ในบางสิ่งยังมีบางอย่าง หลังงานศพของภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ที่อยู่กินกันมาร่วมสี่สิบกว่าปีผ่านไปได้เกือบเดือน ดูเหมือนความเศร้าโศกเสียใจของชายชราวัยเจ็ดสิบปีจะบรรเทาลงไปได้บ้าง แต่กระนั้นดวงตาบนใบหน้าที่เxxx่ยวย่นยังคงฉายแววโศกอยู่ไม่น้อย ซึ่งนั้นก็คงเพราะความรักความผูกพันที่ทั้งสองมีให้ต่อกันนั้น มันสะสมมายาวนานเกินกว่าจะทำใจให้ยอมรับกับความโดดเดี่ยวที่ต้องเผชิญอย่างฉับพลันได้ โดยเฉพาะหลังจากที่ทั้งสองต่างปลดเกษียณแล้ว แทบจะไม่มีวันไหนที่ไม่เคยไม่เห็นหน้ากันเลย ตาวันนี้ฉันจะให้คนไปเรียกเจ้าแก้วมาช่วยเก็บของนะบ้านจะได้โล่ง ๆ เดี๋ยวงูเงี้ยวเขี้ยวขอมันจะเข้ามาทำรังซะเปล่า ๆ ฉันล่ะกลัวว่าเด็ก ๆ มันจะโดนเข้าสักวันหนึ่ง เสียงของลูกสาวคนเล็กวัยต้นสามสิบพูดขึ้นจากทางด้านหลัง - - หล่อนเรียกชายชราที่เป็นพ่อว่า ตา ตามที่ลูกของหล่อนเรียก และเรียกแม่ที่พึ่งจากไปว่า ครู ตามอาชีพ เดี๋ยวฉันจะให้มันพาเพื่อนมาช่วยอีกคนก็แล้วกัน ตาก็คอยดูพวกมันทำไม่ต้องไปทำเองหรอกเดี๋ยวเป็นอะไรไปอีกคนจะลำบาก พูดจบหล่อนก็ยกแก้วกาแฟที่อยู่ตรงหน้าขึ้นดื่ม พลางชำเลืองมองใบหน้าของชายชราที่อยู่ตรงข้าม ถ้าตาเหงาก็ไปอยู่กับตุ๊กก็ได้นะ...เอาไหมฉันจะโทรไปบอกให้ หล่อนหมายถึงพี่ชายคนโตที่ย้ายออกไปอยู่ข้างนอกเพราะเหตุผลว่าใกล้ที่ทำงาน ชายชราส่ายหน้าไปมา นึกในใจว่าบ้านหลังนี้ก็มีบริเวณกว้างขวาง อยากจะเดินยืดเส้นยืดสายไปทางไหนก็ได้ แล้วจะให้ไปพักอยู่ในคอนโดแคบ ๆ อย่างนั้นเห็นทีคงจะไม่เอาด้วย ลำพังความเหงาน่ะมันก็เหงาอยู่หรอก แต่ยอมทนเหงาอยู่ที่นี่จะดีกว่าไปอยู่ในคอนโดอุดอู้ ช่วงนี้ฉันงานยุ่งบริษัทกำลังจะปิดงบประมาณประจำปีอย่างไรตาก็ช่วยดูเด็ก ๆ แทนฉันหน่อยนะ ชายชราพยักหน้ารับอย่างช้า ๆ ก่อนเอ่ยขึ้น เมื่อก่อนครูเขาอยู่เขาก็จัดการให้หมด... ชายชราหยุดพูดพร้อมกับระบายลมหายใจออกมายาว ๆ เดี๋ยวนี้ก็คงเป็นหน้าที่ของฉันแล้วสินะ หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาบ้าง ในขณะที่สายตาจับอยู่บนใบหน้าของชายชรา ก็คงเหลือแต่ตานี่ล่ะ หล่อนว่าอยู่ ๆ ก็สะอึกขึ้นมาในลำคอจนพูดไม่ออก แล้วเอื้อมมือไปลูบต้นแขนของผู้เป็นพ่อเบา ๆ -- ใช่ก็คงจะเหลือแต่ชายชราตรงหน้านี้เท่านั้นที่ยังเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ครอบครัว ญาติพี่น้องของทั้งสองฝ่ายก็กระจัดกระจายหายไปจนเกือบหมด จะมีก็แต่พี่ชายสองคนเท่านั้น ที่ยังพอจะเรียกได้ว่าเป็นสายเลือดเดียวกันได้ แต่ก็นั่นแหละ พี่ชายคนรองก็ไปรับราชการอยู่ที่ต่างจังหวัด นานทีปีหนถึงจะกลับมาเยี่ยมกันซักที อีกคนแม้ว่าจะอยู่ในเมืองเดียวกันแต่ก็เหมือนกับอยู่ไกลกัน เพราะทั้งหน้าที่การงานและการเดินทางนั้นมันไม่ได้เอื้อให้เจอกันบ่อยครั้งได้ และยิ่งสามีของหล่อนเองแล้วล่ะก็ยิ่งไปใหญ่ เขาพึ่งย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ที่ภาคเหนือเพื่อจะได้เลื่อนขั้น กว่าจะเจอกันทีก็เป็นเดือน บางเดือนไม่ได้เจอกันเลยก็มี คิด ๆ แล้วก็อดที่จะสะท้านใจไม่ได้ บ้านที่เคยอบอุ่นเต็มไปด้วยสมาชิกในครอบครัวที่อยู่กันพร้อมหน้า กลับต้องมาเงียบเหงาวังเวงเพราะภาระหน้าที่การงานและการตายจาก ฉันไปทำงานก่อนนะ หญิงสาวพูดขึ้นหลังจากวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ ตาอยู่บ้านดี ๆ นะเดี๋ยวฉันจะให้คนไปตามเจ้าแก้วมาให้จะได้เก็บของไปทิ้งเร็ว ๆ ครูนะชอบเก็บอะไรไม่รู้ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไรตรงไหนเลย เก็บไว้ก็รกบ้านเปล่า ๆ พูดเสร็จหญิงสาวก็หยิบกระเป๋าสะพายขึ้นคล้องบ่าพลางเอื้อมมือลูบต้นแขนของชายชราเบา ๆ อีกครั้งก่อนเดินจากไป บริเวณทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างบ้านนอกกับบ้านในยาวประมาณห้าเมตรล้วนถูกประดับตกแต่งด้วยต้นไม้นานาชนิด ส่วนมากจะเป็นไม้ดอกที่ผู้ตายปลูกเอาไว้ ชายชราเดินอย่างช้า ๆ พลางมองต้นไม้ในกระถางทีละต้น ๆ เป็นเพราะหลายวันมานี้ ชายชราไม่ได้ออกมาเดินบริเวณนี้ เลยไม่ได้สังเกตว่าต้นไม้ต่างเxxx่ยวเฉาและแห้งตายไปเกือบหมด จนแกอดคิดไม่ได้ว่ามันคงอยากจะตายตามเจ้าของไปด้วย ภรรยาของชายชราเป็นคนรักต้นไม้มาก ทุกวันแกจะใช้เวลาอยู่กับการปลูก ตัด ตกแต่งต้นไม้และโยกย้ายกระถาง แม้บริเวณจะมีไม่มากมายอะไรนัก แต่แกก็สามารถใช้ทุกพื้นที่ในบริเวณนี้ให้มีค่าได้ และถึงแม้ว่าช่วงสุดท้ายของชีวิต แกจะต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวันก็ตาม แกก็มักจะกำชับกับลูกสาวหรือสามีของแกให้ช่วยดูแลต้นไม้ให้ดี ทว่าท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเศร้าสลด ในขณะนั้นทุกคนก็เหมือนจะพากันลืมคำสั่งเสียของผู้ตายไปหมด ชายชราค่อย ๆ เอื้อมมือไปแตะใบโป้ยเซียนที่แห้งเฉาอย่างช้า ๆ ต้นนี้เป็นต้นโป้ยเซียนที่ภรรยาของแกรักมากที่สุด มันเป็นโป้ยเซียนที่ให้ดอกใหญ่สีชมพูสะพรั่งเกือบทั้งต้น จนผู้ปลูกให้สมญานามมันว่าเป็นนางพญาของต้นไม้ในสวนของแก แต่บัดนี้มันแห้งเxxx่ยวจนไม่เหลือเค้าว่ามันเคยเป็นนางพญามาก่อนเลย ครูฉันขอโทษนะ ชายชราพูดออกมาเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะชักสายตามองไปยังต้นไม้ต้นอื่น ทว่าต้นไม้ใด ๆ ในบริเวณนี้ที่แกเห็นมันก็ไม่ได้ต่างกันนัก ดูเหมือนความเศร้าหม่นที่ครอบคลุมบ้าน และจิตใจของแกอยู่จะเอื้อมมือเข้าไปครอบครองต้นไม้เหล่านี้ด้วย ตาฉันฝากดูต้นไม้ของฉันด้วยนะ เสียงของผู้ตายแววไปมาอยู่ในหูของชายชรา แล้วความละอายใจที่ไม่สามารถทำตามความประสงค์ของผู้ตายได้ก็ประทุขึ้นมาในใจ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม แต่มันก็ทำให้ชายชราต้องรีบก้าวเท้าไปให้พ้นจากบริเวณนั้นทันที เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นขณะที่ชายชรากำลังจะก้าวเท้าเข้าตัวบ้าน แกจึงเดินไปยังต้นเสียง ใคร ชายชราเอ่ยถามก่อนเอื้อมมือไปเปิดประตู แก้วครับตา เสียงจากหลังประตูตอบ เด็กหนุ่มวัยสิบแปดยกมือไหว้ทันทีที่เจ้าของบ้านเปิดประตูให้ พี่เต่าให้คนไปตามครับบอกว่าให้มาช่วยตาเก็บของไปทิ้ง ชายชรายิ้มพลางยกมือรับไหว้ วันนี้ไม่ไปเรียนหรือ แกถามพร้อม ๆ กับหันหลังเดินนำหน้าเด็กหนุ่มเข้าไปในบ้าน ไม่ครับเตรียมสอบ เด็กหนุ่มตอบพร้อมกับปิดประตูแล้วเดินตามหลังผู้สูงอายุไป มาคนเดียวหรือ ครับ...เพื่อนผมไม่มีใครอยู่เลยครับ อย่างนั้นก็เหนื่อยหน่อยนะ ชายชราว่าก่อนจะหันกลับมาถาม กินอะไรมาหรือยังล่ะ เรียบร้อยแล้วครับ...เดี๋ยวผมไปเอาของมาวางไว้ตรงนี้เลยนะครับ เอ่อ...พอครูเสียไปของที่เขาเก็บไว้ก็พาจะทิ้งกันหมด ถ้าเขาอยู่นะใครจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมทิ้งหรอก เด็กหนุ่มเกือบพลั้งปากพูดไปแล้วว่า ถึงแม้ครูอยู่ของที่ครูเก็บเอาไว้ก็ใช่ว่าจะมีค่าอะไร ส่วนมากจะเป็นของเก่าซะมากกว่า ซึ่งเขารู้ดีเพราะทุกครั้งที่ครูจะเก็บหรือจะรื้อของออกมาใช้งานก็จะต้องเรียกเขามาช่วยทุกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะครูรักและเอ็นดูเขามาตั้งแต่เล็ก ๆ อีกส่วนหนึ่งด้วยฐานะทางบ้านของเขา ซึ่งมีค่าใช่จ่ายมาก จึงทำให้ครูมักเรียกเขามาใช้งานประจำ พอเสร็จธุระแล้วครูก็จะหยิบยืนเงินให้เขาใช้ ซึ่งในแต่ละครั้งนั้นเป็นเงินจำนวนไม่น้อย แม้ว่าบ้างครั้งจะเรียกใช้เขาเพียงชั่วครู่ก็ตาม ชายชรายืนมือรับของที่เด็กหนุ่มนำออกมาจากล่องทีละชิ้นเพื่อเลือกดูว่าควรจะเก็บสิ่งไหนเอาไว้ดี แม้ว่าลูกสาวของตนอยากจะให้ทิ้งไปทั้งหมดก็ตาม ภายในกล่องของทุกชิ้นล้วนถูกเก็บไว้อย่างดี บางอย่างดูไม่มีค่าอะไรเลย ทว่าเมื่อชายชรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ เล่านั้นก็รู้ดีว่ามันมีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในตัวของมันกับภรรยาของแก นี่ตาจำได้ไหมกระปุกออมสินอันแรกของเจ้าตุ๊กมัน ฉันยังจำได้ที่มันร้องไห้อยากได้ จนลงไปนอนดิ้นกับพื้นเพื่อจะเอากระปุกไปเล่นเป็นตุ๊กตาทั้ง ๆ ที่มันไม่รู้หรอกว่าเขาเอามีไว้เก็บเงินกัน ชายชรายังจำถ้อยคำของภรรยาได้ดียามเก็บของแต่ละชิ้นลงกล่อง แกมักจะเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ของของแต่ละชิ้นที่อยู่ในความทรงจำของแกให้ชายชราฟัง แม้ว่าบางเรื่องชายชราจะลืมไปแล้วก็ตาม ชายชราค่อย ๆ เอื้อมมือหยิบสมุดบันทึกเก่า ๆ ออกมาจากในกองที่เด็กหนุ่มนำมาวางไว้ แกเปิดมันออกอย่างช้า ๆ เพราะเนื้อกระดาษเก่าจนแห้งแทบจะกรอบ...แต่ละหน้าในสมุดล้วนบันทึกชีวิตประจำวันทั้งส่วนตัวและการงานของผู้ตาย พลันนั้นเองแกก็รู้สึกถึงอดีตของครอบครัวพัดหวนคืนมาอย่างช้า ๆ ชายชราไล่อ่านตั้งแต่หน้าที่ตัวแกต้องไปรับราชการอยู่ต่างจังหวัด โดยปล่อยให้ภรรยาของแกต้องรับภาระเลี้ยงลูกสามคนที่กรุงเทพฯ คนเดียว ชายชราไล่อ่านตัวอักษรที่ระบายถึงความในใจที่ต้องห่างเหินกันในครั้งนั้นของภรรยาที่บันทึกไว้ แม้ว่าแกจะจำได้ว่าในครั้งนั้น แกใช้เส้นสายวิ่งเต้นอยู่นานหลายเดือนเพื่อขอย้ายกลับมาที่เดิมก็ตาม แต่ในความรู้สึกแห่งการรอคอยของภรรยาแกนั้นมันช่างยาวนานสิ้นดี เออ...ตอนนี้เธอก็ทิ้งฉันไปนานกว่าที่ฉันเคยทิ้งเธออีกนะ ชายชราพูดในใจด้วยความรู้สึกอ้าวว้าง ตาแล้วตาจะทิ้งหรือจะเก็บอะไรบ้าง เด็กหนุ่มถามหลังจากที่หยิบของออกจากกล่องที่มีอยู่สี่ห้าใบเรียบร้อยแล้ว ชายชราชักสายตาออกจากสมุดบันทึกก่อนปรายตามองของต่าง ๆ ที่วางกองอยู่บนพื้น และทันทีที่แกเห็นสิ่งของเหล่านั้น แกก็เหมือนกับได้ยินเสียงของภรรยากำลังเล่าถึงที่มาที่ไปของ ของชิ้นต่าง ๆ เหล่านั้นด้วย ตา...ไอ้ของที่ฉันเก็บไว้เนี่ยนะ ฉันไม่ได้เก็บเพราะความเก่าหรือฉันงกอะไรหรอก แต่ของทุกชิ้นมันล้วนแต่มีประวัติ มีความผูกพันอยู่กับเราในเวลาหนึ่งของชีวิตที่ผ่านมา ฉันรู้หรอกว่ามันไม่มีค่า แต่นั้นมันสำหรับคนอื่นนะ สำหรับฉันมันมีค่า ค่าของมันก็คือความทรงจำของฉันที่มีอยู่ในนั้นล่ะ ชายชรายังจำคำพูดของภรรยาได้ดีที่เมื่อครั้งหนึ่งชายชรากับลูกสาวพยายามเกลี้ยกล่อมให้แกทิ้งของเหล่านั้นไป เพราะไม่เห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรถ้าเก็บไว้ เออ...มันน่าจะจริงของเธอนะ อย่างน้อยทุกอย่างมันก็มีความทรงจำและความผูกพันของฉันร่วมอยู่ในนั้นด้วย ชายชราพึมพำออกมาเบา ๆ ตาว่าอะไรนะ... เด็กหนุ่มถามเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดงึมงำอยู่ในลำคอ เปล่า ชายชราตอบสายตายังจับจ้องอยู่ที่กองสิ่งของเบื้องหน้า ตกลงตาจะเอาอะไรทิ้งบ้างครับ เห็นพี่เต่าว่าถ้าเป็นไปได้ให้ทิ้งให้หมดเลย เก็บเอาไว้ก็รกบ้านเปล่า ๆ เด็กหนุ่มพูดตามที่ลูกสาวของชายชราสั่งมา ...ค่าของมันก็คือความทรงจำของฉันที่มีอยู่ในนั้นล่ะ แววเสียงของภรรยาดังล่องมาจากที่แสนไกล ทว่าแกกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน ชายชราครุ่นคิดเพียงครู่ก่อนตอบ แก้วเดี๋ยวเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดของเหล่านี้แล้วเก็บไว้ที่เดิมนะ ทำเหมือนที่ครูเคยใช้ให้ทำนั้นล่ะ ของมันยังมีประโยชน์อยู่...เออ เสร็จแล้วมาช่วยกันปลูกต้นไม้หน่อย ดูซิมันพากันแห้งตายไปหมดแล้ว ชายชรากล่าวเพียงเท่านั้นก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับถือสมุดบันทึกเดินเข้าไปในบ้าน ทิ้งไว้แต่ความงุนงงในคำพูดไว้กับเด็กหนุ่ม.....
11 ตุลาคม 2548 02:44 น. - comment id 87199
... ก็ว่าอยู่ว่ามันมีอะไร ในบางสิ่งที่ยังมีบางอย่าง บางสิ่งที่ว่านี้กว่าจะเกิดขึ้นมาได้ ต้องใช้เวลาน่ะสิคะ เพราะตอนที่อยู่กับเราในปัจจุบันมันยังไม่มีค่าขนาดนี้นิ \"ในบางสิ่งยังมีบางอย่าง\" ต้องมีเวลาเป็นตัวช่วยใช่มั้ยคะลุง? ^_______^ ...