เช้าวันแดดใส ลมหนาวๆพัดมาทักพอแค่หนาว ใช่ถึงกับขนาดว่าหนาวเหน็บ.. กับกาแฟแก้วหนึ่ง.. โต๊ะที่นั่งประจำที่หลังบ้าน.. โรงเก็บของเล็กๆ.. ราวตากผ้า.. สีฟ้าใสๆของท้องฟ้าทาบด้วยเหลืองของลูกมะนาวและเขียวของใบไม้ น่าจะเป็นการเริ่มต้นวันที่สดใสทีเดียว ..ถ้าบังเอิญผมไม่มือบอนไปเปิดเนตเข้า และเจอเรื่อง ..สาบ.. ฟ้าสวยแดดใสก็หายวับไปกับตา เหมือนกับฟ้าทั้งแผ่นฟ้ามันกลายสีมาเป็นลายตุ๊กแก ผมยกแก้วกาแฟกลับเข้ามาในห้อง เปิดโปรแกรมพิมพ์งาน เหลือบดูนาฬิกา มีเวลาราวๆหนึ่งชั่วโมงที่ต้องเขียนเรื่องเจ้าตัวน่ารักนี่ให้เสร็จ เจ้าตุ๊กแก.. ไม่น่าเลยกู.. ผมส่ายหัวถอนใจกับตัวเองก่อนเริ่มพิมพ์งาน ........................................................................... ผมกับไอ้เจ้าสัตว์ที่เรียกว่าตุ๊กแกนี่มีประสบการณ์ที่ไม่ดีกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว.. ตอนเด็กๆสมัยที่บ้านยังมีแต่ทีวีขาวดำดูอยู่ ในมีละครทีวีช่องหนึ่งเล่นเรื่อง ตุ๊กแกผี ใครที่แก่พอที่จะทันเป็นเด็กในช่วงนั้นน่าจะพอจำกันได้ จำไม่ได้แล้วว่าเนื้อเรื่องว่าอย่างไร แต่จำได้ว่าตอนเด็กๆกลัวมาก.. ฝังจิตฝังใจ ว่าตุ๊กแกนี่มันโกรธแรง พยาบาทแรง เวลามันโกรธมันเกลียดใครขึ้นมามันจะโดดเข้าเกาะคอแล้วกัดแน่นชนิดไม่ปล่อย แกะก็ไม่ออก.. ไม่รู้ว่าตีนทาด้วยกาวตราช้างหรืออย่างไร.. (ขออนุญาติใช้ ตีน ในกรณีของตุ๊กแก เพราะ ตีนตุ๊กแกน่าจะฟังดูเหมาะมากกว่าที่จะพูดว่า เท้าตุ๊กแกนะผมว่า) แถมผู้ใหญ่ยังชอบขู่เด็กๆ เวลาที่เรางอแง.. ..เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวบอกให้ตุ๊กแกมากินตับเลย.. ตอนนั้นก็งงๆอยู่ ทำไมตุ๊กแกมันต้องเลือกกินแต่ตับด้วย.. ตุ๊กแกนะ ไม่ใช่ซีอุยสักหน่อย แต่ถึงจะสงสัยอย่างนั้นก็กลัว แค่นึกถึงตีนเหนียวๆ ตัวลายๆ ตาพองๆ แค่นั้นก็สยองแล้ว.. ตอนเด็กๆนี่ผมเป็นเด็กขี้สงสัยตัวยงทีเดียว เวลาพี่สาวมาขู่ว่าจะไปบอกให้ตุ๊กแกกินตับ ทั้งที่กลัวก็กลัว แต่ยังอุตส่าห์มีหน้าไปย้อนถามเค้า.. พี่ทำไมรู้จักกับตุ๊กแกล่ะ หา.. พี่สาวมีงง ไม่รู้จัก อ้าว ไม่รู้จักแล้วจะไปบอกตุ๊กแกที่ไหนให้มากินตับ แกก็อึ้งๆเถียงไม่ออก เออ..บอกได้ละกัน ไปบอกที่ไหนล่ะ ก็ไม่รู้จัก ได้ทีรุกใหญ่ เงียบไปเลย เดี๋ยวโดนตีเลยนี่ อ้าว..มามุกนี้อีกและ ซึ่งผมก็ต้องเงียบแต่โดยดี เพราะไอ้ตุ๊กแกที่กลัวนักกลัวหนาว่ามันจะมากินตับเนี่ย มันไม่เคยมาจริงเสียที แต่พี่สาวผมเนี่ย..ตีจริง อันนี้คอนเฟิร์ม ตอนผมโตขึ้นมาอีกหน่อย ด้วยความที่เป็นเด็กขี้โรค เลยผอมโซตัวเล็กกว่าเด็กคนอื่นๆ ได้ยินพ่อปรึกษากับแม่ว่ามีคนแนะนำให้จับตุ๊กแกมาย่างให้สุก แล้วแกะเอาแต่เนื้อขาวๆให้กิน รับรองคนไหนคนนั้น ไอ้ที่ว่าผอมๆแห้งๆนี่จะอ้วนขาวขึ้นทันตาเห็น.. จำได้ว่าพอผมได้ยิน ผมคัดค้านสุดชีวิต จากข้าวที่ไม่ค่อยกินก็ตั้งหน้าตั้งตากิน หวังที่จะอ้วนขาวได้เองโดยที่ไม่ต้องพึ่งยาตุ๊กแก ถึงแม้ว่าจะเป็นโอกาสให้ผมได้ล้างแค้นมัน เจ้าตัวที่ผมหลงคิดว่าจ้องจะกินตับผมมาตั้งแต่เด็กก็ตามเถอะ.. แค่เห็นก็หนีแล้ว นี่พ่อผมเล่นจะให้กินลงไปเนี่ยนะ.. จำได้ว่าการกินข้าวของผมก็ไม่ได้ช่วยให้ผมพ้นจากสภาพผอมกะหร่องได้มากนักหรอก (จริงๆต้องเรียกว่าไม่ช่วยเลยมากกว่า) แต่พ่อแกคงเห็นความตั้งใจจริงที่หัวเด็ดตีนขาดมันก็ไม่ยอมกินยาผีบอกสูตรนี้ แกเลยเลิกความตั้งใจไป.. วัยเด็กของผมนี่ถึงจะกลัวแค่ไหนก็ไม่ค่อยมีโอกาสเผชิญหน้าจะๆกับเจ้าตัวลายพร้อยนี่สักที อาจเพราะต่างฝ่ายต่างหลบกันก็เป็นได้ ค่าที่ว่าผมก็กลัวมันกินตับ ส่วนมันก็ระแวงว่าผมอาจเปลี่ยนใจอยากจะอ้วนขาวทางลัดขึ้นมา.. ได้มาเห็นมาเจอจริงๆจะๆก็ตอนย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ตอนนั้นผมเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ปิดเทอมทีก็กลับบ้านที.. ระวังนะ ที่หลังตู้กับข้าวตรงในครัวมีตุ๊กแก พี่สาวผมเตือน ครัวที่บ้านใหม่อยู่นอกตัวบ้าน เอาตู้กับข้าวจากบ้านเก่ามาตั้งไว้เกือบชิดกำแพง แแค่เกือบชิด.. แล้วไอ้ช่องว่างที่ห่างราวๆแค่นิ้วกว่าๆนี่แหละที่ผมไปส่องดูตามคำพี่บอกด้วยความอยากรู้.. พอผมส่องก็เห็นหัวตุ๊กแกโผล่พรวดมาทางผมทันที เฮ้ย.. ผมผงะถอยกรูด.. ไม่ได้กลัวนะ แค่ถอยมาตั้งหลัก เอ่อ..ในตัวบ้านแค่นั้นเอง ไม่ไกล ทำไมไม่บอกล่ะว่ามันมีกันหลายตัว ผมโวยเสียงสั่นเอากะพี่สาว อ้าว ไม่ได้บอกเหรอ พี่ผมทำหน้าทองไม่รู้ร้อน ผมมองหน้า ไม่แน่ใจว่าแกตั้งใจแกล้งผมหรือเปล่า เห็นไอ้ตัวใหญ่ไหม เห็น ถึงผมจะดูมันแค่แวบเดียวก็พอจะรู้ว่าพี่ผมหมายถึงไอ้ตัวไหน เพราะมันใหญ่มากเท่าที่ตุ๊กแกจะใหญ่ได้แล้วหละ ถ้าใหญ่กว่านั้นอีกคงต้องเรียกว่าตะกวดแล้ว ซึ่งตามความเข้าใจของผม ตะกวดมันก็ไม่น่าเกาะฝาผนังได้อย่างนั้นนะ.. นั่นแหละไอ้กุด ตัวจ่าฝูงมัน ไอ้กุดเป็นตุ๊กแกหางกุด ที่กุดไม่ได้กุดเพราะใครกัด แต่หางมันเหมือนพิการ อ้วน สั้น ป้อมและงอๆ เหมือนจะดูตลก แต่ถ้าใครได้เห็นมันแล้วจะรู้ว่าไม่ตลก มันเหมือนเวลาเรามองโจรสลัดพิการที่มีตาเดียว เหมือนมองจอมไสยศาสตร์ที่มีรอยสักลายพร้อยเต็มตัวแต่มีรอยแผลเป็นใหญ่ที่ใบหน้า.. มันน่ากลัวมากกว่าที่จะตลก การมีตุ๊กแกที่บ้านสร้างปัญหาให้กับคนในบ้านยิ่งนัก เวลาใครจะไปหยิบอะไรที่ตู้กับข้าว บนหลังตู้ก็จะต้องมองแล้วมองอีก ว่าไอ้กุดกับชาวคณะจะโผล่ออกมาไหม บางทีหยิบๆหอมแดงบนหลังตู้อยู่ ตุ๊กแกโผล่พรวดออกมา ก็มีรายการร้องกันลั่นบ้าน หอมเหิมกระจายไปคนละทิศละทาง จะอาบน้ำทีก็ระแวง เพราะวันดีคืนดีไอ้กุดก็จะเข้าไปหาแมลงกินในห้องน้ำ ก็เป็นอันไม่ต้องอาบน้ำกัน.. โธ่..คุณ ลองนึกภาพว่ากำลังตัวเปล่าอาบน้ำอยู่แล้วเกิดตุ๊กแกมันโดดมาเกาะน่ะ จะทำยังไงล่ะ อยู่ก็ไม่ได้ วิ่งออกมาก็ไม่ได้ ทางบ้านเลยมีมติขับไล่ไอ้กุดและพรรคพวก อะไรที่เบื่อๆเหม็นๆทั้งหลายแหล่ที่เค้าว่ากันว่าตุ๊กแกทั้งเกลียดและกลัวก็ถูกเอาไปสุมที่ครัวใกล้ตู้กับข้าว กุดแอนด์เดอะแก๊งค์ก็ยังเฉยๆ ไม่ได้มีทีท่าเดือดร้อนอะไร.. ต่อมาพี่สาวผมทนไม่ไหว รวบรวมความกล้าเอาด้ามไม้กวาดไปกระทุ้งไล่ โดยมีผมยืนให้กำลังใจอยู่ห่างๆ.. (แมนมาก) มันสู้ครับ ไอ้กุดมันไล่งับปลายไม้กวาดที่แหย่เข้าไป เหมือนในนิทานที่มังกรสู้กับปลายหอกของอัศวิน แล้วมันก็พรวดออกมาจากหลังตู้ พี่สาวผมวิ่งอ้าว.. ผมเหรอ.. ผมวิ่งเร็วมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว.. พี่สาวผมเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน.. ได้รับคำตอบว่าแมว ที่ไหนมีแมวที่นั่นไม่มีตุ๊กแก เพื่อนแกว่า วันรุ่งขึ้นพี่สาวผมไปเอาแมวมาจากบ้านเพื่อนทันที แต่ปรากฏว่ามันเอาแต่วนเวียนอยู่ในบ้านแล้วก็นอน ไม่ทำอะไร เอาไปปล่อยหลังบ้านตรงครัว มันก็ยังไม่ทำอะไร.. งานนี้เลยมีแผน แผนคือคนนึงจะมีหน้าที่เอาด้ามไม้กวาดเขี่ยไอ้กุดให้ร่วงลงมา อีกคนอุ้มแมวไว้ไม่ให้เดินโต๋เต๋ไปไหน พอไอ้กุดร่วงก็โยนแมวใส่ แล้วแมวก็จะวิ่งไล่ตะครุบตุ๊กแกตามสัญชาตญาณ.. แน่นอนอยู่แล้วครับ.. ที่ลูกผู้ชายอย่างผมต้องเสียสละเป็นฝ่ายที่อุ้มแมว พร้อม พี่สาวผมเอาด้ามไม้กวาดไปจ่อที่หลังตู้ด้วยหน้าซีดๆหันมาถามผม พร้อม ผมตอบ..เสียงสั่นไม่น้อยกว่ากันเท่าไหร่ ฮึ่ยๆๆๆ พี่สาวผมทั้งเขี่ยทั้งฟาดทั้งร้อง ไม่นานไอ้กุดก็ร่วงลงบนพื้น มันพรวดออกมาใส่พี่สาวผมทันที ว้ายๆ พี่สาวผมเผ่นผลุง โยนไม้กวาดหนี ผมตะลึงกับความห้าวของไอ้กุด แมวๆ ได้ยินเสียงแกเตือนผมถึงได้สติโยนแมวในมือเข้าใส่ไอ้กุด พลางถอยฉากมาดูผลงาน แมวกับไอ้กุดประจันหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างต่างจ้อง แมวเริ่มส่งเสียงขู่ แต่ผมว่าเสียงมันสั่นๆยังไงไม่รู้ เอาๆๆ ผมเชียร์ แต่สงสัยว่าจะมีการเข้าใจผิด ไอ้กุดคงนึกว่าเชียร์มัน มันพุ่งพรวดแยกเขี้ยววิ่งคอตั้งเข้าใส่แมวทันที ครับ..ตุ๊กแกวิ่งไล่แมว ไม่เห็นกะตาผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน งานนี้ก็กระเจิงกันไปทั้งแมวทั้งคน ผู้ชนะก็ยังคงเป็นไอ้กุดและชาวคณะเช่นเคย อีกวันพี่สาวผมรีบเอาแมวไปคืนเพื่อนทันที ตอนนี้ผมรู้แล้วหละว่าทำไมที่ไหนมีแมวที่นั่นถึงไม่มีตุ๊กแก.. แมวมันคงไม่ชอบอยู่ในที่ที่มีตุ๊กแกแบบไอ้กุดนักหรอก.. เวลาผ่านไปไอ้กุดก็ตายไปด้วยความชรา ทิ้งลูกทิ้งหลานไว้บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีตัวไหนสร้างวีรกรรมได้ขนาดมัน แปลกที่นึกถึงมันทีไรก็รู้สึกผูกมันเหมือนสมาชิกในบ้าน ทั้งๆที่ตอนนั้นรบกันแทบเป็นแทบตาย ตอนนี้ถ้าบอกกับมันได้คงต้องบอกว่า.. ขอบคุณไอ้กุด กับความทรงจำที่ทำให้อมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึง.. ขอบคุณไอ้กุดที่ทำให้วันนี้ มีเรื่องตุ๊กแกมาเล่า.. ลูกผู้ชาย บางครั้งอาจจะหยามได้ ฆ่าไม่ได้ก็จริงอยู่ ..แต่การจะยอมโดนหยามเพียงด้วยเรื่องแมลงสาบ ก็ออกจะเกินเลยไปนิดหนึ่ง ว่าไหม? :)
18 พฤษภาคม 2548 09:34 น. - comment id 84716
น่ารักจัง พี่สาวกับน้องชาย ว่านก็มีน้องชายคนนึงนะ เคยไล่จับตุ๊กแกด้วยกันเหมือนกัน น้องเราก้อเสียสละเหมือนกันเล้ย เดี๋ยวผมใช้ไม้เขี่ยนะ พี่ก้อคอยเอาบ่วงคล้องคอมัน (ไอ้บ่วงที่ว่าเนี่ยเชือกมันโคตรสั้นเลย) น่ารักจริง ๆ นะ
18 พฤษภาคม 2548 12:27 น. - comment id 84717
.. ตื่นมาเปิดเนทตอนเที่ยงกว่าๆ .. จึงได้รู้ว่า .. ... ลูกผู้ชาย ฆ่าได้ แต่จะไม่ยอมถูกหยามโดยแมลงสาบ ... แต่ แมลงสาบ .. มันก็ทำให้เจ้าตุ๊กแกตัวเขื่องที่แอบอยู่หลังตู้ .. ยอมกระโดดออกมา .. แล้วร้องว่า ... .... ตุ๊ก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ... ... ... ... 55555 มันร้องแค่นั้นแหละ .. ตุ๊กแกตัวเนี้ย .. นี่แหละ .. คนชอบเขียนตัวจริง .. เรื่องสัตว์ตัวเล็กๆ ยังเขียนได้ซะเป็นเรื่องเป็นราว .. สนุกสนานขนาดนี้ .. กี้น่ะ .. แค่คนปั้นน้ำเป็นตัวเก่งเท่านั้นล่ะจ้า .. เอ... เรื่องต่อไปจะขายอารายดีน้อ .. .. อุ๊บ !!! ...
24 มิถุนายน 2548 12:55 น. - comment id 85464
ไม่ได้อ่านเรื่องสั้นของพี่หมอกนานเลย เรื่องจริงรึป่าวเนี่ย หง่า. . .เพ่หมอกกลัวตุ๊กแกเหรอ คิดถึงค่ะ
25 มิถุนายน 2548 12:09 น. - comment id 85480
อืมม.. ก็เป็นอย่างที่เล่านั่นแหละแม่มดน้อย.. ท่าทางไม่กลัวนักหรอก..นะ.. คิดถึงเหมือนกัน ไม่เจอตั้งนาน..
26 กุมภาพันธ์ 2550 12:35 น. - comment id 95118
ชอบจังเลยค่ะ อ่านเพลินมากเลยย ไม่เคยเจอสักที เคยแต่เจอตะขาบจัวเท่าแขนท่อนล่างผ่าตามยาว ใหญ่เหมือนตะขาบของคุณยายวรนาทเรยคะ เอาไม้ตีไปกรี๊ดไป อันที่จริง พี่นัสตีมากกว่า นัสตีแบบกลัวๆ มันน่ากลัวจริงๆน๊า