กวีชาวไอริชกล่าวไว้ว่า การรักตัวเองเป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่ยืนยง การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองนั้นเป็นพื้นฐานของการเติบโตทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมโดยรวม คนที่รักตัวเองไม่เป็นจะมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวสุข เดี๊ยวเศร้า เนื่องจากเขาปล่อยให้เงื่อนไขภายนอกหรือท่าทีของคนอื่นๆมากำหนดสภาวะอารมณ์ หากคนอื่นมีท่าทีที่ดีเขาก็จะมีความสุข แต่หากวันไหนคนอื่นแสดงท่าทีเฉยเมยหรือแสดงท่าทีที่ไม่ดี คนคนนั้นก็จะรู้สึกหม่นหมอง ซึมเซา คนประเภทนี้มักจะเรียกร้องความรักด้วยการพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจคนอื่น แม้ว่าบางครั้งอาจทำให้ตัวเองลำบากก็ตาม เขามักคิดแบบแพ้/ชนะ ดังที่ Stephen R. Covey ได้อธิบายไว้ในหนังสือ The 7 Habits of Highly People ว่า คนเหล่านึ้โดยปกติจะชอบเอาใจผู้อื่น เขาแสวงหาความเข้มเเข็งจากความเป็นที่นิยมหรือการได้รับการยอมรับ ไม่ค่อยกล้าแสดงความรู้สึกของตนเองหรือแง่คิดของตนเอง และถูกคุกคามจากความเข้มแข็งในอัตตาของคนอื่นได้ง่าย แต่คนที่รักตัวเองเป็นนั้นจะรักษาความสงบสุข ความมั่นคงภายในตัวเองได้ สภาพอารมณ์ไม่ได้ขึ้นกับเงื่อนไขภายนอกหรือท่าทีของผู้อื่น เขาสามารถปฏิเสธเมื่อไม่ต้องการทำสิ่งนั้น นั่นเพราะเขาไม่ได้ตัดสินคุณจากค่าของตัวเองจากสิ่งตอบสนองภายนอกนั่นเอง หลายคนที่ผิดหวังจากความรักมักจะจมกับความเศร้าโศกเสียใจ ทุกข์ทรมาน ไม่สนใจตัวเอง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม บานคนถึงคิดทำร้ายตัวเองหรือแม้กระทั่งคิดฆ่าตัวตาย ที่เป็นแบบนี้เพราะคนคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า ไม่มีคุณค่าอีกต่อไป เพราะฉันไม่ดีใช่ไหม เขาเลยไม่รักฉัน ฉันไม่มีค่าพอที่เขาจะรัก การไม่เห็นคุณค่าตัวเองไม่ใช่เพราะคนคนนั้น ไม่มีคุณค่า คนเหล่านี้มักมองตัวเองในทางลบ เห็นแต่ข้อบกพร่องของตัวเอง แล้วคิดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นตลอดเวลา ไม่รู้สีกยินดีเมื่อคนอื่นได้ดี เมื่อเห็นว่าใครได้ดีด้วยการพยายามกดคนอื่นให้ต่ำลง การเห็นคุณค่าในตัวเองไม่เหมือนกับการหลงตัวเอง เห็นง่ายๆจากการได้รับคำตำหนิหรือคำวิจารณ์จากคนอื่น คนที่หลงตัวเองจะไม่พอใจหรือรู้สึกโกรธต่อคำวิจารณ์นั้น ในขณะที่คนที่เห็นคุณค่าในตัวเองพร้อบรับเอาคำวิจารณ์มาพิจารณา หากเห็นว่าเป็นจริงเขาก็จะยอมรับและหาทางแก้ไขข้อบกพร่องเหล่านั้นเสีย ประการแรกต้องยอมรับว่าไม่มีใครจะสมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง ในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครที่จะแย่เกือบเสียทุกด้าน คนเรามีทั้งดีและไม่ดี ความท้าทายอยู่ตรงที่ว่าเราจะสามารถหาข้อดีข้อด้อยของตนเองได้หรือไม่ เมื่อเราพบแล้วเราจะยอมรับในข้อบกพร่องพยายามปรับปรุงแก้ไขหากทำได้หรือไม่และพยายามส่งเสริม พัฒนาข้อดีของเราให้โดดเด่นหรือไม่ แม้ตัวเราเองที่คุ้นที่สุดก็ยังไม่เห็นคุณค่าที่มีอยู่ก็ย่อมเป็นการยากที่จะมองเห้นความดีของคนอื่นได้ คนที่รักและเห็นคุณค่าของตนในตัวเองจะสามารถชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นด้วยความจริงใจ นั่นเพราะเขารู้สึกถึงความแตกต่างของตัวเขาและคนอื่น ฉันคือฉัน และคุณคือคุณ เขาสามารถมีความสุขได้โดยการไม่ต้องรอให้ใครมาแสดงท่าทียอมรับก่อน ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นฝ่ายยอมรับและเคารพผู้อื่นก่อนเสียอีก สุดท้าย คนเราจะพบว่า ความสุขที่แท้จริงเกิดจากความรู้สึกยอมรับ ยกย่อง ศรัทธา เห็นคุณค่าของตัวเองและผู้อื่น นั่นเอง
29 พฤศจิกายน 2548 23:30 น. - comment id 88288
ดีครับผม ผมเนี่ยไม่รักตัวเองเลย มิน่าล่ะ ใครๆ ก็มองผมว่า หลงตัวเอง อืมอืม เพราะความอ่อนไหวนะครับ ผมเลยไม่รักตัวเอง แต่ตอนนี้ ก็ดีขึ้นแล้ว รักตัวเองมากขึ้น ไม่มีความรักหลงเหลือแล้ว มีแต่รักตัวเอง เท่านั้นแหล่ะ แต่ความจริง มันก็ยังอยู่ในตัวผมอยู่ ซึ่ง ไม่อยากใช้มัน ไม่อยากอ่อนไหว ครับผม
30 พฤศจิกายน 2548 12:44 น. - comment id 88314
ถูกต้องนะคร๊าบบบบ ชอบประโยคนี้อ่ะ .. คนที่รักและเห็นคุณค่าของตนในตัวเองจะสามารถชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่นด้วยความจริงใจ นั่นเพราะเขารู้สึกถึงความแตกต่างของตัวเขาและคนอื่น ฉันคือฉัน และคุณคือคุณ เขาสามารถมีความสุขได้โดยการไม่ต้องรอให้ใครมาแสดงท่าทียอมรับก่อน ยิ่งกว่านั้นเขายังเป็นฝ่ายยอมรับและเคารพผู้อื่นก่อนเสียอีก ที่พูดมาใช่เลยค่ะ