แผ่นดินตรงรอยต่อ(2)

อนาลัย


/9 ธ.ค. 2544
	ตรงบริเวณสุดแผ่นดินของอีสาน ฉันยืนมองดูเหมือนเงียบๆ แต่ความรู้สึกหลายๆอย่างผุดพลุ่งขึ้นมา ฉันอยากเขียนนิยายขึ้นมาสักเรื่องหนึ่ง 
แผ่นดินตรงรอยต่อ นี่คือชื่อเรื่องที่ฉันนึกขึ้นมาได้ 
อนาลัย คือ นามปากกาที่ฉันตั้งให้ตัวเองมานานแล้ว
	เธออยากอ่านนิยายเรื่องนี้ของฉันไหม นี่คือบทที่ 2 ต่อจากบทแรกก่อนหน้านั้น


23 ก.ค. 2548
    ฉันกลับมาทบทวนสิ่งที่ฉันเขียน เพราะฉันยังหวังที่จะเขียนบางสิ่งางอย่าง บอกเล่าให้เธอสนใจที่จะอ่าน ฉันยังคิดถึงความรู้สึกนั้น บนโขดหินของดินแดนสุดแผ่นดิน บนผืนแผ่นดินที่ถูกยกให้สูงขึ้นจนกลายเป็นที่ราบสูง แบ่งแยกออกจากแผ่นดินพื้นราบภาคกลาง แบ่งแยกจนทำให้แผ่นดินทั้งสองในอดีตที่ผ่านมาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งทางด้านภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และหรืออาจจะแม้กระทั่งภูมิปัญญาท้องถิ่น  ซึ่งเป็นคำที่พวกเราเริ่มรู้จักกันในยุคปัจจุบัน
20.00 น.
   ฉันรู้สึกว่าการเขียนนิยายสักเรื่องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ฉันเองก็ไม่เคยหัดเขียน หรือลองเขียนหรือฝึกเขียนมาก่อน ฉันอาจจะต้องเปลี่ยนใหม่ (นี่แหละคือตัวตนของฉันละ) เขียนเป็นแบบความเรียงบอกเล่าความรู้สึกดีกว่า ฉันอาจจะเขียนอะไรออกไปได้เรื่อยๆ แต่จะน่าสนใจไหม นี่เป็นคำถามที่ฉันถามตัวเองออกมาเมื่อเขียนถึงบรรทัดนี้ ฉันก็คงต้องลองเขียนดู  เขียนอย่างที่ฉันเขียน  เขียนอย่างที่ฉันรู้สึกได้ก่อนดีกว่า 	ฉันจะต้องลองเริ่มต้นดูอีกสักครั้ง


22.05 น. (ฉันจำเป็นต้องเขียนเวลาบอกตัวฉันเองเพื่อฉันจะได้รู้ว่า ฉันเสียเวลาไปกับสิ่งที่ฉันทำอะไรไปไม่ได้นานแค่ไหน ฉันอาจจะเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำ ภาษาของฉันอาจจะวกไปวนมา แต่ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะนี่แหละคือฉันอย่างแท้จริง)
    ความรู้สึกบางอย่างบอกให้ฉันหยุดแล้วทบทวนสิ่งที่ฉันเขียน แต่ฉันบอกตัวเองทันทีว่าไม่ ฉันจะต้องเขียนต่อไปเรื่อยๆ เขียนไปเผื่อบางทีฉันอาจจะได้ความคิดดีๆที่สอดคล้องกับนิยายที่ฉันอยากจะเขียน หรือเผื่อบางทีฉันอาจจะมีความคิดอะไรดีๆบอกเล่าให้เธอได้อ่าน และสอนตัวของฉันเองได้
    ก่อนอื่นต้องบอกว่าฉันไม่ใช่นักเขียนหรอกนะ และเดี๋ยวนี้ฉันก็ไม่ใช่นักอ่านด้วย ฉันเป็นพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยหนัก  การทำงานของฉันวนเวียนอยู่กับผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บางครั้งผู้ป่วยนั้นก็จะหายมีชีวิตกลับคืนสู่สุขภาพชีวิตที่ดี    แต่บ่อยครั้งที่ผู้ป่วยเหล่านั้นต้องจากไป 
    ฉันอยู่ตรงจุดนี้มาเนิ่นนาน จนฉันกล้าบอกตัวฉันเองได้ว่า อดทนเถิดนะ   อย่าเหนื่อยหรือท้อกับงานที่แสนจะเหนื่อยล้าและหดหู่นั้น ผู้ป่วยสูงอายุบางคนก็เป็นช่วงชีวิตสุดท้ายของเขา และเราอาจก็จะเป็นคน สุดท้ายที่ได้อยู่กับเขาบนโลกแห่งชีวิต  บนโลกที่มีแต่ความแตกต่างนี้  เพราะว่าแม้แต่เวลาแห่งการสิ้นสุดชีวิต  ผู้ป่วยหนักแต่ละคนยังจบชีวิตไม่เหมือนกัน
   มีบางสิ่งกระซิบบอกฉัน ให้ฉันเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตตรงรอยต่อสิ อาจจะดีก็ได้นะ มีหลายสิ่งหลายอย่างวิ่งไปมาในความรู้สึกของฉัน มีตัวหนังสือมากมายวิ่งวนอยู่ในสมองและฉันก็ไม่อาจจับมาเรียงให้ได้ใจความอย่างที่ใจของฉันอย่างที่ฉันนึกได้  ฉันคงต้องนั่งนิ่งๆสักพัก.
	...........................
    22.23 น.
    แผ่นดินตรงรอยต่อ.......... 
    บนผืนแผ่นดินตรงจุดนี้ ยังเป็นผืนแผ่นดินแห่งการพลัดพราก เป็นทั้งการพลัดพรากจากคนที่รัก(เหมือนอย่างนิยายที่ฉันอยากจะเขียนครั้งแรก) แต่มันยังเป็นแผ่นดินที่พลัดพรากมากกว่านั้น เพราะมันเป็นผืนแผ่นดินที่เราจะต้องพลัดพรากไปหมด แม้กระทั่ง จิตวิญญาณ และร่างกายของตัวเราเอง
    ภาพของเธอที่โบกมือลาฉันในนิยายเรื่องแรกที่ฉันเขียนชั่วโมงที่ผ่านไปนั้น เปลี่ยนแปลงแล้ว เป็นภาพตัวของฉันเอง กับผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง ฉันยืนมองดูร่างของเขาที่นอนสงบนิ่งอยู่กับเครื่องช่วยหายใจ และเขายืนอยู่ใกล้ๆกับฉันที่กำลังอาบน้ำเช็ดตัวให้  .ก่อนที่จิตวิญญาณของเขาจะลอยเลื่อนหายไป
   แผ่นดินตรงจุดหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวสูงขึ้น แผ่นดินอีกจุดหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา แผ่นดินตรงนี้ไม่ได้หยุดนิ่งหรือเกิดขึ้นได้เพียงครั้งเดียว เหมือนเช่นภูมิประเทศสุดแผ่นดินอีสาน แต่ผืนแผ่นดินตรงนี้มีการพลัดพรากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เตียงแล้วเตียงเล่า วันคืนผ่านพ้นไปทุกวันทุกคืน ฉันอยู่ตรงนี้มากี่ครั้งกันแล้วนะ บนผืนแผ่นดินตรงรอยต่อ  บนผืนแผ่นดินของความพลัดพราก      บนผืนแผ่นดินแห่งการร่ำลาที่เราแม้ยืนอยู่ใกล้ๆก็ไม่ได้ยิน
 แผ่นดินตรงนี้ไม่ใช่แผ่นดินตรงรอยต่อของพื้นที่ราบกับพื้นที่สูงอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นแผ่นดินตรงรอยต่อระหว่างชีวิตกับชีวิต หรืออาจจะใช่...เป็นแผ่นดินตรงรอยต่อระหว่างร่างกายที่ไร้ชีวิตกับจิตของวิญญาณ.
	
22.43 น. 
     ความรู้สึกของฉันสะดุดลง จนฉันต้องนั่งนิ่งๆ แล้วทบทวนสิ่งที่ฉันได้เขียนลงไป ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่า แท้ที่จริงฉันไม่สามารถเขียนเรื่องราวที่รู้สึกได้ในหัวใจให้เป็นนิยายได้  ฉันควรจะจบความเรียงบทนี้เพียงเท่านี้ แต่มีบางสิ่งในหัวใจฉัน ถามตัวฉันเองว่า คำร่ำลาระหว่างจิตวิญญาณกับร่างกายของแต่ละผู้คนนั้น   มีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรหนอ   แต่ละคนพร้อมที่จะพลัดพราก      จากกันไหม หรือยังมีความห่วงใยผูกพันในร่างกายเดิมของตัวเองอยู่  หรือยิ่งกว่านั้น เขาอาจจะยังคงห่วงหาใคร แล้วเขาเอ่ยคำร่ำลากันได้อย่างไร เพราะแม้แต่ฉันที่อยู่ใกล้ๆยังมิเคยจะได้ยิน
  อีก 2 นาทีก็จะห้าทุ่ม ฉันควรจะจบบทความบทนี้ ฉันอยากจะส่งให้เธอได้อ่าน เพราะเธอยังคงเป็นคนแรกที่ฉันนึกถึงเสมอ  ไม่ว่าเราจะแตกต่าง  หรือจะยิ่งห่างจากกัน..ไกลออกไปทุกๆนาที
   ลาก่อนนะ  ฉันยังคงหวังอยู่เสมอว่า เธอจะยังคงเข้มแข็ง ดูแลตัวของเธอเองได้ และยังมีหัวใจที่ใฝ่ฝัน  มีพลังที่จะแต่งเติมชีวิตของตนเองได้สมบูรณ์	
   ในช่องว่างของเวลาและความคิดคำนึงนั้น ฉันระลึกถึงเธอและอวยพรให้เธอเสมอ
						จากฉัน อนาลัย(นามปากกาของฉันไง)
	23.05 น. 23 ก.ค. 2548
				
comments powered by Disqus
  • z

    27 กรกฎาคม 2548 11:10 น. - comment id 85690

    อยากร.ว.ย อยากมีอิสระทางการเงิน อย่าช้า ทำงานง่ายๆเพียงวันละ 2-3 ชม.ผ่านระบบสนับสนุนที่บริษัทจัดให้ คลิ๊กดู http://magica.hbn.info

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน