถือวางสาย แล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกกุ้งว่า
ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย  เราลงเรือกันลำเดียวกันแล้วนะ
เป็นไงก็เป็นกันสิพี่  กุ้งบอก
ระหว่างรอพี่มีขนมอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน  เราไปชงกาแฟกินกันรอเวลาดีกว่าปะ จะได้มีแรงสู้กับเรื่องที่กำลงจะเกิด  
ผมเสนอความคิด แล้วเราทั้งสองก็เดินไปชงกาแฟที่ห้องแพนทรี ได้กาแฟคนละถ้วยเดินมารอเวลาที่ห้องทำงานของผม ตระเตรียมว่าเรื่องทั้งหมดควรจะทำเช่นไร ควรตอบคำถามอย่างไรเมื่อมีคำถามจากประธานบริษัท เราคุยกันจนเสียงออดของโรงงานดังให้สัญญาณเตือนว่า 13.00 น. ถึงเวลาเริ่มงานของภาคบ่าย
เราทั้งสองลุกขึ้นดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้า เราหยิบแฟ้มที่บรรจุเอกสารต่างๆที่เป็นหลักฐานจากนายธวัชชัย ไม่ว่าจะเป็นจดหมายรักคาวโลกีย์ หรือจดหมายคำสั่งที่ใช้สั่งโดยมิชอบในการโย้กย้ายชื่อผมออกจากกลุ่มทำงาน  ขณะนั้นเสียงเคาะประตูห้องผมดังขึ้น  ผู้จักการชาวญี่ปุ่นของผมเดินเข้ามาหน้าตาเครียดถามผมว่า
เรื่องที่เกิด  สาเหตุมาจากเรื่องเมื่อเช้าเหรอ พลซัง?
ผมพยักหน้าตอบรับ
ผมเสียใจครับ ที่เกิดเรื่องชกต่อยขึ้นมา  ผมขอโทษจริงๆ  แต่ผมไม่ได้เป็นคนลงมือก่อนนะครับ
จริงๆคุณเป็นฝ่ายยั่วโทสะ แต่เค้าเสียเปรียบที่ลงมือกับคุณก่อนใช่ไหม  ผู้จัดการถามผมตรงๆ ผมหน้าตื่น
อย่าปฎิเสธเลย ผมทำงานกับคุณมาเป็นปี ถ้าคุณไม่เก่งพอผมไม่ดึงตัวคุณมาทำงานแผนกผมหรอก ผมรู้ว่าคุณไม่ธรรมดา ถึงได้กล้าไปงัดข้อกับธวัชชัยซัง   แต่ก็สมควรแล้วที่ ธวัชชัยซัง จะได้บทเรียนคืนเสียบ้าง
พวกผมต้องไปหาท่านประธานตอนนี้แล้ว ไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร
อย่าห่วงเลย ทำให้ดีที่สุด ผมจะช่วยพูดกับผู้ใหญ่ให้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร ไม่มีใครเข้าข้างคนผิดหรอก คุณเชื่อผมเถอะ
แต่ดูเหมือนฝ่ายโน้นเข้าหาท่านประธานได้ดีกว่าผมนะครับ ถ้าท่านประธานเชื่อเค้ามากกว่าเชื่อผมละครับ   ผมบอกถึงความกังวลใจให้ผู้จัดการผมฟัง
เค้าพูดกับประธาน แต่ผมจะพูดกับคณะบริหารจากสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ และผู้บริหารใหญ่ที่ญี่ปุ่นเอง  ผมจะช่วยคุณเอง!
   
ผู้จัดการผมพูดอย่างจริงจัง  ผมซาบซึ้งกับคำพูดนั้นเพราะผู้จัดการผมไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่คนชาติเดียวกัน  แต่เค้าก็มีใจยุติธรรมและกล้าที่จะปกป้องลูกน้อง ถึงแม้ว่าผมกำลังทำเรื่องเดือดร้อนให้แผนกของเขาก็ตาม  ผมกล่าวขอบคุณผู้จัดการอย่างจริงใจและของตัวไปพบประธานบริษัท  
ผมและกุ้งเดินมาที่หน้าห้องประธาน เรามองเห็นผ่านกระจกว่านายธวัชชัยกำลังพูดคุยกับท่านประธานด้วยท่าทางน้อบน้อม ดูน่าเชื่อถือ ผมและกุ้งรีบเร่งฝีเท้าจะเดินเข้าไปแต่โดนเลขาหน้าห้องสกัดไว้
ท่านประธานยังไม่อนุญาตอย่าพึ่งเข้าไป ท่านให้นั่งรออยู่ข้างนอกก่อน แล้วเลขาก็พูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบาที่แทบจะกระซิบว่า
จริงๆพี่ธวัชชัยสั่งไว้ แล้วประธานก็เห็นด้วย พี่ว่าน้องนั่งรออย่างสงบดีกว่า
ผมและกุ้งเดินมานั่งรอที่เก้าอี้ที่เตรียมไว้รอหน้าห้อง ยังไม่ทันที่จะนั่งอย่างเรียบร้อยเสียงของพี่เลขาก็บอกว่า
น้องตกที่นั่งลำบากแน่ๆ พนักงานระดับผู้บัญชาการอย่าง ผู้จักการ วิศวกร หัวหน้าสายงานการผลิตทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน จะได้รับโทษมากกว่าพนักงานระดับใต้บังคับบัญชานะน้อง สูงสุดก็ไล่ออก  พี่ไม่รู้จะช่วยน้องยังไงนะเอาตัวรอดเองก็แล้วกัน
ข้อมูลเหล่านี้ผมจำขึ้นใจตั้งแต่ตอนได้คู่มือพนักงานตอนที่ทำงานใหม่ๆว่าห้ามชกต่อยทะเลาะวิวาท แต่ก็อีกนั้นแหละ ผมทำไปเพราะผมรู้ว่าขั้นสูงสุดของการลงโทษคือไล่ออก แต่ผมอยากรู้ว่าคนลงมือก่อนไม่ใช่ผมแล้วคนที่โดนไล่ออกจะยังคงเป็นผมหรือเปล่า  กุ้งขยับตัวจะตอบโต้เลขาหน้าห้อง  ผมรีบห้ามทำสายตาและส่ายหน้าอย่าพูดอะไรทั้งสิ้น เพราะถ้ามีเรื่องกับเลขาหน้าห้องอีก จะยิ่งไปกันใหญ่  ผมรู้ว่ากุ้งไม่พอกันในคำพูดของเลขาที่ไม่ยอมช่วยเหลืออะไรทั้งๆที่เป็นพี่น้องร่วมชาติ มันเป็นนิสัยถาวรของคนไทยส่วนใหญ่อย่างหนึ่งคือ เก่งนักที่เป็นคนสังเกตการณ์ เก่งแต่ปากแต่ไม่ยอมลงมือปฏิบัติจริง
เราทั้งสองนั่งรอจนเกือบจะถึงบ่ายสองโมง เสียงอินเตอร์คอมที่โต๊ะทำงานของเลขาดังขึ้นทำลายความเงียบทั้งหมด
ให้สองคนนั้นเข้ามาได้
ท่านประธานอนุญาตให้เข้าพบได้ค่ะ
ไม่รู้เลขาเธอจะพูดซ้ำทำไม  พวกเราก็ได้ยินกันถ้วนหน้าอยู่แล้ว  ผมและกุ้งรีบเคาะประตูหน้าห้องแล้วเดินเข้าไป พลันก็สบสายตานายธวัชชัยที่มองหน้าเราสองคนอย่างยิ้มๆ แต่ที่ดวงตาเต็มไปด้วยความอาฆาต เหมือนอย่างที่คนโบราณว่าไว้ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ พ่อผมสอนไว้ไม่มีผิด ถ้าจะมองคนให้มองให้ลึกถึงดวงตา คนเราไม่สามารถปิดบังจิตใจที่แท้จริงจากดวงตาไปได้
เชิญนั่ง  เสียงประธานเคร่งเครียด หน้าตาจริงจังดุดัน   ผมและกุ้งนั่งลงถัดจากนายธวัชชัยโดยที่ผมนั่งขั้นกลางระหว่างนายธวัชชัยและกุ้ง
ไหนลองพูดมาสิ ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องได้
ท่านประธานได้โปรดดูจดหมายที่ส่งผ่านอีเมล์พวกนี้สิครับ ผมยื่นแฟ้มเอกสารให้ประธานบริษัท
เค้ารับแฟ้มจากมือผมเปิดดูรวกๆไม่อ่านด้วยซ้ำแล้วพูดในสิ่งที่ผมและกุ้งได้ยินแล้วหัวใจแทบแตกสลายในตรงนั้น
อีเมล์เล่านี้ ธวัชชัยซังเล่าให้ผมฟังหมดแล้ว มันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น และเค้าก็เลิกล้อเล่นแล้วเพราะเค้าเห็นคุณสองคนรักกัน  แต่พวกคุณยังไม่ยอมหยุดการกระทำที่เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อลูกน้อง!!
ล้อเล่น !?!  นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ มันเป็นเรื่องจริง
ถ้าหากผมเป็นธวัชชัยซัง ผมคงจะต้องทำอย่างเค้า  ผมคงทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกน้องของผมอาศัยช่องโหว่งของเวลางาน สร้างตารางการสอนงานที่ยาวเหยียดเพื่อจะได้ใกล้ชิดกัน คุณสองคนเห็นบริษัทนี้เป็นที่พลอดรักเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา   ธวัชชัยซังเตือนคุณไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่คุณทั้งสองก็ไม่ฟังคำตักเตือนของหัวหน้างาน แถมยังพูดจายั่วยุจนทำให้เค้าโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่ได้
ผมถึงกับตกใจกับสิ่งที่ผมได้ยิน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าความเลวของคนบางครั้งมันก็เลวโดยสันดานจริงๆ ผมมัวแต่เตรียมการที่จะสู้กันโดยใช้หลักฐานและความจริง ไม่นึกว่าแค่ลมปากและการเข้าผู้ใหญ่ของนายธวัชชัยจะมีประสิทธิภาพทำให้ท่านประธานเลือกที่จะไม่ฟังผมพูดถึงเรื่องใดๆเลย
เดี๋ยวนะครับ เรื่องทั้งหมดไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านประธานได้ยินมาแม้แต่นิดเดียว  ท่านกำลังฟังความข้างเดียวอยู่นะครับ  
ผมตกใจกับเหตุการณ์นั้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก
คุณสองคนพึ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นาน คนหนึ่งก็ปีกว่า  อีกคนก็ยังไม่พ้นช่วงผ่านทดลองงานด้วยซ้ำ ไม่เคารพถึงกติกาและกฎของโรงงานทั้งๆที่ได้รับการตักเตือนจากธวัชชัยซังแล้ว  คุณกลับมองว่าความหวังดีนั้นเป็นความประสงค์ร้ายที่เห็นคุณสองคนรักกัน เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่น ผมคงจะต้องลงโทษคุณสองคนขั้นสูงสุด
นั่นหมายถึงการโดนไล่ออกแน่นอนผมรู้ดี  ผมรู้ดีว่านายธวัชชัยเป็นคนเลว แต่ไม่คิดว่าความเลวของเขาจะเลวได้ไม่มีความดีเจือปน ผมพูดไม่ออก ลืมหมดทุกอย่างว่าจะสู้อย่างไร ทุกอย่างมันผิดแผนไปจากที่ผมคิด  หรือนี่จะเป็นสัญญาณเตือนว่าผมจะต้องพายแพ้ต่อความอยุติธรรม
ท่านประธานค่ะ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและคณะมาขอพบเดี๋ยวนี้บอกว่าเป็นเรื่องด่วน
เมื่อเสียงของเลขาพูดจบเราทุกคนมองผ่านกระจกมองออกไปนอกห้อง พบผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เป็นญี่ปุ่นยืนอยู่  ข้างๆมีพี่หมู รองผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่เป็นคนไทย พี่เพ็ญและผู้ชายคนหนึ่งใส่สูทผูกไท้ นั้นก็คือ พี่เอกภพ  สามีของพี่เพ็ญที่เป็นทนายความ  ผมว่าประธานบริษัทและนายธวัชชัยต้องงงกับภาพนั้น  แต่สำหรับผม มันคือภาพที่น่ายินดี  ที่ทุกคนมาพร้อมหน้ากันช่วยชีวิตของผม ประธานพยักหน้าให้เข้าพบได้ ทั้งหมดเดินผ่านประตูเข้ามา จนห้องประธานแคบไปถนัดตา ทุกคนมีคำทักทายให้กันเล็กน้อยโดยเฉพาะพี่เพ็ญพูดขึ้นมาว่า
ขนาดมีคิวบู๊เลยเหรอคะ พี่ธวัชชัย 
เรามาจากอาคารหนึ่ง กันเพราะเราได้รับการแจ้งการฟ้องร้องจากทนายของน้องกุ้งและน้องพล
พี่หมูที่เป็นรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลพูดขึ้น
ผมจะพูดเลยได้ไหมครับจะได้รวบรัดเข้าประเด็น  พี่เอกพลสามีที่เพ็ญกล่าว
ได้ครับ ผมจะเป็นล่ามแปลเป็นภาษาญี่ปุ่นเอง พี่หมูตอบ
ผมได้รับการร้องเรียนเพื่อจะฟ้องร้องคุณธวัชชัยที่กระทำการอันไม่สมควรที่ผิดต่อศีลธรรมอันดีงามและหมิ่นเหม่ต่อตัวบทกฎหมาย
ซึ่งบังเอิญทนายที่ไปพบเป็นสามีของดิฉันเอง  ซึ่งดิฉันคิดว่าเราสามารถพูดคุยตกลงกันภายในได้  โดยไม่ต้องให้มีการเสื่อมเสียชื่อเสียงของบริษัทเพราะการกระทำของคนไม่กี่คน
พี่เพ็ญศรีพูดแทรกขึ้น
มันช่างบังเอิญเหลือเกินนะ!
 
น้ำเสียงนายธวัชชัยพูดประชดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความโกรธที่นึกไม่ถึงว่าจะโดนคืนบ้าง
มีเรื่องบังเอิญที่เราคาดไม่ถึงบนโลกใบนี้เสมอค่ะ พี่ธวัชชัย 
พี่เพ็ญย้อนกลับคำประชดนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา แผนที่ผมคิดขึ้นกับพี่เพ็ญเป็นแผนที่ทำให้พี่เพ็ญดูดีในสายตาคนอื่น สร้างบทบาทให้พี่เพ็ญมีบุญคุณต่อบริษัทที่นำเรื่องทั้งหมดมารอมชอม นอกจากพี่เพ็ญจะช่วยเหลือเราสองคนและผู้หญิงคนอื่นในอนาคตพี่เพ็ญยังได้เครดิทจากเรื่องนี้ด้วย 
ผมกำลังจะลงโทษโดยใช้บทลงโทษสูงสุดโดยให้พลซังและพนักงานใหม่คนนี้ ออกจากบริษัท  ประธานบริษัทกล่าวเสียงแข็ง
โดยที่ผมยังไม่ได้พูดเรื่องราวแก้ตัวใดๆทั้งสิน   ผมเหลืออดพูดขึ้นมาบ้าง
ถ้าท่านไล่ลูกความผมออกโดยไม่ได้รับความยุติธรรม  ลูกความขอผมจะดำเนินคดีฟ้องร้องให้ถึงที่สุด และจะนำเรื่องทั้งหมดไปขอความเป็นธรรมจากสถานีโทรทัศน์ด้วย เพราะการกระทำของคุณธวัชชัยเป็นการกระทำที่วิญญูชนทั่วไปไม่กระทำโดยเฉพาะจดหมายฉบับนี้ ซึ่งเขียนด้วยลายมือของนายธวัชชัยเองได้ข่มขู่รุกรานทางเพศโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่หลังจากที่ไปรวบกวนลูกความผมถึงจังหวัดเชียงราย
พี่เอกภพส่งกระดาษที่ถ่ายเอกสารจากจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของนายธวัชชัยให้พี่หมูแปลให้ประธานบริษัทฟัง
เรื่องทั้งหมดไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ทำไมคุณถึงหลอกผม ธวัชชัยซัง!?!  น้ำเสียงของประธานดูเย็นชาต่อนายธวัชชัยจนทุกคนจับอารมณ์นั้นได้
นายธวัชชัยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธที่โดนต้อนจนมุมแต่ถึงกระนั้นเค้าก็พยายามที่จะพูดขึ้นมา
เออ...ผมอธิบายได้...
ผมต้องการให้คุณทั้งสามคนไปรอที่ห้องทำงานของใครของมันก่อน เดี๋ยวนี้! แล้วผมจะเรียกพวกคุณมาอีกทีหลัง 
ประธานบริษัทชี้มาที่นายธวัชชัย ผมและกุ้ง เราสามคนเดินออกมาจากห้องผมเดินสวนกับผู้จัดการของผมที่กำลังจะเข้าไปห้องประธาน 
ผู้จัดการครั...
ผมไม่ทันที่จะพูดจบ ผู้จัดการแผนกผมก็ยกมือห้ามไม่ให้ผมพุดอะไร แล้วเดินมุ่งหน้าเข้าไปที่ห้องประธานทันที เมื่อเราทั้งสามเดินออกมาถึงทางเดินของตึก ไม่วายที่นายธวัชชัยจะแสดงความเลวโดยการพูดขึ้นใส่หน้าเราด้วยความโกรธว่า
เลวทั้งคู่ บังอาจรวมหัวกันกลั่นแกล้งกู แล้วมึงจะรู้สึก
กุ้งหันหน้าไปหาเสียงนั้นกำลังขยับตัวเข้าไปใส่นายธวัชชัย  ผมดึงแขนไว้แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ถือไพ่เหนือกว่าว่า
ที่นี้รู้หรือยังว่า การที่โดนคนมีอำนาจมากกว่ารังแก แล้วขยับตัวไม่ได้มันเป็นแบบไหน จะทำอะไรก็รีบทำนะครับ เวลาของพี่กำลังจะหมดแล้ว
ผมรีบดึงแขนกุ้งออกเดินมาที่ห้องทำงานผมบอกให้กุ้งใจเย็นๆอย่าได้หลงกลมีเรื่องกับมันอีก เราสองคนรอเวลาที่จะโดนเรียกให้พบที่ห้องประธานอีกทีด้วยใจกระวนกระวายมากกว่าเดิม
ดูท่าพี่พลจะลนลานมากขึ้นนะ กุ้งบอกผม  คงเห็นจากท่าทางที่ไม่อยู่นิ่งและถอนหายใจอยู่เห็นระยะๆ
ใช่...ไม่รู้เค้าจะคุยอะไรกันบ้าง แล้วกุ้งไม่กังวลเลยเหรอ   ผมถามคืน
จะกังวลไปทำไมล่ะ ก็ต้องปล่อยทุกอย่างให้มันเกิด  ตัวกุ้งไม่เท่าไหร่หรอก แต่...กุ้งต้องขอโทษพี่พลจริงๆที่ดึงพี่เข้ามามีส่วนในเรื่องของกุ้ง...  กุ้งผิดเอง   น้ำเสียงของกุ้งตำหนิตัวเอง
นี่ ! อย่าพูดอย่างนี่อีกนะ มันไม่ใช่ความผิดของกุ้ง พี่มีทางเลือกที่จะมีส่วนกับมันเหมือนตอนนี้ หรือจะเลือกปล่อยมันไปไม่เจ็บตัวเหมือนพี่แอ๋วพี่ก็ทำได้ มันเป็นทางเลือกของพี่เอง ไม่ใช่ความผิดของกุ้ง!!และมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ด้วย เพราะเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกอยู่
ผมพยายามพูดในสิ่งที่ดีที่จะสร้างกำลังใจให้กับกุ้งไม่ให้รู้สึกผิดหรือท้อ แต่แท้ที่จริงผมกำลังสร้างกำลังใจให้กับตัวเองอยู่ต่างหาก ถ้ากำลังใจเราดีเราก็จะพร้อมเผชิญสิ่งที่จะเกิดขึ้น  กุ้งมองหน้าผมยิ้มเหมือนแทนคำขอบใจ ผมยิ้มตอบกุ้งผมก็รู้สึกขอบคุณกุ้งเช่นกันเพราะถ้าไม่ใช่เรื่องของกุ้งที่รับรู้ ผมคงไม่รู้ถึงจิตใจอันแท้จริงของนายธวัชชัยและความเลวของนายธวัชชัยก็เป็นแรงผลักดันให้ต่อมการต่อสู้หาความยุติธรรมของผมได้ขับเคลื่อน  
ผมเหลียวมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ฝาผนัง นับเวลาก็เกือบสองชั่วโมงแล้วที่เรารอคอย พลันผมและกุ้งก็ต้องสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่อเสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานของผมดังขึ้น
น้องพลคะ ท่านประธานให้เข้าพบได้แล้วค่ะ ตามน้องกุ้งด้วยนะคะ   เสียงของเลขาท่านประธานบอกมาจากปลายสาย
ครับจะไปเดี๋ยวนี้   ผมตอบแล้ววางสาย   ผมมองหน้ากุ้งแล้วพูดขึ้นมาเรียกพลังใจเป็นคำถามว่า
พร้อมแล้วนะ!?!
กุ้งเม้มปากแล้วพยักหน้าตอบรับ
อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิดพี่!
ถูกของกุ้ง อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด  ถ้าเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกและทำเต็มที่กับมัน ผลที่ตามมาอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด   ผมกับกุ้งรีบเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องประธานบริษัทแต่ดูเหมือนว่าจะมีคนที่รีบกว่าเรา เมื่อไปถึง นายธวัชชัยนั่งอยู่เก้าอี้ที่เตรียมไว้อยู่แล้ว เราสองคนเข้าไปนั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่สองตัว  รอบๆตัวของเราโดนล้อมด้วยพี่เพ็ญ พี่เอกภพทนายความที่เราเตรียมไว้ ผู้จัดการฝ่ายบุคคล พี่หมูรองผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่มาทำหน้าที่ล่ามเแปลคำสั่งโดยไม่ต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อให้เกิดความกระชับ  ผู้จัดการของผมก็นั่งอยู่ในห้องนั้น และที่มากกว่านั้นยังมีผู้บริหารชาวญี่ปุ่นเพิ่มอีก 3 คนในที่ประชุมเล็กที่จัดขึ้นในห้องท่านประธาน  
เมื่อผมนั่งลงผมพยายามไม่มองหน้าหรือสบตากับพี่เพ็ญเพื่อให้ดูว่าเราไม่ได้เตรียมการกันมาก่อน ผมมองตรงไปที่หน้าของประธานบริษัทผู้ที่หน้ามืดตามัวเกือบจะไล่ผมออกก่อนทั้งๆที่ไม่ฟังเหตุผลจากฝ่ายผมด้วยซ้ำ นี่ถ้าพี่เพ็ญมาไม่ทันเวลา อาจจะมีเรื่องมากกว่านี้ก็เป็นได้ แต่ที่ผมสังเกตเห็นเพิ่มขึ้นคือ ประธานบริษัทไม่มองหน้านายธวัชชัยด้วยซ้ำ หน้าของประธานบริษัทขึงขังมองมาเป็นมุมกว้างไม่เฉพาะเจาะจงใครเป็นพิเศษ ผมชำเลืองทางหางตาไปทางนายธวัชชัย ตอนนี้ดูเหมือนเสือจะสิ้นลาย นายธวัชชัยหน้าซีดเผือดก้มหน้าแต่ก็พยายามที่จะสบตาท่านประธานเพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือ
มาพร้อมกันแล้วเดี๋ยวผมจะเริ่มเลยนะครับ  พี่หมูเป็นคนเปิดการประชุมนั้น
เดี๋ยวท่านประธานจะกล่าวมติของที่ประชุมคณะกรรมการในวันนี้และผมจะแปลเป็นภาษาไทยให้พวกคุณได้ทราบนะครับ
พี่หมูโค้งศีรษะเล็กน้อยให้ประธานบริษัทเป็นสัญญาณว่าทุกคนพร้อม ท่านประธานได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงขึงขังเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมรับรู้ถึงความหมายนั้นโดยผ่านน้ำเสียงของพี่หมู
การพิจารณากรณีทะเลาะวิวาทในวันนี้ ได้มีมติจากคณะกรรมการพิเศษโดยคณะกรรมการได้มีมติถือเป็นเอกฉันท์และเป็นการตัดสินความประพฤติของพนักงาน โดยจะมีหนังสือออกอย่างเป็นทางการภายหลังจากการประชุมในวันนี้สิ้นสุดลง โดยมติมีดังนี้...
จากนั้นพี่หมูก็อ่านเอกสารหนึ่งแผ่นซึ่งคาดว่าจะเป็นเอกสารฉบับแปลจากภาษาญี่ปุ่นฉบับที่อยู่ในมือของประธานบริษัท
คณะกรรมการได้ตัดสินอย่าถี่ถ้วนแล้วว่า การทะเลาะวิวาทในวันศุกร์ที่ 13 ตุลาคม 2543 เกิดขึ้นเวลา 12.00 น.โดยประมาณ ที่ห้องโถงของอาคาร 4 นั้นมีที่มาของสาเหตุอันไม่สมควร  ที่ผู้บริหารระดับผู้บังคับบัญชาจะกระทำต่อผู้ใต้บังคับบัญชา โดยหลังจากรวบรวมหลักฐานทั้งหมดจะพบว่า 
นายธวัชชัยมีความประพฤติอันขัดต่อนโยบายบริษัทดังนี้
1.  นายธวัชชัยใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดโดยการใช้ตำแหน่งหน้าที่สร้างเงื่อนไขต่อรองและรุกรานทางเพศต่อพนักงานผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ถือว่าเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเกิดกับผู้บริหารระดับสูง
2.  นายธวัชชัยได้ใช้อำนาจสั่งการโดยพลการโดยมิชอบ โดยใช้อำนาจโยกย้ายพนักงานซึ่งไม่ได้อยู่ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง จนเกิดความเข้าใจผิดเสียหายต่อระบบการทำงาน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผลเสียที่จะตามมาอย่างประเมินค่ามิได้ของประโยชน์ในบริษัท การใช้อำนาจนี้ถือเป็นการกระทำความผิดอย่างร้ายแรง
3.  นายธวัชชัยได้กล่าวเท็จต่อประธานบริษัทผู้ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น ซึ่งขัดกับหลักฐานที่คณะกรรมการได้รวบรวมมา
4.  นายธวัชชัยไม่สามารถที่จะระงับสติอารมณ์ที่ลุด้วยโทสะโดยเป็นผู้ลงมือก่อการชกต่อยซึ่งไม่เป็นผลดีและจะเป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ส่วนคู่กรณีคือนายทะนงพล และนางสาวกรวรา คณะกรรมการเห็นว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันตัว แต่มีความผิดฐานกระทำการโดยพลกาลและถือว่าเพกเฉยต่อการนำเรื่องร้ายแรงรายงานต่อผู้มีอำนาจในบริษัท จึงมีการลงโทษโดย
1.	ตัดโบนัสประจำปี 50 เปอร์เซ็นต์ของนายทะนงพลและนางสาวกรวรา 1 ปี
2.	นางสาวกรวราจะยังไม่ได้รับการบรรจุเข้าเป็นพนักงานของบริษัทโดยให้ยืดระยะเวลาการทดลองงานเพิ่มขึ้นอีก 1 เดือน จากระยะการทดลองงานเดิม
3.	นายธวัชชัยถือเป็นคนที่มีความประพฤติผิดที่ร้ายแรงที่สุด คณะกรรมการเห็นพ้องต้องกันว่าให้พ้นสภาพของการเป็นพนักงานบริษัท...
ไล่ออก!?!
นายธวัชชัยอุทานขึ้นมาเสียงหลง
อย่าให้ถึงกับมีการไล่ออกเลยครับ ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมสำนึกผิดแล้ว จะให้ผมกราบขอโทษผมก็ยอม
พูดจบนายธวัชชัยก็ลุกจากเก้าอี้ลงมาคุกเข่าพนมมือมาที่ผมและกุ้ง ผมและกุ้งตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำอะไรไม่ถูกนึกไม่ถึงว่าชายที่อ้างว่าเป็นชายอกสามศอกและเจ้าชู้ไม่เลือกอย่างนายธวัชชัยถึงกับสิ้นศักดิ์ศรีลดตัวลงคุกเข่าอ้อนวอน
พี่ธวัชชัยครับ  ผมยังอ่านไม่จบครับ  พี่หมูเรียกสติพี่ธวัชชัยแล้วอ่านต่อว่า
...เว้นเสียแต่ว่า คู่กรณีคือนายทะนงพลและนางสาวกรวรา จะประนีประนอมลดการลงโทษในครั้งนี้ ทางบริษัทเห็นควรว่าการรอมชอมจะเป็นผลดีแก่ทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดการพูดคุยและปรับความเข้าใจกัน เว้นเสียแต่ว่านายทะนงพลและนางสาวกรวราจะให้มตินี้เป็นมติสุดท้ายของการตัดสิน
ทันทีที่อ่านข้อความจบพี่หมูลดมือที่ถือกระดาษแผ่นนั้นลง ผมและกุ้งก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ผมไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะเจอกับตัวเอง
น้องพลครับ น้องกุ้งครับ พี่ขอโทษ พี่ผิดไปแล้วจริงๆ เห็นใจพี่เถอะถ้าพี่โดนไล่ออกตอนนี้พี่แย่แน่ๆ ลูกเมียพี่จะต้องแย่ตามทั้งบ้านพี่มีอาชีพอยู่คนเดียว เมียพี่ก็เป็นแค่แม่บ้านไม่มีงานทำ ถ้าพี่โดนไล่ออก...  นายธวัชชัยเริ่มร้องไห้
...ไม่ใช่แค่พี่นะครับที่จะต้องตาย อีกสองชีวิตก็จะต้องตายตามไปด้วย นึกเสียว่าได้ช่วยชีวิตปล่อยนกปล่อยปลาเถอะครับ จะให้พี่กราบก็ยอม
แล้วนายธวัชชัยก็ก้มลงกราบจริงๆ ผมและกุ้งทำอะไรไม่ถูกมองไปที่พี่เพ็ญและพี่เอกภพ
อยู่ที่น้องพลและน้องก้อยเองครับ ว่าจะเอายังไง พี่เอกภพที่ทำหน้าที่ทนายความฝ่ายผมบอก
วิศวกรที่ทำงานได้ปีกว่าอย่างผมในตอนนั้น สับสนไปหมด ไม่ต้องกล่าวถึงน้องกุ้งน้องกุ้งมองผมประมาณว่าขึ้นอยู่กับผมอีกคน แวบแรกของการได้ฟังมติของกรรมการผมยอมรับว่าผมสาสมแก่ใจที่ในคำตัดสินนั้น แต่ตอนนี้ภาพของนายธวัชชัยที่ร้องไห้ก้มลงกราบตรงหน้ามันทำให้ผมทำอะไรแทบไม่ถูก ผมพยายามทำใจแข็งหาทางออกสู้กับเรื่องที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตผมนิ่งสักนิดแล้วจู่ๆผมก็พูดขึ้นมา
แผนกซ่อมบำรุง!
อะไรนะ?  ประธานบริษัทถามผม
เมื่อตอนเช้าคุณธวัชชัยได้มีคำสั่งให้ผมไปอยู่แผนกซ่อมบำรุง ผมคิดว่าถ้าคุณธวัชชัยควรได้ไปอยู่แผนกนั้น
ขอบคุณน้องพลมาก... นายธวัชชัยโผล่งขั้น
ธวัชชัยซัง !?! ผมยังไม่ได้สรุป   ประธานบริษัทขึ้นเสียงปรามนายธวัชชัย
คุณว่าไงนะ พลซัง  
ประธานบริษัทถามผมอีกครั้ง   ผมยิ้มและผมคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด
คุณธวัชชัยเป็นพนักงานรุ่นแรกๆ เติบโตมาพร้อมบริษัทสาขานี้ จนทุกวันนี้มีอำนาจมาก ควรจำกัดอำนาจนั้น และที่แผนกซ่อมบำรุงจะมีแต่พนักงานชาย จะช่วยให้คุณธวัชชัยไม่ก่อเรื่องรุกรานทางเพศต่อผู้หญิงคนไหนได้อีก  ผมคงใจไม่บาปพอที่จะทำร้ายลูกเมียของเค้าโดนการให้เค้าโดนไล่ออก แต่มีข้อแม้ว่า คุณธวัชชัยจะต้องไม่มายุ่งเกี่ยวหรือพูดคุยกับผมและกุ้งอีกต่อไปและหากจับได้ว่าเค้าทำเรื่องเสื่อมเสียใส่ร้ายผมกับกุ้งอีก เค้าจะไม่ได้รับการให้อภัยเป็นครั้งที่สอง
เมื่อผมพูดจบ ผู้บริหารญี่ปุ่นทั้ง 5 คนก็พูดคุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยคนเข้าใจคงจะมีแต่พี่หมูที่ทำหน้าที่ล่ามในวันนั้น สุดท้ายประธานก็กล่าวถ้อยคำที่ตัดสินโดยผ่านการแปลจากพี่หมูว่า
ทางกรรมการได้ขอเพิ่มคำตัดสินดังนี้ ให้นายธวัชชัยย้ายไปอยู่แผนกซ่อมบำรุงตามที่นายทะนงพลร้องขอ แต่ที่แผนกซ่อมบำรุงได้มีผู้จัดการและรองผู้จัดการเต็มอัตราแล้วทางกรรมการจะลงโทษนายธวัชชัยโดยให้ปลดจากตำแหน่งผู้จัดการเดิมมาเป็นพนักงานอาวุโสประจำสำนักงานหรือ Senior Officer และนายธวัชชัยจะไม่ได้รับการพิจารณาขึ้นเงินเดือนและไม่ได้รับโบนัสติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 ปีและบันทึกไว้ว่านายธวัชชัยจะต้องไม่กระทำการใดๆที่เกี่ยวข้องกับนายทะนงพลหรือนางสาวกรวราอีกต่อไป
ผมพอใจในคำตัดสินนั้น ทุกคนจะได้ไม่รู้สึกเป็นบาปที่จะไล่นายธวัชชัยออกอย่างกะทันหัน การตัดสินหลังสุดหากผมคิดไม่ผิด ก็คือการตัดมือตัดเท้าของนายธวัชชัยไม่ให้ก่อเรื่องอีก แถมยังจะไม่มีการเพิ่มเงินเดือนหรือให้โบนัสนายธวัชชัยอีกตั้ง สามปี ซึ่งก็คือการ ให้ออก จากงานทางอ้อมนั่นเอง เพราะจริงๆพนักงานบริษัทอย่างเราก็หวังจากเงินโบนัสที่ได้รับเป็นเงินก้อนโตสิ้นปีเสมอ และเป็นการให้นายธวัชชัยได้ตั้งตัวหาที่ทำงานใหม่นั้นเอง
เมื่อเสร็จสิ้นการประชุมทุกคนต่างแยกย้ายกันออกไป นายธวัชชัยเดินตามผมและกุ้งออกมาคนอื่นเดินล่วงหน้าไปหมด งูพิษก็คืองูพิษ เมื่อคนอื่นเดินไปจนระยะทางที่ไม่ได้ยินเสียงคุยจากเรา  นายธวัชชัยก็คำรามในลำคอจนทำให้ผมและกุ้งต้องมองหน้ามันอีกครั้ง
พวกมึงจำวันนี้ไว้ให้ดี  กูจะต้องเอาคืนแน่ 
เท่านั้นล่ะครับ ผมก็ถึงขั้นลมออกหู ภาพที่เห็นในห้องประธานนั้นมันเป็นแค่ละครฉากหนึ่งของหมาแก่ ถ้าให้ตุ๊กตาทองสำหรับการแสดงนายธวัชชัยก็ตีบทแตกกระจุย  ผมก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวมองหน้านายธวัชชัยไม่หลบสายตาพร้อมกับพูดว่า
วันนี้ผมอาจจะจำเรื่องนี้ได้ แต่ก็จะมีบางวันที่ผมจะลืมเพราะงานยุ่ง และผมก็อาจจะลืมมันไปเพราะ  หน้าที่การงานผมจะก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีเวลาที่มานั่งคิดเรื่องวันนี้  แต่พี่...พี่จำผมไปจนวันตาย พี่จะต้องจำผมทุกวันที่ลืมตาขึ้นมาแล้วพบว่าไม่ได้เป็นผู้จัดการอีกต่อไป พี่จะจำผมได้ดี  ในฐานะที่ผมสามารถทำให้พี่ถึงจุดตกต่ำ ! ทุกขณะของการทำงานของพี่จะมีแต่เรื่องของคำตัดสินในวันนี้ พี่จะจำผมจนถึงตอนก่อนนอนของทุกวันเมื่อพยายามข่มตาหลับพี่ก็จะนึกถึงผมว่า  ผมสามารถเอาไม้ซีกมางัดไม่ซุงได้ ...หึ ...พี่พูดถูกครับ ผมกับพี่มันคนละระดับกัน เพราะผมจิตใจสูงกว่าพี่เยอะ
นายธวัชชัยตัวสั่นกำหมัดแน่น
ทะเลาะอีกครั้งก็คือไล่ออก...ท่องเอาไว้นะครับ เอาเวลาไปเก็บของย้ายไปอาคารซ่อมบำรุงดีกว่าครับ   
ผมพูดเสียงจริงจังก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับกุ้ง...
หลังจากนั้นกุ้งทำงานได้ปีกว่าๆก็ได้งานใหม่ที่เหมาะสมกว่างานที่บริษัทผม เราติดต่อกันโดยตลอด ในจดหมายที่กุ้งเขียนมาล่าสุดถึงผม  เล่าถึงที่ทำงานใหม่ของเธอพร้อมที่อยู่ใหม่ที่จังหวัดอยุธยา จริงๆผมก็อยากจะย้ายที่ทำงานบ้างเพื่อปรับเงินเดือนแต่เพราะความรักที่มีต่อแฟนผมทำให้ผมตัดสินใจลงหลักปักฐานที่เชียงใหม่ ผมยังจำวันที่กุ้งลาออกอย่างเป็นทางการได้ หลังจากลาออกเพียงหนึ่งวัน จดหมายที่ได้ทำการถ่ายเอกสารเป็นลายมือของนายธวัชชัยฉบับนั้น  โดน
ก็อบปี้ด้วยจำนวนหลายพันแผ่นถูกแจกวางไว้ที่ต่างๆในบริษัท ผมบอกตรงๆว่าผมไม่ได้มีส่วนในเรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว คนที่ตกเป็นจำเลยคือนายธวัชชัยก็คงใช้ชีวิตในแผนกซ่อมบำรุงโดยลับหลังก็จะมีคนซุบซิบนินทา 
		ผมไม่ทราบว่าผมทำบาปหรือทำบุญเหมือนที่นายธวัชชัยขอร้องในครั้งนั้น หากผมใจแข็งไล่นายธวัชชัยออกไปตามมติที่ประชุม เค้าคงไม่โดนนินทาลับหลังจนน้อยคนนักที่จะให้ความสนิทสนมชิดเชื้อ อายุของเขามากเกินกว่าจะได้รับการตอบรับจากตำแหน่งของบริษัทอื่น และที่สำคัญสังคมนิคมอุตสาหกรรม อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่ามันแพร่ข่าวได้เร็วขนาดไหน ผมได้ข่าวจากเพื่อนที่ทำงานในละแวกบริษัทเดียวกันว่า ได้รับใบสมัครงานของนายธวัชชัยแต่ไม่มีใครเรียกไปสัมภาษณ์เลยเพราะความอื้อฉาวของข่าวมีมากเกินกว่าที่จะเสี่ยงรับเข้ามาทำงานในบริษัท
		ทุกวันนี้ผมได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า มันเป็นกรรมที่เกิดจากการกระทำของใครของมันไม่ใช่ความผิดของเราที่ลงโทษเขาไปแบบนั้นและผมพยายามที่จะลืมมันไปซะ...
.......................จบตอนที่ 10..........................				
comments powered by Disqus
  • ชายชัช

    6 กุมภาพันธ์ 2549 14:17 น. - comment id 89405

    มาช้าหน่อยนะครับ วันนี้ ตอนเช้างานยุ่งนะครับ เชิญอ่านตามสบายนะครับ
  • นักอ่านนิยายเกย์

    6 กุมภาพันธ์ 2549 15:55 น. - comment id 89406

    41.gifมาช้าจังแต่สุดยอดเลยคับ อ่านแล้วตื่นเต้นดี มันสุดๆ พรุ่งนี้อย่าลืมมาโพสเร็วๆนะ วันนี้เปิดเข้ามาจะสิบรอบแล้วพึ่งได้อ่าน กำลังเป็นห่วงพระเอกของผมในเรื่องอยู่ แต่ตอนนี้ค่อยโล่งอกหน่อย  มาโพสไวไวนะคับ เป็นกำลังใจให้เขียนงานดีๆออกมาให้ผมอ่านอีกนะ 41.gif
  • ช๊อบ ชอบ

    6 กุมภาพันธ์ 2549 16:39 น. - comment id 89407

    นีกว่าจะไม่ได้อ่านซะแล้วสิ กำลังมันส์เชียว ไงก็เอาใจช่วยอ่ะ อย่าเครียดมากนะ พรุ่งนี้จะได้อ่านตอนต่อ 41.gif
  • ชายชัช

    7 กุมภาพันธ์ 2549 09:26 น. - comment id 89413

    ขอหยุดสักพักหนึ่งก่อนนะครับ นักอ่านทุกท่าน
     ขอเรียบเรียงตอนที่ 11 และตอนต่อๆไปอีกสักหน่อย ถือว่า ตอนที่ 1-10 เป็นครึ่งแรก
     และ ตอนหลังจากนี้ เป็นครึ่งหลัง 
    ขอพักอินเตอร์มิชชั่นสักหน่อยนะครับ 
    เจอกันวันอังคารที่ 14 กุมภาพันธ์อีกทีนะครับ   
    รักคนอ่านทุกท่านครับ
  • นักอ่านนิยายเกย์

    7 กุมภาพันธ์ 2549 15:07 น. - comment id 89418

    10.gif10.gif มาเร็วนะ วันนี้เปิดเข้ามา หลายรอบแล้ว อย่างอ่านเรื่องดีๆอีกนะคับ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคับ 41.gif41.gif41.gif
  • กุ้งหนามแดง

    7 กุมภาพันธ์ 2549 16:55 น. - comment id 89421

    นับว่าโลกนี้ยังมีความยุติธรรมอยู่น่ะค่ะ..
    
    แวะมาเพื่อบอกว่า ยังติดตามอ่านอย่างต่อเนื่อง..
  • MomMamSan

    8 กุมภาพันธ์ 2549 14:18 น. - comment id 89429

    ว้า ตั้ง 14 กุมภา...35.gif
ชื่อเรื่องสั้น-นิยาย

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน