สี่ปีที่ผ่านกับความทรงจำของภาพยนตร์ เรื่อง A.I. Artificial Intelligence จักรกลอัจฉริยะ
อัลมิตราชมภาพยนตร์เรื่องนี้กับคุณพ่อที่โรงภาพยนตร์แห่งหนึ่งในแถวบ้าน แอบเช็ดน้ำตาหลายต่อหลายครั้ง รู้สึกเศร้า รู้สึกสะเทือนใจ รู้สึกเหว่ว้าเช่นเดียวกับเดวิด อัลมิตราตอบตัวเองไม่ได้ว่า เกิดอะไรขึ้นกับอัลมิตรา คงมีอะไระบางอย่างที่ทำให้อัลมิตราเข้าใจความรู้สึกเดวิด ราวกับว่า อัลมิตราก็อยู่ในสภาพเดียวกับเขา ซึ่งความรู้สึกนี้ แม้จะผ่านวันมาเนิ่นนาน แต่ก็ไม่อาจลบเลือนได้เลย อัลมิตราเข้าใจว่า เดวิดคงมีคำถามมากมาย ทำไมแม่ไม่รักเขา ทำไมแม่ต้องทอดทิ้งเขา ? และถึงแม้ว่า อัลมิตราไม่ได้ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับเดวิด แต่ อัลมิตราก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่เหนือกว่าเดวิด สตีเว่น สปิลเบิร์ก พ่อมดแห่งมายา .. ฉกเอาสิ่งที่อัลมิตราซุกซ่อนอยู่ในใจมาสร้างเป็นหนัง หรือว่า อัลมิตรา ถูกกระแทกใจอย่างจัง อัลมิตราไม่กล้าแม้แต่จะเปิดซีดีหนังเรื่องนี้อีกครั้ง กลัวความรู้สึกที่จะเกิดขึ้น เทียบกันแล้ว อัลมิตรากับเดวิด มีบางอย่างที่คล้ายกัน สมมุติว่า อัลมิตราต้องเป็นเดวิด อัลมิตราก็ไม่อยากถูกตั้งโปรแกรมให้รู้จักความรัก
หุ่นยนต์ต้องการความรัก .. แต่ทว่า เงื่อนไขแห่งรักนั้น กลับทำร้ายเดวิด ในขณะที่บุตรชายที่แท้จริงค่อย ๆมีอาการฟื้นตัวจากการป่วย เดวิดก็กำลังถูกลืม และถูกมองว่าเป็นส่วนเกิน อารมณ์ความรู้สึกที่เหมือนมนุษย์ ทำให้เดวิดโหยหาความรักที่เขาคิดว่า เขาสมควรได้ แต่ทว่า..เหตุการณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น
อัลมิตราจำได้ดี ถึงแววตาของเดวิด ที่งุนงง แม่ขับรถพาเดวิดไปทิ้งไว้ในป่า เหลือเพียงตุ๊กตาหมีเทรดดี้ให้เป็นเพื่อนเดวิด เขายืนมองรถที่ค่อย ๆ แล่นหายไป ด้วยความไม่เข้าใจ เขาไม่รู้เลยว่าเขาถูกทิ้ง .. ใช่ ! เขาไม่รู้เลยว่าเขาถูกกำจัด เขาต้องเผชิญชะตากรรมที่โหดร้าย ในแง่ของโลกที่มองเขาเป็นเครื่องจักรที่ไร้ค่า และไล่ล่าเพื่อทำลายเขา เขาอยากหานางฟ้าให้เจอ เพื่อขอพรต่อนางฟ้า เพื่อที่เขาจะได้กลับไปหาแม่ เพื่อที่แม่จะได้รักเขา
เดวิดผู้ถูกตั้งโปรแกรมให้รัก แต่กลับถูกรักทำร้าย เขาไม่มีวันรู้เลยว่า นางฟ้าในนิทานไม่มีจริง เขาโหยหาความรักจากแม่ และสิ่งที่เขาปรารถนาสูงสุด คือการให้แม่ยอมรับเขาในฐานะที่เขาเป็นลูกโดยแท้
จนกระทั่งเดวิดได้เจอรูปปั้นนางฟ้า เดวิดได้แต่พร่ำภาวนา,อ้อนวอน ขอให้เขาสมหวัง ผ่านไปแต่ละวินาที, นาที,ชั่วโมง,วัน,เดือน,ปี จวบจนสิ้นสมัยของมนุษยชาติ เขาก็ยังรอคอยพรนั้น พรที่นางฟ้าจะเมตตาต่อเขา พรซึ่งประทานชีวิตให้เขาเยี่ยงเด็กธรรมดาคนหนึ่ง และแม่กลับมารักเขา
ในความปรารถนาของเดวิด ถูกค้นพบโดยสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่น เดวิท เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหนือกว่าปาฏิหาริย์ใด ๆ ที่โลกทิ้งไว้ให้ และมีเพียงเส้นผมไม่กี่เส้นของแม่ ที่เดวิดเคยแอบตัดไว้ พอให้วิทยาศาสตร์ชั้นสูงสร้างสภาพเหมือนของแม่ แม่ซึ่งไม่เคยจางจากความโหยหาของเดวิด เดวิทสมความปรารถนา.. เดวิดได้แม่ของเขากลับคืนมา.. แม่ผู้ใจดี และมีความรักมอบให้แด่เขา.. ในที่สุด เดวิดได้นอนกอดแม่ของเขา พร้อมกับ shutdown ตัวเอง
ผู้ที่ถือรหัสความรักนั้น ก็คือผู้ที่เดวิดรักสุดหัวใจ แม่.. ใช่แล้ว หุ่นยนต์เดวิดมีแม่ แม่ผู้เปิดรหัสนั้นให้เขา แต่เดวิด ก็คือหุ่นยนต์ที่ไม่อาจใช้ชีวิตเยี่ยงเด็กธรรมดาได้อย่างสมบูรณ์ เดวิดจึงปรารถนาที่จะเป็นมนุษย์ เป็นจินตนาการของหุ่นยนต์ที่นึกถึงว่า หากได้ขอพรจากนางฟ้า (ตามนิทานพิน็อคคิโอ ที่แม่อ่านให้ฟังก่อนนอน) เขาจะได้เป็นมนุษย์จริง ๆ เสียที .. เพื่อที่ว่า แม่จะได้รักเขา รักเขาอย่างที่รักลูกแท้ ๆ ของแม่
มีอะไรบางอย่างที่กระทบอารมณ์ของอัลมิตราอย่างแรง จนกระทั่งทุกวันนี้ความรู้สึกนั้นก็ยังคงอยู่ เดวิด หุ่นยนต์เด็กตัวแรกที่ถูกตั้งโปรแกรมมาให้รัก ความรัก.. อืม สำคัญนักเชียว หุ่นยนต์ที่เคยมีมาไม่มีตัวใดรู้จักความรัก แต่เพื่อเป็นการชดเชยที่ครอบครัวหนึ่งซึ่งมีสภาพบอบช้ำทางจิตใจ เนื่องจากบุตรชายป่วยหนักจนต้องแช่แข็งไว้ เดวิด จึงเป็นตัวเลือกที่จะเป็นผู้ทดแทนความรู้สึกสูญเสียนั้น
20 กรกฎาคม 2548 13:44 น. - comment id 78488
เรื่องสั้นที่ต่อภาคจาก กล่องเก็บความทรงจำ ไม่เขียนอีกแล้วหรือครับ หรือเพราะจากเรื่องสั้น ทำให้คุณอัลมิตราพ้อตัวเองว่าเป็นคนไม่สำคัญ และแค่ใบไม้ครับ
20 กรกฎาคม 2548 14:32 น. - comment id 78489
คุณช่อชงโค ..น่าสนใจทีเดียวสำหรับภาพยนตร์เรื่องนั้น การหนี การอยู่ เป็นทางเลือกสองทางให้ต้องประเมิน หากเป็นอัลมิตรา ก็คงต้องเลือกหนีเช่นกัน หนีเพื่อตั้งต้นใหม่ .. เพราะการอยู่ใน ณ ที่นี้ หมายถึงการยอมตายโดยไร้ค่าใด .. อีกเรื่องของพ่อมดฮอลีวู๊ดที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ ยิว .. ซิลเลอร์ลิส .. ไม่ทราบว่าผ่านตาคุณช่อชงโคหรือเปล่า ตัวเอกของเรื่องสามารถชี้ชะตาได้ว่า ยิวผู้ใดจะรอด ยิวผู้ใดจะได้รับการช่วยเหลือ .. เป็นภาพยนตร์ขาวดำค่ะ ความยาวน่าจะเกินสามชั่วโมงค่ะ คุณบินเดี่ยวหมื่นลี้ .. บางที ความรักต้อง Format ใหม่ทั้งหมด ยากเกินเยียวยาค่ะ .. คุณแสดงความคิดเห็นได้งาม นะคะ คุณคนผ่านมา .. เขาว่ากันว่า บางอย่างมีแรงบันดาลใจให้เขียน ก็สามารถเขียนได้อย่างสบาย บางอย่าง..แรงบันดาลใจหดหาย อัลมิตราคงเขียนไม่ได้ค่ะ ในสมการนี้
20 กรกฎาคม 2548 10:52 น. - comment id 79213
คุณดุ่ย .. ใช่แล้ว เพราะมนุษย์มีสิ่งซับซ้อนในอารมณ์มากมาย จนบางทีเหตุผลใด ก็ไม่อาจถูกนำมาหยิบยกอ้างได้ ว่าเพราะเหตุใดจึงกระทำไปเช่นนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ อัลมิตราไม่ได้มองว่า แม่ผิดเลย แม่ของเดวิด คือปุถุชนธรรมดา ที่มีความรู้สึกอยากปกป้องลูกแท้ๆของตนเอง และด้วยความไม่เข้าใจต่อเดวิด คิดว่าเดวิดกำลังทำร้ายครอบครัว จึงกำจัดเดวิด เดวิด หุ่นยนต์ที่เหมือนอัลมิตรา รอคอยความหวัง รอคอยพรจากนางฟ้าใจดี .. เดวิดไม่รู้หรอกว่า นางฟ้าไม่มีจริง แต่อัลมิตรารู้ .. กระนั้นเถอะ ถึงแม้ว่ารู้ ก็ใช่ว่า จะหักห้ามความคิดได้ เดวิดสมหวังในตอนท้าย และหลับไปนิรันดร์อย่างมีความสุข อัลมิตราเล่า จะเป็นเช่นไร ในจุดจบ ไม่อาจรู้เลย ..
20 กรกฎาคม 2548 10:45 น. - comment id 79214
คุณช่อชงโค .. เด็กชายที่ป่วยหนัก ค่อยๆฟื้นสภาพดีขึ้น เขาทวงสิทธิ์โดยชอบธรรมของเขา คืน เขายังเป็นเด็ก และไม่เข้าใจถึงความรู้สึกของผู้อื่น เขารู้แต่เพียงว่า นี่คือแม่ของฉัน เดวิดเป็นเพียงหุ่นยนต์ เขาไม่ได้มีความรู้สึกอยากเป็นพี่น้องกับเดวิด มีอยู่ฉากหนึ่ง ที่เด็กๆ เล่นกันอยู่บริเวณสระว่ายน้ำ เดวิดก็เล่นอยู่ด้วย สภาพเขาก็เหมือนเด็กโดยทั่วไป กระทั่ง เกิดเรื่อง เด็กชายที่เป็นลูกแท้ ๆ และเดวิดตกลงไปในสระน้ำ เด็กชายได้รับการช่วยเหลือจากพ่อทันที ในขณะเดียวกัน เดวิดถูกลืมไว้ใต้ก้นสระ เขาเบิ่งตาค้างด้วยความไม่เข้าใจ เขาเอง ก็ต้องการความอบอุ่นเช่นกัน อัลมิตราก็จมอยู่ใต้ก้นสระ มองผ่านน้ำไป เห็นความโกลาหล แต่ ไม่มีใครมองย้อนมาดูอัลมิตรา ผู้ที่ไม่สำคัญเลย ..
20 กรกฎาคม 2548 10:43 น. - comment id 79216
เพราะเราเป็นมนุษย์ จึงคิดได้อย่างนี้ และซับซ้อนด้วย.. แต่บางครั้ง ความรู้สึก อารมณ์ ไม่อาจจะเป็นไปตามเหตุและผลได้ บางทีเดินสวนทางกันเลยก็มี ..
20 กรกฎาคม 2548 10:19 น. - comment id 79605
How thoughtful to write about!! สนุกดีนะคะ และไม่น่าให้อภัยแม่มนุษย์ ที่นำเด็กชายหุ่นยนต์ไปทิ้งเช่นนั้น ไร้หัวใจ เหมือนกับผู้สร้างภาพยนตร์จะย้ำบอกเราว่า หัวใจคนไม่สามารถโปรแกรมให้มีคุณธรรม ได้ เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตนเอาประโยชน์ ถ้าเป็นคนดีก็ควรเก็บลูกหุ่นไว้เป็นเพื่อนลูก แต่ก็ไม่แน่ ถ้าไม่เอาไปทิ้ง หนังไทยก็เก็บไว้ เป็นทาสในเรือนต่อไป...น่าสงสารยิ่งกว่าทิ้ง
20 กรกฎาคม 2548 11:24 น. - comment id 82772
ความรัก...มักจะเข้ามาให้เราสัมผัสอยู่เสมอ..แล้วแต่ว่ามาในรูปแบบไหน..ความทรงจำในความรักมีทั้งความเจ็บปวด...ขมขื่น...และสมหวัง..ซึ่งทั้งสองสิ่งมีผลต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคต...ซึ่งอยู่ที่ตัวของเราเองว่าจะให้สิ่งนั้นมีอิทธิพลต่อเรามากน้อยขนาดไหน...ความผิดหวังที่เกิดขึ้นจากความรักมักมีหลายสาเหตุ..และก็แล้วแต่เหตุผลของแต่ละคน...เป็นเรื่องปกติของมนุษย์หากได้รับความเจ็บปวดก็ย่อมหวาดกลัวเป็นธรรมดา...แต่เราจะหวาดกลัวความเจ็บปวดนั้นจนไม่กล้ากระทำสิ่งใดใดเลยหรือ..ในเรื่องของความรัก...ประสพการณ์สอนให้เราเรียนรู้ที่จะต่อสู้และอยู่รอด..หากเรายอมพ่ายแพ้ต่อความเจ็บปวด...เราจะไม่รู้จักความรักที่สวยงาม...เพราะความรักต้องค้นหาด้วยจิตใจ...ลองทำดูสักครั้ง..ใช้หัวใจของตัวเองค้นหาดู... ....ความรักมีปุ่ม Restart...หากจะใช้มัน ความเจ็บปวดมีเพียงปุ่ม Shut Down...
20 กรกฎาคม 2548 11:07 น. - comment id 84477
สวัสดีค่ะ คุณอัลฯ เข้ามาอ่านตั้งแต่ช่วงแรก วิจารณ์แต่หนัง พอดีเพิ่งล้อคอิน เข้ามาดูอีกหน จึงเพิ่งเห็น ว่าคุณอัลมิตรานำส่วนหลังที่เปรียบตนเอง เติมเข้ามา... ว่า รู้สึกว้าเหว่เช่นเดวิด เหมือนกับขาดความรักที่ควรมีในชีวิตไป... แต่คุณอัลฯก็มีคุณพ่อพาไปดูหนัง และอยู่เคียงข้างสร้างความอบอุ่นได้เสมอค่ะ ช่อชงโค ก็ชอบดูภาพยนตร์ที่กระทบใจนะคะ แต่ว่า...มักเป็นเรื่องหนัก หนักกว่าประเด็นนี้ เช่น เรื่องโลแกน ส รัน (การหนีของโลแกน) ไม่แน่ใจว่าเป็นหนังโรงหรือในโทรทัศน์ (เพราะว่านานมากแล้ว) แต่ยังฝังใจติดตา มันเกี่ยวกับการหนีของตัวเอกและเพื่อน เพราะในสังคมนั้น ผู้ป็นใหญ่กำหนดให้เป็น ที่เฉพาะของคนหนุ่มสาว พออายุเกินยี่สิบห้า จะถูกนำไปที่อื่น (หรือเอาไปกำจัดให้สิ้นไป) ตอนที่ชมเรื่องนั้น อายุยี่สิบต้นๆ วัยเดียวกัน ก็เกิดความกลัว ว่า ถ้ามีการกำหนดกฎข้อนั้น แล้วเราอยู่ในโลกแบบนั้น เราจะหนีหรือไม่ คำตอบก็คือ หนีแน่ ต้องหาทางหนีเพื่ออยู่ต่อ คนเราไม่ควรตายแค่อายุหนึ่งส่วนสี่ของร้อย ประเด็นนั้น เขาสร้างให้เรา คนดูได้เห็นว่า ชีวิตมีค่า มีเวลาให้เราได้ฝันและทำสิ่งต่างๆ อย่างที่เราต้องการ แต่ในขณะเดียวกัน การมีชีวิตจนแก่เฒ่า อาจช่วยตนเองไม่ได้ ต้องเป็นภาระผู้อื่น หรือต้องให้สังคมช่วยดูแล จุดนั้นทำให้ผู้เป็นใหญ่ เลือกเก็บแต่คนเยาว์ คนไหนไม่ทำตามกฎ ต้องฆ่า ต้องล่า สนุกดี ไม่ทราบว่าหนังแนวนี้อีกกี่เรื่องในสมัยหลัง แต่เอามาคุยนะคะ เพราะอยากจะปลอบว่า อย่าไปอินกับนิยายที่เกิดจากจอภาพมากนัก แม้ว่า หลายเรื่องกระทบความรู้สึกมากก็ตาม เขาสร้างให้เราเข้าใจว่า มีสุขมีทุกข์ ในชีวิต สิ่งที่เรามองเห็น รู้สึกเจ็บปวดอย่างตัวเอกนั้น เพราะว่าตรงประสบการณ์ หรือโดนจี้จุดเจ็บ หรือเข้าทางอย่างใดอย่างหนึ่ง..เหมือนที่ได้ดู กลับไปเปิดดูศีดีอีกครั้งเถอะค่ะ ความรู้สึกกลัวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำหรอกนะคะ เพราะเราควรดูให้พบทางออกจากสิ่งที่กลัว ดูให้หายเจ็บปวด ดูจนค้นพบความจริง ว่าเราไม่ใช่ตัวละครในหนังนั้น แค่คล้ายๆ แล้วนำความรู้สึกใหม่มาเป็นกำลังใจต่อไป
20 กรกฎาคม 2548 23:12 น. - comment id 85636
"แม่ฮะ อย่าทิ้งผมไปนะ ผมขอโทษ\" คำนี้เป็นอารายที่แบบว่าฟังแล้ว ร้องไห้เลยอ่ะ \"และแล้วหนุ่มน้อยก้อหลับตาลง เป็นครั้งแรกที่เค้าหลับ\" อันนี้ฟังแล้วก้อร้อง ถ้าเราเป็นเดวิดเราก้อคงทำอย่างที่เดวิดทำ แต่ก้อมะรู้ว่าจาทำได้ขนาดนั้นมั้ย เดวิดไม่เคยออกมาโลกภายนอกเลย แต่ก้อสามารถหานางฟ้าเจอ ถึงแม้ว่ามันจาเป็นแค่รูปปั้นก้อตาม ป.ล. อัลมิตรา เขียนได้ดีมากเลยอ่ะ อยากบอกว่า ไม่มีอารายที่เราไม่สามารถข้ามผ่านมันไปได้หรอก ถึงมันจาช้าไปหน่อย แต่สักวันเราจาก้าวข้ามมันไปได้ เป็นกำลังใจหั้ยนะคะ
21 กรกฎาคม 2548 21:35 น. - comment id 85645
มีหนังหลายเรื่องที่อยากแนะนำให้ดูค่ะ เป็นแฟนหนังด้วยเหรอคะ? ซอนย่านี่เป็นแฟนหนังตัวยงเลยนะ เคยไปแข่งคนบ้าหนังที่อีจีวี ด้วยแหละ แต่ตกรอบอ่ะ เพราะคนอื่นเก่งกว่ามากกก จริง ๆ ที่ดูเอไอ เพราะติดใจพ่อหนุ่มน้อยโจเอล ออสเมนท์มาตั้งแต่เรื่อง เดอะ ซิกส์เซ้นส์ แล้วค่ะ ถ้าอัลมิตราชอบลองหาหนังเรื่องสิงโตมือสองมาดูนะคะ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการโหยหาความรัก เหมือน รับบทโดยพ่อคนเดิมแต่โตขึ้นเป็นกอง โดนแม่ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ มาอยู่กับลุงสองคน ไม่เล่าแล้ว เดี๋ยวไม่หนุก ชื่อหนังเรื่อง Secondhand Lions ค่ะ
22 กรกฎาคม 2548 20:33 น. - comment id 85658
คุณก้อนกรวดในขวดโหล .. ประโยคพูดของเดวิดที่คุณนำมาลงในความคิดเห็น อัลมิตราจำได้ดี จำได้ถึงน้ำเสียงและแววตา ในฐานะของผู้ชมภาพยนตร์ ยังรู้สึกปวดร้าวกับเหตุการณ์นั้นไปด้วยเลยนะคะ เดวิดหานางฟ้าเจอ ถึงแม้จะเป็นรูปปั้น และใช้เวลานานมาก ๆ กว่าที่เขาจะสมหวัง แต่ในที่สุด เขาก็หลับตาลงพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข .. เขาพบ .. แต่ อัลมิตราไม่พบ คุณซอนย่า .. อัลมิตราดูหนังไม่ค่อยมาก ค่ะ ดูตามสภาพเวลาด้วย บางทีงานแยะ ก็ไม่ได้เปิดทีวีด้วยซ้ำไป อย่าว่าแต่หนังเลยค่ะ บางที่ช่วงวันหยุดยาว อัลมิตราไม่ได้ไปไหน ตอนนั้น อาจจะเป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการหย่อนใจ ด้วยการไปชมภาพยนตร์สักเรื่อง เดินเข้าแถวซื้อตั๋ว บางทีนะ ยังไม่รู้เลยว่าจะดูเรื่องอะไรดี .. เอาเป็นว่า อะไรจะฉาย ก็ดูเรื่องนั้น ค่อนข้างเรียบง่ายเสียจนไร้จุดยืนค่ะ สำหรับอัลมิตรา ภาพยนตร์ที่คุณแนะนำมา น่าสนใจนะคะ ไว้อัลมิตราจะลองถามหาซีดีจากร้านแถวบ้านดู อัลมิตราดูหนังไปเรื่อย ไร้สังกัด บางทีก็ดูการ์ตูน ไว้สักวันจะมาเล่าเรื่อง the land before time ให้คุณฟังนะคะ