.. ตอนที่ 1 เปลวปลิว เทียนไขเล่มหนึ่งหลั่งน้ำตาอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง คุณหญิงกลิ่นนั่งพับเพียบอยู่หน้ากระจก นิ้วมือข้างซ้ายเหยียดกรีดกรายออก บรรจงหยิบกลีบกระเทียมผ่าซีกขึ้นมาขัดเล็บซึ่งไว้ความยาวแต่พอมิให้เล็บงุ้มงอ แลตะไบไว้เรียวมนไร้รอยตำหนิขีดข่วน มีประกายสีทองเต้นวาววับจับอยู่ที่โคนนิ้วนาง คุณหญิงหลุบตาลงมามองแหวนทองที่สวมอยู่ มันต้องเปลวเทียนสะท้อนแสงออกมา คุณหญิงสวมแหวนวงนี้มาโดนตลอด ทั้งมิเคยเห็นแม้นเนื้อในที่หลบแนบเนื้อทองนั้นว่าขาวซีดเพียงใด นางยกมือขึ้นมาสัมผัสข้างแก้มอย่างแผ่วเบา หลับตาพริ้ม รู้สึกถึงความเย็นแปลบๆ ยามเนื้อนวลต้องวงแหวน คุณหญิงลูบไล้หลังมือกับใบหน้า พินิจความนวลนุ่มของผิวพรรณ เพียงอึดใจเดียว ไออุ่นจากแก้มก็แผ่กำซาบสู่แหวนทองจนซาความเย็นลง แม้นมือก็สัมผัสความอุ่นนั้นเช่นกัน สัมผัสถึงแรงชีพจรไหวน้อยๆ เมื่อไล้ลงมาถึงขากรรไกรล่างแก้ม นางยิ้มอย่างสุขใจที่ผิวนั้นยังเนียนนุ่มไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา 'ใครกันหนอ ที่แนบหลังมือลงลูบแก้มฉัน' คุณหญิงนึกได้เช่นนั้นก็หัวเราะเบาๆ ออกมา พรางผละมือจากใบหน้า เหลือบมองประกายแหวนทองนั่นหน่อยหนึ่งก่อนที่จะเริ่มลงมือเคลือบนิ้วด้วยน้ำกระเทียมนั้นต่อ พร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้น มีบางอย่างอยู่ตรงหน้า คุณหญิงเงยหน้าขึ้นมอง เสียงฝนข้างนอกตกพรมกระเบื้องดินเผาพรำๆ มันเริ่มอ่อนแรงลงจากเมื่อหัวค่ำ เทียนยังชูเปลวเรืองไสว ส่องแสงทองอยู่บนโต๊ะที่ทำจากไม้มะเกลือดำขลับ สิ่งของจำพวกเครื่องประทินผิวบนโต๊ะเครื่องแป้งนี้มีอยู่น้อยชิ้น คล้ายว่าจะปล่อยให้ว่างเปล่าเสียกว่า ส่วนโต๊ะเล็กๆ ที่วางซ้อนอีกชั้นนั้นเป็นโต๊ะติดกระจกเงา ซึ่งตัวโต๊ะทำจากไม้มะเกลือเข้าชุดกัน มีลิ้นชักประดับมุกอยู่ใต้กรอบกระจก ข้างๆ เหนือลิ้นชักขึ้นมามีชั้นเล็กๆ ยื่นออกมาทั้งสองข้าง หน้าไม้ส่วนที่เหลือประดับเปลือกมุกขัดมันเช่นกัน เป็นรูปดอกไม้เล็กๆ เลื้อยอยู่รอบๆ กรอบกระจกเป็นเถาเรืองแสงนวลทองยามเมื่อต้องเปลวเทียน โดยมีไม้มะเกลือสีเข้มขับผิวมุกให้เด่นขึ้นมาอีก สิ่งเหล่านี้ปรากฏอยู่ในสายตาของคุณหญิงกลิ่น แต่ยังมิใช่สิ่งที่เธอกำลังเพ่งมอง มีข้อความหนึ่งสลักตัวอักษรบนผิวไม้ใต้กรอบกระจก ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างชั้นเล็กๆ ทั้งสองข้างเหนือลิ้นชักขึ้นไป และเพลานี้มันก็อยู่ระดับเดียวกับเปลวเทียนพอดี จารึกบทนั้นจารอักขระเป็นร่องลึก เหลือบแสงเงามืดเด่นขึ้นเป็นคำชัดเจน ประหนึ่งจงใจให้เปลวเทียนทำมุมที่พอเหมาะพอเจาะอย่างที่ปรากฏ คุณหญิงกลิ่นมองข้อความดังกล่าว ริมฝีปากกระชับเรียบตึง ไร้ร่องรอยการกระหยิ่มมุมปากเมื่อครู่ไปแล้ว นางกวาดสายตามองบทกลอนอันคุ้นเคยนั้น ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นสิ่งแปลกหน้า ' รัตติกาลหว่านดาวสกาวเกล็ด จรัสเพชรพวงพรายผกายศรี ยามเทียนทองต้องหน้าเนื้อนรี เพี้ยรรพีแผ่วแพ้แก่นวลนาง ' คุณหญิงกลิ่นเคยตกหลุมรักโต๊ะเครื่องแป้งนี้แต่ครั้งยังมิได้ยศเป็นคุณหญิงด้วยซ้ำ บทกลอนนี้ได้พรรณนาความงามของตนไว้ให้เห็นภาพ ยามเมื่อมองในกระจก แสงเทียนเคลือบใบหน้าเป็นนวลชวนมองดั่งทองสุกปลั่ง ยิ่งชวนให้คุณหญิงหลงใหลในเสน่ห์แลผิวพรรณของตน จนต้องแอบเขามาจุดเทียนแลนั่งส่องหน้าตัวเองทุกคืนแม้นยามไม่มีใครในห้องนี้ เด็กหนุ่มคนหนึ่งซื้อต่อมาจากพ่อค้าชาวมลายู แลรจนาคำกวีกำนัลให้มาพร้อมกัน ทั้งยังลงมือสลักข้อความนั้นด้วยตัวเอง แล้วหญิงที่ไหนเล่าจะกล้าหักหาญน้ำใจรัก แต่นั่นก็ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว จากหญิงสาวผู้หลงใหลในบทกลอน "ไม้มะเกลือนั่นใช่ไหมที่ท่านเปรียบเป็นกลางคืน แล้วเปลือกหอยเหล่านั้นหรือคือดวงดาวที่ท่านว่าไว้" เสียงกระซิบของหญิงสาวลอบถามชายหนุ่มอยู่เป็นนิจ มาบัดนี้ หญิงคนเดิมโตขึ้นพอที่จะฉุกคิดได้ว่า นั่นเป็นเพียงคารมของกวีเท่านั้นเอง เมื่อนึกได้เช่นนั้นคุณหญิงกลิ่นก็หัวเราะเยาะตัวเองผ่านทางลมจมูก ช่างน่าขันนักกับความไม่ประสีประสา ในสมัยที่ตนยังสาวราวกุหลาบแรกแย้ม พรางหันกลับมาถูเล็บนิ้วมือต่อ เมื่อพิถีพิถันทำนิ้วก้อยเป็นดวงแห้งๆ ของน้ำกระเทียมจนพอใจ ก็สลับมืออีกข้างที่ยังมิได้ถูเนื้อกระเทียมเตรียมพร้อม ขณะที่มือขวาวางกลีบกระเทียมลงบนผ้าขาวบนโต๊ะนั้น แลมือซ้ายกำลังเอื้อมลงหยิบขึ้นมา จู่ๆ บางอย่างก็แวบเข้ามาในความคิด จนเผลอหลุดคำหนึ่งออกมา "พ่อเกื้อ.." สายฝนเริ่มสาดเม็ดหนักขึ้น เกิดเสียงอื้ออึงดังอยู่ในห้องแคบๆ แรงลมด้านนอกพลันโชยละเลียดเข้ามาตามขอบประตู เปลวเทียนสั่นไหวๆ อยู่ตรงหน้า คุณหญิงกลิ่นจ้องมองเปลือกหอยมุกเกล็ดหนึ่งอย่างเหม่อลอยแต่แน่วนิ่ง เปลวเทียนปลิวไปตามแรงลมอ่อนๆ เกิดแสงสะท้อนเหลือบไปมาในเปลือกหอยมุกนั้น เรืองๆ สลับตามริ้วลายสีขาวนวล สองนิ้วมือข้างซ้ายยังจับกลีบกระเทียมมั่นไว้ไม่ขยับเขยื้อนแต่อย่างใด เพียงแต่ปรากฏรอยยิ้มขยับขึ้นมาแทน นางเหลือบมองมุมปากขวาของตนจากภาพสะท้อนในกระจกตรงหน้า แลรอยยิ้มค่อยๆ ยกขึ้นเรื่อยๆ จนริมฝีปากปริแยกเผยให้เห็นไรฟันสีดำเงางามเรียงสม่ำเสมอหลบอยู่ใต้ริมฝีปาก ทันใดนั้น มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาลูบใบหูข้างขวา คุณหญิงกลิ่นสะดุ้งตัวเล็กน้อย ปรายสายตามองเงาสะท้อนในกระจก ชายผู้หนึ่งเข้ามาข้างหลังเมื่อครู่นี้เองแต่นางไม่ทันสังเกตเห็น จะฝืนยิ้มเจื่อนๆ ให้นิดหน่อย แลโน้มหน้าเอียงรับมือชายที่เลื่อนไล้จากใบหูลงมาที่คออันยาวระหง เขาลูบเลื้อยไปมาอย่างแผ่วเบาตามที่นางปรารถนา คุณหญิงกลิ่นเกร็งเปลือกตาปิดแน่น พรางผ่อนลมหายใจออกอย่างผ่อนคลาย นางวางกลีบกระเทียมลงแลเอามือโอบหลังมือขงชายผู้นั้นไว้ แล้วจูงฝ่ามือลากไปตามพื้นที่ที่เร้นอยู่ในอาภรณ์ นางขบฟันแน่นแลครางเบาๆ ให้เสียงฝนข้างนอกกลบสิ้นไป บุรุษผู้กำยำนั้นพรางสอดแขนเข้าระหว่างหัวเข่า ช้อนตัวคุณหญิงกลิ่นขึ้นโดยโอบแขนอีกข้างประคองหลังเอาไว้ คุณหญิงอ้าแขนโอบต้นคอแลหันมาสบสายตาชายในระยะห่างกันไม่กี่นิ้ว รอยยิ้มกว้างๆ เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะชอบใจ เขาหันหลังเดินเพียงสามก้าวก็ถึงเตียงเล็กๆ คุณหญิงนอนตะแคงข้างหนุนแขนตัวเองแลหันหน้าออกไปประจันสายนั้น ส่งรอยยิ้มนิ่งๆ ให้ระหว่างเขากำลังปลดเข็มที่กลัดซ่อนอยู่ในผ้าแถบพันหน้าอกออก 'ยังต้องทำความคุ้นเคยอีกสักหน่อยกับคนผู้นี้' คุณหญิงจ้องชายผู้นั้นอย่างการเฝ้ามองเด็กน้อยป้อนข้าวเข้าปากตัวเอง สายฝนสาดกระหน่ำซัดโครมลงมาแลมีเสียงฟ้าร้องกระหนึ่งก้องทั่วนภากาศ คุณหญิงกลิ่นก็แลจะชอบบรรยากาศเช่นนี้นัก เธอสามารถส่งเสียงได้ดังดั่งที่ใจต้องการเพราะถึงอย่างไรก็มิดังไปกว่าสรรพเสียงด้านนอก ลมเย็นๆ กรรโชกเข้ามาแรงขึ้น โบกเปลวเทียนปลิวละลิ่วหรี่ วูบวาบไปมาแล้วดับลงในที่สุด
8 กันยายน 2548 13:26 น. - comment id 86510
เหอะๆ ขอบคุณคุณอัลมิตรามากนะครับ - - - - - - - - - - - - - - ผมกำลังสงสัยว่าจะลงเรื่องผิดที่ซะแล้ว.. หมายความว่า.. ในบ้านนี้หน่ะครับ เพราะตอนต่อๆ ไป มันก็หนักไม่หยอก กอปรกับครั้งหนึ่ง ผมเคยโดนแบนกลอนนึง ที่เนื้อหาส่อไปในทางสังวาสกรรม (แบบคำผวน) ดังนั้น.. เอาเป็นว่า ผมจบเรื่องไว้เท่านี้แล้วกันนะครับ...
6 กันยายน 2548 15:13 น. - comment id 86521
โอว .. พระเจ้าจอรจ กล้วยทอด ๕ บาท จำกัดอายุคนอ่านหรือเปล่าคะ จะว่าไปแล้วมีกระจกเหมือนกันนะ แต่เปลี่ยนจากกลอนเป็นรูปภาพ พอดีคนตัดกระจกแกะลาย ไม่ค่อยมีเวลาทำ กระทั่งกระจกแกะลายเสร็จลุล่วงแล้ว กระจกแกะลายยังมาไม่ถึงอัลมิตราซักที สงสัยวันเกิดปีหน้ามั๊ง ถึงจะได้ของขวัญชิ้นนี้ ปล. โชคดีจังที่ไม่มีกลอนบทเดียวกับในเรื่อง ไม่งั้น ฮา..เลย ใครจะไปกล้ารับเล่า ฝนไม่ได้ตกทุกวันน๊า ..