ผมเชื่อว่าทุกคนมีอดีต และก็เชื่อว่าอดีตของผมก็ไม่ได้ขมขื่นน้อยไปกว่าใครๆ แต่อย่าให้ผมต้องเล่าถึงอดีตของผมเลย เพราะมันคงยาวและน่าเบื่อมาก...เปล่า ผมไม่ได้รู้สึกเลวร้ายที่จะพูดถึงมันหรอกนะ แต่ผมอยากเก็บมันไว้กับความรู้สึกข้างในเพียงลำพัง ...อย่างน้อย ผมก็ยังภูมิใจได้บ้าง ว่าผมไม่ได้มีข้ออ้างให้กับอดีตเหล่านั้น และไม่ได้ปรุงแต่งให้มันดูสวยงามไปกว่าที่มันเป็น ด้วยมโนสุจริต ผมต้องยอมรับว่าได้พ่ายแพ้ให้กับความอ่อนแอของตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย แต่นั่นละครับ หากกระทั่งตัวเองยังไม่ยอมอภัยให้กับตัวแล้ว เห็นทีชีวิตนี้คงจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ไม่รู้จบสิ้น... อย่างไรก็ตาม อภัยให้กับตัวเองนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ลงโทษตัวเองนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ระหว่างการลงอาญาที่หนักหน่วง ผมก็ได้แต่หนี หนีไปจากความยุ่งยากทุกๆ เรื่อง มันคงไม่ใช่ทางออก...แต่มันเป็นทางเลือกที่ง่าย...และผมเลือกความง่าย...เพราะผมเป็นผู้ชายง่ายๆ ง่ายที่มาจาก มักง่าย และใจง่าย นั่นแหล่ะ เวลาว่าง ความรู้สึกว่าว่าง เป็นสิ่งที่ผมกลัวอยู่เสมอ จึงไม่แปลกอะไรที่ผมจะหาอะไรมาสุมตัวเองเล่น หมกตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ ...ห่างไกลจากผู้คน หนีไปจากสังคม นึกอยู่เหมือนกันว่าจะเก็บลูกหมาข้างถนนมาเลี้ยงเป็นเพื่อนสักตัว แต่คิดไปคิดมา...อย่าดีกว่า แค่ชีวิตตัวเองยังดูแลไม่ได้ กับอีกชีวิตหนึ่งจะดูแลได้หรือ ผมเลยยังอยู่กับความทุกข์ที่ทับถม และยังคงออกไปแสวงหา แสวงหาบางสิ่งบางอย่างที่จะทำให้ชีวิตแตกต่างไปจากเดิม...แตกต่างไปจากที่เป็นอยู่ให้มากที่สุด และมากพอที่ผมจะสนุกกับมันจนลืมความทุกข์ที่กัดกร่อนอยู่ข้างในได้ชั่วขณะ ระหว่างการเดินทางที่ไกลออกไปทุกวัน ชีวิตถึงได้ค้นพบอะไรอีกหลายอย่าง ความทุกข์ที่เคยกัดกินใจจนแหว่งวิ่นเหมือนหนูแทะ เหมือนได้ยาดีรักษาจนอาการทุเลาเบาบาง ..ก็ในเมื่อความตายยังมาไม่ถึง ทำไมผมไม่เดินและทำให้มันดีขึ้นๆ ทุกวันเล่า ผมยิ้มให้กับตัวเอง.. ผมจะเดินให้ดี เตี้ยเป็นชายหนุ่มตัวเล็ก รูปร่างสันทัด หน้าตาดีแบบอีสาน เวลาไม่เมาแล้วเรียบร้อยนุ่มนิ่ม ขี้อาย ไม่เคยมีปากมีเสียงกับใครเขา เป็นชายหนุ่มที่หากเหล้าไม่เข้าไปในเลือดแล้ว น่ารักจนน่าหยิก เราสองคนสนิทกันในวงเหล้าเด็กอีสาน เตี้ยชอบกินเหล้าส่วนผมนั้นชอบกินกับ ทุกๆ คืนวันศุกร์ที่อยู่โรงเรียน เราจึงมักนั่งเฝ้าขวดกลมๆ กับขันใส่โซดาน้ำ กลัวมันหายอยู่บ่อยๆ เรื่องราวในวงเหล้าทุกครั้งก็ไม่พ้น นินทานายทหาร บ่นรุ่นพี่ สุดท้ายก็สรรเสริญเยินยอกันเอง เรื่องเหล่านี้วนเวียนมาทุกครั้งเหมือนเพิ่งคุยกันครั้งแรก พอยิ่งดึกยิ่งเมา..นอกจากลิ้นไก่แต่ละคนจะหดสั้นลงแล้ว ความจำยังพลอยสั้น วนเอาเรื่องเดิมๆ แต่หัวค่ำและห้านาทีก่อนมาพูดซ้ำอยู่บ่อยๆ วงเหล้าจึงเลิกยากและไม่เคยหมดเรื่องคุย ถ้าไม่หลับคาวง..อย่าหวังเลยว่าจะได้ลุกไปนอน ผมไม่ใช่เด็กอีสานหรอกครับ ด้วยจมูกโด่งๆ หน้าตาคมคาย ผิวสีน้ำผึ้งอย่างผม ดูปร๊าดก็รู้ว่าลูกครึ่งไทยอเมริกันบรามัน ไม่ก็ไทยเยอรมันเชฟเฟิร์ส แต่ด้วยบุญคุณที่ผมเคยรักษาชีวิตหัวหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือท่านท้าวคำนูน ในคดีเชอร์ล็อคนูนถล่มวังค้างคาว ที่ดันสวมวิญญาณนักสืบพิสูจน์คดีทหารขี้แตก ขี้ตกหกเรี่ยราดเปื้อนประตูและทางเดินเป็นระยะทางเกือบยี่สิบเมตร แล้วท่านท้าวกล่าวหาพาดพิงจำเลยเขาทรายแกแล็กซี่ นักมวยขวาตายซ้ายสลบแบบหลักฐานไม่แน่นพยานไม่ชัวร์ จนเกือบถูกกระทืบตายคาเตียง เหตุการณ์คราวนั้นทำให้ผมได้รับเชิญเข้าสมาคมคนมีกรามอย่างช่วยไม่ได้ หลังจบนายเรืออากาศ ผมเข้าไปเรียนบินผลัดหนึ่ง ส่วนเตี้ยตามเข้าไปเรียนเป็นผลัดสอง ทุกวันหลังกินข้าวเย็น เตี้ยจะแวะมาใช้บริการโทรศัพท์นาทีละบาทที่ห้องผม ..ใช่แล้วครับ ผมแอบเปิดบริการมือถือตั้งโต๊ะหาทุนการศึกษาปริญญาเอกให้เด็กๆ ในสังกัด เตี้ยเองก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของผม ปริญญาบัตรของเด็กสาวสองสามคนจึงเป็นทุนของเตี้ยโดยแท้ ผมยังนึกขอบคุณแทนพวกเธออยู่ถึงวันนี้ ว่าก็ว่าเถอะ เด็กอีสานนี่จริงใสและใสซื่อ ..เตี้ยเองก็เหมือนกัน ทุกวันที่คุยโทรศัพท์เหมือนอัดเทป เรียกว่าส่งมาให้ผมพูดแทนก็ไม่ผิดเพี้ยนตกหล่น ร้องไห้น้ำตาซึม พร่ำแต่พูดว่าบินไม่ได้ๆ โดนไล่ออกแน่ ครบครึ่งชั่วโมงก็ปาดน้ำตาเดินซึมเป็นผ้าอนามัยออกจากห้องผมไป แล้วเป็นไงล่ะ พ่อคุณไปบินไอพ่นอยู่โคราชโน่น.. ปล่อยให้เพื่อนๆ กูบินได้ กูบินดี เดินคอตกออกจากโรงเรียนไป มันน่าหมั่นไส้จริงๆ วันนึงผมแวะไปนอนบ้านโยธา ซึ่งเจ้าบ้านทำใจยกให้เป็นบ้านสาธารณะตั้งแต่เริ่มทำงานปีแรก เนื่องจากใครไม่มีที่ไปก็จะมาสุมหัวนอนกันที่บ้านนี้แหล่ะ ไม่ต้องพูดถึงความเกรงใจ คำนี้เพื่อนกันมันไม่มีอยู่แล้ว บางคืนยี่สิบชีวิตจึงนอนกองกันหน้าทีวีแบบไม่ยี่หระบ้านใกล้เรือนเคียงและสายตาชาวบ้าน ชื่อเสียงของบ้านโยธานั้นแฟนพวกเราทุกคนในยุคนั้นรู้จักกันดี และถ้าเป็นตัวจริงเสียงจริง อย่างน้อยต้องเคยไปสิงสถิตกันครั้งสองครั้ง ขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ ใกล้หลับอยู่ห้องชั้นบนคนเดียว โดยมีกว่าเจ็ดชีวิตนอนหลับคาหนังสือและคอมพิวเตอร์อยู่ห้องข้างล่าง เงาดำเตี้ยๆ คุ้นตาคลอเคลียกันมากับเงาบางสูงโปร่ง เจ้าตัวเปิดประตูเข้ามาในห้อง และชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างผมนอนอยู่ ค่อยๆ เดินด้วยปลายเท้าแผ่วเบาแบบที่คนเมาพอจะทำได้ ชะโงกหน้าเข้ามาดูใกล้ๆ นาทีนั้นผมตื่นแล้ว และหรี่ตาดูอยู่ ทันทีที่เห็นว่าเป็นผม เจ้าตัวอึ้งเหมือนตัดสินใจไม่ถูก ไม่รู้ว่าเพราะเกรงใจ หรือกลัวผม พลอย แต่เดาว่าน่าจะเป็นประการแรก เพราะตอนนั้นผมยังเป็นคนดีที่ยังไม่เสีย ผมยิ้มในความมืด หยิบนาฬิกาข้อมือที่ถอดวางไว้ข้างตัวลุกออกจากห้องไป เสียงอ้อมแอ้มขอบคุณของคนเมาเบาพอได้ยินขณะสวนกัน ..ผมยิ้มอีกครั้ง แอบหวังลึกๆ ว่า..อย่าล็อคห้องนะโว้ย น่าเสียดาย.. มันล็อคห้อง และประตูไม่มีรู คืนนั้น ผมจึงหลับไปด้วยความแค้น ..เตี้ยนะเตี้ย ตอนเช้า..เตี้ยกับสาวน้อยหายวับไปก่อนทุกคนตื่น ผมเดินมาชงกาแฟกินแก้หงุดหงิด อมรมย์แต่เมื่อคืนยังค้างคาอยู่ในใจ พอไอ้นงโผล่หัวออกมา ผมจึงบ่นให้ฟัง ไอ้นงหัวเราะหึหึ ใช่ผู้หญิงที่ไหนเล่า ไอ้เตี้ยมันเมา ห้ามก็ไม่ฟัง ว่าแล้วเจ้าตัวก็หัวเราะต่อ ผมอึ้งไปพักนึง นึกเสียดาย..เออแฮะ ผู้ชายก็น่าลอง
31 ตุลาคม 2548 15:11 น. - comment id 87550
อดีต... ขอบคุณที่ทำให้เห็นมุมหนึ่งของผู้ชาย เค้าใช้ชีวิตกันยังไง?.... ว่าแต่ว่า...พี่สายลมทะเล คิดเปลี่ยนรสนิยมจริงเหรอ? มะกรูดว่าคิดแบบนั่นก็ดีแล้วนะ... เห็นภาพเลยอ่ะ...ชีวิตของสุภาพบุรุษที่โสดตัวจริง เห็นภาพจนนึกกลัวไง?.... เอาน่ะ...มะกรูดก็แค่แวะมาสนับสนุนรสนิยมของพี่ กึ๋ยยยส์.......
1 พฤศจิกายน 2548 13:22 น. - comment id 87566
ก็เมื่อสาวๆ มันหายากนัก..แอบไปรักผู้ชายด้วยกันก็ดีเนาะ มะกรูด ฮ่า