ในความหงุดหงิด "บ้าชิบเลย อากาศเฮงซวยอะไรอย่างนี้นะ " วารุณีพ่นผรุสวาจาออกมาด้วยความฉุนเฉียว ก่อนจะเดินดุ่มฝ่าเปลวแดดที่แผดจ้าจากตัวตึกศูนย์ภาษาไปบริเวณโรงอาหาร อากาศวันนี้อบอ้าว แดดเปรี้ยง ร้อนราวจะเผาทุกสิ่งรอบด้าน ใบไม้นิ่งสนิท ไม่ไหวล้อลมอย่างทุกวัน วารุณีก้มหน้าเดิน อารมณ์หงุดหงิดนักหนา หนังสือหลายเล่มตุงอยู่ในกระเป๋าใบใหญ่ที่สะพายไว้บนไหล่ซ้าย ถุงกระดาษใบโตอยู่ในมือขวา ก็ไอ้ถุงบ้าที่มีของขวัญกล่องใหญ่อยู่ข้างในนี่แหละที่ทำให้หล่อนอารมณ์เสียนักหนา ของขวัญที่หล่อนบรรจงเลือกหามาให้เขาในวันเกิด แต่เขาส่ายหน้าไม่ยอมรับ แถมบอกหน้าตาเฉยเมื่อตอนส่งให้ "วันนี้ไม่ใช่วันเกิดผม วาจำผิดแล้วละ" "ไม่ผิดน่า เถอะ ถึงไม่ใช่ แต่เราก็ตั้งใจเอามาให้ รับไว้เถอะ" ไอ้นายคนนั้นทำหน้าพิกล แล้วก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียว จนวารุณีหน้าชา ด้วยเพื่อน ๆ ของเขาพากันจ้องหน้าหล่อนอย่างกับเห็นตัวประหลาด เท่าที่ทำได้ วารุณีก็เพียงหยิบกล่องของขวัญยัดใส่ถุง แล้วบอกเขาว่า หล่อนจะรีบไปเรียน โดยไม่ได้รู้เลยว่า พวกเขาเฮฮากันขนาดไหนเมื่อพ้นตัวหล่อน ไปถึงโรงอาหารโดยไม่พบคนรู้จัก วารุณีกระแทกของลงบนเก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ ควานหากระป๋าสตางค์ใบเล็กจากกระเป๋าใบใหญ่ ซึ่งกว่าจะควานพบ ก็เล่นเอาหล่อนหงุดหงิดเพิ่มขึ้น หล่อนเดินไปเลือกของกินอย่างลวก ๆ แล้วกลับมานั่งกินคนเดียว คนเดียวจริง ๆ ให้ตาย อาหารกลางวันผ่านไป แต่หล่อนยังหงุดหงิด เพราะอากาศร้อน และเพราะเขา เขาคนที่หล่อนชื่นชอบเป็นพิเศษคนนั้น ...เพลียและเหนื่อยอย่างนี้ โดดเรียนบ่ายเลยดีกว่าวะ... ความรู้สึกฝ่ายหนึ่งบอกวารุณี ....อย่านะ เธอต้องเข้าเรียน เพราะวิชานี้สำคัญ เธอโดดมาหลายครั้งแล้ว เข้าเรียนเสียที เดี๋ยวก็สอบตกหรอก... ความรู้สึกฝ่ายดีกว่าบอก ....อย่าเรียนเลย ร้อนออก แล้วเธอก็อารมณ์ไม่ดีด้วย... ....หน้าที่ของเธอคือเรียนหนังสือนะ.... .....หนังที่สยามกำลังดีนะ เธอควรไปดูพักผ่อนเสียบ้าง... .....ไปเรียนเถอะ อาจารย์อาจจะทดสอบในชั้นก็ได้.... .....อย่าเลย เธอเรียนมาเยอะแล้ว ตอนเช้าน่ะ แล้ววิชาต่อไป เธอก็อ่านหหนังสือมาไม่ทันด้วย.... ....เรียนเถอะ อ่านไม่ทัน ยิ่งต้องเข้าเรียน ..... ????????????????????????????????? โอ๊ย อะไรกันนักหนานะ เรียนหรือไม่เรียน วารุณีใช้หลอดคนน้ำแข็งในแก้ว คิดถึงชั่วโมงต่อไป มองกองสมบัติข้างตัว ความวิงเวียนอื้ออึงเพิ่มขึ้นในหัว จนต้องถอนใจ "เฮ้อ เซ็งจริงโว๊ย" ความคิดเริ่มสับสนวุ่นวาย การเรียนหนัก รายงานหลายชิ้นที่ต้องส่งในอาทิตย์นี้ หนังสืออีกเป็นตั้งที่ยังไม่ได้อ่าน อีกสองอาทิตย์จะสอบ งานบางวิชาก็ยังจดไม่ทัน อาจารย์ที่ปรึกษาเคยเตือนเหมือนกันว่า หล่อนไม่ควรเลือกเรียนวรรณคดีอังกฤษควบคู่กับวิชาทางวารสาร ซึ่งมีภาคปฏิบัติมากมาย หล่อนต้องเหนื่อยกว่าคนอื่น แต่วารุณีไม่ฟัง หล่อนเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง ผลที่ตามมาคือหล่อนต้องหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่กับตำราทั้งวันทั้งคืนอย่างนี้ แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่าคำพูดของเขา คนพิเศษสำหรับหล่อน หลายวันก่อน เขาปฏิเสธที่จะรอไปกินข้าวด้วย ทั้ง ๆ ที่เขาไปกินข้าวกับหล่อนทุกวัน มันน่าน้อยใจที่เขาแคร์เพื่อนมากมายจนถึงกับตัดรอนกันได้ลงคอ "ผมเห็นคุณคร่ำเคร่ง ดูคุณเหงา ๆ ผมก็เลยอาสาไปเป็นเพื่อนคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่า คุณจะผูกขาดผมอย่างนี้ ให้ผมได้อยู่กับเพื่อนผมบ้างซิวา ผมไม่ได้รำคาญหรอก แต่...." เขาไม่ได้พูดต่อให้จบ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้วารุณีเจ็บช้ำ ก็หล่อนออกน่าเกลียดอย่างนี้ วัน ๆ ขนแต่ตำราเป็นตั้ง หน้าตาดำคล้ำเคร่งเครียดเพราะนอนดึกเกินไป เดินเร็วราวกับวิ่ง ไม่มีความนิ่มนวลใด ๆ อาจจะอย่างที่เขาเคยว่าประชดวารุณีบ่อย ๆ ก็ได้ "ดูคุณช่างมีความมั่นใจในตัวเองเสียเหลือจริง ๆ คุณเคยแคร์สายตาใครบ้างไมวา" "แคร์ซิ ก็ฉันยังอยู่ในสังคม ฉันก็ต้องแคร์ แต่เวลาของฉันมีค่าจ้ะ ฉันจำเป็นต้องรีบร้อน ต้องเคร่งเครียด เพราะฉันต้องเก็บให้หมดทุกวิชา เข้าใจไหมจ๊ะ" เขาทำหน้าหน่าย ๆ แล้ววารุณีก็มานั่งคิดว่า หล่อนควรปรับปรุงตัวเองหรือไม่ คำตอบที่ได้คือควรอย่างยิ่ง ถ้าไม่อยากให้เขาจากไปร็วเกินไปนัก วารุณีเปิดสมุดบันทึก และพบว่าวันนี้ เป็นวันเกิดของเขา หล่อนยอมเสียเวลาเดินเลือกของให้เขาอยู่ครึ่งวันทีเดียว แต่เขากลับไม่สนใจ เขาทำให้หล่อนเสียหน้า วารุณีแน่ใจว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเขา แต่ที่เขาปฏิเสธก็คงเพื่อแสดงให้เพื่อนเขาเห็นว่า จริง ๆ แล้ว เขาไม่ได้แคร์สักนิด ก็เท่านั้น.... น้ำแข็งในแก้วตรงหน้าละลายกลายเป็นน้ำไปหมดแล้ว วารุณีลุกขึ้น หอบสัมภาระเดินออกมาทางท่าพระจันทร์เพื่อกลับบ้าน หล่อนทนเรียนในบรรยากาศร้อน ๆ กับความขุ่นมัวในจิตใจอย่างนี้ไม่ไหวแน่ ก่อนพ้นประตูมหาวิทยาลัย หล่อนเหลือบเห็นเขารอเข้าฟังบรรยาย และเขาก็หันมาเห็นหล่อนเช่นกัน วารุณีโยนถุงของขวัญเฮงซวยใบนั้นลงไปในถังขยะริมทางเดิน แล้วก็สะใจนักที่เห็นหน้าเขาเปลี่ยนไป หล่อนเชิดหน้าเดินเร็ว ๆ ผ่านเขาไปโดยไม่ทักทาย ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดกับคนบ้องตื้นพรรค์นั้น วารุณีบอกย้ำกับตัวเอง แต่ในส่วนลึก วารุณีรู้ว่า หล่อนยังหวังว่า เขาจะกลับมา ที่ป้ายรถเมล์ ยิ่งร้อนไปกว่าที่โรงอาหาร วารุณีขึ้นรถเมล์เก่าทุเรศคันหนึ่งเพื่อจะกลับบ้าน ควันเสียกับอากาศร้อนทำเอาหล่อนแทบคลั่ง เหนียวไปทั้งตัว คลื่นเหียนจนอยากอ้วก และเมื่อคิดถึงตอนนั้น ก็รู้สึกถึงน้ำอะไรกระเซ็นมาถูกขา เมื่อก้มดู วารุณีแทบอ้วกออกมาจริง ๆ เพราะยายแก่ที่นั่งข้าง ๆคายของเก่าออกมา กลิ่นคละคลุ้งไปทั่วรถ วารุณีลงจากรถด้วยอาการหูอื้อตาลาย และถึงบ้านด้วยอาการสะบักสะบอมทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่มีใครอยู่บ้านสักคน หลังจากอาบน้ำจนสบายตัวดีแล้ว หล่อนเหลียวซ้ายแลขวา และคิดว่าน่าจะหาอะไรทำสักอย่าง ก่อนที่ทุกคนจะกลับถึงบ้าน "ดูหนังสือหรือ เฮ้อ อย่าดีกว่า วันนี้เป็นวันที่แสนเซ็ง หาอะไรแก้เซ็งดีกว่า" วารุณีเปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วคว้าขวดเหล้าบนชั้นกลับมา พร้อมแก้วบางใสใบหนึ่งกับน้ำแข็งและน้ำเปล่าขวดหนึ่ง น้ำสีเหลืองทองผ่านลำคอลงไปแก้วแล้วแก้วเล่า ความหงุดหงิดสับสนในใจเริ่มผ่อนคลาย วารุณีลืมหนังสือเรียน ลืมอากาศร้อนอบอ้าว และลืมเขา "กินเพื่อลืมดื่มเพื่อเมาเหล้าเพื่อโลก สุขเพื่อโศกหนาวเพื่อร้อนนอนเพื่อฝัน ชีวิตนี้มีค่านักคนรักกัน ปนความฝันกับความจริงไว้สิ่งเดียว" วารุณีพึมพำบทกลอนเก่า ๆ อย่างสดชื่น ความสุขที่หดหายคืนมาหาหล่อนอีกครั้ง หล่อนนั่งเล่นอยู่ตรงนั้น ใครคนหนึ่งกลับมาแล้ว คงจะเป็นแม่บ้าน แม่บ้านถามวารุณีด้วยเสียงปกติว่า "คุณ กินเหล้าเหรอ" "ใช่ ก็วารุณีคือเทวีแห่งเหล้า คนชื่อวารุณี ก็ต้องกินเหล้าน่ะนะ" วารุณีลากเสียงยาวพลางหัวเราะเบา ๆ แล้วก็หลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ หล่อนฝันเห็นตัวเองเป็นสาวโสภา และตรงหน้านั่น เขาคนนั้นคุกเข่างอนง้อเพื่อขอคืนดี จากนิตยสารดิฉันฉบับที่ 178ออกเมื่อ 31 กรกฎาคม 2527
5 ตุลาคม 2548 15:09 น. - comment id 83380
เขาทำหน้าหน่าย ๆ แล้ววารุณีก็มานั่งคิดว่า หล่อนควรปรับปรุงตัวเองหรือไม่ คำตอบที่ได้คือควรอย่างยิ่ง ถ้าไม่อยากให้เขาจากไปเร็วเกินไปนัก >>> เชอะ...ช้านม่ายเปลี่ยนย่ะ เอามาลงต่อเร็ว ๆ นะคะแม่จิ๋ง อยากอ่าน ๆ ๆ
6 ตุลาคม 2548 06:21 น. - comment id 86976
มาชมเงี้ย บ้ายอ เดี๋ยวหามาให้อ่านอีก ขอบใจจ้ะ น้องอ้อย
3 ตุลาคม 2548 22:43 น. - comment id 87052
เมื่อวานนี้ ทะเลใจมาทักทายถึงบ้าน ก็คุยกัน หาอะไรกิน เล่นคอม บอกทะเลใจว่า แม่เคยหาตังค์ใช้ด้วยการเขียนเรื่องสั้น แล้วก็ไปหามายืนยันได้เล่มหนึ่ง เป็นนิตยสาร ดิฉันเก่า ๆ ในนั้นมีเรื่องสั้นที่เขียนไว้ได้รับการคัดเลือกให้ลง ได้ตังค์มา 500 บาท เรื่องนี้ลงในดิฉันก่อนทะเลใจเกิดอีก อาจจะดูสำนวนเชย ๆ แต่ก็เป็นอะไรที่ภูมิใจนะ
3 ตุลาคม 2548 22:46 น. - comment id 87053
อ้อ ฝากข้อความถึงถนนสายเก่า รองเท้าคู่เดิมด้วย ว่า ชื่อวารุณี มีความหมายว่าอย่างไร ก็จากเรื่องสั้นเรื่องนี้ คิดถึงวานะ
3 ตุลาคม 2548 23:01 น. - comment id 87055
เอาอีก เอาอีก เอากาลละหลาย ๆครั้ง ค่ะ
4 ตุลาคม 2548 08:33 น. - comment id 87062
- กาลครั้งหนึ่ง....กับเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง - +++,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-., ,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,+++ -`๏- ขณะเรื่องสั้นของพี่พระจันทร์เศร้ายังมีเรื่องเมาเลยอะค่ะ มาส่งกำลังใจให้ค่ะ เยอะด้วยนะ สี่กระป๋องเลยนะ แว๊ปปป !!! -`๏- +++,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-., ,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,_,.-:*``*:-.,+++
4 ตุลาคม 2548 08:36 น. - comment id 87063
เขาทำหน้าหน่าย ๆ แล้ววารุณีก็มานั่งคิดว่า หล่อนควรปรับปรุงตัวเองหรือไม่ คำตอบที่ได้คือควรอย่างยิ่ง ถ้าไม่อยากให้เขาจากไปเร็วเกินไปนัก ไม่ได้ชื่อวารุณี แต่กานต์ก็คิดแบบนี้ค่ะพี่จิ๋ง ดีใจจังมีพี่สาวเก่งอีกคนหนึ่ง
4 ตุลาคม 2548 12:45 น. - comment id 87070
.... แม่ .. เอมขอยืนยันว่ายังไงเอมก็ชอบตอนที่ทิ้งของขวัญลงถังขยะต่อหน้าใครคนนั้นอ่ะ แบบว่า ... สะจายยยยยยเป็นที่สุด .... หุ หุ หุ ......
4 ตุลาคม 2548 14:11 น. - comment id 87072
มาสวัสดี ทักทายค่ะ --แจม--
4 ตุลาคม 2548 14:58 น. - comment id 87073
เป็นเรื่องเล่าที่ได้อารมณ์ชวนให้ติดตามมากเลยค่ะ
4 ตุลาคม 2548 15:27 น. - comment id 87075
"กินเพื่อลืมดื่มเพื่อเมา เหล้าเพื่อโลกสุขเพื่อโศก หนาวเพื่อร้อนนอนเพื่อฝัน ชีวิตนี้มีค่านักคนรักกัน ปนความฝันกับความจริงไว้สิ่งเดียว\" ชอบมากเลยค่ะ.....
4 ตุลาคม 2548 20:37 น. - comment id 87080
พี่จิ๋ง เก่งจังเลยค่ะ เจลชอบพี่จิ๋งนะ นิสัยพี่เหมือนแม่เจลเลย
4 ตุลาคม 2548 21:12 น. - comment id 87081
\"กินเพื่อลืมดื่มเพื่อเมาเหล้าเพื่อโลก สุขเพื่อโศกหนาวเพื่อร้อนนอนเพื่อฝัน ชีวิตนี้มีค่านักคนรักกัน ปนความฝันกับความจริงไว้สิ่งเดียว\" หล่อนฝันเห็นตัวเองเป็นสาวโสภา และตรงหน้านั่น เขาคนนั้นคุกเข่างอนง้อเพื่อขอคืนดี .. .. ความฝันกับความจริงมันปนกันซะจนบางที .. .. มันก็แยกกันยากจังนะคะพี่จิ๋ง .. .. ชอบจังค่ะ ..
5 ตุลาคม 2548 07:53 น. - comment id 87085
อิม...อัลมิตรา อย่ายุ อย่ายุ ยิ่งยุขึ้น ๆ อยู่ ว่าง ๆ ก่อน จะมีกาลครั้งนี้ กับเรื่องสั้นเรื่องนี้ แล้วก็กาลปัจจุบัน กับเรื่องสั้นล่าสุด แล้วก็ กาลข้างหน้า กับเรื่องสั้นวันลาโลก อิ อิ อิ ไก่..ทำมะชาด ตอนเขียนเรื่องสั้นเรื่องนี้ ปี 2527 คอทองแดงแล้วจ้ะ เบียร์เอาไม่อยู่ ตอนนั้นเล่นวิสกี้ออนเดอะโค้ก กานต์....เพียงพลิ้ว ช่ายแล้วน้อง ยังโสด ยังสาว อย่าปล่อยให้โทรม ต้องหมั่นดูแลตัวเองนะ รักษาหุ่นหน่อย อิ อิ อิ เอม...ทะเลใจ แม่ก็ชอบตอนที่ว่านี่แหละ มันเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องนะ ถ้าว่ากันตามทฤษฎีการเขียนเรื่องสั้น คุณสีน้ำฟ้า...ขอบคุณค่ะ ตูน...ผู้หญิงไร้เงา ว่าง ๆ จะเอามาลงให้อ่านอีก เสียดายต้นฉบับหายไปเยอะ มีเรื่องหนึ่งที่ชอบมาก ลงในแพรวประมาณปี 2527 ชื่อเรื่อง วันที่รอคอย สาบสูญที้งหนังสือและต้นฉบับลายมือ แต่ยังจำอารมณ์ในเรื่องสั้นเรื่องนั้นได้เลย เป็นเรื่องที่ได้ตังค์เยอะ เมื่อเทียบกับเรื่องเขียนเล่นเรื่องอื่นในยุคนั้น หยี..สลักเสลา ดีใจที่ชอบค่ะ พี่จำชื่อคนเขียนกลอนบทนี้ไม่ได้ แต่สำหรับคนขี้เมา ขี้เหงา ช่างฝัน กลอนบทนี้โดนเลยละ เจลใส...จริงเหรอจ๊ะ อืมม อยากเจอแม่หนูจัง อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ เอ อาจเป็นเพื่อนร่วมก๊วนเก่าก็ได้นะ กีกี้..จ้ะ ความฝันบางทีช่วยปลอบประโลมใจ ให้ตื่นมาสู้กับความจริงที่ต้องทนกล้ำกลืนได้เหมือนกันนะ เชื่อไม๊ว่า พี่เป็นคนที่ชอบจดบันทึกความฝันของตัวเอง ถ้าตื่นมาแล้วยังจำความฝันได้ พี่จะบันทึกไว้ อ่านแล้วก็ตลกดี ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้ะทุกคน นี่น่ะน้า...รักกันจริง ยาวจะตาย ยังมีคนมาอ่านมาเม้นท์ ปลื้มซะ
5 ตุลาคม 2548 16:52 น. - comment id 87088
หนูวงเวียนเอ๊ย ตอนเจอเหตุการณ์นี้ อยู่ปีสาม อายุเท่าหนูนี่แหละ แต่แก่แดด ช่างคิด เลยว่าจะยอมเปลี่ยน แต่ตอนจบ คงรู้นะว่า ม่ายเปลี่ยนเหมือนกัน
5 ตุลาคม 2548 19:59 น. - comment id 87089
หนูแวะมาอ่านนะคะ ชอบจังตอนที่ทิ้งกล่องลงถังเนี่ย เอ นางเอกเราขี้เมาเหมือนใครรึเปล่า อิ อิ
5 ตุลาคม 2548 21:25 น. - comment id 87091
คุณยังเยาว์ นางเอก ก็ขี้เมาเหมือนคนเขียนแหละค่ะ ดูแลตัวเองนะคะ
5 ตุลาคม 2548 23:08 น. - comment id 87096
เยิ่ยมค่ะ อิอิ
6 ตุลาคม 2548 19:08 น. - comment id 87120
อ่านไปสองรอบแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงคอมเมนท์สักทีครับ เลยแวะมาลงคอมเม้นท์อีกรอบ ชอบมากเลยครับ ขอบคุณที่เอามาลงให้อ่าน.. อ่านแล้วเข้าใจคำว่า เรื่องสั้น ขึ้นอีกเยอะเลย ..เรื่องสั้น..ที่ดีๆ.. ขอบคุณครับผม
7 ตุลาคม 2548 08:27 น. - comment id 87126
คุณหมอกจาง ขอบคุณนะคะที่ชอบ ที่เขียนนี่ไม่ถึงขั้นดีหรอกค่ะ แค่ใช้ได้ รูปแบบของเรื่องสั้นหลัก ๆ คือ ต้องมีแก่นเรื่อง(theme) มีโครงเรื่อง(plot) มีจุดเปลี่ยนเรื่อง(turning point) และมีห้วงเวลาที่แน่นอน เล่าให้ฟังนะคะ อิ อิ อิ บ่ได้คิดจะสอนภาษาไทย ฟังเขามาอีกที กำลังปัดฝุ่นตัวเอง ทิ้งงานเขียนไปนานเต็มที มีกำลังใจดี ๆ อย่างนี้ สู้ตายค่ะ
11 ตุลาคม 2548 16:05 น. - comment id 87217
แม่เจลเพิ่ง41เองค่ะ แต่ว่าเป็นคนเสียงดัง ปากร้าย ใจดี แต่เสียดายแม่เจลทำตัวแก่ก่อนวัยไปแล้วล่ะค่ะ อิอิ ไม่เหมือนพี่จิ๋ง หัวใจยังสดใส ปิ๊งปั๊ง...ยังวัยสะรุ่นอยู่