ทฤษฎีโลกมีชีวิต

เด็กตาดำดำ

คุณจะเชื่อไหมถ้าผมจะบอกว่าโลกที่เราอยู่.... มันมีชีวิต มีจิตใจ มีความคิดคุณอาจจะบอกว่าผมบ้าก็ได้  อะไรกันโลกของเราจะมีชีวิตได้อย่างไร แต่ถ้าคุณสนใจ ผมจะเล่าให้คุณฟัง  ถ้าคุณคิดว่าโลกไม่มีชีวิตนั้นเป็นเพราะว่าคุณใช้สามัญสำนึกแบบมนุษย์ไปกำหนดวัดค่าคำว่า มีชีวิต ผมจะยกตัวอย่างให้คุณเห็นก็คือ คุณลองคิดดูแมลงวันตัวหนึ่งเกาะที่แขนของคุณ ด้วยสติปัญญาหรือระดับจิตของแมลงวัน มันจะรู้ไหมว่าที่เกาะอยู่นั้นเป็นสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งที่มันเกาะนั้นเป็นอะไร เป็นของใคร ชื่ออะไร สิ่งที่มันรู้ก็เป็นแค่ระดับที่จิตของแมลงวันจะสัมผัสรับได้เท่านั้น แล้วถ้าโลกมีชีวิตจริงๆละ จิตอันกระจ้อยร่อย ก้านสมองอันน้อยนิดของมนุษย์จะมีปัญญาสัมผัสรับรู้ถึงความมีอยู่ เป็นอยู่ของจิตในระดับดาวเคราะห์ของโลกได้หรือเปล่า บางที่อาจรู้ได้ถ้าเป็นจิตที่ละเอียด บริสุทธิ์ระดับญาณ 9 หรือนิโรธสมาบัติเช่น พระพุทธเจ้า แต่คุณก็จะค้านว่าถ้าจิตของมนุษย์เราต่ำเกินกว่าจะรับทราบความมีชีวิตในอีกรูปแบบหนึ่งของโลกใบนี้ได้แล้วละก็ ความคิดว่าโลกมีชีวิตก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้  นอกจากเราจะสำเร็จอรหันต์กัน แต่เมื่อหลายปีก่อนได้มีนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันด้วยความสมัครใจค้นหาคำตอบข้อสงสัยของพวกเขา โดยพวกเขาได้พัฒนาทฤษฎีไร้ระเบียบขึ้นมาจนพอจะใช้มันคำนวณปรากฏการณ์ธรรมชาติในระดับละเอียดได้ และมันทำให้พวกเขาค้นพบว่าปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงทุกอย่างในธรรมชาติมันล้วนมีรูปแบบที่ผูกพันโยงใยกันเกินธรรมดา การอพยพย้ายถิ่นของนกบนฟ้าหรือปลาไหลในทะเล ฝูงผีเสื้อและตั๊กแตนที่บินข้ามถิ่นเป็นร้อยๆไมล์ พายุ หรือกระแสน้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างมันคือกระบวนการสร้างสมดุลเคมีของสิ่งมีชีวิตเหมือนการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกายของเรา และยังมีการศึกษาถึงสนามแม่เหล็กโลกด้วย โดยทางนักวิทยาศาสตร์กลุ่มดังกล่าวได้พบว่าในคลื่นแม่เหล็กโลกนั้นมีคลื่นประหลาดอีกคลื่นหนึ่งแทรกสอดอยู่ด้วยมันมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติครั้งใหญ่ๆของโลก ถ้าหากคลื่นนี้เข้มขึ้นก็จะเกิดแผ่นดินไหวหรือน้ำท่วมหรือสึนามิได้ เมื่อร้อยห้าสิบปีก่อน เริ่มมีการปฏิวัติอุตสาหกรรม โรงงานและเขื่อนกั้นน้ำถูกสร้างขึ้น คนเริ่มจับจองสร้างสิ่งปลูกสร้างมากมาย ตอนนั้นโลกมีประชากรแค่เก้าร้อยกว่าล้านคน พื้นที่ป่าเกินกว่าสิบล้านตารางไมล์ เพียงแค่สองชั่วอายุคนเท่านั้น เทคโนโลยีก้าวกระโดดไปอย่างกับเนรมิต เรามีโรงงาน เมืองใหญ่ เขื่อนกันน้ำ ไฟฟ้าและตลาดหุ้น แต่ประชากรเพิ่มขึ้นเป็นหกพันล้าน ป่าไม้เหลือไม่ถึงสามล้านตารางไมล์ มลภาวะ ปัญหาชั้นโอโซนกับกรีนเฮาส์เอฟเฟกต์ แต่ที่สำคัญที่สุดคลื่นความคิดของโลกเปลี่ยนไปมาก และมากจนน่ากลัว ขณะนี้มนุษย์เรากำลังทำตัวเป็นปรสิตกัดแทะร่างกายของโลกอย่างมูมมาม ซึ่งคล้ายๆกับว่า เวลายุงมากัดคุณ คุณก็จะตบมัน โลกเราก็เหมือนกันขณะนี้มันกำลังคิดว่าปรสิตที่เกาะมันอยู่เกะกะมันมาก มันจึงคิดจะลดจำนวนปรสิต อย่างเช่นคุณเคยดูหนังเรื่อง เดอะเดย์อาฟเตอร์ทูมอร์โร(The Day After Tomorrow)ไหม คล้ายๆกัน และการเกิดสึนามิบริเวณเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และทำให้คนตายแสนกว่าคนที่ผ่านมา  หรือแผ่นดินไหวที่ปากีสถาน อินเดีย ที่ทำให้ผู้คนล้มตายหลายหมื่นคน ก็เกิดจากการที่โลกเราพยายามลดปรสิตที่อยู่บนมัน แล้วคุณคิดอย่างไรกับเรื่องเล่าของผม ให้ความเห็นได้นะครับ 				
comments powered by Disqus
  • ลอยไปในสายลม

    28 ตุลาคม 2548 15:11 น. - comment id 87504

    อืมนะ
    
    ก็คงจะจริงล่ะค่ะ
    
    เหมือนเคยได้ยินเหมือนกัน
    แต่จำไม่ได้ว่าได้ยินมาจากที่ไหน
    
    ^_^

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน