Time

Pimprapail

ในตอนค่ำ ฉันโยนหนังสือสองสามเล่มลงบนโต๊ะอย่างเบื่อหน่าย เวลาอีกไม่กี่เดือนก็ถึงฤดูสอบที่เขาจะคัดเลือกพวกเรา 
หนึ่งในจำนวนผู้สมัครเป็นแสนๆคน ให้เข้าไปเรียนในที่โก้ๆที่ชื่อว่ามหาวิทยาลัย
ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องราวอย่างนี้มันเริ่มต้นขึ้นที่ไหน
ฉันเพียงแต่รู้สึกเหมือนว่ามีคนเอารั้วยาวๆสองแถว มากั้นในทุ่งกว้าง
ให้เป็นทางเดินแคบๆ แล้วก็ต้อนพวกเราให้เข้าไปเบียดเสียดกันเดิน 
ตามทางเดินแคบๆนั้น และเมื่อถึงปลายทาง เขาก็เปิดประตูรับเราไม่หมดทุกคน คนที่ได้มีโอกาสเข้าไปก็เป็นเรื่องที่ดี ส่วนคนที่ไม่ได้ผ่านเข้าไป 
แน่ล่ะ...มันก็คงแย่มากทีเดียว จริงอยู่แม้จะมีทางเลือกอื่นสำหรับบางคน ที่จะตัดสินใจมุดหรือ ปีนรั้วออกไปข้างนอกเพื่อหาทางเดินที่ดีกว่า 
ฉันเองก็อยากเป็นอย่างนั้นบ้าง แต่ฉันยังไม่เก่งและกล้าพอ ฉันเอาคางเกยขอบโต๊ะ ไล่ปลายนิ้วไปตามสันหนังสือที่ตั้งเรียงรายเป็นแถวยาวรอให้อ่าน 
ต้องลองสู้ดูสิ...สักครั้ง แต่อีกใจหนึ่งก็คอยบอกว่าเดี๋ยว...ยังขี้เกียจอยู่ ขอนอนก่อน ขอดูที.วี.ก่อน ขอไปเที่ยวก่อน ฯลฯ 
เวลาเป็นปีที่เขาเตรียมไว้ให้เราเตรียมตัวจึงผ่านไปอย่างไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะความเฉื่อยชาของฉันเอง 
อากาศกำลังดี ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่คลุมด้วยผ้าห่มผ้าขนหนูลายนกนางนวลสีเขียว เห็น หนังสือกองโตที่ยังค้างคารอให้ฉันไปอ่าน 
พัดลมขายาวส่งเสียงครางเบาๆแล้วฉันก็หลับไป 
	มาพบตัวเองอีกทีที่หน้าอาคารหลังใหญ่ ดูเหมือนจะสร้างด้วยหินอ่อนลักษณะคล้ายธนาคารมีบันไดหินสีขาวเป็นมันวับเรียงราย เป็นชั้นๆ 
สุดบันไดขั้นสุดท้ายมีประตูกระจกติดฟิล์มกรองแสงเข้ม มีป้ายแผ่นหนึ่งแขวนไว้ตรงประตูเขียนข้อความว่า "มีเวลาขาย" ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็น 
หรือเพราะอะไรกันแน่ที่ทำให้ขาทั้งสองข้างก้าวขึ้นไปบนอาคารหินอ่อนแห่งนั้น เมื่อเอื้อมมือผลักประตูกระจกเข้าไป ไอเย็นของเครื่องปรับอากาศก็ปะทะร่างกาย 
สถานที่นั้นดูโอ่โถงและสวยงามดูราวกับห้องรับรองชั้นดี มีโต๊ะไม้สีเข้มตัวยาวซึ่งกองแฟ้มเอกสารเรียงรายอยู่บนนั้น ชายหนุ่มคนที่นั่งประจำโต๊ะเอ่ยทักทายฉัน 
ท่าทางเขาอบอุ่นและเป็นมิตร "สวัสดีครับ" "ค่ะ" ฉันตอบรับคำเขาเบาๆ "ผมคิดว่า คุณคงจะไม่ได้มาซื้อเวลา ท่าทางคุณยังเป็นเด็กอยู่เลย อายุคงยังไม่เกิน 20" 
"ฉันไม่ได้มาซื้อเวลาหรอกค่ะ" ฉันตอบไปทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจว่าสินค้าหรือบริการอะไรกันแน่ที่เขากำลังขายอยู่ "เพียงแต่ว่าฉันอยากมาดู...ผู้คน แล้วก็การซื้อขายของคุณเท่านั้น" 
"ตามสบายเลยครับ" เขายิ้มอย่างมีไมตรี "เชิญนั่ง" เขาผายมือไปทางโซฟาชุดที่ตั้งอยู่ชิดผนังด้านหนึ่ง ฉันจึงถอยไปทรุดตัวลงนั่ง 
ลูกค้าคนแรกที่ฉันพบในอาคารขายเวลาคือชายร่างเล็กผอมเกร็ง ผมขาวโพลน ใบหน้าซีดเหลือง เขาพยุงตัวให้ก้าวผ่านบันไดทีละขั้นๆ อย่างลำบากยากเย็น 
จนกระทั่งผลักประตูมาหยุดยืนตรงหน้าชายขายเวลา "ผมมาขอซื้อเวลาที่ผ่านไป...ห้าปี" น้ำเสียงเขาแหบแห้งและสั่นพร่าอย่างคนที่กำลังป่วยหนัก 
"หมอบอกว่าผมมาหาหมอช้าไปห้าปี ไม่อย่างนั้นแล้วโรคก็คงมีวิธีรักษาให้หายได้" คนต่อมาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่งตัวสะอาดสะอ้าน เพียงแต่ว่าดูหม่นหมองและหมดหวัง... 
"ขอซื้อเวลา สามเดือน" เขาพูดกับชายขายเวลา "คุณรู้ไหม ผู้หญิงที่ผมรัก เธอไปเมืองนอกเมื่อสามเดือนก่อน เราคบกันมาเป็นปี แต่ผมก็ยังไม่เคยบอกรักเธอ ทั้งๆที่รักเธอมาก 
เธอไปโดยไม่รู้อะไรเลย" ชายขายเวลามีทีท่าว่าเห็นใจ ฉันคิดว่าเขาเป็นนักขายเวลาที่มีความอดทนมากทีเดียว ที่จะต้องพบลูกค้าที่ล้วนแล้วแต่มีปัญหาต่างๆ กันไป พร้อมๆ กับนึกเสียดาย
แทนผู้ชายคนนี้ที่เขาผ่านเวลาร่วมปีไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วเพิ่งจะมาเห็นคุณค่าของเวลาเหล่านั้น...เมื่อมันได้ผ่านไปแล้ว ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มคนนั้นจะก้าวพ้นประตูออกไป 
หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินสวนเข้ามา หล่อนสวมชุดไว้ทุกข์สีดำ ใบหน้ายังเปื้อนคราบน้ำตา ดวงตายังมีรอยบอบช้ำ "อยากได้เวลาค่ะ สักสองปี ปีเดียวหรือเพียงครึ่งปีก็ได้" 
หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าโศก "ผมคิดว่า คุณคงมีปัญหาเกี่ยวกับเวลาในอดีตเหมือนคนอื่นๆ" ชายขายเวลากล่าวขึ้น "ค่ะ" หล่อนรับคำเสียงแผ่ว 
"คุณแม่ของดิฉันเพิ่งเสียเมื่อสองวันก่อน ท่านดีกับดิฉันมาก 
เลี้ยงดูอย่างเอาอกเอาใจ แต่ดิฉันยังไม่ทันทำอะไรให้แม่ชื่นใจเลยมีแต่ตั้งแง่ตั้งงอน ท่านก็มาด่วนจากไป" "คุณเลยอยากซื้อเวลาที่ผ่านไปเพื่อทำดีกับคุณแม่ของคุณ" 
	ฉันนึกเวทนาหล่อน เวทนาที่หล่อนมาคิดอะไรอะไรได้ก็เมื่อสายไป ถ้าหากหล่อนได้ทำอะไรไปตั้งนานแล้ว ก็คงไม่ต้องมานึกเสียดายตอนนี้ 
วูบหนึ่งจึงนึกย้อนกลับมาที่ตัวเอง คนต่อมาเป็นเด็กหนุ่ม ใบหน้าของเขายังอ่อนเยาว์ แต่พกริ้วรอยความกังวลไว้เต็มเปี่ยม "ต้องการเวลาเท่าไหร่ดีครับ" ชายขายเวลาถามขึ้นก่อน 
"สองปี" เขายิ้มอย่างอ่อนเพลีย "ผมอยากกลับไปเลือกแผนการเรียนใหม่ ผมพลาดไปตอนนั้น บางทีผมอาจเริ่มต้นใหม่ด้วยดี จะได้เรียนวิชาที่ชอบแทนวิชาที่น่าเบื่อตอนนี้" 
แล้วเขาก็จากไป เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว ฉันเห็นชายขายเวลาหลับตาลงในขณะที่กำลังเว้นว่างจากลูกค้า แต่เมื่อฉันขยับตัว เขาก็ลืมตาขึ้นแล้วหันมายิ้มให้ฉัน ดวงตาเขาอบอุ่น... 
เป็นเวลานานเท่าไรก็ไม่ทราบที่ฉันนั่งมองผู้คนเดินผ่านไปมา ล้วนแล้วแต่มีท่าทีวิตกกังวล ผิดหวัง เสียดาย เสียใจ แล้วก็มาซื้อเวลาไป เพราะว่าพวกเขาได้พลาดสิ่งที่น่าจะทำในอดีตแล้ว
ชายขายเวลาก็ปิดแฟ้มพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาทางฉัน สักครู่จึงเดินมาทรุดตัวนั่งเก้าอี้โซฟาข้างๆ "จะปิดร้านแล้วหรือคะ" ฉันถาม "ครับ...ได้เวลาแล้ว" 
"ขอบคุณมากนะคะสำหรับวันนี้ ฉันเห็นจะกลับเสียที" ฉันว่า แม้จะไม่แน่ใจว่าฉัน จะกลับไปไหน...อย่างไร... "เชิญครับ ขอให้คุณโชคดี จงใช้เวลาของทุกวินาทีที่ผ่านไปอย่างคุ้มค่า 
ผมหวังว่า...คงจะไม่ได้เห็นคุณมาที่นี่เพื่อซื้อเวลา" เขากล่าวในที่สุด... "ขอบคุณมากค่ะ ฉันจะไม่ลืมคุณ...และที่นี่" ฉันลุกขึ้นยืน 
           	ทันใดนั้นไฟก็ดับวูบ ฉันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แปลกใหม่ เอื้อมมือไปรูดผ้าม่านหน้าต่างสีครีม พบว่าท้องฟ้ายังไม่สว่างดี และไก่ก็ยังไม่ขัน 
ฉันลุกขึ้นมาเก็บที่นอนและกระโดดเข้าห้องน้ำอย่างสดชื่น แล้วถึงกลับเข้านั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือตัวเดิมซึ่งฉันไม่เคยจริงจังด้วยมานานแล้ว คิดอยากจะฮัมเพลงไปด้วยซ้ำ 
ถ้าไม่ติดอยู่ว่าจะทำลายสมาธิในการอ่านหนังสือ วูบหนึ่ง...ฉันรู้สึกดีใจที่ฉันยังมีเวลาเหลืออยู่ ยังไม่สายเกินไป ที่จะเริ่มลงมือทำอะไรๆอย่างมีความหวัง 
ไม่เหมือนกับผู้คนเหล่านั้น...ที่ฉันพบที่...อาคารขายเวลา...				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน