เสียงคลื่นเห่กล่อม..โอ้..โอละเห่ คนพเนจร..ค่ำแล้วจะนอนไหน ยังเดินเล่น..ริมหาดเลาะเรื่อยไป แกล้งลืมหัวใจที่บอบบางไว้กลางลาน ให้น้ำซัดคลื่นสาด..มากลืนกลบ รอยเหงาลบเลือนหายกลายเป็นกร้าน ก็เจ็บ..ก็เหงา อย่างนี้มาตั้งนาน ทำไมป่านนี้..ยังซึมเศร้า..เหงาหัวใจ เสียงคลื่นเห่กล่อม..โอละเห่ คนพเนจร..กลับไปนอนเลยดีไหม จะเดินเล่นหรือ..พกความช้ำกลับไป ก็ไม่มีใคร..สนใจเจ้าอยู่ดี "น้อยใจอะไรหรือฮะ" เธอหันกลับมามองเขาแล้วยิ้ม.. เลิกการลากนิ้วบนทรายให้เป็นรอยตัวหนังสือ ทรุดนั่งหันหน้าออกสู่ทะเล "นั่งด้วยคนนะครับ" เธอเงยหน้ามายิ้มอีก และพยักหน้าน้อย ๆ "น้อยใจอะไรอยู่หรือครับ ถึงได้ไปบ่นให้ทะเลฟังอย่างนั้น" "เปล่าหรอกค่ะ.. คำของบทกวีมันพาไปน่ะค่ะ ไม่ได้ตั้งใจบ่น" "จริงหรือเปล่า.. สาวขี้บ่น" เขาล้อยิ้ม ๆ อีกฝ่ายยิ้มตอบเขิน ๆ "เราเลยกลายเป็นสาวขี้บ่นไปเลยนะ" "ผม... ว่าว นะฮะ ยินดีที่รู้จักสาวขี้บ่น" เขาแนะนำตัวยิ้ม ๆ "อ้อยค่ะ ยินดีที่รู้จักคนช่างสังเกต" เธอเหน็บเขาบ้างแถมค้อนให้วงใหญ่ "มาจากกรุงเทพฯ หรือเปล่านะฮะ" "ค่ะ คุณล่ะ" "ผมเป็นคนแถวนี้ฮะตอนนี้" "แสดงว่าตอนก่อนไม่ใช่" "ทำนองนั้น คือผมหลบความวุ่นวายมาจากกรุงเทพฯ เลยมาขออาศัยทำงานกับเพื่อนที่นี่ ตอนนี้ก็เรียกว่าติดที่นี่เสียแล้ว" "ดีจัง ที่เลือกทางเดินของตัวเองได้" "แสดงว่าคุณไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง ใครบังคับหรือฮะ" "หัวใจค่ะ" "คนรักของคุณหรือฮะ" เขาถาม บอกไม่ถูกว่าทำไมใจหายวับก็ไม่รู้ซี "เปล่าค่ะ คือที่เลือกอยู่ที่นั่นเพราะงานบังคับ ใจรักที่จะทำงานแบบนั้นเลยจำต้องเสียสละความสุขส่วนตัวแบบนี้" "อือ..เข้าใจล่ะ นี่มานี่ได้เที่ยวที่ไหนหรือยังฮะ" "ยังเลย พึ่งมาถึง ก็มานั่งเล่นที่นี่ ชอบว่าผู้คนไม่พลุกพล่านและหาดทรายขาว สาว ๆ นักท่องเที่ยวก็สวยนะ" "งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมเป็นไกด์ให้นะ จะพาไปยังวิวพ้อยท์ จุดชมวิวของเกาะพีพี และถ้ามีโอกาสจะพาตระเวนทั่วเกาะ" "หืมมม์ ขอบคุณค่ะ ใจดีจัง" "ไม่เป็นไรครับ ยินดีบริการเพื่อนที่รักทะเลเหมือน ๆ กัน" "ขอบคุณอีกครั้งนะคะ.. ฟ้ามืดแล้วล่ะ เดี๋ยวยังไงคงต้องกลับเข้าที่พักแล้วล่ะ เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะคะ เราจะรอคุณที่นี่" "บายฮะ" *************** สองหนุ่มสาวเริ่มต้นกันที่ริมหาดสีขาว ที่อยู่ใกล้ท่าเรือที่จอดรับส่งผู้โดยสารที่เดินทางมาจากตัวจังหวัดกระบี่ เดินผ่านผู้คนที่ ขวักไขว่ใจกลางเกาะพีพี.. ทางเดินเป็นถนนคอนกรีตสองข้างทางเป็นร้านรวงต่าง ๆ มีทั้งร้านที่เปิด 24 ชั่วโมงป้ายสีเขียวสีแดง ที่มีอยู่เกลื่อนกรุงด้วยอีกต่างหาก ร้านขายของที่ระลึก ออฟฟิศให้เช่าบ้านพัก อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ นวดฝ่าเท้า นวดแผนโบราณ ที่จัด ร้านแข่งขันเพื่อเรียกลูกค้าชาวต่างชาติที่เดินให้ขวักไขว่ มีผับเฉพาะของชาวไอริสอีกต่างหาก สงสัยว่าที่นี่จะมีคนไอริสมาเที่ยวเยอะ ถึงขนาดจัดผับประจำขนาดนี้ นักท่องเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ทั้งฝรั่ง ญี่ปุ่น จีน ไม่ค่อยมีคนไทยมากนัก คงจะเพราะ ราคาและค่าบริการที่ค่อนข้างสูง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเป็นคนชอบเที่ยวจริงและศึกษารายละเอียดให้ดี ที่เกาะพีพีน่าเที่ยวและน่ามาพักอีก แห่งหนึ่งของประเทศ ไม่ว่าทะเลสวย หาดทรายขาว ชาวบ้านใจดี ถ้าเป็นคนไทยไม่ว่าจะมาจากไหนที่นี่มีน้ำใจให้ตลอด ไม่ใช่บริการดี ๆ ให้แต่ชาวต่างชาติ มีคนทักทายชายหนุ่มที่เป็นไกด์อาสาตลอดทางเดิน จนห่างอารามบ้านช่องออกไปถึงเชิงเขาเพื่อขึ้นเขาไปสู่วิวพอยท์ "สูงเหมือนกันนะฮะ คิดว่าไหวไหม" "อืมมม.. ไม่น่าจะลำบาก เพราะเราเคยปีนเขาแถวเชียงรายมาเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ไปเป็นครูอาสาน่ะค่ะ" "เหรอฮะ.. เป็นไงบ้างเชียงราย ผมไม่ได้ไปนานแล้ว" "ก็ดีค่ะ ชอบอากาศ ตอนนั้นที่ไปหนาว แต่ไม่มากนัก ตอนแรก ๆ ที่เริ่มเดินก็สัมภาระเต็มตัว พอเดินไป ๆ เริ่มปลดทีละชิ้น ๆ สงสารก็แต่คนที่เดินตาม ต้องคอยรับมรดก คิก ๆ " ภาพความทรงจำกระจ่างชัด เมื่อคราวไปเดินขึ้นเขาเชียงรายจนอดหัวเราะ ออกมาไม่ได้ "เคยไปด้วยหรือคะ" "เคยฮะ แต่ไม่ได้ปีนเขาด้วยตัวเอง นั่งรถขึ้นเขาซะล่ะมากกว่า ไปดูดอกซากุระ" "อืออ ค่ะ .. แล้วนี่เราต้องปีนไปอีกสูงไหมคะ" เริ่มหอบเล็ก ๆ "เศษหนึ่งส่วนสี่แล้วครับ" "โอ๋ย... เหนื่อยจังขอพักก่อนได้ไหม" เขายิ้ม.. เริ่มหอบเหมือนกันเพราะทางชันมา โชคดีที่ว่ามีทางเป็นขั้นบันไดอำนวยความ สะดวกให้ ไม่งั้นคงปีนกันลำบาก "หิวน้ำไหมฮะ" "นิดหน่อยค่ะ" เธอเม้มปากนิด ๆ "ไปกันต่อฮะ อีกนิ๊ดนึงจะมีร้านค้าขายน้ำ" "ไปค่ะ" เธอยิ้มเดินตามเขาไปติด ๆ "นั่นอะไรคะ" เธอชี้ข้างทางที่เห็นเป็นลวดสลิงมีกระสอบทรายถ่วงน้ำหนักอยู่ "อ๋อ.. ที่ลากของที่เขาขนขึ้นมาขายบนนี้อ่ะครับ" "ค่ะ..อีกไกลไหมคะ" เสียงใส ๆ บ่นออกมาเพราะล้าเต็มที "อีกนิ๊ดนึงครับ" "ชักไม่เชื่อแล้วสิ" เธอต่อว่า แต่แล้วก็เริ่มเห็นบ้านคนที่ตั้งอยู่บนเนินตรงหน้า แถวมีมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ด้วยอีกต่างหาก "อ่ะ..นั่นถึงแล้วหรือคะ" "ครับ" "เย้....." เธออุทานแล้วเริ่มออกวิ่ง มีโขดหินขนาดมหึมาเหมือนมีใครจับตั้งวางไว้ให้เป็นที่นั่งของจุดชมวิว มองลงมา ข้างล่างเห็นภาพที่เธอต้องอุทาน... น้ำทะเลถูกแบ่งให้เห็นเป็นสองฝั่งด้วยแผ่นดินเล็ก ๆ กว้างไม่น่าจะเกิน 5 เมตรนั่นคือภาพเล็ก ๆ จากบนจุดชมวิวนะ ขนาด จริงเท่าไหร่ไม่รู้ ฝั่งหนึ่งเป็นฝั่งน้ำลึก สีของน้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินเข้ม มีเรือเดินทะเลแล่นเหมือนดาวหาง แล้วอีกฝั่งหนึ่งเป็นฝั่งที่ น้ำตื้นกว่า..มองเห็นทรายสีขาวใต้น้ำ ทำให้น้ำทะเลเป็นสีเขียวมรกต ไล่ระดับไปถึงสีน้ำเงินเข้ม สวยจับใจ.. "เสียดายนะคะ ที่ไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย" "ไม่เป็นไรฮะ เก็บไว้ในความรู้สึกก็เพียงพอแล้ว" "นั่นสิค่ะ.. เก็บไว้ในความรู้สึกก็มากเกินพอแล้ว" สายลมพัดโชยเอื่อย อ้อยสร้อย..นกเหยี่ยวบินโฉบไปมา ถลาลมจากจุดหนึ่ง ไกลตา..และใกล้เข้ามา ๆ เหมือนจะรู้ใจว่ามีคนตั้งตารอ..มองนกเหยี่ยวถลาลมชัด ๆ สีส้มของปีกนกล้อเล่นกับยอดไม้สีเขียวอยู่นาน แล้วก็หายลับตาไป "นกเหยี่ยวกลับบ้านไปแล้ว..แล้วคุณล่ะครับกลับเมื่อไหร่" "คงเป็นพรุ่งนี้เย็นค่ะ" "เสียดายนะฮะ ที่นี่ออกจะสวย.. แต่ก็มีแค่ผู้คนผ่านมาเพียงเพื่อผ่านไป" เขากล่าวเศร้า ๆ "ก็ดีไม่ใช่หรือคะ ไม่งั้นก็คนล้นเกาะนะเออ..คุณชอบแบบนั้นหรือ" เขายิ้มกับคำยอกย้อนนั้น "เรารู้จักเพราะที่นี่..ผมหวังว่า..คุณคงแวะมาที่นี่อีกนะฮะ" เธอค้นกระเป๋าสะพายกุกกัก.. หยิบนามบัตรยื่นให้ "ฉันก็อยู่ของฉันที่นี่เสมอ.. แล้วคงได้เจอกันอีกหรอกค่ะ ประเทศไทยกว้างแค่ไหน..โลกใหญ่เท่าไหร่ คงไม่กว้างและใหญ่เกิน ความผูกพันกระมัง" เธอกล่าวยิ้ม ๆ เขารับมาเก็บในกระเป๋าสตางค์.. "ขอบคุณฮะ..ขอบคุณที่ผ่านมาให้พบและหวังว่า..จะอยู่เป็นคนของความผูกพันต่อไปอีกนาน" "ยินดีค่ะ" เสียงลมพัดมาหวิว ๆ สายตาของคนทั้งคู่มองดูความงามของสีน้ำทะเลที่สะท้อนจากฟ้าอีกหน ก่อนจะเก็บความทรงจำที่ดีนั้น จากมา.. วันนี้เธอมาพักร้อน..อืมมม.. สงสัยความรักจะไม่พักร้อนด้วยเสียแล้วกระมัง
18 กุมภาพันธ์ 2546 11:11 น. - comment id 67424
อ่านแล้วเหงาในตอนแรก.. และก็ดีใจด้วยครับ ที่เป็นวาเลนไทม์ที่ Happy
19 กุมภาพันธ์ 2546 15:19 น. - comment id 67442
เขียนได้น่ารักดีค่ะ อยากมีความรักที่น่ารักๆๆแบบนี้จัง รักที่มามิตรภาพ และไม่หวังสิ่งตอบแทน ดีจังค่ะ ^_*
13 เมษายน 2546 11:59 น. - comment id 68174
เออแฮะ..แจมเขียนหรอเนี่ย ออกมาจากไหนอ่ะ..หัวใจหรือจินตนาการ ชักจะเลือน ๆ
6 ธันวาคม 2547 11:26 น. - comment id 79659
"ไม่ใช่คุณคนแรกที่ยืมบุคคลิกฉันไปเป็นนางเอก\" เธอยื่นกระดาษต้นฉบับที่อ่านจบแล้วคืนให้เขา ยิ้มตอบดวงตาสีน้ำตาลเข้าที่เจือแววตาชนิดหนึ่งอย่างเขิน ๆ .. ก็โตจนป่านนี้แล้ว คนไกล says: ทำไมจะอ่านไม่ออกเล่า ว่าเขาต้องการอะไร BIG BEAR says: \"ใครล่ะ แฟนหรือ\" เขาไม่เคยลงท้ายคำพูดว่าครับ หากแต่ทอดเสียงอ่อนจนทำให้ผู้ฟังไม่ทันรู้สึกว่าเขาพูดห้วน คนไกล says: \"เปล่าหรอกค่ะ\" เขายิ้ม .. ลอบถอนหายใจ \"เพื่อนของเพื่อนรุ่นพี่ เพื่อนที่ว่าเธอเป็นนักเขียน เธอไปพักบ้านพี่คนนี้แหละ ที่ทุ่งเสี้ยว สันป่าตองน่ะค่ะ\" เธอเอ่ยชื่อนักเขียนชาย-หญิง คู่หนึ่งที่เขาเคยได้ยินผ่านหู และเห็นผลงานผ่านตามาบ้าง \"อ่านเจากเรื่องที่พี่เค้าเขียนโดยไม่เข้าข้างตัวเองนะคะ เพราะเค้ายืมไปเฉพาะนิสัยจริง ๆ จำได้ว่าพบกันครั้งแรก ฉันสวมกางเกงยีนส์เก่า ๆ กับเสื้อม่อฮ่อม แต่นางเอกของพี่เค้าใส่ชุดเสื้อติดกระโปรงยาว สีเหลือง ถือช่อดอกไม้ ดอกอะไรน๊า..สีเหลืองโต ๆ อ๋อ.. ดอกเบญจมาศ ใช่เลย\" \"อืมม.. ดอกเบญจมาศ \" \"แล้วยังติดต่อกันไหม\" เขาถาม \"ไม่ได้ติดต่อกันนานแล้วค่ะ ล่าสุดเห็นงานเขียนเขาวางแผง แต่ก็ไม่ได้ซื้ออีกนั่นแหละ\" \"นิยมของฟรีล่ะซี\" เธอยิ้มเจ้าเล่ห์ \"ก็ไม่เชิงนะ\" เขายิ้มตอบ นึกอยากเอื้อมมือไปยีผมยาวสลวยที่กำลังปลิวล้อลมของใกล้ ๆ \"ชอบตรง...มอบให้...(ชื่อ) เป็นที่ระลึกหรอกค่ะ\" แต่นัยน์ตามันบอกมากกว่านั้น เขาเลยผลักศรีษะได้รูปนั้นเบา ๆ ทีนี้เสียงหัวเราะก็เลยประสานกันดังลั่นคุ้งน้ำ