น้อง...

แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า

น้อง 
๑. 
ฟ้าพึ่งซาเม็ดฝนไปไม่นาน แสงแดดอ่อนๆ เริ่มจับทอที่ขอบฟ้า เสียงนกนานาชนิดดังไปทั่วทิศ คนเฒ่า คนแก่ ชาย หญิงแม้กระทั้งเด็กเล็กต่างถือตะกร้าเดินกันเป็นแถวยาวเรื่อยไปจนจรดตีนดอย และเมื่อถึงตอนนั้นล่ะทุกคนก็จะแยกย้ายกันหาทางขึ้นตามแต่ใครจะสะดวกและเหมาะที่สุด ทั้งจะไม่มีใครยอมเดินตามหลังใครเหมือนเมื่อครู่ เพราะการขึ้นไปเก็บเห็ดนั้นถ้าหากว่าเดินกันเป็นแถว หรือเดินตามกันแล้ว คนที่อยู่หน้าสุดมักจะได้ก่อน และได้เห็ดที่สมบูรณ์ดี ส่วนคนที่เดินตามหลังถัดๆ ไปก็มักจะได้เห็ดไม่ดี ไม่สวย ถูกเหยียบย่ำจนไม่สามารถนำไปทำอะไรได้หรือบางครั้งจะเป็นเห็ดมีพิษ 
เช้าในวันที่ฝนพึ่งหยุดตกอย่างนี้ชาวบ้านถิ่นนี้มักจะตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษแทบทุกคน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเห็ดชอบออกในบรรยากาศเช่นนี้ ซึ่งมันก็ไม่เคยสร้างความผิดหวังให้ใครเลย และหากมีชาวบ้านคนใดที่โชคดี ดงเห็ดโคน ที่สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกเมื่อนำไปขายในตลาด ซึ่งมันก็ดูคุ้มค่ากับการที่ต้องตื่นแต่เช้าโดยแทบไม่ได้ลงทุนอะไรมากนัก นอกจากเดินและใช้สายตาที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์เท่านั้นเอง และพอเริ่มสายหน่อยหลังจากเก็บเห็ดเสร็จแล้ว ชาวบ้านก็จะพากันไปที่ลำคลองสายเล็กๆ ที่ไหลอยู่หน้าหมู่บ้านเพื่อไปจับปลา ยกยอ ทอดแห หรือช้อนกุ้ง ตามแต่ใครจะสามารถหาด้วยวิธีการไหนได้สะดวกและถนัดกว่ากัน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นกว่าที่ทุกครอบครัวจะได้กินข้าวเช้าก็เกือบเที่ยงวันนั่นเลยทีเดียว 
ฝ้ายฝ้ายเอ๊ย เสียงของชายชราดังขึ้นที่หน้าบ้านไม้เก่าชั้นเดียวที่ปลูกอย่างง่ายๆ ติดตีนดอย 
มีอะไรหรือพ่อหลวงถึงมาเรียกแต่เช้า ผู้ถูกเรียกตะโกนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เล็กน้อย 
เพียงครู่เดียวประตูไม้บานเก่าก็เปิดออก แล้วใบหน้าของเด็กสาวแรกรุ่นก็โผล่ออกมา 
ข้าจะขึ้นไปเก็บเห็ดบนดอย เอ็งจะไปกับข้าไหม ชายชราถามพลางดีดยาสูบที่มวนด้วยใบตองแห้งลงข้างแปลงผักที่ปลูกอยู่ริมรั้วบ้าน เห็นเขาว่าเห็นโคนออก ผู้สูงวัยกว่ากล่าวสำทับ แกรู้ดีว่าถ้าหากหลานรู้เรื่องเห็ดโคนออกเมื่อไร เธอมักจะตามแกไปด้วยทุกครั้งโดยไม่อิดออด เพราะนั่นหมายถึงหลานสาวของแกจะมัวแต่มองหาเห็ดโคนจนไม่สนใจเห็ดอื่นๆ เลย 
พ่อหลวงไปคนเดียวเถิด วันนี้ฉันจะไปรับแม่กับน้องและว่าจะเลยไปดูพ่อหน่อย เธอกล่าวก่อนจะนั่งยองๆ ลงที่หน้าประตู พร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ตาแรงๆ สองสามครั้ง เพื่อขับไล่ความงัวเงียอันที่จริงเธอเองก็นึกเสียใจอยู่ลึกๆ เหมือนกันเรื่องเห็ดโคน ถ้าไม่ติดว่าจะไปรับแม่ที่จะต้องออกจากโรงพยาบาลพร้อมน้องที่พึ่งคลอดแล้วล่ะก็เธออาจจะมีค่าขนมกินไปอีกหลายมื้อโดยไม่ต้องไปแบมือขอเงินแม่ก็ได้ 
ชายชราพยักหน้าเหมือนพึ่งจะนึกได้ว่าลูกสาวแกนั้นอยู่ที่โรงพยาบาล อีกทั้งลูกเขยก็นอนป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ที่เดียวกัน 
อย่างนั้นข้าไปก่อนนะ ฝากดูพ่อแม่และหลานใหม่แทนข้าด้วยล่ะ ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใย พูดจบก็ก้าวเดินช้าๆ อ้อมรั้วบ้านมุ่งสู่ดอย ทิ้งไว้แต่เสียงมีดพร้าตัดกิ่งไม้ที่ยื่นก้านแตกกิ่งขึ้นรกครึ้มระหว่างทางให้ได้ยินเป็นระยะๆ 
เธอเดินออกมายังบริเวณแปลงผักที่ปลูกอยู่ริมรั้วบ้านสำรวจดูดอกผลที่เธอลงมือปลูกไปเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ตอนนี้ต้นมะเขือ พริก ตำลึง ฟักทอง และผักต่างๆ ที่เธอปลูกต่างแตกยอดชูใบเขียวสะพรั่งทั่วแปลง เธอยิ้มให้กับผลงานของตัวเองนิดนึงก่อนจะเดินเลยไปที่รั้วหน้าบ้านที่ปลูกดอกดาวเรือง กุหลาบ และดอกไม้ต่างๆ เอาไว้ ต้นไม้ตรงนี้ก็ไม่ต่างไปจากแปลงผักนัก มันออกดอกสีแดง ส้ม เหลืองสลับกันไปจนสุดรั้วบ้าน แถมบางครั้งยามอากาศเย็นๆ มันมักจะส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาให้เธอได้สูดดมพอชื่นใจอยู่บ่อย ถึงตอนนี้เธออดที่จะนึกไปถึงคำชมของแม่ไม่ได้ที่ว่า เอ็งน่ะมันคนมือเย็นปลูกอะไรก็ขึ้นก็งาม แม่มักจะกล่าวชมเธอเช่นนี้เสมอๆ เมื่อเห็นเธอปลูกอะไรๆ ก็ออกดอกให้ผลได้ยล-ชิมทุกครั้งไป 
เฮ้ยฝ้ายไม่ขึ้นไปเก็บเห็ดด้วยกันหรือวะ เสียงของเด็กหญิงในวัยเดียวกันดังขึ้นจากกลุ่มชายหญิงที่เกาะกลุ่มกันเดินผ่านหน้าบ้านเธอเพื่อมุ่งไปยังดอย 
ไม่ล่ะ วันนี้จะไปรับแม่กับน้องที่โรงพยาบาล เธอตะโกนตอบ 
น้องเอ็งผู้หญิงหรือผู้ชายวะฝ้าย เสียงของหญิงวัยกลางคนร้องถามมาจากในกลุ่ม
 
หญิง เธอตอบพร้อมกับคิดถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ เนื้อตัวสีแดงอมชมพู ผมดำแต่ไม่ดกนอนหลับตาพริ้มอยู่ในห้องรวมกับเด็กแรกเกิดที่พึ่งคลอดออกมาใหม่ๆ 
ดีผู้หญิงนะซิดีเลี้ยงง่ายไม่เหมือนผู้ชายหรอก อ้ายผู้ชายน่ะพอเลี้ยงโตหน่อยก็ริอาจเที่ยวผู้หญิง ติดยา ติดเหล้า ตีกันมั่งให้เดือนร้อนไม่วายเว้น เอ็งไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลหรอกฝ้ายเอ๋ยดูตัวอย่างในหมู่บ้านเรานี่ก็พอแล้วมีเด็กผู้ชายดีๆ ซักกี่คนเชียว มันเป็นอย่างที่ข้าว่าไหมล่ะหา หญิงวัยกลางคนๆ เดิมพูดขึ้นพร้อมกับพยักหน้าให้เธอเป็นเชิงขอความเห็นในเรื่องที่หล่อนพูดอยู่ 
เธอยิ้มและพยักหน้าให้แทนคำตอบก่อนจะก้มลงเด็ดดอกดาวเรืองและดอกกุหลาบสองสามดอกแล้วเดินเข้าบ้าน 
สาธุหลวงพ่อขอให้แม่ พ่อ น้องและทุกคนสบายดีด้วยเถิด เธอยกดอกไม้ขึ้นจรดกลางหน้าผากก่อนจะวางมันลงตรงหน้าพระพุทธรูปไม้ขนาดย่อมบนหิ้ง 
๒. 
ตึกไม้สองชั้นฝังตัวอยู่ในสภาพเก่าๆ ยามสายของวันนี้คลาคล่ำไปด้วยผู้คนไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ สาวหนุ่มหรือคนแก่ที่ต่างนั่งบ้างยืนบ้างเบียดเสียดเพื่อรอคอยฟังชื่อของตัวเองจากลำโพง อีกทั้งใบหน้าของทุกคนล้วนถูกตบแต่งด้วยความมัวหมองเนื่องจากความเจ็บป่วยของโรคภัยที่ตนได้รับ 
เด็กหญิงเดินขึ้นบันไดที่อยู่ระหว่างตัวตึกไปยังชั้นสอง เดินเลี้ยวขวาหน่อยก็ถึงห้องโถงใหญ่ซึ่งกว้างมากพอที่จะบรรจุเตียงคนไข้ได้หลายสิบเตียง และเมื่อเธอเดินเข้าห้องผู้ป่วยรวมได้เพียงครู่เดียวเธอก็รู้สึกเหม็นกลิ่นที่อบอวนไปทั่วห้องอย่างรุนแรงทั้งกลิ่นเหงื่อไคร้ กลิ่นปฏิxxxล กลิ่นยาคละคลุ้งไปทั่วจนเธอเกือบสำรอกเอาสิ่งที่พึ่งกินไปเมื่อเช้าออกมา ดีที่เธอรีบวิ่งมาถึงหน้าต่างด้านในสุดก่อน เธอชะโงกหน้าออกนอกหน้าต่างสูดลมหายใจลึกๆ อยู่เพียงครู่เดียวก็รู้สึกว่าอาการเริ่มดีขึ้นจึงค่อยๆ หันกลับมามองยังเตียงด้านหลังที่ผู้เป็นแม่นอนหลับอยู่ เธอมองใบหน้าที่ดูอิดโรยของผู้เป็นแม่เพียงครู่แล้วหย่อนร่างลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆ เตียงปรายตามองดูน้ำเกลือจากขวดที่หยดเป็นจังหวะช้าๆ ผ่านจากขวดสู่สายยางก่อนค่อยๆ ไหลสู่หลังมือแม่ แล้วก็อดสะท้อนใจอยู่ลึกๆ ไม่ได้กับภาพที่เห็น เธออยากถาม อยากรู้ว่าแม่เป็นอย่างไรบ้างในเวลานี้เจ็บหรือปวดที่ไหน ตรงไหน อย่างไรบ้าง 
ในความรู้สึกของเธอ แม่เป็นผู้หญิงแกร่งและมีความอดทนสูง นับตั่งแต่จำความได้ เช้ามาเธอก็เห็นแม่ออกไปเก็บเห็ดบนดอย พอสายลงมาหน่อยก็ไปจับปลาถ้าได้ปลาตัวใหญ่ก็ทำกินเป็นกับข้าว แต่ถ้าได้ปลาซิว ปลาสร้อยแม่ก็จะหมักทำปลาร้าใส่ไหเพื่อเก็บไว้กินวันหน้า เสร็จจากการหาปลาแม่ก็จะให้ข้าวหมู รับจ้างทำไร่ ทำสวนแล้วแต่ว่าใครจะมีอะไรให้แม่ทำแม่ก็จะทำหมด ดูเหมือนว่าวันทั้งวันแม่จะหมกมุ่นอยู่กับงานและงาน แต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เวลาของแม่ที่มีให้เธอลดน้อยเลย แม่จะกลับมากินข้าวเย็นและดูแลเธอเป็นประจำทุกวันไม่เคยขาด และนี่ถ้าพ่อไม่มาป่วยอีกคนแม่ก็คงจะไม่ลำบากขนาดนี้ เพราะเมื่อตอนที่พ่อไม่ได้ป่วยพ่อก็แบ่งเบาภาระต่างๆ ในบ้านได้มากโขอยู่เหมือนกัน แม้ว่าพ่อจะกินเหล้าเกือบทุกเย็น แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่พ่อจะหยุดทำงานอันเนื่องมาจากกินเหล้าเลย นอกเสียจากว่าพ่อจะป่วยจริงๆ 
คิดมาถึงตอนนี้ร่ำๆ น้ำตาจะไหลออกมา แต่เธอก็พยายามฝืน พลางย้อนทบทวนว่ามีครั้งไหนบ้างที่เธอเคยเห็นแม่ร้องไห้ ยิ่งย้อนเท่าที่ความทรงจำที่เธอมีเกี่ยวกับแม่ก็ได้คำตอบว่าไม่เคยเลยที่แม่จะร้องไห้ให้ใครเห็นแม้แต่ลูกตัวเอง และด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากเป็นผู้หญิงที่แกร่งเหมือนแม่ ถึงแม้แม่จะแสดงออกมาอย่างนั้นก็ตาม เธอก็ยังสัมผัสได้เมื่อแม่มีความทุกข์นั่นก็คือ ดวงตาของแม่ที่เหม่อมองไปบนท้องฟ้ามันแลดูเศร้าโศก และเมื่อเธอเห็นอาการของแม่เช่นนั้น เธอก็จะรับรู้ได้ทันทีว่าแม่กำลังมีความทุกข์หรือวิตกกังวลใจไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอยู่ 
ฝ้ายมาเมื่อไร เสียงเอื่อยๆ ของหญิงวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงถามขึ้น 
เด็กหญิงสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงนั้นอาจเป็นเพราะความคิดของเธอกำลังโลดแล่นอยู่ในห้วงของความเศร้าแม่มักจะเป็นเช่นนี้เสมอหลับง่าย ตื่นง่าย อยู่ง่าย กินง่ายดูๆ แม่ต่างกับพี่ น้องของแม่มากอย่างไม่น่าเชื่อว่าเกิดจากท้องเดียวกันพี่ น้องของแม่ล้วนแต่เป็นคนหัวสูงทั้งนั้นอยากได้โน่นอยากได้นี่ถึงขนาดยอมเป็นหนี้เป็นสินคนอื่น เพียงเพื่อมาสนองกิเลสในสิ่งที่ตนเองอยากได้เท่านั้นเอง คิดอีกทีอาจจะเป็นไปได้ที่ว่าแม่เป็นพี่คนโตจึงมีนิสัยเช่นนี้ แม่มักจะเล่าถึงเรื่องราวในอดีตที่แม่เลี้ยงน้องๆ ให้เธอฟังอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการเสียสละอะไรต่างๆ หรือแม้กระทั้งถูกน้องๆ เอาเปรียบก็มีมาก แต่ถึงกระนั้นแม่ไม่เคยแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจอะไรให้เธอรู้สึกเลย แถมบางเรื่องยังเป็นเรื่องที่สนุกขบขันเสียอีก 
เห็นแม่หลับฉันเลยไม่อยากปลุก เธอพูดพลางยื่นมือไปลูบแขนแม่ที่เหยี่ยวย่น และหยาบกร้านไปมา แม่เป็นไงบ้างดีขึ้นบ้างแล้วหรือยัง เธอถามอย่างอ่อนโยนทั้งน้ำเสียงและแววตา ในใจจุกตันไปด้วยน้ำที่พร้อมจะทะลักไหลออกมาจากสองตา แต่เธอก็ใช้ความพยายามอย่างที่สุดเพื่อสะกดมันเอาไว้ เธอไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจไปมากกว่านี้ 
ผู้ถูกถามยิ้มและพยักหน้าให้แทนคำตอบ 
พ่อหลวงอยู่บ้านหรือ 
ไม่อยู่ไปดอยเก็บเห็ดพ่อหลวงว่าเห็ดโคนออก 
แล้วทำไมไม่ไปกับพ่อหลวงล่ะ จะได้เอาไปขายที่ตลาด ผู้เป็นแม่ถามพลางนึกในใจว่าถ้าไม่ได้มานอนคลอดลูกอย่างนี้แล้วล่ะก็ป่านนี้คงได้เดินเก็บเห็ดจนเพลิน หรือไม่ถ้าโชคดีได้เห็ดมากก็คงอยู่ที่ตลาดร้องตะโกนขายเห็ดแล้วก็ได้ เพราะนั่นหมายถึงนอกจากลูกสาวจะได้กินอาหารรสชาติใหม่ที่ไม่ต้องหาจากในลำคลองแล้ว ก็คงได้กินขนมที่ชอบบ้างหรือไม่ก็พอเหลือมาเป็นค่ารักษาพยาบาลผู้เป็นสามีก็ได้ -- นางคิด 
มารับแม่กับน้องเลยไม่ได้ไป และกะว่าจะเลยไปดูพ่อด้วย เธอบอกแววตายังคงจ้องอยู่บนใบหน้าซีดขาวราวไข่ต้มของผู้เป็นแม่ 
อึมม์เดี๋ยวฝ้ายไปดูพ่อก่อนนะ ซักพักพยาบาลจะมาถอดสายน้ำเกลือให้แม่แล้วเราก็กลับได้ ตอนนี้ไปดูพ่อเขาก่อนเถิด เป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ แม่ไม่ได้ไปดูมาหลายวันแล้ว นางคิดถึงสามีที่นอนป่วยอยู่ที่ตึกข้างๆ เขานอนป่วยมาหลายอาทิตย์แล้วหมดค่ายา ค่ารักษาไปก็ไม่น้อยไม่มีที่ท่าว่าจะดีขึ้นหรือทุเลาลง พลางคิดไปถึงบ้านที่เอาไปจำนองเพื่อมารักษาตัวเขา และเอามาเป็นค่าคลอดลูกของนาง นี่ก็ใกล้วันนัดจ่ายค่ายาหมออีกแล้วไม่รู้ว่าจะไปหาเงินมาจากที่ไหน มองซ้ายหรือขวาก็มืดพอๆ กัน ไหนจะเรื่องของใช้ของลูกที่เกิดใหม่ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวแทบอยากจะนอนตายเสียที่นี่ ตอนนี้เลย 
ไปเถิดไปดูพ่อเขาได้แล้วเดียวแม่จะตามไป นางย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าลูกสาวยังไม่ทำตาม 
เดี๋ยวไปเจอกันข้างล่างนะแม่ เธอเอ่ยปากบอกก่อนที่จะเดินอ้อยอิ่งจากไป 
๓. 
เฮ้ยเอาจริงหรือวะ เด็กหญิงตะโกนอย่างสุดเสียงพร้อมกับยกมือขึ้นป้องปัดแม่ไก่ที่ดีดตัวขึ้นสูงหมายจะทำร้ายเธอที่ใบหน้า 
เธอถอยหลังสองสามก้าวจ้องมองแม่ไก่ที่กำลังโอบปีกเดินวนอยู่รอบๆ ลูกของมันที่แตกกระจายร้องเสียงหลงอยู่ทั่วบริเวณ เด็กหญิงจ้องมองอยู่นานตัดสินใจทำใจดีสู้เสืออีกครั้ง แม่ไก่ซึ่งระวังตัวอยู่แล้วเดินตรงมาหาเธออย่างรวดเร็ว ทำท่าขยับปีกจะดีดตัวขึ้นอย่างเมื่อครู่ แต่เมื่อเธอเห็นการกระทำแบบนั้นจึงต้องชะงักเท้าแล้วหันหลังเดินถอยห่างออกมาอย่างรู้ทัน 
ทั้งสองต่างยืนจ้องคุมเชิงกันอยู่ห่างๆ ระหว่างคนกับสัตว์... 
โธ่เราหรือหวังดีจะเอาลูกแกที่ขาเป๋ไปเลี้ยง ไปรักษาให้ เธอพูดพลางเหลือบตามองดูลูกเจี๊ยบ ขาเป๋ที่วิ่งกระโผกกระเผกอยู่ข้างตัวแม่มัน เดี๋ยวเถิดเดี๋ยวแกก็ได้เหยียบลูกแกตายพอดี เธอพึมพรำกับตัวเองเบาๆ แล้วภาพของแม่ที่ปกป้องเธอจากการถูกเพื่อนบ้านทำร้ายเมื่อครั้งหนึ่งแวบขึ้นมา 
เธอจำได้ว่าเมื่อหลายเดือนก่อนเธอเกือบถูกป้าข้างบ้านบุกเข้ามาทำร้าย ด้วยเหตุเข้าใจผิดว่าเธอปาก้อนหินไปบนหลังคาบ้านเพราะรำคาญเสียงทะเลาะที่เกิดขึ้นเป็นประจำ แม่เธอรู้จึงรีบเข้ามาช่วย สุดท้ายแม่โดนตบไปสองสามทีโทษฐานที่ไม่อบรมและยังออกมาปกป้องลูก แต่ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบลงแค่นั้น คนที่ทำร้ายแม่ก็โดนแม่โต้ตอบกลับไปโดยการเอาจอบฟาดไปที่หน้าแข้งจนต้องช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาลเย็บไปหลายเข็ม สุดท้ายเมื่อเจ้าของบ้านปีนขึ้นไปดูกลับพบว่าที่เข้าใจว่าเป็นก้อนหินนั้นที่แท้ก็คือลูกมะละกอลูกเล็กๆ ที่ร่วงตกลงมาจากต้นที่ปลูกชิดตัวบ้านของตนนั้นเอง 
๔. 
แดดจัดเริ่มโรยแสงอ่อนเหลือเพียงลำแสงสีเหลืองนวลเย็นตา หน้าลานบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงไก่นับสิบตัวเล็กใหญ่สลับกันไป เด็กหญิงยังคงจ้องและคิดหาวิธีที่จะเอาลูกไก่ขาเป๋นั้นมาเลี้ยงให้ได้ แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ไม่อาจจะสู้แม่ของมันที่ระแวงและคอยกีดกันเธอได้เลย 
เอ็งจะไปจับมันทำไม เสียงชายชราดังขึ้นมาจากด้านหลัง 
ก็ลูกมันขาเป๋นี่พ่อหลวง ฉันว่าจะเอาไปเลี้ยงให้ก่อนเดี๋ยวมันก็กินไม่ทันตัวอื่น หรือไม่ก็โดนแม่มันเหยียบมีหวังได้ตายกันพอดี เธอหันไปพูดกับชายชราก่อนจะหันกลับมามองฝูงไก่ที่อยู่เบื้องหน้าเช่นเดิม 
ชายชราระบายควันยาเส้นออกมาช้าๆ มันก็หาของมันเองได้หรือไม่แม่มันก็หาให้มันเองไม่ตายหรอก 
พ่อหลวงแม่มันหวงลูกน่าดูเลยนะ 
ก็มันรักของมัน มันเป็นแม่มันก็รักสิลูกมันนะ ไม่ว่าคนหรือสัตว์นั้นก็ไม่ต่างกันหรอก ผู้แก่วัยกว่าพูดพลางมองไปยังจุดเดียวกับที่หลานสาวมองอยู่ 
พ่อหลวง เธอหันกลับมาเรียกคู่สนทนา ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ 
ทั้งน้ำเสียงและแววตาที่ชายชราเห็นแกรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แฝงอยู่ พาลให้หัวใจของตนสลดวูบขึ้นมา 
แล้วพ่อหลวงว่าแม่รักน้องไหม เธอถามพร้อมกับจ้องมองไปยังสายตาอีกฝ่ายเหมือนจะค้นหาคำตอบจากสายตาคู่นั้น 
ชายชรานิ่งงันครู่หนึ่งกับคำถาม ในใจแกพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุดเท่าที่แกพอจะบอกกล่าวได้ 
รักสิ ลูกเขาเหมือนกันนี่ ชายชราคิดว่ามันเป็นประโยคที่ดีที่สุดที่จะตอบไปในตอนนี้ 
แล้วทำไมแม่เอาน้องไปให้ใครไม่รู้เลี้ยงล่ะพ่อหลวง เด็กหญิงถามขึ้นท่าทางและอากัปกิริยายังอยู่ในสภาพเช่นเดิม พลันหวนคิดถึงเมื่อเช้าที่แม่อุ้มน้องพร้อมกับของใช้เดินออกจากบ้าน เมื่อเธอถาม แม่หยุดนิ่งเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างก่อนตอบ แม่จะเอาน้องไปให้เจ๊สายเลี้ยง เจ๊แกดีน่ะ ใจดี รักเด็ก ฐานะก็ดี น้องเราจะได้ไม่ลำบากไงล่ะ ตอนนี้น้องยังเล็กอยู่ไม่รู้เรื่องอะไรคงไม่มีปัญหา ทันทีที่แม่เธอพูดจบเธอสังเกตสีหน้าแม่จริงจังเป็นครั้งแรก แม่ดูแก่ลงไปมากซ้ำยังดูแก่กว่าผู้หญิงในวัยเดียวกันอีกด้วย 
ก็เพราะแม่เอ็งรักเอ็ง รักน้องเอ็ง รักพ่อเอ็ง และรักทุกๆ คน แม่เขาไม่อยากเห็นน้องเอ็งต้องมาลำบากอีกคน เท่าที่เราเป็นอยู่ในทุกวันนี้ก็แย่พออยู่แล้ว 
แต่มีคนพูดว่าแม่เอาน้องไปขาย เสียงของเธออ่อนลงพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำ เหมือนกับสลดใจกับสิ่งที่ได้รับรู้มา 
เขาจะว่าอย่างไรก็ช่างเขาชาวบ้านน่ะ แต่เอ็งต้องรู้ไว้อย่างเดียวว่าแม่ทำเพื่อทุกคน เอ็งยังไม่รู้ความรู้สึกของผู้เป็นแม่หรอกเขาเจ็บปวดมากขนาดไหนกับสิ่งที่เขาทำลงไป แต่นั่นก็เพื่อคนอีกหลายคนเขาก็ยอมเจ็บ เขาเองก็ต้องแบกรับความรู้สึกเหล่านั้นไว้เพียงลำพัง ถ้าเขาไม่รักน้องเอ็งเขาคงไม่ปล่อยให้คลอดออกมาหรอก เมื่อไรเอ็งเป็นแม่คนกับเขาเอ็งก็จะรู้ถึงความรู้สึกนี้ ชายชราพยายามอธิบายด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย ภายในหัวใจปั่นป่วนไปด้วยความรู้สึกหดหู่ลึกๆ 
เด็กหญิงหันไปมองแม่ไก่ที่คุ้ยเขี่ยหาอาหารอยู่เบื้องหน้า แต่ก็บ่อยครั้งที่มันหยุดแล้วหันมาจ้องมองเธออย่างระแวง แต่ไม่ว่าแม่ไก่จะคุ้ยเขี่ยตรงไหนก็จะมีลูกเจี๊ยบวิ่งไปจิกกินอาหารตรงบริเวณนั้นกันหมดและตัวที่ได้กินก่อนตัวอื่นก็คือเจ้าลูกเจี๊ยบขาเป๋ที่คอยซุกอยู่ภายใต้ปีกแม่ของมันนั่นเอง 
ไปไหนล่ะ ชายชราถามเมื่อมองเห็นเด็กหญิงขยับตัวหันกลับทำท่าจะเดินจากไป 
กลับบ้านไปรอแม่ เธอหันกลับมาตอบ 
ไม่เอาเจ้าเป๋แล้วหรือ ชายชราถามเพราะแกรู้นิสัยของหลานดีว่าถ้าจะเอาหรือจะทำอะไรต้องเอาและทำให้ได้เสมอ 
ไม่เอาแล้วแม่มันห่วง แม่มันเลี้ยงได้มันไม่ตายหรอก เธอตอบก่อนจะก้าวเดินยาวๆ จากไป 
ชายชรายิ้มให้กับคำตอบของหลานสาวแต่เป็นรอยยิ้มที่แห้งและเจือไปด้วยความเศร้าหมอง แล้วแกก็ก้มหยิบใบตองแห้งขึ้นมามวนยาเส้น 
เป็นเพราะแกไม่ทันสังเกตหรือไม่ได้สนใจกับหลานสาวที่พึ่งเดินจากไป เธอยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาอยู่บ่อยครั้งพร้อมๆ กับเสียงสะอื้นไห้ดังแว่วเบาๆ ก่อนที่เสียงเหล่านั้นจะถูกสายลมเย็นของยามค่ำพัดพาไปในที่สุด..				
comments powered by Disqus
  • หนังสือ,กาแฟ,รักแท้ ไม่มีบทบรรยาย

    11 ตุลาคม 2548 03:35 น. - comment id 87201

    ...
    เรื่องนี้
    
    อ่านแล้ว บอกไม่ถูกค่ะ :)
    
    รู้แต่ว่า...ชอบค่ะ 
    
    จะตั้งชื่อเรื่องว่า \"น้อง...\" เหรอคะ 
    
    ขอออกความเห็นนิดนึงได้มั้ยคะ แหะๆ
    
    ตามความรู้สึกที่ได้อ่าน ไม่น่าจะใช้ชื่อนี้อ่ะค่ะ ^____^
    ....

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน