ควรรักตัวเองให้น้อยที่สุด เจ้านายของผมผู้หนึ่ง ท่านปลดเกษียณอายุราชการแล้ว ขณะนี้กำลังเพลินอยู่กับหลาน ๆ และใช้เวลาว่างให้หมดไปด้วยการอ่านหนังสือ ฟังวิทยุ และดูทีวี เมื่อถูกผมถามถึงบทเรียนที่สำคัญของชีวิตแปดสิบกว่าปี ที่ได้ให้แก่ท่าน ท่านนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบว่า......................................... ชีวิตของผมเต็มไปด้วยการขึ้น ๆ ลง ๆ มีโชคดีบ้าง โชคร้ายบ้างสลับกันไป............ เวลาที่ผมเศร้าโศก หรือได้รับความทุกข์ เห็นชีวิตมืดทึบเป็นสีดำไปหมด ผมจะนึกถึง.... สุภาษิตที่ว่า ชีวิตจะเริ่มใหม่ในวันพรุ่งนี้ ผมเชื่อเหลือเกินว่า วันนี้เราอาจจะพบกับความผิดหวังล้มเหลว หรือเศร้าโศก พลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก ที่เราหวงแหน แต่ไม่เป็นไรดอกเพราะว่า ชีวิตจะเริ่มใหม่ในวันพรุ่งนี้ เราจะมีโอกาสสำหรับความพยายามใหม่ และเริ่มต้นกันใหม่เสมอ คุณทราบไหมว่ามีนักเขียนดัง ๆ หลายคน เมื่อแรกเขียนหนังสือ ส่งไปให้หนังสือพิมพ์ ถูกขว้างลงตะกร้าไป แต่เขาก็....... พยายามใหม่ จนประสบความสำเร็จ เขารู้ว่าโอกาสสำหรับเขา ก็เช่นเดียวกับของมนุษย์ทุกคน คือ มีอยู่ทุก ๆ วัน ถ้าวันนี้พลาด ชีวิตจะเริ่มต้นใหม่ในวันพรุ่งนี้ คนเราทุกวันนี้ได้ดิบได้ดีเข้าหน่อยก็ลืมตัว เหยียดหยามคนอื่น ตัวของผมเองก็เคยเห่อยศศักดิ์มาแล้ว....... อำนาจราชศักดิ์เงินตรา ทำให้คนเสียคนง่ายเหลือเกิน..................... ผมเรียนหนังสือเมืองฝรั่ง ชอบเหยียดคนอื่นว่าโง่ เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกตัวเองว่า ไม่ได้ฉลาดไปกว่า..คนอื่น ๆ เท่าใดเลย ผมพึ่งมารู้ตัวเองตอนแก่ชรานี่เองว่า.. ทัศนะการมองคนอื่นที่ถูกต้อง........ ก็คือการมองด้วยความเห็นอกเห็นใจ ด้วยความรักและอภัย ด้วยความเอื้ออารีและเป็นมิตร ไม่ใช่มองด้วยการแข่งดี เปรียบเทียบว่าใครเก่งกว่า ดีกว่าใครหรือรวยกว่าใคร ซึ่งในปั้นปลายก็เป็นภัยแก่จิตใจตนเอง .............. ท่านคุยกับผมว่า..แต่ก่อนท่านเคยพูดว่า.... ศาสนาเป็นของเก่าครึล้าสมัย แต่เดี๋ยวนี้............ ท่านกลายเป็นคนแก่วัดไปแล้ว และไม่เคยคุยอวดใครอีกเลย ถึงความรอบรู้ของท่าน ท่านสารภาพกับผมว่า.............. เดี๋ยวนี้ผมกลับเป็นเด็กไปอีก คือไม่รู้อะไรเลย และผมกำลังเกลียดคนฉลาด ผมชอบคุยกับคนโง่ ผมรู้ว่าเขาเป็นคนที่น่าสงสาร น่าเอ็นดูที่สุดในโลก ผมถามท่านว่า ท่านรักอะไรมากที่สุดในเวลานี้ ท่านตอบว่า.... ผมไม่ทราบ คุณจะว่าผมโง่ก็ตามใจ แต่คนอื่น ๆ ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ไม่เชื่อคุณลองไปถามดูเถอะ ผมทราบแต่ว่าผมรักตัวเองน้อยที่สุด นี้แหละคือวิธีชนะทุกข์และสร้างสุขของผม ลองดูเถอะครับ รักตัวเองให้น้อยที่สุด แล้วความทุกข์ต่าง ๆ จะลดน้อยลงไปมาก อย่า..พยายามรักและสงสารตัวเองเป็นอันขาด..!! เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ผมพบท่านในร้านขายต้นไม้ ท่านหัวเราะกับผมด้วยใบหน้าแจ่มใส ท่านกำลังซื้อต้นไม้อยู่ ท่านบอกผมว่า.... อยากมีความสุขสามวันให้ฆ่าหมู อยากมีความสุขสามเดือนให้แต่งงาน อยากมีความสุขตลอดชีวิตให้ปลูกต้นไม้ ครับผม..
3 มกราคม 2549 23:05 น. - comment id 88685
มีพรุ่งนี้ก็ดี ไม่มีพรุ่งนี้ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่
4 มกราคม 2549 01:53 น. - comment id 88688
4 มกราคม 2549 01:58 น. - comment id 88689
หายไปไหนเนี่ย รักตัวเองให้น้อยลง เห็นคุณค่าผู้อื่น คงดีนะครับ หากคนรอบๆตัวเราคิดได้อย่างนี้ แต่นี้สิทีเด็ด อยากมีความสุขสามวันให้ฆ่าหมู อยากมีความสุขสามเดือนให้แต่งงาน อยากมีความสุขตลอดชีวิตให้ปลูกต้นไม้ .
5 มกราคม 2549 08:33 น. - comment id 88856
สวัสดีค่ะ... อืมมมมม.....ควรรักตัวเองให้น้อยที่สุด.. ขัอความนี้อ่านแล้วคิดค่ะ มีคนเขาส่งไปให้อ่าน ลองอ่านเรื่องสั้นนี้สิ แต่ด้วยอารมณ์ไม่ดี....และขี้งอน ก็เลยไม่ได้อ่าน แต่สุดท้ายก็กลับมาอ่าน ..อ่านแล้วน่าคิดมากค่ะ.... แต่คิดดูอีกที่ก็รักตัวเองมากนะค่ะ เพราะว่าตัวเองอยากได้อะไรก็ซิ้อให้ตัวเอง ก็เลยคิดว่ารักตัวเองมาก.... แต่กลับมานั่งคิดดูดีดีอีกที่ รักพ่อแม่และครอบครัวมากกว่าตังเองค่ะ เพราะทำได้ทุกอย่างที่ท่านจะมีความสุข (ถ้าไม่เกินความสามารถนะ..) บางที่ท่านไม่เอ่ยปากบอกเรา เราก็เองก็ทำให้ท่านแล้ว มานั่งคิดดูอีกที่รักพ่อแม่มากกว่าตัวเองนะ และการที่รักตัวเองให้น้อยที่สุด ก็เป็นการลดความเห็นแก่ให้น้อยลงนะค่ะ เพิ่มการเสียสละ การให้ ............