จากไปเมื่อฟ้าสาง
แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
หล่อนนอนดูมุ้งสีขาวขุ่นกระเพื่อมไหวตามแรงของพัดลมอยู่ภายในห้องเช่ามืดสลัว ข้างกายมีเด็กหญิงวัยสิบห้านอนหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เหมือนจะบอกให้รู้ว่าเธอกำลังสุขสงบกับการหลับใหล หล่อนค่อย ๆ ควานมือไปข้างกายแล้วจับมือลูกสาวมาแนบไว้กับอก พลันความรู้สึกบางอย่างก็วูบขึ้นมา พร้อมกับภาพต่าง ๆ ในอดีต แล้วน้ำตาของหล่อนก็ปริ่มไหลออกมาอย่างสุดกลั้นทันที
เอ็งมันไม่รักดีอายุแค่นี้ริมีผัว เสียงของแม่ลอยมาจากห้วงอดีตแสนไกล หล่อนได้แต่ก้มหน้าสะอื้นไห้ ถ้าหากไม่ใช่ว่าท้องของหล่อนโตขึ้นทุกวัน ความจริงอันน่าปกปิดนี้ก็คงไม่ปรากฏออกมา
ในเมื่อเอ็งมีผัวได้ก็หมายความว่าเอ็งก็โตพอจะเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องเลี้ยงเอ็งอีกต่อไป โน้นไปให้ผัวเอ็งเลี้ยงแทนก็แล้วกัน เสียงของแม่ยังเกรี้ยวกราดอย่างไม่ลดละ หล่อนรู้นิสัยของแม่ดี สิ่งที่แม่พูดออกมาไม่ใช่อารมณ์เพียงชั่ววูบ หากแต่เป็นคำพูดที่แม่กรองมาแล้วทั้งสิ้น ใคร ๆ ก็รู้ถึงความใจแข็งของแม่ดี ครั้งนี้ก็เช่นกัน คำพูดที่แม่พูดออกมาก็ย่อมไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้แต่แม่หลวงซึ่งเป็นแม่ของแม่จะเข้ามาช่วยพูดเพื่อลดโทษให้หล่อนเพียงใดแม่ก็ยังคงยืนยันคำเดิมอยู่ดี
เอ็งไม่ใช่ลูกข้า คำสอนของข้าไม่มีความหมาย ฉะนั้นเอ็งก็ไปซะไปอยู่กับผัวของเอ็ง ไม่ต้องมาให้ข้าเห็นหน้าอีก
หลังจากวันนั้นหล่อนก็หอบเสื้อผ้าไปอยู่กับเขาในฐานะเมียโดยพฤตินัย ทว่าความยากจนที่หล่อนและเขาต้องเผชิญเป็นแรงบีบคั้นให้เขาต้องไปทำงานไกลถึงซาอุ ตั้งแต่ลูกสาวลืมตาได้ไม่ถึงสองเดือน
แต่ละเดือนในช่วงแรก ๆ หล่อนได้เงินมากมายจากที่เขาส่งมาให้ใช้ จนใครหลายคนตั้งสมญานามให้หล่อนใหม่ว่า คุณนายซาอุ แต่มันก็แค่ปีกว่าเท่านั้นกับตำแหน่งที่หล่อนได้รับมา หลังจากนั้นหล่อนก็ไม่ได้รับจดหมายหรือเงินจากเขาอีกเลย สุดท้ายหล่อนก็รู้ถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปจากเพื่อนของเขาว่า เขาติดผู้หญิงและไฮโลอย่างหนัก
แรงบีบคั้นจากค่าอยู่ค่ากิน แถมด้วยลูกสาววัยขวบครึ่งทำให้หล่อนไม่อาจนอนอยู่บ้านเฉย ๆ ได้งานคือสิ่งที่หล่อนต้องรีบหาเป็นอันดับแรก ทว่าอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดที่หล่อนอยู่นั้น งานรับจ้างทั่ว ๆ ไปก็ไม่ใช่งานที่หล่อนจะหาได้ง่าย ๆ จะมีก็แต่งานกลางคืนสองสามแห่งเท่านั้น และทุกสิ่งทุกอย่างก็ทำให้หล่อนไม่อาจปฏิเสธมัน
วัยของหล่อนในตอนนั้นพึ่งสิบแปดย่างสิบเก้า ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมากลบเกลื่อนร่องรอยมากนัก ความสาวยังคงบานสะพรั่งเย้ายวนใจใครต่อใครที่พบเห็น ถึงแม้ว่าหล่อนจะมีลูกหนึ่งแล้วก็ตาม ในช่วงแรกหล่อนเป็นพนักงานนั่งดื่มและพูดคุยเป็นเพื่อนแขกที่มาเที่ยว ทุกวันหล่อนพยายามข่มใจให้ลืมเขาที่ทิ้งหล่อนไป แต่ในใจลึก ๆ หล่อนก็ยังถวิลหาเขาอยู่บ้างเหมือนกัน และแล้วหล่อนก็ลืมเขาได้สำเร็จเมื่อมีใครคนหนึ่งย่ำกรายเข้ามาในความรู้สึกของหล่อน จนหล่อนเปิดทั้งหัวใจและตัวยอมรับคนใหม่เข้ามา
แต่ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากรักครั้งแรกอีก คราวนี้หล่อนเสียทั้งตัวและเงิน ความเจ็บปวดในความรักที่ถูกกระทำซ้ำอีกครั้งได้แปลเปลี่ยนเป็นความเกลียด เกลียดทั้งผู้ชายและแม้แต่หัวใจของตนเอง และแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก็เป็นแรงผลักดันจากสาวนั่งดื่มที่เคยถูกหลอกจนหมดตัว สู่การเป็นสาวขายบริการ!
แต่แล้ววันหนึ่งหล่อนถึงได้รู้ว่าการตัดสินใจในของตนวันนั้นผิดพลาด มันไม่เพียงส่งผลกระทบต่อหล่อนและลูกเท่านั้น หากแต่มันยังส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่ให้เลวร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วย
ข้าว่าแล้วเอ็งจะต้องจบลงด้วยการขายตัว เสียงของแม่ดังขึ้นทันทีที่หล่อนเข้าไปเยี่ยมในวันปีใหม่ปีหนึ่ง ข้าไม่รู้จะเอาอะไรคลุมหัวเดินแล้ว นี่ถ้าใครกล้าถามข้าว่าเลี้ยงลูกอย่างไรให้ไปขายตัว ข้าจะตอบเขาว่าอย่างไร ไปไปเอาของ ๆ เอ็งออกไปจากบ้านของข้าเดี๋ยวนี้ ข้าไม่เอาของที่ได้มาจากน้ำกามของเอ็งหรอก พูดไม่พูดเปล่าแม่โยนของที่หล่อนซื้อไปให้ออกนอกบ้านด้วย
วันนั้นหล่อนจากมาด้วยน้ำตานองหน้า ในตอนแรกหล่อนคิดว่าจะถือเอาวันปีใหม่เป็นวันสมานรอยร้าวระหว่างหล่อนกับแม่ แต่ก็นั้นหละหล่อนเข้าใจความรู้สึกของแม่ที่มีต่อความผิดซ้ำซากของหล่อนดี ทว่าลึก ๆ แล้วหล่อนหวังว่าสักวันหนึ่งแม่จะให้อภัยความผิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
หล่อนทำงานเป็นหญิงขายบริการได้สองปีกว่าจนมีเงินเก็บมากพอ อีกทั้งลูกสาวก็โตพอจะรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้บ้างแล้ว หล่อนจึงตัดสินใจก้าวขึ้นจากปลักตมที่หล่อนเกลื่อกลั้วอยู่ แล้วหันหลังให้กับอดีตหอบลูกมุ่งสู่เมืองหลวง
งานที่ต้องการคนมีความรู้ที่ยังไม่จบม.3 เช่นหล่อนมีไม่มากนัก ถ้าไม่ใช่กรรมกรรับจ้างรายวันก็งานแม่บ้าน แต่หล่อนก็ไม่ใช่ตัวคนเดียว ยากที่จะมีนายจ้างที่ไหนรับลูกจ้างที่มีลูกน้อยติดพันธ์ อาชีพค้าขายจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีที่สุดที่หล่อนตัดสินใจทำ
ระยะแรกหล่อนเข็นรถขายส้มตำไก่ย่างตะเวนไปทั่ว แต่ร่างกายที่ไม่เคยผ่านงานหนังเช่นนี้ก็ดูจะบอบบางเกินไป หล่อนตัดสินใจเช่าหน้าร้านขายของชำเป็นที่ตั้งขายประจำ แม้ว่าจะต้องเสียค่าเช่าแพงพอควร ถึงกระนั้นหล่อนก็คิดว่ายังดีกว่าเดินหอบลูกเดินเร่ขายของไปทั่ว
หล่อนปักหลักขายที่หน้าร้านขายของชำเป็นเวลานาน นานจนจนเจ้าของร้านเซ้งร้านให้คนอื่น คนที่มาเซ้งช่วงกิจการร้านขายของชำต่อจากคนเดิมเป็นชายวัยกลางคน เขาเป็นคนดีมีน้ำใจ หล่อนเรียกเขาว่า เฮีย และทุกครั้งที่เขาสั่งของหล่อนไปกิน หล่อนไม่เคยคิดเงินเขาเลยสักครั้งเดียว ด้วยหล่อนคิดว่าเขาเป็นเจ้าของที่ ที่ให้หล่อนได้ทำมาหากิน เพียงเท่านี้หล่อนคิดว่ามันเป็นบุญคุณใหญ่หลวงสำหรับหล่อนแล้ว แต่แล้วภาพลักษณ์ที่ฉาบอยู่ภายนอนก็สลายลงเผยให้เห็นภาพที่แท้จริงในวันหนึ่ง
ถ้าเฮียขึ้นค่าเช่าหนูอีกเกือบเท่าตัวหนูคงอยู่ไม่ไหว ทุกวันนี้หนูก็กำไรน้อยอยู่แล้ว หล่อนพูดขึ้นในวันหนึ่งที่เขาเรียกหล่อนไปคุยเรื่องขอขึ้นค่าเช่า
ไม่ได้หรอกมีคนมาขอเช่าที่ ที่เธอขายอยู่ในราคาที่ฉันเสนอ เขาปฏิเสธด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ไม่หลงเหลือเค้าคนที่มีน้ำใจที่หล่อนเคยนับถืออยู่เลย
เฮียลดให้หนูอีกหน่อยได้ไหม หล่อนต่อรองเสียงอ่อน
ไม่ได้
แล้วเฮียจะให้หนูทำอย่างไรเดี๋ยวนี้ที่ขายของหายากจะตาย หล่อนถามอย่างอ้อนวอน
ฉันก็ไม่รู้ เขาตอบ สายตามองข้ามไหลหล่อนไปยังรถเข็นที่ตั้งอยู่หน้าร้าน เอาอย่างนี้เธออยากขายของที่นี่โดยเสียค่าเช่าน้อย ๆ หรืออาจจะไม่ต้องเสียเลยไหม
อยากสิเฮีย ทำไมจะไม่อยาก หล่อนพูดพร้อมกับใจชื่นขึ้นมาบ้าง
วันนี้เธอเก็บร้านเสร็จแล้วมาคุยกับฉัน เขาบอกหล่อนเบา ๆ แววตาฉายแววที่หล่อนมิอาจคาดเดาได้
หล่อนยืนงงอยู่พักหนึ่งกับสายตาที่เขาสื่อออกมา คิดไม่ออกว่ามันจะมีหนทางใดที่จะได้จ่ายค่าเช่าถูกกว่าเดิม หรือไม่ต้องจ่ายเลย แต่หล่อนก็รับปากเขา จ๊ะเฮียวันนี้หนูเก็บร้านแล้วจะมาหา
ตลอดทั้งวันหล่อนเฝ้าคิดถึงข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าของร้านต้องการ พยายามตัดความคิดที่ว่าเขาต้องการร่วมหลับนอนกับหล่อนทิ้งไป เพราะอายุอานามของหล่อนก็ย่างสามสิบกว่าแล้ว ผิวพรรณหรือเนื้อหนังก็หยาบกร้านจนหล่อนคิดว่าไม่มีใครจะมีความต้องการเรื่องพรรค์นั้นกับหล่อนอีก คิดไปคิดมาก็อดที่จะไม่คิดถึงรอยมลทินที่ฝังลึกอยู่ในใจไม่ได้ การตัดสินใจในวันนั้นมันเป็นอารมณ์เพียงชั่ววูบแท้ ๆ อารมณ์ที่มันไม่ได้ทำลายตัวหล่อนเอง หากแต่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่ให้ขาดลงไปอีกด้วย แต่ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมา หล่อนพยายามให้สายสัมพันธ์ของหล่อนกับแม่กลับมาเป็นดั่งเดิม ด้วยการเขียนจดหมายไปหาเดือนละสองสามฉบับ บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่หล่อนเผชิญ และเรื่องเกี่ยวกับลูกของหล่อน อีกทั้งในจดหมายทุกฉบับหล่อนก็ไม่ลืมขอให้แม่ยกโทษให้ แต่หล่อนก็ไม่เคยได้รับจดหมายหรือสิ่งใด ๆ ตอบกลับมาเลยสักครั้ง ถึงอย่างนั้นก็ตาม หล่อนคิดเสมอว่าสักวันหนึ่งแม่จะให้อภัยหล่อนต่อเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น
ตกเย็นเมื่อหล่อนเก็บร้านเสร็จจึงหันไปบอกกับลูกสาวที่พึ่งกลับจากโรงเรียนให้เข็นรถไปเก็บที่หน้า ห้องเช่าแล้วอาบน้ำทำการบ้านรอ หล่อนจะอยู่คุยธุระกับเจ้าของร้าน
มีอะไรหรือแม่ เด็กหญิงถาม
แม่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นเรื่องค่าเช่าที่ หล่อนตอบสีหน้ามีแววกังวล
เจ้าของร้านขายของชำเชิญหล่อนนั่ง ก่อนจะถามคำถามพื้น ๆ เป็นต้นว่าขายดีไหม เป็นอย่างไรบ้าง หล่อนตอบทุกอย่างไปตามความจริง แล้วจึงถามถึงสิ่งที่ค้างคาใจ
เฮียเรื่องค่าเช่าทำอย่างไรหนูถึงจะได้เช่าในราคาถูก
อึมม์ อีกฝ่ายเอ่ยได้เพียงแค่นั้น ก่อนจะนิ่งใคร่ครวญเพียงครู่แล้วจึงบอกหล่อน
ทันทีที่หล่อนฟังข้อแลกเปลี่ยนจากเขา หล่อนถึงกับอึ้งอยู่นาน หล่อนนั่งจ้องใบหน้าชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม ลึกเข้าไปในสายตาคู่นั้น หล่อนคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่หล่อนได้ยินจะออกมาจากปากชายที่หล่อนเคยเคารพนับถือไม่ต่างจากญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ไอ้สัตว์นรก หล่อนตะคอกใส่หน้าอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเคืองแค้น ก่อนจะลุกพรวดออกมา
หล่อนอยากจะด่าให้มากกว่านั้น แล้วถ้าหากหล่อนไม่กลัวกฎหมายบ้านเมืองแล้วหละก็ หล่อนอยากจะตบหน้ามันสักฉาด เพื่อให้สมกับความศรัทธาที่หล่อนได้สูญเสียไป
ไอ้สัตว์นรกแม้กระทั้งเด็กxxxยังคิดจะเอา หล่อนพูดประโยคเดียวซ้ำ ๆ ในใจ เหมือนกับว่าความแค้นที่หล่อนมีจะเลือนหายไปด้วยประโยคเดียวนี้
ระหว่างเดินกลับห้องพัก หล่อนอยากจะร้องไห้ ทว่ามันก็เป็นเพียงความรู้สึกที่แล่นขึ้นมากระจุกอยู่ตรงลำคอเท่านั้น
แม่ ๆ มีจดหมายถึงแม่ เสียงลูกสาวดังขึ้นทันทีที่หล่อนก้าวเข้าห้อง
หล่อนรับจดหมายมาดูด้วยความงุนงง แต่เพียงแรกเห็นลายมือและชื่อผู้ส่ง น้ำตาของหล่อนก็พรั่งพรูออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หล่อนค่อย ๆ แกะจดหมายออกอ่านด้วยมืออันสั่นเทา ท่ามกลางสายตาสงสัยของเด็กหญิง
เรื่องราวที่ผ่านมาก็ให้มันผ่านไป ว่างเมื่อไรมาเยี่ยมแม่บ้างแม่
หล่อนอ่านข้อความสั้น ๆ ซ้ำ ๆ หลายรอบ แล้วทรุดตัวลงกับพื้นก่อนจะปล่อยโฮออกมาดัง ๆ อย่างลืมตัว
รุ่งเช้าหล่อนไม่ได้ไปตั้งรถขายของที่เดิม หล่อนเข็นไปเรื่อย ๆ หวังในใจว่าอาจจะเจอที่ตั้งขายประจำอีก
ทำไมเราไม่ไปขายที่เดิมหละแม่ เด็กหญิงถามเมื่อเห็นหล่อนเข็นรถมาไกลจากจุดเดิมมากแล้ว
เฮีย หล่อนนิ่งชั่วครู่ใจอยากจะเปลี่ยนเป็นเรียก ไอ้ มากกว่า เฮียเขาขึ้นค่าเช่าแล้วหละ เราคงไม่มีปัญญาจ่ายหรอก กำไรเราน้อย หล่อนพยายามตอบเลี่ยง คิดในใจว่าควรจะปิดบังไม่ให้ลูกสาวรับรู้ถึงความโสมมของมันจะดีกว่า
เด็กหญิงพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
หล่อนเข็นรถตะเวนหาที่ขายเป็นหลักเป็นแหล่งนานเป็นแรมเดือน แต่ไม่ว่าจะไปทิศทางใดก็ล้วนแต่มีพ่อค้าแม่ค้าเต็มไปหมด แม้ว่าหล่อนจะอ้อนวอนขอตั้งขายบ้าง แต่ด้วยสายตาและคำพูดที่ได้รับก็ล้วนแต่ดูถูกเหยียดหยามทั้งสิ้น จนหล่อนรู้สึกท้อใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เด็กหญิงที่นอนอยู่ข้างกายขยับตัวเบา ๆ หล่อนพึ่งนึกได้ว่าหล่อนเผลอบีบมือแรงไปหน่อยจึงค่อย ๆ คลายมือออก หล่อนคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาแล้วถามตัวเองในใจ ทำไมนะผู้คนสมัยนี้จึงแล้งน้ำใจ กดขี่ข่มเหงกันเองไม่เว้นแม้แต่คนหาเช้ากินค่ำด้วยกัน หรือแม้แต่คนที่ได้ชื่อว่าอยู่ล่างสุดของสังคมก็เถอะก็ไม่เว้นที่จะข่มเหงกันเอง ที่เป็นแบบนั้นเพราะอะไรนะ หล่อนถามตัวเองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะได้ข้อสรุปในใจ ก็คงไม่ใช่อะไรนอกจากเขาจะได้ไม่อยู่ล่างสุดอย่างนั้นมั่ง
หล่อนวางมือเด็กหญิงไว้ข้างลำตัวก่อนค่อย ๆ คลานออกมาจากมุ้งไปเปิดไฟเหลียวมองดูสิ่ง ต่าง ๆ รอบกายพร้อมกับยกมือปาดหยาดน้ำตา หล่อนเหมือนจะได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังก้องอยู่ในหัวอกของตน มันดังก้องจนใจหล่อนเต้นถี่ระรัว
แสงไฟและเสียงดังก๊อกเก๊กทำให้เด็กหญิงตื่น
แม่ทำอะไร เด็กหญิงงัวเงียถามทันทีที่โผล่หน้าออกมาจากมุ้ง
หล่อนมองใบหน้าลูกสาวนิ่ง เราจะกลับบ้านเราพรุ่งนี้เช้า
เด็กหญิงถามซ้ำเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
เราจะกลับบ้านเราแล้วลูก บ้านที่เราจากมา บ้านที่เราสองคนเกิด หล่อนตอบน้ำเสียงสั่นเครือ
เด็กหญิงถลาออกจากที่นอนทันทีที่เห็นผู้เป็นแม่ร้องสะอื้นไห้
แม่เป็นอะไร เด็กหญิงถามพลางทรุดตังลงนั่งข้าง ๆ
หล่อนคว้าตัวลูกสาวมากอดไว้แน่น เด็กหญิงกอดตอบ
เราจะกลับบ้านเราไงลูก แม่คิดถึงแม่ของแม่ ยายของลูก เราจะกลับไปใช้ชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรนแบบนี้อีกแล้ว
เด็กหญิงรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมา ไม่ใช่เพราะว่าจะต้องจากที่นี่ไป แต่เพราะน้ำเสียงของผู้เป็นแม่ที่เปล่ง
ออกมามันเศร้า และหนาวเย็นอยู่ในหัวใจจนทำให้น้ำตาของตัวเองรินไหลออกมาบ้าง
จ้ะแม่เราจะไปจากที่นี่เมื่อฟ้าสาง เราจะกลับบ้านกัน พูดจบเด็กหญิงกระชับแขนกอดหล่อนไว้แน่น
ร่างของทั้งสองกอดกันมั่นดั่งประหนึ่งร่างเดียวกัน แม้ภายนอกหน้าต่างยังถูกม่านมืดแห่งรัตติกาลโอบคลุมไว้ ทว่าภายในห้องเช่าเล็ก ๆ แคบ ๆ ที่ทั้งสองอยู่ดูจะสว่างไสวไปด้วยแสงแห่งความอบอุ่น..