คมน้ำค้าง เช้าตรู่นกยังงัวเงียอยู่ บรรดาหนอนกล้าก็ยังขี้เซา โลกเป็นอย่างนี้ ไม่งาบเขา เราก็ถูกงาบ เป็นเรื่องธรรมดา อากาศแจ่มใส ลมเย็นพัดมาสู่หน้าต่างแง้มไว้ ร่างนั้นยังปิดเปลือกตาอยู่ จนแก้มสากๆถูกลมใสเสียดสี ไอเย็นสอดแทรกไปตามเส้นประสาท ม่านตาจึงเปิดออกรับเอาแสงและภาพเข้าไปม้วนตัวในสมอง เรื่องราวที่นอนแอ้งแม้งก็กระโจนตัวออกมาเสนอตัวอย่างอลหม่าน เป็นตลาดนัดความทรงจำรอเลือกใช้ แต่ความง่วงยังคงยึดฐานที่มั่น เขาจึงบี้แผงแผนการต่างๆให้พับลงราบ แล้วซุกตัวเข้าใต้ผ้านวมสีหม่น ปล่อยให้โลกหมุนไปตามลำพัง กองหนังสือยังคงวางกระจัดกระจายไร้ระเบียบ ต่างจากกองความคิดที่เข้าไปแปรขบวนในสมองส่วนสามารถของเขานับตั้งแต่เมื่อคืน ดูน้ำค้างหยดใสรูปร่างเพรียวลมแต่กลมมน รูปทรงหยดน้ำที่เอาส่วนกลมมนแหวกมายังพื้นโลกในแนวดิ่ง แล้วชี้ยอดแหลมขึ้นบน ตามภาพในความคิดของเรา แหวกผ่านด้วยความโค้งมน จึงคงร่างไว้เป็นคมน้ำค้างร่างป้อมล่างแหลมบน หล่นแปะบนใบไม้เขียวสดอวดความใสให้แสงตะวันสะท้อนไปมากลายเป็นเพชรน้ำค้างกลางลานทุ่งกว้าง เช่นกันกับความคิดล้านๆกระแสส่งผ่านมายังขดสมองของเขาหนุ่มผู้รู้ตัวว่า หนังสือคือหินลับมีด ความรู้คือมีดที่ต้องลับด้วยหนังสือ แล้วความรู้นั้นเล่าต้องนำไปฟาดฟัน ห้ำหั่นสิ่งใด นอกจาก ความคดโกง ความบกพร่องโดยสุจริต เพื่อความกล้าหาญทางจริยธรรมได้ดำรงอยู่ น้ำค้างเป็นน้ำแรกที่ไม่รีรอจะอุทิศตัวจากฟ้าไกล เป็นหยดน้ำใสมาไกล มาก่อนฝน มาพรมรดให้ดอกใบไม้พืชจิบรับอรุณ เขาจึงรีบผลุดลุกจากที่นอนไม่รอช้า เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานศึกษาในหลักสูตรปริญญาเอก เพื่อคว้าเอาคมปัญญามาฟาดฟันกับอวิชชาที่มักจะครอบเมืองไว้ด้วยอำนาจเงิน แม้วันนี้เขายังอยู่ในระยะฟักตัว แต่เขาก็เพียรเสมอ ที่จะเสนอความคิดเล็กๆน้อยๆออกสู่สังคมกว้าง คล้ายคมน้ำค้าง ผู้มาก่อนฝน กรุยทางมาพรมแผ่นดินให้ชื่น ปัญญาชนแม้ยังไม่รับปริญญาบัตร ขอเพียงมุ่งมั่นศึกษา และส่งผ่านออกสู่รอบข้าง เชื่อว่า สังคมก็คมพอที่จะบาดเอาเหล่าอวิชชาให้ขาดวิ่น ด้วยพลังปัญญา ....เมื่อนกตื่นสาย หนอนที่กล้าตื่นเช้าก็มีเวลากินยอดใบสะสมไว้ก่อนม้วนตัวเข้าไปเป็นดักแด้ รอเวลาคมน้ำค้างมากรีดรังดักแด้ เพื่อสู่วันฝันของผีเสื้อสวย เช้านี้ เมื่อคิดได้ดังนั้น...เขาจึงรีบแหกขี้ตามาอ่านหนังสือเก็บสะสมทุนทางปัญญา ก่อนเข้าสู่ห้องเรียนของผู้ใหญ่ที่ต้องเอาจริง มากกว่าเป็นเด็กน้อยที่ยังต้องจินตนาการ แต่เขาสัญญาว่า แม้จะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะยังฟังเสียงเล็กๆจากหัวใจเยาวภาพ และแลเห็นความงามของเพชรน้ำค้างอยู่เสมอ.. ก่อนพลิกหนังสือ ตำราหนาเป็นคืบ.....เพื่อการก้าวไปสู่การเป็นดอกเตอร์ เพื่อมาเป็นทุนทรัพย์ทางปัญญาพัฒนาชุมชนของเขา มากกว่าเอาปริญญาไปแลกเงินตรามากมาย...เพราะเขาคล้ายน้ำค้าง มากกว่าน้ำแร่นั่นเอง.
7 กุมภาพันธ์ 2549 09:15 น. - comment id 89410
ก่อนอื่น ต้องชวนก่อน ..ไปนั่งเอาขาพุ้ยน้ำเล่นให้เย็นใจ บนแพ กันมั๊ย .... ก่อนนั้น เราไม่ค่อยเชื่อว่ามีการแบ่งศักดินา ตอนนี้ เราชักสงสัย ว่า ระดับฐานการศึกษา จะมีการแบ่งแยก แค่ในองค์กร ป.โท เขายังบ่นว่า ป.ตรี พูดไม่รู้เรื่อง ป.ตรี ก็บอกว่า ป.โต พูดอะไรของมันวะ ลูกครึ่ง นี่ถ้า ดร. พูด ยิ่งไม่รู้เรื่องกันไปใหญ่ .. ต้องจับไปทำน้ำแข็งเสียให้หมด แล้วกลั่นตัวใหม่
11 กุมภาพันธ์ 2549 00:41 น. - comment id 89436
เราจะพลิกโฉมดร.ส่วนใหญ่ที่พูดภาษาเทพ มาเป็นดร.ที่พูดภาษาเทพ(โพธิ์งาม) พระเทพฯทรงเป็น ดร.ที่ไม่เห็นว่าจะอะไรเลย อาจเป็นเพราะการก้าวไปยังสถานะ/ศักดินานั้น คือความต่างศักย์ การพาดพิงจึงบังเกิดเป็นธรรมดา องค์พระปฏิมายังราคิน... เราจึงคิดว่า ป.โท ป.ตรี ป..อะไรก็ตาม ล้วนเป็นปัจเจก เหมือนกับว่า ศิลปินก็ถูกค่อนแคะว่าติ๊สต์จัด พูดจาไม่รู้เรื่อง ครับ..สงสัยเราคงต้องมีแต่คนธรรมดาล้วน ๆ จะได้พูดกันรู้เรื่องมั๊ง ปู่ไอน์สไตน์ก็มีคำพูดดีๆส่งผ่านแรงบันดาลใจให้คนเล็กหลายคน กลายมาเป็นคนดีของในหลวงและปวงชน พูดไปเรื่อยเปื่อยเนอะ อิมพ์เนอะ คิดถึงเสมอ ช่วงนี้เหมือนว่าจะพิจารณาความรักอย่างถ่องแท้อยู่เหรอ ขอบคุณพี่พุดครับ
10 กุมภาพันธ์ 2549 08:04 น. - comment id 89440
แค่ชื่อก็..อะนะ คมซะ อ่านหลายรอบแล้ว และ เช้านี้อีกรอบค่ะ คิดถึงคนน่ารักนักในความคิดพี่พุดค่ะ