ไอ้หรั่ง.. ฟังเหมือนชื่อเรียกฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทย หรือคนไทยหน้าคล้ายฝรั่ง หรือลูกครึ่ง.. ผิดหมดครับ.. ไอ้หรั่งมันเป็นหมา สมัยก่อน ผมเปิดร้านขายของอยู่กับเพื่อน อยู่ที่ใต้ถุนหอพักแห่งหนึ่ง (ขอสงวนนาม..แฮ่ม) ก็ร้านขายของชำที่จะพบได้ทั่วๆไปตามใต้ถุนหอพักนี่แหละ คนที่หอเรียกมันว่าร้านสโตร์ แต่ผมเรียกร้านผมเองว่าร้านโชห่วย ฟังแล้วได้อารมณ์ดี ตอนนั้นวันๆก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรหรอกครับ สลับกับเพื่อนมาเฝ้าร้านขายของ เฝ้าร้านนี่เป็นงานที่น่าเบื่อไม่ใช่เล่น ก็เลยเริ่มพอจะเข้าใจ ว่าทำไมร้านส่วนใหญ่ถึงมักจะมีแต่คนแก่ๆเฝ้าร้านกัน โถ..ให้หนุ่มๆสาวๆมานั่งเฝ้าร้านทั้งวันทุกวัน เฉาตายกันพอดี แต่ผมก็เฝ้าอยู่ได้หลายปีอยู่ละนะ.. กิจกรรมยามว่างตอนเฝ้าร้านคือดูทีวี อ่านหนังสือ ฟังเพลง บางทีก็นั่งดูลูกค้าสาวๆน่ารักๆให้พอแช่มชื่นหัวใจ หรือไม่ก็นั่งคุยสัพเพเหระกับใครก็ได้ที่มาแวะนั่งคุยด้วย แต่พออยู่นานๆไปที่แวะเวียนมาประจำกลับกลายเป็นแก็งค์เด็กๆที่ไม่รู้ว่ามาติดใจอะไรกันนักหนา ป่วนเสียจนสาวๆหนีกระเจิงหมด ไอ้ครั้นจะไล่เด็กก็ใช่ที่ เดี๋ยวเสียภาพรักเด็กหมด ทีนี้นอกจากเด็กแล้วยังมีหมาอีก ไอ้หรั่งนี่แหละครับ.. ไอ้หรั่งเป็นหมาพันธุ์..เอ่อ..อะไรก็ไม่รู้ ตัวใหญ่ๆ หน้าตาทู่ๆ สีขาวสลับดำ ปนกันมั่วป้ายกันไปป้ายกันมาจนไม่รู้จริงๆมันเป็นหมาสีดำแต้มขาวหรือขาวแต้มดำ บางทีขาวก็ไปโผล่บนดำหรอมแหรมสามสี่เส้น ดูเหมือนหมาผมหงอกยังไงไม่รู้ ไอ้หรั่งมันชอบมานอนที่หน้าหอพัก ใกล้ๆโต๊ะยาม บางทีก็ข้ามมานอนหน้าร้านผม หรือบางวันก็หน้ามึนเดินเข้ามาในร้านเลยก็มี.. ถามคนแถวนั้น เขาบอกว่าไอ้หรั่งน่ะมันเป็นหมาของบ้านตรงกลางซอย แล้วทีนี้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้หรั่งมันไม่นึกอยากอยู่บ้านขึ้นมาซะเฉยๆ ย้ายนิวาสถานมาอยู่ที่หอพัก วันๆนึงก็กลับบ้านสักหนสองหนแล้วก็ออกมาใหม่ ประมาณว่าไม่ให้เจ้าของลืมหน้า ข้าวปลาก็ไม่ค่อยสนใจจะกินที่บ้าน นอนหิวมันอยู่ที่หน้าหอนั่นแหละ ท่าทางเป็นหมาอารมณ์ติสท์เอาเรื่อง ไอ้หรั่งเป็นหมาไม่เกกมะเหรกเกเร ไม่อันธพาล มันมานอนหน้าหอ หรือนอนหน้าร้านผมก็ตามที มันไม่เคยกัดใครหรือขู่ใคร ก็นอนของมันเฉยๆ มีแต่คนที่จะกลัวกันไปเอง เพราะตัวมันใหญ่ และที่สำคัญหน้ามันไร้อารมณ์ ครับ..ไอ้หรั่งมันเป็นหมาไร้อารมณ์จริงๆ หรืออย่างน้อยก็พอจะพูดได้ว่า มันไม่เคยแสดงอารมณ์ออกมาให้เห็นทางสีหน้าให้ใครเห็น จะหิว จะอิ่ม ดีใจ เสียใจ ตกใจ แปลกใจ หน้าไอ้หรั่งมันก็เหมือนเดิมตลอด ผมยังเคยพูดกับเพื่อน ว่าถ้าไอ้หรั่งมันเป็นคนเนี่ย น่าจะจับไปชกมวย เพราะหน่วยก้านดี เก็บอารมณ์โคตรเก่ง เดินตีหน้าเฉยขู่กินเปล่าลูกเดียว ไม่เฉพาะแต่หน้า เอกลักษณ์สำคัญอีกอย่างของหมาไอ้หรั่งมันก็ไม่เคยแสดงออก ไอ้หรั่งมันไม่เคยกระดิกหางครับ.. เดินไปไหนมาไหน ไอ้หรั่งมันก็เดินชูหางของมันไปทื่อๆอย่างนั้นแหละ บางทีคนที่อยู่บนหอพัก เห็นว่าไอ้หรั่งมันคงจะหิว เพราะข้าวปลาไม่ค่อยสนใจจะกิน หุ่นที่ล่ำก็ดูซูบๆไป เขาก็เอาข้าวมาให้มันกิน ซึ่งไอ้หรั่งมันก็กิน กินด้วยท่าทีไร้อารมณ์เหมือนเดิม หูไม่รี่ หางไม่กระดิก กินอิ่มแล้วก็ไปนอน ที่สำคัญกว่านั้น มันไม่แสดงอาการอะไรพิเศษกับคนที่เอาข้าวเอาขนมมาให้มันด้วย เจอกันวันหลังมันก็ไม่ทักเหมือนเดิม อย่างมากยกหัวมามองนิดนึงแล้วก็นอนต่อ ..ก็เอาข้าวมาให้มันกินเองนี่ ไม่ได้ขอสักหน่อย ไอ้หรั่งเลยดูไม่ค่อยเหมือนหมาเท่าไรนัก เพราะหมาส่วนใหญ่คนคาดหวังว่ามันจะต้องเป็นมิตรกับคน ต้องรู้คุณคน แต่ไอ้หรั่งมันดูเหมือนจะไม่รู้คุณใคร.. ไอ้จ๊อบ เด็กป.1ที่มาเล่นที่ร้านผมบ่อยๆนี่เป็นไม้เบื่อไม้เมากะไอ้หรั่ง พี่สโตร์ๆ ช่วยจ๊อบด้วยดิ ไอ้จ๊อบตัวแสบที่ไม่เคยกลัวใคร วิ่งพรวดหน้าตาตื่นเข้ามาในร้านผม มีอะไร จ๊อบ ไอ้หรั่งมันไล่กัดจ๊อบ อ้าว คือไอ้จ๊อบเนี่ย มันเป็นลูกที่บ้านกลางซอยครับ บ้านไอ้หรั่งนั่นแหละ จะเรียกว่าไอ้จ๊อบเป็นเจ้าของไอ้หรั่งก็ไม่ผิดไปเท่าไรนัก ไอ้หรั่งนี่มันหมาจ๊อบไม่ใช่หรือไง ก็ใช่อ่ะดิ จ๊อบมันพูดไปหอบไป อ้าว แล้วมันไล่กัดจ๊อบทำไม ธรรมดามันไม่เคยกัดใคร จ๊อบมันมองหน้าผม ทำหน้าเหมือนกันผมถามอะไรโง่ๆ จ๊อบจะไปรู้เรอะ เออ..ก็จริงของมัน ผมน่าจะไปถามไอ้หรั่งต่างหากนะ ตอนเย็นๆว่างๆ ผมจะออกไปนั่งรับลมหน้าร้าน บางทีก็หยิบขนมออกไปนั่งกินด้วย มีวันนึง เห็นไอ้หรั่งวนเวียนมาใกล้ๆผมเลยบิขนมในมือเสนอให้ อ้ะ พอยื่นไป ไอ้หรั่งมันก็เล็งๆยื่นจมูกมาดมๆอยู่สักแป๊บแล้วก็งับป๊าบ เฮ้ยๆ ให้กินหนม ไม่ได้ให้กินนิ้ว แต่ให้อีกชิ้นไอ้หรั่งมันก็งับทั้งขนมทั้งนิ้วเหมือนเดิม ท่าทางจะกินอาหารจากมือไม่เป็น ผมเลยเปลี่ยนเป็นเอาขนมมาวางที่พื้นให้มันกินแทน ไม่อย่างนั้นผมคงจะเสียนิ้วใดนิ้วหนึ่งให้มันไปแน่ๆ พอขนมหมดมันก็มองหน้า หมดแล้ว ผมแบมือให้ดู ไหนมาลูบหัวทีซิ ที่บ้านผมเลี้ยงหมาค่อนข้างเยอะ ชอบเล่น ชอบลูบหัวกับมันเป็นประจำ พอมาอยู่กรุงเทพ ไม่มีหมาให้ลูบหัวก็เหงามือเหมือนกัน ผมค่อยๆเอื้อมมือไป ไอ้หรั่งมันก็มอง เหมือนไม่ไว้ใจ.. ผมก็ไม่ไว้ใจเหมือนกันนั่นแหละ หวั่นๆว่ามันจะแว้งเอา แต่ใจนึงก็อยากลองดู พอมือผมแตะลงบนหัวปั๊บ ไอ้หรั่งมันก็สะดุ้ง ผมก็สะดุ้งชักมือกลับ.. ท่าทางคงไม่ค่อยมีคนกล้าลูบหัวมันสักเท่าไรแฮะ ดูไม่ค่อยชินมือ ผมค่อยๆเอามือไปวางบนหัวมันใหม่ คราวนี้มันไม่สะดุ้ง แต่หน้ายังไร้อารมณ์เหมือนเดิม ผมค่อยๆลูบเบาๆ กลัวว่าแรงไปหรือกดไปเดี๋ยวพี่แกไม่พอใจขึ้นมาจะมีเรื่อง เออ..ยอมให้ลูบแฮะ วันนั้นไอ้หรั่งมันยอมให้ผมลูบหัวเล่นสักพักมันก็ไป วันต่อๆมาวันไหนที่ผมออกไปนั่งเล่นหน้าร้าน แล้วไอ้หรั่งอยู่แถวนั้น ผมก็จะไปลูบหัวมันเล่น ซึ่งไอ้หรั่งมันก็ยอมแต่โดยดี โดยที่หูมันไม่รี่ หางไม่กระดิกอยู่เหมือนเดิม เคยคิด ว่าที่มันยอมให้ลูบเนี่ย มันหวังขนมหรือเปล่า แต่ก็ไม่บ่อย ที่ผมจะมีขนมติดไม้ติดมือออกไปให้มัน ส่วนใหญ่จะลูบหัวมันเฉยๆเสียมากกว่า ระยะหลังไอ้หรั่งมันก็มีทำตาพริ้มๆเหมือนจะเคลิ้มบ้างเวลาถูกรูปหัว แต่ก็อย่างที่บอก ไม่มีอารมณ์ออกทางสีหน้าท่าทางเหมือนเดิม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบางทีไอ้ที่พริ้มๆเนี่ย เป็นเพราะผมลูบดึงหนังหัวมันขึ้นจนตาหยีก็เป็นได้ ส่วนใหญ่ผมปิดร้านดึก ตีหนึ่งตีสองถึงจะได้กลับบ้าน เป็นประจำทุกวัน ซึงนานๆไปผมก็เบื่อๆกับชีวิตที่ร้านเหมือนกัน ทุกอย่างเหมือนเดิม เป็นกิจวัตร ลูกค้าไปแล้วก็มา หยิบของ เช็คของ ทำบัญชี มองออกไปก็เห็นแต่ประตูหอ โต็ะยาม แล้วก็ไอ้หรั่งนอนหน้าทื่อ เหมือนเดิมทุกวัน ซอยที่ร้านผมอยู่จะออกไปถนนใหญ่ค่อนข้างลึกและเปลี่ยว แรกๆก็กลัว พอนานเข้าก็กลัวจนชิน วันนึง ปิดประตูร้าน เป้ขึ้นหลัง ออกเดินเพื่อที่จะกลับหอพักตัวเอง เดินไปได้สักแป๊บ ก็เห็นไอ้หรั่งวิ่งเหยาะแซงไป เที่ยวกลางคืนเหรอ ไอ้หรั่ง ก็แซวมันไป เอาเสียงเป็นเพื่อน แต่ถ้ามันตอบขึ้นมาก็คงวิ่ง ยังดีที่มันไม่ตอบ ไอ้หรั่งมันก็วิ่งเหยาะๆของมันไปจนถึงปากซอย จู่ๆก็หยุดหันมามองหน้าผม ทำท่าเหมือนเปลี่ยนใจเอาดื้อๆ หันหลังวิ่งกลับหอ อ้าว ผมก็งงกับพฤติกรรมมัน แต่ก็นึกอุ่นใจว่าบังเอิญได้มันเดินออกมาเป็นเพื่อนก็ยังดี แต่ที่ผมคิดว่าบังเอิญน่ะ ผมมารู้ทีหลังว่าคิดผิด หลังจากนั้นเกือบทุกครั้ง ทุกวัน ถ้าผมปิดประตูร้าน แล้วเดินออกมาปากซอย ไอ้หรั่งมันจะวิ่งไม่รู้ไม่ชี้ออกนำเหมือนเดิม หูไม่รี่ หางไม่กระดิก หน้าไม่มีอารมณ์ใดๆ แล้วพอถึงปากซอยมันก็หันหัวกลับเอาดื้อๆเหมือนเดิม.. ผมว่าผมคงไม่ได้เข้าใจผิดไป ว่าไอ้หรั่งมันออกมาส่งผม.. ------------------------------------------------------------------ เขียนเรื่องนี้ หลังจากที่ได้รู้เมื่อไม่กี่วันก่อน ว่าไอ้หรั่งมันตายไปแล้ว คงเพราะอายุเยอะ ผมไม่ได้กลับไปที่หอนั้นนานโข ไม่ได้เจอได้ลูบหัวไอ้หรั่งเล่นก็นาน แต่ยังจำท่าทางทื่อๆ เฉยๆของมันได้ดี ส่วนตัว เวลาที่มองหมาที่ข้างทาง ข้างหอ เห็นคนให้อาหาร ให้ข้าว แต่ไม่มีใครกล้าลูบหัวมัน อาจด้วยกลัวมันกัด กลัวมันมีพิษสุนัขบ้า แต่ลึกๆ ผมว่าหมาพวกนั้นก็เหมือนกับคน ต้องการสัมผัส ต้องการความรัก มากกว่าแค่เศษข้าว เศษอาหารที่ใครต่อใครให้เพื่อประทังชีวิตมัน ผมเชื่อ ว่าไอ้หรั่งมันก็มีความรู้สึก มีอารมณ์เหมือนหมาทั่วไปเหมือนกัน เพียงแต่มันไม่แสดงออกแค่นั้นเอง เรื่องนี้..ผมเขียนเป็นที่ระลึกให้กับมัน -------------------------------------------------------------------
10 กันยายน 2548 12:20 น. - comment id 86592
กีกี้มีหมาอยู่ตัวนึง .. ชื่อ .. เจ้าน้ำแข็ง .. ความจริงมันเป็นหมาของพ่อตะหาก .. อยู่กันมา 15 ปี .. เหตุที่เรียกมันว่า .. เจ้าน้ำแข็ง .. เพราะมันเป็นหมาเย็นชา .. ไร้อารมณ์ .. ก่อนจะกัดมันไม่เคยเห่า .. กัดเลย .. แต่ถ้ามันเห่าเมื่อไหร่ .. วางใจได้ .. มันไม่กัด .. กีกี้ไม่ค่อยถูกกะมันซักเท่าไหร่ .. ส่วนใหญ่เจ้าน้ำแข็งมันจะเห็นกีกี้ในชุดกางเกงยีนส์เสื้อยืด .. หรือเสื้อเชิ้ต .. ถ้าวันไหน กีกี้ทำหญิงนุ่งกระโปรงล่ะก็ .. มันจะเห่าซะ .. สงกะสัยมันจะไม่เห็นกีกี้เป็นหญิงมั้งนะ .. กีกี้เลยชอบแกล้งมันเท่าที่มีโอกาส .. หากมันมานอนหลับใกล้ๆ เก้าอี้ที่กีกี้นั่งเมื่อไหร่ .. กีกี้จะขยับเก้าอื้ให้หนีบมันซะ .. ห้า ห้า ห้า .. แค่นี้แหละ .. เหน็บแนมเล็กๆ เท่าที่มีโอกาส .. เรียกได้ว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด .. จนวันหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ .. กีกี้นั่งเล่นคอมอยู่ .. เจ้าน้ำแข็งมันค่อยๆ ไถลตัวมา .. มันแก่มากแล้วน่ะ .. ขามันไม่มีแรงพอจะทานน้ำหนักตัวเองได้ .. พ่อต้องอุ้มมันไปถ่ายหน้าบ้าน .. เวลามันจะขยับตัวไปไหนมันจะค่อยๆ ใช้ขาหน้าตะเกียกตะกายพาตัวเองไป .. วันนั้นกีกี้นั่งเล่นคอมอยู่ .. เจ้าน้ำแข็งมันนอนอยู่หน้าบ้าน .. ซักพักมันก้อค่อยๆ ไถลตัวมา .. แล้วเอาหน้าซบที่เท้าของกีกี้ .. ส่งสายตาหวานเยิ้ม .. \"เฮ่ย .. วันนี้มามาดแปลก .. มาประจบเอาอะไรเนี่ย? ..\" กีกี้สงสัยในพฤติกรรมของมัน .. พอมันเอาลิ้นเลียเท้ากีกี้ .. กีกี้ก้ออดไม่ได้ .. เอามือลูบหัวมันเบาๆ .. มันเอาลิ้นเลียมือกีกี้ .. ส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ .. ตอนนั้นกีกี้รู้สึกสงสารมันจับใจ .. ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน .. เลยลงจากเก้าอี้ .. ไปกอดมัน .. พอแระ .. บรรยายมากไป .. จะกลายเป็นบทอีโรติกระหว่างกีกี้กะมันไปซะ .. แหะแหะ .. เอาเป็นว่าวันนั้นเป็นวันแรกที่มิตรภาพระหว่างเราถูกเปิดเผย .. กีกี้เลยได้รู้ว่า กีกี้รักมันเหมือนกันแฮะ .. วันรุ่งขึ้น .. พ่อโทรมาบอกกีกี้ว่า .. เจ้าน้ำแข็งจากเราไปแล้ว .. .. เจ้าน้ำแข็งโปรดทราบ .. กีกี้รักแก .. ตอนแกอยู่ไม่มีโอกาสได้บอก .. ขอบอกตอนนี้แกจะรับรู้ไหมหนอ? .. ขอบคุณเรื่องราวดีดี .. ที่ทำให้กีกี้คิดถึงเจ้าน้ำแข็ง .. .. ขออภัย .. มาเล่าเรื่องยาวมากไปหน่อย .. นั่นเพราะเรื่องของคุณหมอกจาง .. ทำให้เกิดอาการอยากเล่า .. ขออภัยที่ทำบ้านคุณรกค่ะ .. .. ขอบคุณเรื่องราวดีดี ..
10 กันยายน 2548 19:18 น. - comment id 86595
25 กันยายน 2548 07:46 น. - comment id 86854
กีกี้ ไม่รกหรอกครับ.. ผมชอบอ่านนะ ขอบคุณที่เอามาเล่าสู่กัน ละอองน้ำ แหม..มาแจกยิ้มอย่างเดียวเลย สองคอมเมนท์นี่มาคนละแนวเลยนะเนี่ย