เรื่องเล่าแอฟริกากลาง : ชีวิต..จิตใต้สำนึก..แพะและคน
..สายลมทะเล..
วันนี้เราได้รับคำสั่งให้ไปหาข้อเท็จจริงข่าวปฏิบัติการลับสังหารหมู่หน่วยแทรกซึมของกองกำลังกลุ่มกบฎโดยทหารของฝ่ายรัฐบาล ที่จริงไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบของทีมเรา แต่ผลการสอบสวนครั้งนี้ทางนิวยอร์คร้องขอมา.. ซึ่งก็แน่นอนว่า เรื่องคาวๆ อย่างนี้ ต้องส่งมาให้หน่วยเฉพาะกิจหัวเห็ดอย่างทีมเรา
บนเส้นทางข้ามเขา รถคันแรกยังคงใช้ความเร็วเหมือนอยู่บนทางเรียบแข่งฟอร์มูล่าวัน ..ผมส่งสัญญาณบอกให้ลดความเร็วลง แต่ก็ได้รับการเพิกเฉย ผมจึงเลือกตามไปห่างๆ ..มันเกินระดับความเสี่ยงโดยไม่จำเป็นที่ผมจะยอมรับได้
ฝูงแพะทำท่าจะข้ามถนนอยู่ไกลๆ รถคันหน้าไม่มีทีท่าจะชะลอความเร็วลง.. ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น.. มัจจุราชก็มารับพวกมันไป
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ความเร็วของรถคันแรกตกลงเล็กน้อย แล้วก็ทะยานเข้าสู่ความเร็วเดิม ผมส่งสัญญาณบอกคันแรกว่าเกิดอะไรขึ้น.. แต่ได้รับความเงียบและการเพิกเฉยเป็นคำตอบ
ผมขับผ่านเด็กรับจ้างเลี้ยงแพะที่อุ้มพวกมันเข้าข้างทางด้วยความรู้สึกสงสาร(มีครับมี ผมมีความรู้สึกสงสารกับเขาเหมือนกัน) เพื่อนร่วมทีมที่นั่งข้างๆ บอกว่าอย่าสนใจ เรื่องเล็ก..ผมเลยสวดภาณยักษ์มันไปบทหนึ่ง พลางเหยียบคันเร่งเต็มสปีดหวังตามให้ทันคันหน้า (เจ้าตัวไม่กล้าว่าผมเรื่องนี้ เพราะมันเอาเปรียบโยนกุญแจให้ผมขับทุกวัน พอเสร็จงานมันก็มาขอกุญแจคืนเอารถไปใช้
เพื่อนคนอื่นก็จะว่า เฮ้ย! ทำไมปล่อยให้มันเอาเปรียบอย่างนี้.. ผมได้แต่ยิ้ม.. นี่พวกคุณยังไม่รู้ตัวอีกหรือว่า มันก็ไม่ได้ต่างไปจากพวกคุณๆ หรอก ที่ไม่ได้เอาเปรียบผมเรื่องนี้ แต่ก็เอาเปรียบเรื่องอื่น.. ไม่ใช่ว่าผมโง่นะ.. แต่ผมคนไทยอ่ะครับ ขี้เกียจโวยวาย... ไม่อยากบอกว่าถ้าเปลี่ยนสรรพนาม..คุณผม..เป็นกูมึง..จะได้อรรถรสยิ่งกว่านี้อีกนะ)
ขับไปทันกันอีกกิโลนึงข้างหน้า ผมบังคับให้คันแรกจอด.. แล้วเดินไปคุย
ทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าผมบ้า เรื่องแค่นี้อะไรนักหนา แค่ชนแพะตาย..ไม่ใช่คนสักหน่อย งานก็ยิ่งเร่งๆ และก็สำคัญกว่าตั้งเยอะ.. แล้วก็ไล่ผมกลับไปขึ้นรถ ..ผมโกรธสุดขีด..ด้วยเสียงเรียบๆ ผมตีหน้ายักษ์ ยิ้มมุมปาก.. เรื่องแค่นี้เอง ทำไมไม่ทำให้มันเรียบร้อยจบๆ ไป จะทิ้งไปทั้งอย่างนี้เหรอ ..หรือมันเป็นเรื่องปกติ..มันถูกแล้วที่ทำ.. ผมใส่ไม่ยั้ง
แต่จนแล้วจนรอดผมก็ต้องคอตกเดินไปขึ้นรถเมื่อไม่มีใครยอมฟัง หลังจากนั้นผมขับรถเงียบไปตลอดทาง
สิ้นสุดทางที่รถจะผ่านไปได้ พวกเราก็ลงเดิน
ชาวบ้านบอกต้องเดินไปอีก 400 เมตรถึงจะถึงจุดสังหารหมู่ 15 ศพ
เอาเข้าจริงเป็นกิโลครับ ข้ามเขาหนึ่งลูก ไม่มีทางเดินเท้า ต้องปีนลงเหวเดินลุยลำธารมุดพงหญ้าที่ปกคลุมหุบเหวจากแสงอาทิตย์ ..เหงื่อไหลโซมแผ่นหลัง โน้ตบุ๊ก กล้องดิจิตอล อุปกรณ์ขาตั้ง น้ำ กาแฟ และอาหารในเป้หลังหนักจนอยากโยนทิ้ง
ผมเดินรั้งท้าย..แอบหอบเป็นระยะๆ อย่างเก็บอาการ..อยากจะโวยอยู่เหมือนกัน..ทำไมถึงเห็นแก่ตัวกันอย่างนี้ ไม่มีใครคิดแบ่งเบาอุปกรณ์ของทีมไปถือ เดินกันตัวเปล่าตั้งแต่วันแรกจนสี่เดือนผ่าน ก่อนหน้านี้ หัวหน้าทีมจะรับผิดชอบโน้ตบุ๊กขึ้นเขาลงห้วยก็ช่วยแบก ให้ผมรับผิดชอบแค่อุปกรณ์อื่น อาหารและน้ำ
จริงๆ อาหารและน้ำผมเตรียมไว้แค่ตัวผม..แต่เอาเข้าจริงผมก็ไม่เคยได้กิน..คนอื่นขอกินจนหมดก่อนทุกครั้ง แต่เรื่องนี้ผมก็ไม่คิดโทษอะไร เพราะจุดประสงค์ของผมคือ..มันเป็นอาหารและน้ำในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินติดอยู่ในพื้นที่ ไม่สามารถออกมาได้..ฉะนั้นถ้าไม่ได้ติดอยู่ในพื้นที่แน่ๆ ใครจะกินก็กินไปเถอะ
เห็นคนนำทางหยุดอยู่ข้างหน้า...ผมวักน้ำขึ้นลูบแขนและหลังคอ..น้ำไหลเอื่อย สีออกแดงจางๆ..คงเพราะดินลูกรัง
ผมเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อน..สี่ศพถูกมัดไพล่หลัง สภาพศพถูกจ่อยิงกรอกลูกตาด้วยปืนสงคราม หัวระเบิด สมองไหล ตายคาลำธารสายนั้น
ตรวจสอบสถานที่ แล้วเดินเท้าไปกันต่อ..ตลอดเส้นทาง ผมไม่ได้ล้างหน้าอีกเลย
แปดศพถัดมา ถูกพบตายคาเนินเขา สภาพศพไม่ต่างไปจากสี่คนแรกเท่าไหร่นัก มือถูกมัดไพล่หลัง..บ้างถูกจ่อยิงหัว บ้างจ่อยิงลูกตา บ้างยิงกรอกปาก และบ้างยิงเข้าหน้าอกพรุนไปทั้งร่าง
เราตรวจสอบสถานที่เท่าที่จะทำได้..และออกเดินต่อ..น่าเสียดาย จุดสังหารจุดที่สามเราไม่สามารถเข้าไปถึง..เส้นทางลำบากและไกลมาก ..ผมร้องไห้ ทุกคนรำคาญ เลยหันหลังเดินกลับ
เดินลงเขามาถึงจุดจอดรถ ชาวบ้านและเด็กเลี้ยงแพะตามรอยล้อรถมาคอยอยู่ก่อนหน้า ผมเหนื่อยใจ..ปล่อยให้ต้นเหตุจัดการแก้ปัญหา..เถียงกันไปเถียงกันมา เห็นเพื่อนจ่ายตังค์ให้เด็กหนุ่มคนหนึ่ง..เท่าไหร่ไม่ทราบ แล้วก็โยนแพะขึ้นรถ บึ่งกันออกมา
ผมมองผ่านกระจกหลัง..ชาวบ้านหลายคนมีท่าทางไม่พอใจ
เราขับรถลุยเส้นทางเดินเท้าลงมาถึงตีนเขา วัยรุ่นสี่คนพร้อมเด็กเลี้ยงแพะ จับมือกันยืนขวางเส้นทางรถ ข้างๆ มีทหารถือปืนยืนรอดูทีท่า ..การเจรจาที่ดุเดือดเริ่มขึ้น ก่อนจะจบลงอย่างรวดเร็ว.. เงินจำนวนหนึ่งและแพะที่ตายถูกส่งคืนให้คนกลุ่มนั้น
คืนนี้พวกเขาคงฉลองกันอย่างสนุกสนาน ..เจ้าของแพะอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ..ชาวบ้านจะรวมหัวกันบอกว่า..ทหารฝ่ายกบฏมาปล้นแพะ..ร้องไห้ร้องห่มนิดหน่อย แล้วก็ปิดฉากละครเศร้าเรื่องนี้กันอย่างเมามายและอิ่มหนำ
ผมไม่อยากซ้ำเติม..แต่เรื่องก็จบลงอย่างสะใจผมนิดๆ
กลับมาถึง..เพื่อนคนอื่นทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเดินไปหาเจ้าคนขับรถคันแรก ยื่นเงินส่งให้ บอกว่าผมช่วยแชร์ค่าแพะ ..มันคงละอายเพราะด่าผมไว้เยอะ..เลยยื่นมือรับไว้
ไอ้เวร...ยังมีหน้ารับ