รุ่งเช้า-พลบค่ำ รุ่งเช้าของวันอาทิตย์ที่เงียบสงบช่วงฤดูหนาว ของเดือนพฤษภาคม มองผ่านปลายหญ้าจะเห็นน้ำค้างเปล่งประกายอวดโฉมแข่งกับดอกกระเจียวน้อยใหญ่ที่ขึ้นริมแม่น้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลงมาเป็นทางยาวจากยอดเขาสู่พื้นล่าง พื้นที่แถวนั้นอยู่ใกล้กับคฤหาสน์เก่าของเศรษฐีหญิงแก่วัยชราเจ้าของกิจการไร่องุ่น มันเป็นคฤหาสน์สีขาวมีรั้วเหล็กดัดล้อมรอบแล้วถูกหุ้มด้วยไม้เครือที่พันเกี่ยวมองดูราวกับรั้วที่ถูกสร้างโดยธรรมชาติ มันช่างสวยงามซึ่งเป็นศิลปะของมนุษย์และธรรมชาติช่วยกันสร้างสรรค์ แสงแดดยามรุ่งเช้าสาดส่องเช้าไปในหน้าต่างชั้นสองผสานกับไอหนาวมองดูเป็นสายยาวชวนหลงใหล เสียงนกร้องฮัมเพลงอวดกันยามรุ่งฟังดูแล้วทำให้คล้อยตามดนตรีของธรรมชาติ ทุกสิ่งช่างเป็นสิ่งที่สวยงามของธรรมชาติโดยธรรมชาติ คฤหาสน์หลังนี้ไม่มีใครนอกเสียจากหญิงชราร่างกายผอมๆหนึ่งอายุราวหกสิบห้าสวมชุดนอนสีขาวนอนจมอยู่บนเตียงชั้นสองริมหน้าต่าง เธอได้ป่วยด้วยโรคมะเร็งที่กัดกินลำไส้ของเธอมาเป็นเวลานานกว่าสามเดือน ตอนนี้เธออยู่ตัวคนเดียวใครบ้าน แม้เธอจะร่ำรวยมีเงินใช้ทั้งชาติเธอก็ไม่คิดสนใจ เพราะเงินไม่ใช่สิ่งที่มีค่าอีกต่อไปแล้ว เงินเป็นเพียงสิ่งของภายนอกที่มองลึกลงไปแล้วเงินก็คืออสุรกายกัดกินใจของเหล่ามนุษย์พวกที่บูชา คนใช้ที่เคยมีอยู่ในบ้านหลังนี้ถูกเธอไล่ออกจนหมดแล้วเพราะเธอต้องการใช้ชีวิตอยู่โดยลำพัง เงียบๆย้อนคิดถึงอะไรต่างๆตอนที่ยังสามารถไปไหนมาไหนได้ก่อนที่เวลาของเธอจะหมดลง เธอเลือกที่จะจบชีวิตลงที่คฤหาสน์หลังนี้เพราะที่นี่คือบ้านของเธอ คือทุกสิ่งที่อย่างของเธอ ไข่ของนกระจอกสร้างรังอยู่บนเพดานมันพึ่งเริ่มฟักตัวอ่อนแต่ชีวิตและเวลาของเธอกำลังนับถอยหลังลงทุกที...ทุกที ร่างกายและชีวิตของเธอกำลังจะถูกธรรมชาติเรียกกลับคืนสู้อ้อมกอด บัดนี้ได้เวลาแล้วที่เธอจะได้กลับคืนสู้สิ่งที่ให้เธอมา สายตาของเธอมองไปรอบๆบริเวณห้อง มองดูรูปที่แขวนอยู่บนฝาผนังข้างประตู มันเป็นรูปของสามีของเธอที่ถ่ายด้วยกันเมื่อตอนไปตกปลาริมชายหาดแต่ก็เป็นที่น่าเสียดายเมื่อสามีของเธอได้จากเธอไปแล้วเมื่อห้าปีก่อนเพราะอุบัติเหตุรถชน และเขากับเธอก็ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้เพราะเธอเป็นโรคเลือด เธอคิดย้อนกลับถึงอดีตตั้งแต่เด็กจนถึงบัดนี้ภาพความทรงจำก่อตัวขึ้นเหมือนกับพึ่งได้เกิดขึ้นใหม่ๆ เธอนึกถึงครั้งแรกที่ขี่รถจักรยานคันแรก มันมีล้อหลังพ่วงเติมเข้ามาอีกสองล้อ การออกอภิปรายครั้งแรกหน้าชั้นเรียนเพื่อนต่างหัวเราะเธอเพราะเสียงที่เป็นไข้หวัด ประสบการณ์หลงทางเข้าป่าลึกกับเพื่อนสองคนตอนเรียนอยู่มัธยมปลายๆลๆ ภาพอดีตเหล่านั้นทำให้เธอยิ้ม แม้จะเป็นยิ้มที่น่าเศร้าของชีวิตเธอแต่ก็เป็นยิ้มสุดท้ายที่เธอมีความสุขที่สุด นกกระจอกตัวผู้และตัวเมียที่สร้างรังอยู่บนเพดานบินมาเกาะริมหน้าต่างเหมือนมันจะมาล่ำลาเธอเป็นครั้งสุดท้าย สายตาของมองดูมันอย่างอิ่มเอิบ ตอนนี้แม้เธอรู้ดีกว่าตัวเองจะต้องตายแต่มันก็ไม่ทำให้เธอมีคราบน้ำตาไหลลงมาเลยซักหยด เพราะเธอได้พร้อมแล้วและยอมรับ ความเข็มแข็งทำให้เธอไม่รู้สึกกลัว แม้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้รับความรู้สึกของธรรมชาติ ความรู้สึก เหงา รัก เกลียด โกรธ ถูกกลืนไปในความเงียบของวันสุดท้าย เวลาล่วงเลยมาถึงพลบค่ำ แสงแดดเริ่มหดหายจางลง ดวงอาทิตย์กำลังเดินตามทางของเวลา นกหลากหลายตัวเริ่มบินกลับสู่รังนอน เหล่าฝูงผึ้งบินว่อนเข้านอน หัวใจของเธอเต้นช้าลง...ช้าลง ลมหายใจแผ่วมิอาจได้ยิน ดวงตาที่เปิดกว้างกำลังหรี่ลงมิอาจฝืนลืมขึ้น แสงของดวงอาทิตย์ดับลง ความมืดเข้าปกคลุมแสงสว่างจางหาย เสียงของจิ้งหรีดร้องระงม หิ่งห้อยบินนำทางหาคู่ และแล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ เธอกลับคืนสู่วัฏจักร ความเป็นธรรมชาติมิอาจฝืนเพราะเราคือส่วนหนึ่งของมัน พลบค่ำได้ผ่านไปอย่างสงบเงียบรุ่งเช้าจะหวนคืน....
19 พฤศจิกายน 2548 21:29 น. - comment id 87905
กลับคืนสู่วัฏจักร ความเป็นธรรมชาติมิอาจฝืนเพราะเราคือส่วนหนึ่งของมัน ชอบค่ะ
19 พฤศจิกายน 2548 17:22 น. - comment id 88056
ง่ะ ผมก๊อบมาจากเวิด เว้นวรรคอย่างดี ทำไมมันติดกันแบบนี้อะ
21 พฤศจิกายน 2548 10:58 น. - comment id 88084
......................... มาให้กำลังใจ กับการสร้างไฟฝัน เพื่อสรรค์งานเขียนดีๆ แล้วก็..... ตั้งใจเรียนล่ะ....
3 กุมภาพันธ์ 2549 01:54 น. - comment id 89376
แวะมาครับผม