หนี้แผ่นดิน ตอน ๒
อาทมาต
วันที่ ๓ มกราคม พ.ศ. ๒๓๐๙ เสียงโห่ของทัพกองกำลังอาสาศึกภายใต้การนำของพระยาตากดังลั่นวัดพิชัย พระยาตากถือเอาฤกษ์ตอนสิ้นแสงอัสดงเป็นโชคชัย ในการบุกตีฝ่าแนวล้อมของทหารพม่าเจาะออกทางด้านตะวันออกของพระนคร กองอาสาทะลวงฟันบุกนำขึ้นไปเข้าตะลุมบอนกับทหารพม่าเป็นสามารถด้วยอาวุธประจำกายที่แต่ละคนถนัด และเนื่องด้วยเป็นเวลากลางคืนกองทัพพม่าที่ไม่ทันตั้งตัวรับการบุกที่รวดเร็วของทั้งกองทะลวงฟัน และ กองทหารม้าที่มีแม่ทัพกร้านศึกอย่างพระยาตากเป็นผู้นำทำให้ทัพพม่าเกิดความโกลาหลเป็นอย่างยิ่ง ด้านกองหน้าที่เป็นหน่วยทะลวงฟันก็รบสนุกน้ำใจนัก โดยการนำของหัวหมู่คนบ้าน
สวรรคโลกมันกรากไปด้านไหนด้านนั้นราบด้วยฝีมือดาบอันแคล่วคล่อง ถึงแม้จะมีแต่ดาบเดียวแต่ก็ยากนักที่ขุนพลพม่า มอญ จะเข้าถึงตัวทำอันตรายกับหัวหมู่ผู้เจนจบแล้วด้วยกลดาบ อีกทั้งตัวเหล่าทหารที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่มัน เล่าก็มีฝีมือไม่แพ้ตัวนายเท่าใดนัก
สมใจฉันนักพี่เทพ ได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพระคุณท่าน ดูนั้นสิ หนุนมาใกล้จะถึงเราแล้วไอ้พวกพม่าแตกไม่เป็นขบวนเลย ปากพูดแต่มือของไอ้ปลิวก็ยังฟันฉับไปที่ข้อต่อกระดูกคอของสมิงพม่าหัวเท่าลูกมะพร้าวกระเด็นหลุดออกจากร่างขาดใจตายทันทีก่อนที่ตัวจะหล่นถึงพื้นเสียด้วยซ้ำ หมดสิทธิที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับเพื่อนไทยอีก
อีกนิดเดียวละเว้ยไอ้ปลิวใกล้จะขาดออกจากกันแล้วโว้ย มึงดูหลังให้กูด้วยแล้วคอยตามหนุนขึ้นมากูจะตีตัดให้สวยทีเดียวก่อนที่พระคุณท่านจะมาถึง ว่าแล้วหัวหมู่กองอาสาทะลวงฟันก็กรากเข้าหาสมิงพม่าที่ยืนม้าเก้ๆกังๆดูคะเนแม้จะมืดก็รู้ว่าน่าจะเป็นตัวนายมีตำแหน่ง เพราะชุดเกราะ และหมวกขลิบทองบอกยศไอ้เทพหัวหมู่ทะลวงฟันไม่รอช้าง้างดาบเผ่นโผนเข้าใส่ทันที ใจนึกขอเกราะเป็นของขวัญปลอบใจให้กับเพื่อนทหารไทยกูเถิด สมิงพม่าแม้อยู่บนหลังม้าแต่ก็หาได้เปรียบไม่เพียงแค่ชั่วชักดาบจากไหล่ขวาสุดสะโพกซ้ายของมันก็ขาดหลุดจากตัวที่ยังนั่งอยู่บนหลังม้าขาดสะพายแล่งตายเป็นผีเฝ้าแผ่นดินไทยที่มันบังอาจมารุกรานอดเห็นหน้าลูกเมียที่หงสาแล้ว ฆ่าตัวนายไดัแล้วทัพพม่าก็ระส่ำระสายตั้งกันไม่ติดปล่อยให้กองทหารอาสาของพระยาตากบุกตะลุยฝ่าวงล้อมออกไปได้แม้จะมีกำลังคนเพียง ๕๐๐ คนเศษก็ตาม ด้วยกลศึกที่เเยบคายเลือกใช้เวลากลางคืนรวมถึงขวัญและกำลังใจของเหล่ากองทหารอาสาทำให้ฝ่าวงล้อมของพม่าที่มีกำลังคนมากกว่าได้ แต่ก็ยังต้องเจอกับทหารพม่าที่พอจะตั้งตัวกันได้ ติดตามไปทันกองทัพของพระยาตากที่บ้านโพธิ์สังหารในเวลาใกล้รุ่ง ณ. วันที่ ๔ มกราคม พ.ศ. ๒๓๐๙
เสียงฝีเท้าม้าไดัยินเเว่วมาแล้ว พระคุณคิดเห็นการใดบอกเถิด คงมิผิดเป็นไอ้พวกพม่าเป็นแน่ล่ะขอรับ คะเนจากเสียงน่าจะมากโขอยู่นะพระคุณ ขุนพิชัยอาสาทหารคู่ใจพระยาตากเอ่ยถาม
เราก็เห็นดังขุนท่านเช่นกัน แผนของเราคือ เราจะเอากองทหารม้าบุกเข้าตีพวกมันที่ตามมาเชื่อว่าไอ้พวกพม่ามันคงคิดไม่ถึงและแตกพ่ายไปเอง
ก็เห็นว่าเป็นกลศึกที่ดีอยู่หรอกขอรับพระคุณท่าน แต่เหตุใดพระคุณท่านต้องนำทหารออกไปเองปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระผมและเหล่ากองอาสาดีกว่า
ขุนท่านพูดผิดแล้วเรานั้นเป็นผู้นำกองกำลังอาสานี้ถ้าหากนิ่งเฉยเสียทหารที่ใหนเล่าจะยอมเชื่อถือน้ำใจเรา เป้าหมายของเราคือการขับไล่ไอ้พวกพม่าคนถ่อยที่จะมาปล้นบ้านเอาเมืองของเราเจอที่ใหนก็ต้องกำจัดทิ้งเสียให้หมด ฉะนั้นเราจะนำกองม้าเองขุนท่านอย่าได้ห่วงเลย
ถ้าเช่นนั้นก็สุดแล้วแต่พระคุณเถิดขอรับ พวกเรากองอาสาก็จะขอติดตามพระคุณไปด้วยทุกที่ขอรับ การสนทนาของพระยาตาก กับ ขุนพิชัยอาสาทหารคนสนิทเป็นไปอย่างเรียบร้อย และชั่วไม่ทันหม้อข้าวเดือดกองทหารของพม่าที่ติดตามกองทัพอาสาของพระยาตากมาแต่เมื่อคืนก็ตกถึงทุ่งที่ฝ่ายทหารไทยซุ่มดักอยู่โดยนำมาด้วยกองทหารม้ามีสมิงตัวนาย ทั้งพม่า มอญ นำกำลังมาหวังทำลายกองทัพที่หนีการปิดล้อมเมื่อชั่วข้ามคืนให้จงได้ แต่จะเป็นด้วยความรีบร้อนหรืออย่างไรก็หาทราบได้ กองทัพพม่าที่ตกทุ่งมาถึงจึงมิได้จัดกันมาเป็นขบวนทัพตามอย่างตำรับพิชัยสงคราม มัวเเต่เร่งติดตามกองทัพของพระยาตาก พระยาตากแจ้งดังนั้นจึงเห็นเป็นข้อได้เปรียบสั่งกองกำลังอาสาเร่งจู่โจมอย่าให้กองทัพพม่าได้ตั้งตัวทันที