ขอบคุณ..

หมอกจาง


บนถนนเต็มไปด้วยรถ..
ผมเดินอย่างหงุดหงิดหัวเสียอยู่ริมถนน  ปากก็ก่นด่าอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย  กวาดตาไปทางโน้นทางนี้ แต่ก็ดูเหมือนกับว่ากวาดตาไปเจอกับอะไรมันก็ดูจะขวางหูขวางตาไปเสียหมด..
บนถนน รถบีบแตรผมหันไปทำปากมุบมิบด่า ท่าทางเหมือนจะพร้อมที่จะโดดลงไปในถนนเพื่อเอาเรื่องเจ้าคนที่บีบแตร หลายคนที่ขับผ่านไปบนถนนคงสังเกตเห็นอาการของผม เพราะเขามองผม..มองด้วยสายตาที่เราใช้มองคนไม่ปกติ มองด้วยสายตาที่ใช้มองคนที่เราคิดว่า..บ้า
และในความเป็นจริงแล้ว เขาก็คงมองไม่ผิดเท่าไรนัก ผมกำลังหงุดหงิด..หงุดหงิดจนแทบบ้าทีเดียว
เรื่องอะไรน่ะเหรอ..ทุกๆเรื่องนั่นแหละ
คุณรู้ไหม บางวัน มันไม่ใช่วันสำหรับเรา ไม่ใช่เลยจริงๆ ไม่ว่าจะทำอะไรมันจะดูผิดพลาด ดูผิดที่ผิดทางไปเสียหมด และวันนี้มันก็คือวันนั้นนั่นแหละ วัน..ที่ไม่ใช่วันของผมเลย
ตื่นมาเพื่อทำงานที่ต้องเร่งทำให้เสร็จ เพราะมีกำหนดนัดว่าจะส่งพรุ่งนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะงานที่ยากเกินไป หรือเพราะตัวผมเองที่ไม่มีสมาธิ งานที่หวังจะให้คืบหน้าไปเร็วที่สุด กลับไม่คืบไปเลยแม้แต่น้อย.. ไม่คืบก็ยิ่งเครียด ยิ่งเครียดก็ยิ่งไม่คืบ นี่เป็นวงจรนรกที่คนที่ต้องทำงานกับความคิดเจอกันมาแล้วทุกคน
นั่งแต่เช้าจรดบ่ายสี่โมงเย็น โดยที่ไม่มีอะไรใหม่เพิ่มขึ้นมาเลย
มีนัดกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย บอกแกไว้ว่าจะแวะเอาจดหมายรับรองไปให้แกเซ็น แกคงอยู่ถึงห้าโมง รีบน้ำอาบท่า ตั้งใจจะจับรถเมล์เที่ยวสี่โมงสิบนาที คงถึงมหาลัยราวสี่โมงครึ่ง  จวนเจียนหวุดหวิด แต่ก็คงทัน..
วิ่งออกมาที่ป้ายรถเมล์ ทันเวลาพอดี รถเมล์อยู่ที่ป้ายและกำลังเคลื่อนออกไป ผมตะโกนโบกไม้โบกมือ แต่ไม่เป็นผล..
ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู รถมันมาถึงป้ายก่อนเวลา..นรก!! ผมสบถด้วยความหงุดหงิด เดินเหมือนหนูติดจั่นอยู่ที่ป้ายรถเมล์ คิดวนไปวนมา จะรอหรือไม่รอ ถ้ารอรถเที่ยวต่อไปก็อีกครึ่งชั่วโมง แต่ถ้าไม่รอ เดินไปถนนอีกเส้นหนึ่งซึ่งห่างออกไปราวห้าป้ายรถเมล์อาจจะเร็วกว่า แค่อาจจะ..
ผมตัดสินใจออกเดิน ยังไงเสียมันคงน่าหงุดหงิดน้อยกว่าการยืนอยู่เฉยๆ อย่างไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย..
ผมออกเดิน ไปเรื่อยๆ อย่างหงุดหงิด หนึ่งป้าย สองป้าย สามป้าย คิดถึงงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้แต่ไม่คืบหน้า คิดถึงอาจารย์ที่คงกำลังรออยู่ตามนัด ห้าโมงเย็น ถ้าผมไม่ไปแกคงกลับ และคงโกรธไม่น้อยที่ผมผิดนัด..
เดินไปได้สักพักดูนาฬิกา เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว แต่แค่ข้ามถนน ผมก็จะถึงป้ายรถเมล์ของถนนอีกสายหนึ่งตามที่ตั้งใจไว้ ถ้าโชคดี รถมาภายในห้านาทีนี้ คงทันอาจารย์
ผมข้ามถนนได้ครึ่งทาง..
ครับ..แค่ครึ่งทาง ติดอยู่ตรงเกาะกลางถนน ที่รถวิ่งกันขวักไขว่เพราะเป็นเวลาเลิกงาน
ตรงเกาะกลางถนนนั่นแหละที่ผมยืนมองรถเมล์มันมา..จอดป้าย..แล้วก็ออกไป
ตกลงว่าวันนี้ผมทำอะไรไม่สำเร็จแม้แต่อย่างเดียว.. แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ..อย่างขึ้นรถเมล์
ผมพยายามข่มใจให้เย็น ข้ามถนนเดินต่อไป ผ่านป้ายที่จะขึ้น เดินเลยไปอีก หนึ่งป้าย สองป้าย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเดินไปให้ได้อะไรขึ้นมา ระงับอารมณ์มั้ง.. ฝรั่งผู้ชายที่นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่ผมเดินผ่านแอบมองผมด้วยสายตาแปลกๆ และเบือนหน้าหลบเมื่อผมหันไปสบตา..
บางเรื่อง โดยตัวของมันเองอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้ามันพร้อมใจกันเกิดขึ้นซ้ำกับคุณในวันเดียวกันละก็ คุณจะเข้าใจได้ดีทีเดียว ว่าคำที่ว่า..ฟางเส้นสุดท้ายบนหลังลา.. มันเป็นอย่างไร
ตอนนี้ผมกำลังรอฟางเส้นนั้นอยู่ ถ้ามีใครเอามันมาวางลงเมื่อไหร่ ผมอาจจะสติแตกทำอะไรขึ้นมาก็ได้..
หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ รอรถเมล์คันต่อไป คันที่ผมได้ขึ้นก็คือคันเดียวกับที่ผมสมควรรออยู่ที่ป้ายแรกสุดนั่นแหละ ผมใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง เดินฝ่าความหงุดหงิดด้วยหวังว่าจะไปถึงมหาลัยได้เร็วขึ้น เพื่อที่จะมาขึ้นรถเมล์ คันที่ผมสมควรลำบากแค่เพียงนั่งรอ..
ผมมองฟ้า ขมุบขมิบปากด่า..
ที่สุด..ห้าโมงสิบนาที ผมก็มาอยู่ที่มหาลัย อาจารย์คงกลับไปแล้ว แล้วผมจะมาทำไมเนี่ย ไม่เข้าใจตัวเอง..
หันรีหันขวางอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ก็มีเสียงทัก
ขอโทษครับ ผมหันไปมอง คนทักเป็นผู้ชาย หน้าตาเหมือนแขก อายุน่าจะยังไม่น่าเกินยี่สิบ เขาส่งภาษาอังกฤษออกมา ฟังยาก..
คุณต้องการอะไร เขามีสีหน้าลำบากใจเมื่อผมถาม พยายามอธิบายอีกครั้ง..
ฟังอยู่พักนึง สรุปได้ว่า..จะขึ้นรถเมล์กลับบ้าน ไม่มีเงิน.. เฮ้อ หลอกหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่นี่มีกรณีอย่างนี้บ่อยเหมือนกัน
บ้านอยู่ไหน? ไม่ตอบ ท่าทางดูกระสับกระส่าย
ขาดค่ารถเมล์อีกเท่าไรล่ะ เขาบอกเขาไม่รู้ คิ้วยังคงขมวด..ยังไงกันเนี่ย
เป็นนักเรียนที่นี่หรือเปล่า? เขาบอกใช่ 
ผมมองหน้าเขา ชั่งใจ..แค่ค่ารถเมล์ ไม่ใช่เงินที่เยอะอะไรนักหนา แต่ผมไม่ชอบถูกหลอก โดยเฉพาะในวันแย่ๆอย่างวันนี้.. ผมกลัวว่ามันจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายน่ะ..
..............
เป็นนักเรียนที่นี่นะ
ใช่
งั้นก็คงมีบัตรนักเรียน เขาพยักหน้ารับ
ถ้างั้นคุณเอาไปสองเหรียญ น่าจะพอ ค่ารถเหรียญเจ็ดสิบถ้าโชว์บัตรนักเรียนให้คนขับดู ผมบอกเขาพร้อมกับตัดสินใจควักเงินให้ไปสองเหรียญ
ขอบคุณ สีหน้าเด็กหนุ่มดูผ่อนคลายขึ้นอย่างมาก.. กับเงินสองเหรียญ
คุณชื่ออะไร เขาถามผม พอผมบอกชื่อไป เขาก็บอกว่าเขาจะขอใช้คืนให้ได้ไหม พรุ่งนี้ หรือ มะรืน..
ไม่เป็นไรหรอก ผมยิ้ม.. จากสีหน้าท่าทางของเขาตอนนี้ ทำให้ผมเชื่อเขาสนิทใจแล้ว  ว่าเขาเรียนที่นี่จริง และกำลังเจอปัญหาอยู่จริงๆ
เพิ่งมาเรียนเทอมแรกเหรอ
วันแรก เขาตอบ 
..วันแรกในต่างประเทศ ตัวคนเดียว มันโหดร้ายแค่ไหน ทำไมผมจะไม่รู้..
จริงๆผมมีเงินนะ เขาควักกระเป๋าเงินออกมา ดึงแบ๊งค์ใบละ 100 เหรียญออกมาจากช่องลึกที่สุดของกระเป๋าออกมาให้ดู.. ผมถึงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
.. บางทีเราต้องการเงินแค่ 2 เหรียญเท่านั้น ไม่ใช่แบ๊งค์ 100 เหรียญ สำหรับการขึ้นรถเมล์..
..และบางทีเราต้องการแค่เท่าที่เราต้องใช้ มากไป..ไม่จำเป็นว่าจะดีกว่าเสมอไป..
ในขณะที่ผมเชื่อใจเขา ผมรู้ว่าเขาก็เชื่อใจผมสนิทใจเช่นกัน คงไม่มีใครควักแบ็งค์ 100 เหรียญออกมาโชว์คนแปลกหน้าเล่นๆในเวลาพลบค่ำหรอกมั้ง..
ผมขอตัวและบอกให้เขาไปขึ้นรถเมล์ได้แล้ว..ก่อนที่จะมืดค่ำเสียก่อน เขาขอบคุณอีกครั้ง ผมขอบคุณเขากลับ ท่าทางเขาคงแปลกใจ ที่ผมขอบคุณเขากลับ..
เขาไม่รู้หรอกว่าผมขอบคุณเขาซ้ำๆ อีกหลายครั้งเมื่อเดินออกมา..
ผมขอบคุณเขา ที่เลือกผม.
อย่างน้อย ในวันที่แย่ๆ ในวันที่ล้มเหลวของผมวันนี้ ผมยังทำอะไรสำเร็จอย่างหนึ่ง และเป็นความสำเร็จที่น่าชื่นใจเสียด้วย..
ผมช่วยเด็กคนหนึ่งที่ออกมาเผชิญชีวิตต่างแดนวันแรก ให้พ้นจากปัญหาที่เขากำลังหาทางออกไม่ได้ ให้เขารู้ว่าในโลกใบนี้ยังมีความช่วยเหลืออีกมากมาย ที่รอ..เพียงแค่ให้เขาเอ่ยถาม
ถ้าไม่เจอกับเขา และเขาไม่เข้ามาถาม ผม..คงกลับบ้าน ด้วยความรู้สึกแย่ๆกับตัวเอง กับชีวิต..
ผมขอบคุณเขา ที่เขาให้โอกาสผมได้ช่วยเหลือ ให้โอกาสผมได้ทำสิ่งที่ดีๆ และที่สำคัญ..ผมทำมันสำเร็จ
ผมขอบคุณเขา ที่ทำให้วันนี้ของผม งดงามกว่าที่มันได้เป็นมา..
				
				
comments powered by Disqus
  • keekie

    4 กรกฎาคม 2548 20:42 น. - comment id 85563

    ... หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ รอรถเมล์คันต่อไป คันที่ผมได้ขึ้นก็คือคันเดียวกับที่ผมสมควรรออยู่ที่ป้ายแรกสุดนั่นแหละ ผมใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง เดินฝ่าความหงุดหงิดด้วยหวังว่าจะไปถึงมหาลัยได้เร็วขึ้น เพื่อที่จะมาขึ้นรถเมล์ คันที่ผมสมควรลำบากแค่เพียงนั่งรอ..
    
    คุณเก่งจังค่ะ .. ที่เดินฝ่ามันมาได้ .. หลายต่อหลายครั้ง และ หลายคน .. ไม่สามารถฝ่ามันได้ ..
    
    แม้จะไม่เป็นดังตั้งใจ .. แต่ในที่สุดคุณก็ไปถึง .. คุณไม่ได้คิดถอยหลัง ..
    
    การเป็นผู้ให้ .. สุขใจเสมอ .. 
    
    ขอบคุณเรื่องราวดีดี .. อ่านตอนฝนกำลังตก .. 
    
  • ละอองน้ำ

    4 กรกฎาคม 2548 20:52 น. - comment id 85565

    ; )
    
    นึกว่าจะได้อ่านเรื่องฆาตกรรมซะแล้ว
  • หมอกจาง

    4 กรกฎาคม 2548 22:15 น. - comment id 85567

    ขอบคุณ กีกี้..
    
    กับคอมเมนท์ดีดี ..
    
    ในยามฝนไม่ตก.. 1.gif 
    
    ----------------------------------
    
    ละอองน้ำ..
    
    จุ๊ๆอย่าเอ็ดไป จริงๆงานนี้..ฆาตกรรมอำพรางน่ะ
    
    555
  • อัลมิตรา

    4 กรกฎาคม 2548 22:55 น. - comment id 85573

    วันที่แย่ในความรู้สึกของเรา
    อาจเป็นวันที่ให้แง่คิดดี ๆ ต่อตัวเราเอง
    ทุกคน ไม่มีคำว่า ดีที่สุด และแย่ที่สุด
    เพราะสิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า
    เราไม่รู้ .. ว่าเป็นเช่นไร
    
    เคยยืนซื้อขนม โดยที่ไม่ทันสังเกตว่า ส้นรองเท้าคัทชูตกลงไปในร่องของฝาท่อระบายน้ำที่ชำรุด พอจะก้าวเท้าเดิน จึงคะมำไปข้างหน้า ซึ่งข้างหน้าก็คือ ถนน 
    
    เสียงหวีดร้องดังกลบหู อารามตกใจ มือที่ถือถุงขนมยันพื้นไว้ เพื่อไม่ให้ใบหน้ากระแทกพื้นถนน .. เสียดาย ที่ขนมหก .. ทันทีที่ลุกขึ้นมา ก็ได้แต่สำรวจถุงขนม โดยไม่ไยดีกับไทยมุง จีนมุง ทั้งหลาย
    
    เฮ้อ .. แย่เลย ตั้งยี่สิบ กระเด็นเกลื่อน เหลือติดก้นถุงชิ้นเดียว .. เสียดายชะมัด
  • หมอกจาง

    5 กรกฎาคม 2548 07:16 น. - comment id 85574

    อัลมิตรา..
    
    ไม่สนถนน ท่อระบายน้ำ..
    
    ไม่สนเสียงวี๊ดว้ายของไทยมุง..
    
    ไม่สนร่างกายจะถลอกปอกเปิก หรือ มือจะซ้น..
    
    สนแต่ว่าจะเหลือขนมกี่ชิ้นในถุง..
    
    นับถือจริงๆ 55 1.gif
  • อัลมิตรา

    5 กรกฎาคม 2548 08:28 น. - comment id 85576

    เหตุผลก็คือ
    
    .. ปลอดภัยแล้ว รถก็ไม่ได้มาทับ ( ไม่งั้นคงเป็นผีประจำเวปแล้วล่ะค่ะ )
    .. มือก็ไม่ได้ซ้น เพราะล้มด้วยท่ายิมนาสติกที่สวยงาม 
    ..ไทยมุง จีนมุง มุงเป็นเรื่องปกติ
    .. เสียงหวีดร้อง ก็เสียงของพวกเขา ห้ามกันไม่ได้
    
    ทุกอย่างดูเหมือนปกติหมด
    
    ที่เสียหาย มีขนมเท่านั้น ดังนั้น อัลมิตราเลยใส่ใจกับขนมมากกว่าค่ะ
    
    อั่นแน่ ยิ้มแล้ว รู้หร่อก น่า ..
  • หมอกจาง

    5 กรกฎาคม 2548 09:54 น. - comment id 85577

    ยิ้มตั้งแต่ตอนความเห็นที่สี่แล้วหละ  1.gif 
    
    55 30.gif
  • vaproud ♫♪

    5 กรกฎาคม 2548 10:52 น. - comment id 85579

    ขอบคุณเช่นกันค่ะพี่หมอกจาง
    ที่มีเรื่องราวดีๆ มาให้อ่าน...
    
    ยิ้มกว้างเลย...^_____________^...
  • magic

    5 กรกฎาคม 2548 12:24 น. - comment id 85583

    ขอบคุณ..สำหรับงานที่มีข้อคิดดีดี
    ที่ทำให้วันร้าย ๆ วันนี้..ของฉันเปลี่ยนไป
    
    อย่างน้อย..นับจากเวลานี้ไป..
    ฉันเชื่อมั่นว่า..ต้องมีสิ่ง ดี ดี ผ่านเข้ามาในชีวิตของฉัน เป็น ช่วง ช่วง
    แม้ว่า..มันจะปะปนมากับสิ่งร้าย ๆ ก็ตาม
    
    และหวังว่า รอยยิ้มจะคงอยู่กับฉันเสมอ
    ถึงจะมีเรื่องที่ฉันทำไม่สำเร็จในวันนี้........
    ...................................................................
    ...................................................................
  • เดือนไร้เงา

    5 กรกฎาคม 2548 13:22 น. - comment id 85589

    ขอบคุณเช่นกันค่ะสำหรับเรื่องราวดีๆ
    
    แม้ในวันที่ฟ้ามืดมนจนมองไม่เห็นทาง
    แต่เมื่อไรก็ตามที่แหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ยังมีดาวดวงน้อยส่องแสงเป็นเพื่อนเราเสมอ6.gif 
    
    อ่านแล้วมีกำลังใจที่จะทำอะไรดีๆขึ้นมาเลยค่ะ
    
    ขอบคุณนะคะ
    
    
            42.gif
  • ท้องฟ้า

    5 กรกฎาคม 2548 19:16 น. - comment id 85594

    ท้องฟ้าขอบคุณนะที่เอาเรื่องราวดีๆมาให้อ่าน
    มุมมองของคุณในการมองโลกน่ามองดี
    วันหลังท้องฟ้าจะหัดมองมุมเดียวกับคุณมั่ง
  • แม่มดน้อยค่ะ

    6 กรกฎาคม 2548 13:02 น. - comment id 85604

    12.gif อ่านตอนแรกแล้วเครียดเลยพี่หมอก
    ชีวิตอะไรจะหงุดหงิดได้ขนาดนั้น. . .
    แต่อ่านจบกลับได้คิดอะไรบางอย่าง
    
    เราถึงได้มีคำว่า \"ขอบคุณคุณเหมือนกันที่. . .\" ใช้กันไงละค่ะ
    
      3.gif3.gif . . . . .
  • หลักไม้เลื้อย

    6 กรกฎาคม 2548 16:58 น. - comment id 85608

    57.gifเป็นความรู้สึกที่ทำให้รู้ว่า
    เรายังมีคุณค่าอยู่เหมือนกัน
    แค่ความรู้สึกที่ไม่ดีเกิดขึ้น
    อาจจะมีบางความรู้สึกหนึ่งทีทำให้เรา
    ภูมิใจ...พอใจ...
    
    ขอเป็นกำลังใจให้นะคุณหมอกจาง
    สำหรับการเดินทางกับความหงุดหงิด8.gif
  • หมอกจาง

    6 กรกฎาคม 2548 19:43 น. - comment id 85610

    วาพราว - ขอบคุณที่แวะมาอ่าน..
    ^_____________^ ยิ้มกว้างด้วยอีกคน..อ่ะ
    
    
    คุณเมจิก .. เดือนไร้เงา ท้องฟ้า 1.gif
    คนเขียนหนังสือ..บางทีก็ทำได้แค่เท่านี้..
    เรื่องไหนที่อยากบอกอยากเล่าก็เก็บมาบอกมาเล่า หากมันจะทำให้ใครบางคนหรือหลายคนรู้สึกดีๆ.. อยากให้รู้ว่าคนที่เขียนก็รู้สึกดีๆเช่นกันครับ
    
    แม่มดน้อย..อ้าว ไปเครียดตามทำไมล่ะน่ะ 
    61.gif
    ..ปล่อยคนเขียนเครียดคนเดียวก้อพอแล้ว....1.gif 
    
    หลักไม้เลื้อย..ขอบคุณมากครับสำหรับกำลังใจ เพราะดูท่าทางช่วงนี้ผมคงต้องเดินทางกับไอ้เจ้าความหงุดหงิดนี่อีกหลายรอบอยู่..แหะๆ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน