ปาฏิหารย์หรือ ความบังเอิญ ของความรัก
และจิตวิญญาณ #3
น.นิรัติศัย
เพียงสายลมพัดผ่าน บางครั้งมันทำให้จิตใจฉัน คลายจากความสับสนที่บีบราวระฆังที่ดังในวันวิวาห์ ไม่นานฉันต้องออกเดินทางต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉันเดินผ่าน รถรา ที่แออัดเป็นก้อนถ่านขนาดเท่าหัวแม่มือ ย้ำต่อไปอย่างไร้จุดหมายอ้อมแสงตะวันยามเช้าด้วยการสวามิภักดิ์ต่อหอคอยสูงเสียดฟ้าที่รายล้อม ต่างแย่งชิงและเติบโตเพื่อหลุดพ้นจากโคลนตมก่อนอ่าแขนรับแสงตะวันโดยไม่ลืมที่จะอาบตัวตนด้วยสารกันบูด
จุดหมายต่อไป เชียงใหม่ เมืองที่อบอุ่นด้วยไอหมอกและควันไฟยามเช้าตรู่ หลังจากซื้อตั๋วเดินทางพร้อมเก็บสัมภาระต่างๆ เพียงพอต่อการไม่หวนกลับมาที่นี่อื่กเลย ฉันไม่แน่ใจนัก กับคำถามในใจที่ว่า ไม่หวนกลับมาที่นี่อีกเลย...
อย่างน้อย ความรัก ของฉันเกิดขึ้นที่นี่ และมันได้จบลงที่นี่เช่นกัน
5 เดือนแล้วสินะที่นิรุต ออกไปจากโลกปัจจุบันของฉัน ถึงแม้เขาอยู่ในส่วนต่างๆ ของผนังห้อง โต๊ะกับข้าว ห้องนอนหรือแม้แต่ห้องน้ำ และคงไม่พ้นห้องที่ฉันและเขาดูหนังฟังเพลงด้วยกัน ความรู้สึกเดิมๆ มันคอยหลอกหลอนให้คอยเฝ้าคิดถึงเขาทุกเวลา ตอนนี้ฉันเข็มแข็งขึ้นมาก หลังจากที่ฟูมฟายอยู่เป็นดอกอโศก จากปลายกิ่งก้าน ร่วงผ่านความเศร้าจนมุดดำดิ่งกลายเป็นปุ๋ยที่คอยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
5 เดือน ความรักสำหรับฉันมันช่างยาวนานเหมือน 5 ปี คืนหนึ่งฉันคิดถึงนิรุต ฉันยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียสิ่งที่ฉันรัก ฉันฝืนทน ถามตัวเองยามที่ใจว้าวุ่น ตื่นขึ้นโดยฝันร้าย การสูญเสียมันยากเกินกว่าจะพรรณาออกมาให้หมด มันฝืนเกินกว่าที่จะย่างกรายออกไปจากห้อง
ฉันกลัว กลัวว่า หากฉันออกไปจากห้องนี้ เมื่อฉันกลับเข้ามา คงไม่เจอนิรุตอีกแล้ว
ใช่นะ เพื่อนฉันบอกว่า หากจะลืมเรื่องร้ายๆ จงออกไปจากตรงนั้น ให้ออกไปจากที่นี่หรือ ที่ๆ มีนิรุตนั่นหรือ
ไม่... ฉันทำไม่ได้
ฉันมีเพียงนิรุตมาโดยตลอด 6 ปีที่ฉันอยู่กับเขา
6 ปี ที่ฉันมีความสุข
6 ปีที่ทำให้ฉันโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
6 ปีที่ทำให้ฉันเข้าใจว่า "รัก" มันเป็นเช่นไร
ฉันรู้ว่าช่วงเวลาที่เราทะเลาะกัน ด้วยเรื่องต่างๆนั้น ไม่ได้ช่วยให้ความรักมันชุ่มชื่นขึ้นมาแม้แต่น้อย กลับทำให้ความรักห่างออกไปจากใจของกันและกันมากขึ้น ยิ่งใกล้ ยิ่งเจ็บ คงเป็นเช่นนั้น
วันหนึ่ง ฉันดีใจภายใต้น้ำตาที่เอ่อล้นแปดเปื้อนสองแก้ม หากแต่ข้างหนึ่งมันนูนขึ้นมาคล้ายๆ ฝ่ามืออันหยาบกระด้างของเขา เขากระซิบที่ข้างหูเบาๆ ว่า "ผมขอโทษ" ทำให้ฉันปลื้ม อย่างน้อยในความใจร้อนของเขายังคอยเป็นห่วงและแคร์ความรู้สึกของฉันเช่นกัน หลังจากวันนั้น เค้าไม่ทะเลาะกับฉันอีกเลย
เพื่อนๆ ต่างอิจฉาฉันกับนิรุต เพื่อนถามฉันว่าทำไมไม่จูงมือแล้วไปยังโบสกลางเมือง ที่หลายๆ คู่ไปสารภาพรักต่อหน้าหลวงพ่อและยินยอมพร้อมใจว่าจะรักกันตลอดไป สำหรับฉันแล้วการแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องสำคัญสักเท่าไหร่ ฉันพอใจที่จะอยู่กับเขาแบบนี้ อย่างน้อยความรักของฉันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขาขอแต่งงาน
คู่แล้วคู่เล่าที่ผ่านประตูวิวาห์ มันทำให้หลายๆ คนอิจฉา จนวันหนึ่งรู้แค่เพียงว่า เขาไปด้วยกันไม่ได้ ต้องเลิกรากันไป หลายสาเหตุ หลายเรื่องราว หลายเหตุผล ตั้งคำถามว่า สังคมหรือ วัฒนธรรมหรือ และคงไม่พ้นจารีตประเพณี การอยู่ด้วยกันมันไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะจบลงด้วยการแต่งงาน
ตอนนี้ฉันกล้าๆ กลัวๆ กับสิ่งที่จะพบเจอแต่อย่างน้อยมันทำให้ฉันเอิบอิ่มและพร้อมจะโผบินต่อไป ณ จุดหมาย
ท้องเริ่มทำตัวไม่รักดี ฉันคงต้องตามใจมันซะหน่อยแล้ว แวะหาของอร่อยๆ แถวชาญเมืองลำพูน เดินทอดน่องเพื่อระบายก่อนที่จะสำลักออกมาจากอาหารที่ทานด้วยความเอร็ดอร่อย ก่อนออกเดินทางต่อไปฉันคงไม่ลืมที่จะไปนมัสการพระบรมธาตุหริภุญชัยซึ่งสวยงามและประทับใจยิ่งนัก หลังจากนั้นมุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงใหม่ด้วยเส้นทางหมายเลขที่ 1 ระหว่างทางฉันรู้มาว่าที่นี่มีไวน์ลำใยฝีมือแม่บ้านตำบลอุโมงค์หากไม่ได้ชิมคงมาไม่ถึงเป็นแน่แท้ หลังจากเข้าไปฝากเนื้อฝากตัวและจิบไวน์พอหอมปากหอมคอก่อนมุ่งหน้าเข้าเมืองเชียงใหม่อย่างที่ไฝ่ฝันเอาไว้
ตะวันคล้อยขอบฟ้าคลุ้งด้วยเมฆที่เหวี่ยงตัวด้วยแรงลมที่พัดผ่าน เหนียมอายก่อนเบียดเสียดตัวเองเข้าสู่ราตรีกาลที่ใครๆ ต่างหลงใหล